" K r a b i " in " L o V e " Part I

ว่างเว้นจากการเขียนบล็อคมานาน พอมาเปิด โห้ ไม่ได้เขียนเพิ่มตั้งแต่ปี 51

เมื่อวันก่อน อ่านสำรวจในหนังสือพิมพ์ ปรากฏว่า เด็กวัยรุ่นและคนหนุ่มสาวเขียน Blog กันน้อยลง

เพราะไปเล่น Twitter , Facebook , Hi5 กันหมด

 555+ นี่ก็แอบไปเล่นมาพักนึง จนตอนนี้ติด Farmville กับ Mafia War ซะงอมแงม

แต่ปรากฏว่า คนที่เขียน blog เพิ่มมากขึ้น หรือ อาจจะยังคงเขียนอยู่

จะเป็นผู้ที่อยู่ในวัยสูงอายุ 555+

ตอนนี้ก็คิดว่า เิริ่มสูงอายุแหละ กลับมาเขียน Blog ดีกว่า

เอ๋  ไม่ได้ว่า ว่าคนเขียนคนอื่นๆคือผู้สูงอายุนะ อันนี้มันแค่ผลสำรวจ รวมหลายๆประเทศในต่างประเทศ

เมื่อวันศุกร์ที่ 12 ได้มีโอกาสไปเที่ยวกระบี่มา หลังจากจองตั๋วเครื่องบินไว้ตั้งกะ พฤษภา ปีที่แล้ว

ตอนนี้ก็ได้ใช้ซะที สำหรับ โปร แอร์เอเชีย 0 บาท

จองไว้ออกเดินทาง วันศุกร์ กลับวันอังคารที่ 16 ตอนแรกว่าจะไม่ไปด้วยซ้ำ เพราะดั๊นตรงกับตรุษจีน

 ตอนที่จองก็ไม่ได้ทันสังเกตุในปฏิทินว่ามันตรงกับวันตรุษจีน

แต่สุดท้ายแล้วก็ตัดสินใจไปดีกว่า อยากไปนิ ^ ^ 

วันไปก็ฉุกละหุกกันน่าดู จริงๆแล้วต้องไป check in ก่อนล่วงหน้า 45 นาที

แต่ปรากฏว่ารถติด จริงๆ แล้ว ออกช้าเองแหละ

ต้องเข้าเครื่องตอน 16.25 แต่ แต่ตอนไปยื่น check in ก็ 16.15 แล้ว

เจ้าหน้าที่ก็ถามแล้วนะ ว่า "จะ Load กระเป๋ารึเปล่า"

 ถ้ามีเจล หรือ โลชั่น เกิน 100 มล. เขาไม่ให้เข้านะ

ไอ้เราก็มั่นใจมาก คิดว่า ปริมาณ โลชั่นที่เหลือในแต่ละ ขวดเนี่ย คงไม่เกินหรอก

เลยตัดสินใจไม่ load เพราะไม่อยากจะรอรับกระเป๋า ตอนที่ลงที่กระบี่แล้ว

แต่ปรากฏว่า พอ scan กระเป๋า เขาก็เรียกไปตรวจทันที ไม่ใ้ห้เข้า เขาบอกว่าไป load กระเป๋าแล้วกัน ถ้าไม่อยากทิ้ง

ก็รีบวิ่งออกไปขอ load กระเป๋าใหม่ คุณเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ไม่ได้แล้วค่ะ เนื่องจากปิดรับ Load กระเป๋า แล้ว

แล้วตอนนี้ก็ถึงเวลาขึ้นเครื่องแล้วด้วยนะค่ะ โอ๊ววววววว 

ขอร้องเท่าไหร่ก็ไม่ยอม ก็เลยต้องดากหน้า กลับไป scan อีกรอบ

แล้วก็ต้องจำใจยอมทิ้ง sun block ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ยังไม่ได้ใช้เท่าไหร่เล้ยยยย เสียดายจัง

จากนั้นก็รีบเดินเข้าไปเพื่อไปที่ gate ไม่มีเวลาแม้แต่จะแวะ ดูของ Duty free ง่ะ

พอมาถึง gate เจ้าหน้าที่ เรียกหา บัตรประชาชน โอ๊ว ควานหาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ

