เที่ยวชุมชน Amish (อามิช) รัฐอินเดียน่า สหรัฐอเมริกา




วันนี้เราอยู่ที่รัฐอินเดียน่า เเวะมาเที่ยวชุมชน Amish (อามิช) กลุ่มคนที่มีความเชื่อเรื่องการพึ่งพาตนเอง เกี่ยวข้องกับโลกภายนอกน้อยที่สุด พึ่งพาเทคโนโลยีน้อยที่สุด น่าจะเทียบกับของไทยคือ"กลุ่มสันติอโศก" 

ชาว"อามิช"มาจากสวิตเซอร์แลนด์เมื่อ 400 กว่าปี ราวคริสต์ศตวรรษที่ 18 เริ่มเเรกอพยพเข้ามาอเมริกา บางส่วนไปแคนาดา สาเหตุการอพยพคือ ปัญหาความขัดแย้งเรื่องศาสนา  ส่วนภาษา พวกเขาใช้ภาษาเยอรมัน และสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดี 





ชาว"อามิช"นับถือคริสเตียนในแบบของตนเอง นับถือพระเจ้า ชาวอามิชพากันปักหลักที่รัฐเพนซิลวาเนียก่อนเป็นครั้งเเรก ต่อมาขยายไปยังรัฐอื่นๆ อย่างเช่นรัฐอินเดียน่าที่เรามาเที่ยวในวันนี้



ชาว"อามิช"ไม่ยอมเกณฑ์ทหาร ไม่ซื้อประกันชีวิต ไม่สมัครประกันสังคมใดๆ ทั้งสิ้น เด็กจะเรียนในโรงเรียนตามกฎหมายถึงแค่เกรด8 จากนั้นจะเรียนวิชาชีพ สอนโดยพ่อแม่และคนในสังคมกันเอง เขาจะเรียนถึงแค่อายุ 16 จากนั้นก็ออกมาทำงาน เเต่งงาน คน"อามิช"จึงไม่ได้เรียนหนังสือสูง มีหลายคนที่อ่านหนังสือไม่ออก เขียนไม่ได้

เขาทำนา เลี้ยงสัตว์ รีดนมวัว ไม่ใช้ปุ๋ยและสารเคมีใดๆ เสื้อผ้าใช้ใกล้เคียงธรรมชาติที่สุด ก่อนนี้เขาใช้ผ้าย้อมด้วยมือเลยทีเดียว เดี๋ยวนี้ใช้ผ้าที่มีขายทั่วไป แต่ใช้สีพื้น เช่น สีดำ สีน้ำเงิน สีน้ำตาล ไม่ใส่สีฉูดฉาด

แต่พักหลังก็เห็นสาวๆ นุ่งสีสันเหมือนกันนะ แต่เฉพาะในงานพิเศษ งานรื่นเริงอะไรแบบนั้น และต้องเป็นงานใหญ่จริงๆ จึงจะทำได้ และที่สำคัญต้องได้รับอนุญาตจากผู้คุมกฎของเขา





ตอนหลังนี่เขาใช้เครื่องซักผ้าบ้างแล้ว ไม่ซักด้วยมือเหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ยังตากผ้าแทนการอบ วันที่เรามาเที่ยววันนี้ เห็นผ้าตากอยู่บนราวนอกบ้านกันทุกหลัง

ชาว"อามิช"ถือว่ามีลูกมากยิ่งดี ถือว่าครอบครัวใหญ่เป็นพรของพระเจ้า พ่อแม่คู่หนึ่งมีลูก 4-5 คน เป็นปกติ เขาไม่คุมกำเนิด ดังนั้นจำนวนอามิชซึ่งเป็นชุมชนเล็กๆ จึงขยายตัวสูงมาก ช่วงปี ค.ศ. 1992-2013 ประชากร"อามิช"ขยายตัวร้อยละ 120 ทำให้ตอนนี้มีอยู่ราว 300,000 คนทั่วอเมริกา

