ไนท์แมร์ออนนานาสตรีท
ไนท์แมร์ออนนานาสตรีท ครูแป๋วกำลังพิมพ์บล๊อกนี้ในคืนวันพุธที่ 19 พฤษภาคม 2553 ด้วยความรู้สึกจุกๆเหี่ยวๆและกังวล ตอนนี้ตีสองครึ่งแล้วค่ะ กะไว้ว่าจะไม่นอนทั้งคืน ความจริงกินกาแฟไปตอนสี่ทุ่มกว่า แต่เชื่อว่าถึงไม่กินก็คงไม่หลับหรอก คืนนี้คงอีกยาวกว่าจะ 6 โมงเช้า ให้กำลังใจตัวเองว่าทหารที่อยู่ทั้งหน้าซอย-ท้ายซอยคงจะเหนื่อยกว่าเรา พรุ่งนี้หากเดินออกไปแถวหน้าซอยได้ก็ว่าจะซื้อขนมฝากทหารเหล่านี้ซะหน่อย ท่านที่เคยอ่านบล๊อกแป๋วแหววคงจำได้ว่าทั้งบ้านและที่ทำงานครูแป๋วอยู่ใกล้กับราชประสงค์มาก พูดให้ชัดก็คือ ราชประสงค์อยู่ระหว่างทางกลับบ้านนั่นเอง จะว่าไปพารากอนและเซ็นทรัลเวิล์ดนั้นคือวิถีชีวิตของครูแป๋ว ใครจะหมั่นใส้ว่าดัดจริตดิฉันไม่แคร์ค่ะ ด้วยตอนนี้มีความเชื่ออย่างรุนแรงว่าคบคนดัดจริตดีกว่าคบคนถ่อย ... ปกติครูแป๋วจะออกจากบ้าน 8 โมงเช้าและออกจากที่ทำงาน 6 โมงเย็นแทบทุกวัน ด้วยความที่งานส่วนใหญ่คือการนั่งอ่านหนังสือและพิมพ์งานอยู่หน้าคอมพ์ พอเลิกงานก็จะหาโอกาสออกกำลังกายด้วยการเดินออกจากจุฬาฯไปไปที่สยามฯ แวะพักเหนื่อยที่พารากอน นั่งตากแอร์เย็นๆหรือเดินช๊อปเล่นก่อนออกไปขึ้นรถไฟฟ้าที่สยามฯ วันไหนฮึดหน่อยก็จะเดินเรื่อยเปื่อยไปตามสกายวอร์ค แวะพักในเซ็นทรัลเวิล์ด ก่อนขึ้นรถไฟฟ้าที่สถานีชิดลม ... เป็นอย่างนี้แทบทุกวัน ความรู้สึกดีๆมันก่อเกิดขึ้นมาโดยอัตโนมัติ... วันนี้เห็นภาพสถานที่ที่เราผูกพันอยู่ในกองเพลิง ในใจก็คิดย้ำๆซ้ำๆว่า ทำกันได้ไง ทำกันได้ไง น้ำตามันซึมออกมาเองเหมือนนางเอกละคร ... ทำกันได้ไงคะ โดยเฉพาะเซ็นทรัลเวิล์ดซึ่งยกห้องน้ำชั้นใต้ดินให้พวกคุณใช้กันได้อย่างเต็มที่ จัดแม่บ้านคอยดูแลทำความสะอาดให้ตลอด ลานกว้างก็ใช้นอนพักผ่อนกันมาทั้งเดือน ไม่มีความรู้สึกที่ดีกับสถานที่เลยซักนิดเชียวหรือ ไม่ได้เวอร์นะ พิมพ์ๆไปนี่น้ำตาจะไหลอีกแล้ว อืมมนะ ไม่รู้ทำได้ไง ไม่เอาละ ขืนคิดเรื่องเซ็นทรัลเวิล์ดต่อไปเราคงจะจิตตกลง ตกลงเรื่อยๆ ในเมื่อสถานการณ์รอบตัวเป็นอย่างนี้แล้วเราก็ต้องปรับเอาตัวให้รอดปลอดภัยจากสังคมเส็งเคร็งนี้ให้ได้ จึงมานั่งคิดว่าตอนนี้ปัญหาของเราคืออะไร เยสส บ้านเรามันดั๊นอยู่หลังธนาคารกรุงเทพฯ ชิดกันชนิดที่ว่าเปิดหน้าต่างก็สามารถมองเห็นได้เลยว่าในธนาคารทำอะไรกันอยู่ เหว๋ลล คุณๆเค้าจะมาเผาธนาคารข้างบ้านเรามั๊ยวะนี่ คิดแล้วก็กลัวค่ะ ทำไงดี ทำไงดี คิดอยู่สามตลบ จะทำไงได้ว๊ะ จะยกบ้านไปไว้ที่อื่น มันทำได้รึไง ฝ่ายหม่อมแม่ก็ยืนยันหนักแน่นว่าชั้นจะไม่ไปไหนทั้งนั้น แล้วแมว 6 ตัวอีกเล่า ตูจะขนย้ายยังไง (ลืมเล่าค่ะ เจ้าเหมียวแมวลายวัวเสียชีวิตไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อนอย่างสงบด้วยโรคชรา) ฮ่วย คิดแล้วดิฉันเริ่มสติแตกขึ้นมาอีกหน ขณะนั้น ศอฉ.ก็ประกาศให้มีเคอร์ฟิวตอนสองทุ่ม ยิ่งสร้างความตื่นเต้นให้กับดิฉันซึ่งก็ตื่นเต้นอยู่แล้วเข้าไปอีก บรรยากาศมันระทึกยังไงบอกไม่ถูก ... ตกเย็น หม่อมแม่ซึ่งเป็นกังวลกับธนาคารข้างบ้าน ได้ชักชวนบริวารเดินออกไปดูให้เห็นกับตา ว่าหน้าธนาคารเจ้าปัญหานี่มีตำรวจดูแลรึเปล่า ว๊าว ซอยบ้านฉัน ไม่มีรถซักคัน ผู้คนออกไปยืนกันกลางถนนได้เลย ท้ายซอยมองไปไกลๆตรงทางเข้าโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์มีรถหุ้มเกราะจอดขวางไว้พร้อมแผงเหล็กกั้น อย่างนี้เรียกว่าตั้งด่านตรวจใช่มั๊ย ส่วนหน้าซอยก็ทหารเพียบ ซักพักเราเห็นทหารประมาณ 10 นายเดินลาดตระเวณมาตรวจภายในซอย เด็กๆกรี๊ดกร๊าดขอถ่ายรูปกับทหารใหญ่เลย ครูแป๋วละงง อะไรกันว๊ะนี่ บ้านชั้นเครียดอยู่บ้านเดียวหรือ หม่อมแม่ซึ่งกังวลมาทั้งวันก็ปรี่เข้าไปถามทหารว่ามาจากไหนกันจ๊ะ ทหารบอกแม่ว่ามาจากกาญจนบุรี แม่เราเข้าประเด็นทันที ช่วยดูแลธนาคารด้วยนะคะ ทหารตอบมาน่าชื่นใจค่ะ เต็มที่ครับ ไม่ต้องห่วง ทำเอาแม่หน้าบานประมาณว่า ชั้นปลอดภัยแล้ว เดินกลับเข้าบ้านอย่างมีความสุข ครูแป๋วต้องเตือนว่า แม่ ไหนว่าจะดูว่ามีตำรวจเฝ้าหน้าธนาคารรึเปล่าไง แม่นึกขึ้นได้เลยถอยกลับมาเช็คอีกหน พบว่าหน้าธนาคารมีโต๊ะเล็กๆ ซึ่งวางหมวกตำรวจไว้คู่กับสมุด 1 เล่ม แต่ไม่รู้ว่าเจ้าตัวไปอยู่ไหนค่ะ อืมม อย่าไปอะไรเค้าเลย เค้าไม่ช่วยคุณๆทั้งหลายเผาธนาคารก็ถือว่าเป็นบุญของเราแล้ว ในขณะที่แม่กลับเข้าบ้านด้วยความแฮ๊ปปี้ ใครโทรมาก็บอกไปทั่วว่าชั้นมีทหารกล้าดูแลอย่างดี ไม่ต้องห่วง ครูแป๋วก็ได้แต่คิดว่า แม้จะมีทหารหัวซอยท้ายซอย แต่ถ้าคุณๆเค้าโผล่มาจากตรอกเล็กตรอกน้อยแล้วก็เผาเราจะทำยังไง ถึงจะมีทหารช่วยดับไฟ แต่เราก็ต้องอพยพคนและแมวเพื่อความปลอดภัยอยู่ดี (อ้อ มีนกอีกหนึ่งตัว) คิดไปคิดมา คืนนี้ไม่ควรนอนเป็นอย่างยิ่ง เกิดอะไรขึ้นจะได้แก้ไขทัน นี่ไงคะ ก็เลยนั่งถ่างตาทำงานอยู่นี่ไง ปิดเสียงทีวีด้วย เพราะถ้ามีการทุบธนาคารครูแป๋วต้องได้ยินแน่นอน ด้วยความที่มันเงียบกริ๊บ โอย จะบ้าตาย ได้ยินเสียงอะไรขึ้นมาครูแป๋วก็รีบปิดไฟ กระโดดจากเตียงมาเช็คที่หน้าต่างในความมืดว่ามีอะไรรึเปล่า เหมือนคนเป็นโรคประสาทไปแล้ว เนี่ยเป็นอย่างนี้มาสามหนแล้วค่ะ เมื่อกี้สะดุดแมวในความืดจนเกือบหกล้มด้วย กลับมานั่งหน้าคอมพ์แล้วก็นึกสงสัย ทำไมชีวิตเราต้องมาเป็นอย่างนี้ด้วยว๊ะ ขนาดตอน 9-11 เราก็อยู่ในวอชิงตันดีซี ยังไม่รู้สึกกดดันอะไรขนาดนี้เลย ฮึ ... ตอนออกจากห้องไปสำรวจที่มาของเสียง ได้กลิ่นไหม้ฉุนมากเลยค่ะ ฉุนชนิดแสบจมูก ทราบทีหลังว่าตอนนั้นบิ๊กซีราชดำริกำลังโดนเผาอยู่ เฮ๊อออ จำได้ว่าวันแรกที่คุณๆเข้ายึดราชประสงค์ ขณะที่ห้างใกล้เคียงปิดหมด บิ๊กซีแห่งนี้เปิดต้อนรับพวกคุณให้เข้าไปนอนตากแอร์กันนะ ยังมีภาพเก็บอยู่ในคอมพ์เลย ทำไมเวลาโกรธเราจึงลืมสิ่งดีๆและทำกันได้ขนาดนี้ ... พิมพ์บ่นๆไป หันมองเหล่าแมวก็พบว่านอนหยีตาหน้ายู่ยี่กันใหญ่เลย พวกเธอคงงง ว่าคืนนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมไม่ยอมปิดไฟนอนซะที สรุปว่าอดนอนทั้งคนและแมว ดูเวลาอีกที ตีสี่แล้วค่ะ ใกล้สว่างแล้ว อดทนเข้าไว้นะคนไทย สิ่งชั่วร้ายกำลังผ่านไป ก็น่าจะถึงเวลาที่สิ่งดีๆเข้ามาทักพวกเราบ้าง ขอบคุณพยาบาล พนักงานดับเพลิง เจ้าหน้าที่กู้ภัยทุกท่าน และสู้สู้นะคะ เจ้าของร้าน-ลูกจ้างทั้งที่สยามฯและที่เซ็นทรัลเวิล์ด เสียเงินไม่เท่าไหร่ ขอให้กำลังใจยังอยู่ครบนะคะ อย่าเพิ่งหมดหวัง อีกไม่นานก็จะเช้าแล้วค่ะ
Create Date : 27 พฤษภาคม 2553 |
|
8 comments |
Last Update : 27 พฤษภาคม 2553 18:26:33 น. |
Counter : 1371 Pageviews. |
|
|
|