เจ้าหน้าที่เฉลยว่า ลืมไว้ที่เคาน์เตอร์ check in ของ Air asia นี่ค่ะ

โอ๊ววววว (อีกสักรอบ) นี่ช้านต้องเดินทางไปต่างจังหวัด โดยที่ไม่มีบัตรประชาชนติดตัวหรือนี่

คุณเจ้าหน้าที่บอกว่า ขากลับให้มารับคืนที่เคาน์เตอร์แล้วกันนะค่ะ

ง่ะ อีกรอบ ก็ตอนกลับไม่ได้กลับเครื่องนี่หว่า ลางานไม่ได้ ต้องนั่งรถทัวร์กลับนี่ค่ะ

เฮ้อออออ เรื่องนี้ช่างมันก่อน ขึ้นเครื่องก่อนละกัน เตรียมตัวลัลล้า

 มาอยู่บนเครื่องกันแล้วค่ะ

ตอนเครื่อง take ตัวนี่ ตัวเย็นไปหมดเลยแฮะ เหงื่อออกน่าดู วิงเีวียนคล้ายจะเป็นลม เฮ้ออออ 

แหม่ม ข้างๆ แกสั่ง แซนวิส ไก่สมุนไพร มากิน เลยอยากจะกินมั้ง (แหมะ กระแดะจริงๆ ) หมดไป 2 อย่าง 140 บาท

เมฆเยอะม้ากกกกกก รู้สึกอยู่กลางภูเขาน้ำแข็ง

นั่งประมาณ 40 นาที เราก็มาถึงสนามบิน กระบี่ กันแล้วค๊าา

ค่า taxi จากสนามบินกระบี่ เข้า ตัวเมือง กระบี่ = 350 บาท แต่ถ้านั่ง Shuttle bus ก็คนละ 90 บาท

แต่ว่ารู้สึก shuttle bus จะไม่ผ่าน Chanchalay ที่ที่เราพักในคืนนี้

ก็พอดี ว่า เหมา ดันเจอเพื่อนพอดี แล้วก็พอดี ที่ว่า เพื่อนก็จองพักที่ chanchalay เหมือนกัน

เลยตกลงกันไปรถ taxi แล้วค่อยหารกันดีกว่า taxi ที่นี่ Civic รุ่นใหม่เลยนะค่ะเนี่ย

 นั่งประมาณ 20 นาที เราก็มาถึง chanchalay ค่ะ

หลังจากเก็บข้าวของ ก็ขอไปเดินเล่นหาอะไรกินกันดีกว่า

คุณผู้จัดการ chanchalay คือ คุณปิ่น แนะนำว่า ทุกศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ ที่กระบี่จะมีถนนคนเดินกระบี่ค่ะ

เลยไปเดินเล่นกันค่ะ หาของกินกันค่ะ

สุดท้ายเดินเล่นเลาะริม ท่าเรือเจ้าฟ้า แวะกิน โรตี แฮมชีส ( เพิ่งรู้ว่าโรตี นี่ ภาษาอังกฤษนี่เรียกว่า Pancake  )

โรตี แฮม ชีส ( Pancake Ham Cheese ) ร้าน Big mama ราคา 50 บาทคับ (รถเข็นแถวท่าเรือคับ)

เดินเล่นไปเรื่อยเห็น บริษัท ทัวร์ Phi Phi family ตรงท่าเรือเจ้าฟ้า

Package tour Phi Phi island Speed Boat ราคา 1,200 บาท

โอ๊วววววว ที่เราจองไว้ผ่านเนต ราคาตั้ง 1,500 บาท (แต่คนละเจ้าักัน)

แอบเซ็งนิดๆๆๆๆๆ ง่ะ

รีบจองไว้เพราะว่า กว่าจะมาถึงกระบี่ ก็เย็นแหละ กลัวว่า จะหา Package Tour ลำบากเลยรีบจองไป เฮ้อออออ

เอาน๊าาาาาา ก็จองไว้แล้วนี่เนอะ 

กลับห้องนอนแบบดีกว่า พรุ่งนี้รถตู้ package tour มารับแต่เช้า ฮู้ววว ฮู้ววว

ต่อ Part II