ชาว"อามิช"จะแยกโบสถ์ในแต่ละแห่ง และจะแต่งงานกันกับสมาชิกโบสถ์เท่านั้น แต่ละโบสถ์มีสมาชิก 20-30ครอบครัว ก็คือแต่งงานกันกับคนภายในคนกลุ่มนี้นั่นแหละ เขาไม่มีโบสถ์ เเต่จะกระทำพิธีทางศาสนาร่วมกัน โดยมีบาทหลวง เขาจะย้ายไปประกอบพิธีตามบ้านของสมาชิกแต่ละราย อาทิตย์เว้นอาทิตย์



กฎของสังคมหรือกฎของโบสถ์ เรียกว่า "Ordnung" เป็นภาษาเยอรมัน แปลเป็นภาษาอังกฤษว่า "order" ซึ่งเป็นกฏที่ครอบคลุมการใช้ชีวิตทั้งหมด รวมทั้งการแต่งกาย แต่ละโบสถ์ แต่ละสังคมจะมีข้อกำหนดต่างกัน

เขาบอกว่าใครที่ออกจากชุมชนไป เมื่อตาย จะไม่ได้ขึ้นสวรรค์ แนวคิดของอามิชคือ เชื่อฟังคนสั่งสอนที่สืบเนื่องกันมาหลายชั่วอายุคน เคารพกฎของสังคม และเชื่อฟังผู้อาวุโส การตัดสินเรื่องราว ใช้ผู้เฒ่าเป็นคนตัดสิน ใครไม่เชื่อก็ถือว่า"นอกคอก" วิธีการลงโทษ ผู้เฒ่าอีกนั่นแหละที่เป็นผู้กำหนด เช่นไม่ให้ใครคบค้าสมาคมด้วย หรือจับตัดหนวดตัดเครา มองดูเป็นการลงโทษที่น่าหัวเราะ แต่รุนแรง เพราะไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

เขามีความเชื่อว่า คนออกไปนอกสังคม"อามิช"แล้ว จะ “แปดเปื้อน"



อาชีพของ"อามิช"จะทำนา รีดนมวัว ไม่มีการใช้ปุ๋ยหรือสารเคมีใดๆทั้งสิ้น เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่ก็จะเลือกสีที่ใกล้กับธรรมชาติมากที่สุด เช่น สีดำ น้ำเงิน น้ำตาล ไม่นิยมสีฉูดฉาด 

ชาว Amish เคร่งครัดในคำสอนของคัมภีร์ใบเบิลที่ห้ามสร้างรูปจำลองเหมือนมนุษย์ ทำให้พวกเขาไม่นิยมถ่ายรูปกันเอง และไม่ยอมให้คนภายนอกถ่ายรูปของพวกเขาด้วยนะ  แต่ก็มีชาว Amish หลายคนที่มีหัวสมัยใหม่ ไม่ได้ปฏิบัติตามกฏเคร่งครัดมากนัก เลยยืดหยุ่นให้สามารถถ่ายภาพจากระยะไกลได้ หรือขออนุญาตพวกเขาก่อนถ่ายภาพได้



คนกลุ่มใหม่ มีการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน แต่ไม่มีเทคโลยี เช่น ไม่มีโทรทัศน์  ไม่มีมือถือ หรือ Internet พวกเขาใช้ไฟฟ้าให้ความสว่างภายในบ้าน มีเตาแก๊สใช้หุงหาอาหาร ยานพาหนะที่พวกเขาใช้เป็น"รถม้า"

เมื่อพวกเขากลับจากทำนา ทำสวน หรือรีดนมวัว ก็จะหุงหาอาหารร่วมกัน ทานอาหารพร้อมกัน หลังจากนั้น พวกเขาจะมานั่งรวมกันที่โซฟา พูดคุยแลกเปลี่ยนว่าวันนี้ทำอะไรกันมาบ้าง? มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง? หรือพูดคุยในเรื่องทั่วไป ชาว Amish จะศรัทธาในครอบครัวและเพื่อนมาก มันเเตกต่างจากสังคมของเราเป็นอย่างมาก  ทุกวันนี้คนในครอบครัวพูดคุย ไม่มองหน้ากัน ก้มหน้ามองแต่จอโทรศัพท์  โซฟาทุกบ้านหันหน้าเข้าหาโทรทัศน์  ถ้าไม่ดูโทรทัศน์ก็เล่นโทรศัพท์ แทบจะไม่ค่อยได้พูดคุยกันเลย



พวกเขาอยู่กันอย่างเรียบง่าย สบาย สงบ และกลมกลืนไปกับธรรมชาติ ไม่คิดดิ้นรนจะหาวัตถุใด ๆ มาเติมเต็ม แต่ทุกย่างก้าวของชีวิตที่ดำเนินไปเปี่ยมไปด้วยความสุขที่หลายคนอาจจะไม่เข้าใจ 

ความเงียบสงบบนถนนสายเล็ก ๆ ที่สองข้างทางเพาะปลูกพืชและทำการปศุสัตว์ในแบบดั้งเดิม ขณะที่ชาวอามิชเองก็แต่งตัวเหมือนกับหนังฝรั่งสไตล์ย้อนยุค ขับขี่รถม้าวิ่งไปตามทางบนถนน

ชาว"อามิช"เคร่งครัดในคำสอนของคัมภีร์ไบเบิล ห้ามสร้างรูปจำลองเหมือนมนุษย์ ทำให้พวกเขาไม่นิยมถ่ายรูปกันเอง และไม่ชอบให้คนภายนอกมาถ่ายรูปของพวกเขา แต่ชาว"อามิช"หลายคนที่เป็นคนหัวสมัยใหม่ ก็ไม่ได้ยึดกฎข้อนี้มากนัก

หลายคนอาจจะมองว่า ชาวอามิชเป็นกลุ่มที่ต้านกระแสของโลก แต่พวกเขาไม่ได้สนใจ ยังคงเลือกที่จะเดินสานนี้ ไม่จำเป็นต้องจ้ำอ้าวไปตามโลกที่กำลังหมุนไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งชาวอามิชก็มีความสุขที่อยู่ในวิถีชีวิตแบบนี้ 



ชาวอามิช (Amish) เป็นกลุ่มชนที่เคร่งศาสนา รักสันโดษ และปฏิเสธเทคโนโลยีทุกประเภท ไม่ขับรถ ไม่มีโทรศัพท์ ไม่ใช้ไฟฟ้า ไม่แต่งงานกับคนนอกชุมชนอย่างเด็ดขาด ทั้งหญิงชายจะต้องแต่งงานกับอามิชด้วยกันเท่านั้น และเมื่อแต่งงานแล้ว จะไม่คุมกำเนิด เนื่องจากขัดกับความเชื่อทางศาสนา และทั้งครอบครัวจะอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่

ผู้ชายจะไว้เครา ใส่เสื้อเชิ้ตสีพื้น ๆ อย่าง ขาว เทา ฟ้า มีสายเอี๊ยมรัดกับกางเกง ใส่หมวกทรงสูง ส่วนผู้หญิงมีหมวกคลุมผม กระโปรงยาว เสื้อผ้าเป็นสีเรียบ ๆ ไม่ฉูดฉาดเช่นกัน ชีวิตความเป็นอยู่ของชาว Amish จะทำไร่ เลี้ยงสัตว์เป็นหลัก ผู้ชายจะทำพวกเฟอร์นิเจอร์ใช้เองในบ้าน หรือทำจำหน่ายบ้างเล็กน้อย ผู้หญิงรับหน้าที่ดูแลบ้าน ตัดเย็บเสื้อผ้าใส่เอง เป็นชุมชนที่รักความสันโดษอย่างยิ่ง อยู่กันอย่างสงบ

เมื่อ "วัยรุ่นอามิช" อายุครบ 16ปี จะมีโอกาส "เลือก" ว่าจะอยู่ในชุมชนหรือออกไปเผชิญโลกนอกชุมชน หากเลือกที่จะออกไปเผชิญโลก วัยรุ่นพวกนั้นจะต้องออกจากชุมชนไป และห้ามกลับมาอีก เพราะถือว่า เป็น "คนนอก" ไปแล้ว




นอกจากปฏิเสธไฟฟ้าและเทคโนโลยีแล้ว ยังมีความเชื่อแปลกๆหลายอย่าง เช่นห้ามถ่ายรูป เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก คนนอกและนักท่องเที่ยวจะต้องเรียนรู้และทำความเคารพในเรื่องห้ามถ่ายรูป 

เเต่ปัจจุบันโลกได้เปลี่ยนไปแล้ว ชา"อามิช"ได้เปิดชุมชนต้อนรับให้นักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชม ซื้อสินค้าของชาวอามิช เเละถ่ายรูปได้เเล้ว 

ระหว่างทางขับรถ สองข้างทางเป็นฟาร์มปลูกพืช  ทำนา ฟาร์มนมเเละโรงงานทำชีส ช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสีเเล้วค่ะ  







เรามาค้างที่อินเดียน่า 2 คืน พักที่ "Bunk House" บ้านไม้ขนาดเล็กเเบบในภาพ







การตกเเต่งภายใน Bunk Houseเป็นคันทรี่เเบบในภาพ คนอเมริกันเขาชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบธรรมชาติเป็นอย่างมาก











ด้านหน้าที่พักเป็นเเม่น้ำ มองเห็นเวิ้งฟาร์มลิบๆ










ขับรถชมวิวรอบๆฟาร์มที่พัก รถที่ขับเป็นรถเล็กๆที่เห็นตามสนามกอฟท์ ฟาร์มใหญ่กว้างขวางมาก ระหว่างทางเจอกวางออกมาหาอาหารหลายตัว ป่าเเบบนี้ยังอุดมสมบูรณ์ ยังมีความเป็นธรรมชาติที่สัตว์ป่ายังคงอาศัยอยู่

ที่นี่มีกวางเยอะ มีเทศกาลล่ากวางเปิดให้นักล่าสัตว์ล่าได้ตามวิถี บ้านพักที่เรามาค้างมีหัวกวางจริง (สต๊าฟท์) ประดับอยู่ด้วย



อากาศช่วงนี้หนาวเเล้ว จุดไฟในเตา ใช้ฟืนในป่าที่ทางเจ้าของบ้านเขาจัดใว้ให้ ความร้อนจากไฟให้ความอบอุ่น คลายหนาว อาหารค่ำวันนี้ ใช้ตะเเกรงย่างเนื้อวางบนเตา ย่างสะเต๊กทานกันค่ะ



ขอบคุณทุกท่านที่เเวะมาอ่านนะคะ




 

Create Date : 13 ตุลาคม 2565
4 comments
Last Update : 13 ตุลาคม 2565 23:00:03 น.
Counter : 1361 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณnewyorknurse, คุณหอมกร

 

bunghouse เข้าท่าดีค่ะ

 

โดย: หอมกร 13 ตุลาคม 2565 19:44:22 น.  

 

 

โดย: โอน่าจอมซ่าส์ 14 ตุลาคม 2565 4:10:33 น.  

 

เคยดูสารดี กับอ่านหนังสือ อามิช...มาบ้างน่าทึ่งที่ กลุ่มเขายัง
ใช้ชีวิตสมถะ ได้

น่าสนใจครับ... ของไทย สันติอโศกหลายปีก่อน เป๋ไปนิดเพราะ
ไปยุ่งกับการเมือง

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 14 ตุลาคม 2565 5:20:30 น.  

 

บรรยากาสดี ดูเงียบสงบมากเลยค่ะ

 

โดย: โฮมสเตย์ริมน้ำ 15 ตุลาคม 2565 9:25:21 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สมาชิกหมายเลข 3661152
Location :
ชิคาโก United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




Single Mom in USA.
ไดอารี่ออนไลน์ของ"ซิงเกิ้ลมัม"ในสหรัฐอเมริกา
ปี 2003 อยู่เมือง Rex รัฐจอร์เจีย
ปี 2010 ย้ายไปอยู่เมือง Elon รัฐนอร์ทแคโรไลนา
ปี 2012 ย้ายไปอยู่เมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ จนถึงปัจจุบัน
ปี 2020 เขียนไดอารี่ออนไลน์ bloggang



Group Blog
 
 
ตุลาคม 2565
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
13 ตุลาคม 2565
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สมาชิกหมายเลข 3661152's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.