Group Blog
 
 
ตุลาคม 2549
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
4 ตุลาคม 2549
 
All Blogs
 
เที่ยวมาเลเซีย-สิงคโปร์

ก่อนจะไปก็หาข้อมูลจากที่นี้แหละ เมื่อไปมาแล้วก็อยากให้กลับคืนบ้าง คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่คิดเดินทางเหมือนกับเรา

ทริปนี้น่าจะประหยัดสุด ๆ เริ่มจากเมือ่มาถึงสนามบินระหว่างจะออกจากสนามบิน เจ้าลูกชายเกิดปวดท้องเข้าห้องน้ำ ออกมาอีกทีก็ไม่เหลือใครแล้ว ก็เลยเดินตามป้ายบอกทางไป เพื่อไปเอากระเป๋าก็ไม่เจอสักที

สุดท้ายเดินเกๆ กัง ๆ ก็มีผู้หวังดีมาชี้ทางให้ ขนาดเอาบอดิ้งพาสให้ดูแล้วก็ยังให้เดินย้อนกลับไปทางเก่าอีก คือที่สนามบินผู้โดยสารขาเข้ากับขาออกอยู่ที่เดียวกัน

ซึ่งน่าจะสร้างความสับสนให้กับผู้คนอยู่บ้าง คือที่จริงแล้วเราต้องเดินตรงไปเพื่อแสตมป์วีซ่าก่อนแล้วจึงออกไปรับกระเป๋านะ

ต่อจากนี้ก็ถึงขั้นตอนการหารถออกจากสนามบิน เราก็ว่าอ่านข้อมูลมาแน่นแล้วนะ ว่าถ้าเรียก TAXI นะประมาณ 600- 800 บาท เขาก็ย้ำนักย้ำหนาว่าให้เรียก มิเตอร์เท่านั้น ออกมาก็เจอ Taxi บอกราคาประมาณ 1000 บาท เราก็ย้ำว่ามิเตอร์นะ เขาก็ฮ่อ ฮ่อ มิเตอร์ เราก็อืม จะบอก 1000 ก็ไม่เป็นไร ในเมื่อใช้มิเตอร์ก็น่าจะอยู่ที่ 600- 800 ประมาณนี้

พอออกมาถึงรถ เขาเอาใบราคามาให้บอก 1400 เราตกใจรีบต่อ 1000 ลืมเรื่องมิเตอร์เสียสิ้น ตกลงราคากันได้ที่ 1100 พอขึ้นรถนึกขึ้นได้ว่าไอหยาโดนเข้าแล้ว

ก็บอกว่าจะไปที่ Puduraya เพื่อจะไปซื้อตั๋วรถไปสิงคโปร์ Taxi ก็ดันพาไปที่ Pasarakyat เมื่อไปซื้อตั๋วมีเที่ยว 4 ทุ่ม กับเที่ยงคืน คนละ300 บาท รถวิ่ง 5 ชั่วโมง แต่ต้องไปขึ้นรถที่ Puduraya เราก็เลยไม่ซื้อ เพราะความตั้งใจคือซื้อตั๋วไว้ก่อน แล้วจะฝากกระเป๋าไว้เพื่อไปเที่ยวที่ตึกแฝดระหว่างรอขึ้นรถ ก็เลยออกไปคุยกับTaxi ว่าจะไป Puduraya เพื่อซื้อตั๋วไปสิงคโปร์คืนนี้ บรรดาTaxi บอกว่าที่นั้นไม่มีรถเที่ยวกลางคืนมีแต่ตอนเช้าและเที่ยวสุดท้าย 6 โมง อะไรกันว่ะ ก็ในข้อมูลมันมีนี่น่า

แต่เมื่อพอจะรู้ราคาแล้วก็ตัดสินใจไปรถไฟดีกว่า ก็ต้องซื้อคูปองค่า Taxi 100 บาท เพื่อไปสถานีรถไฟ

ค่าตั๋วตู้นอนเที่ยว 22.30 น. เตียงบน 340 เตียงล่าง 430 บาท และควรซื้อไปกลับเลยเพราะหากซื้อที่สิงคโปร์ราคา34 เหรียญเท่ากันแต่คูณด้วยเรท 25 ซื้อที่มาเลย์ เรท34 แต่คูณ 10 นะ ซึ่งตู้นอนก็นอนไปได้เลยไปถึงตอนเช้าก็ประหยัดค่าโรงแรมไปได้ 2 คืน ไป- กลับ

ซึ่งที่จริงเราก็ซื้อตั๋วเครื่องไปยะโฮห์บารูแต่คำนวณแล้วไม่น่าจะไปเครื่องเลยต้องทิ้งตั๋วไป

ซื้อตั๋วเสร็จจะฝากระเป๋าค่าฝากใบละ 50 บาท ของเรา 4 ใบเลยไม่ฝาก ต้องซื้อคูปองแท็กซี่ 110 บาท พอมาขึ้นรถ แท็กซี่บอกว่าต้อง 2 คัน แหม ก็นั่งมาจะทั่วมาเลย์แล้วก็เรียกคันเดียวตลอด

ต้องไปซื้อคูปองอีกใบ 110 บาท แยกกันนั่งก็กลัวจะหลงกัน เพราะที่มามีเราคนเดียวที่เป็นตัวหลักอยู่ ก็สั่งความกันว่ารอหน้าตึกแฝด
แต่เมือ่รถเราถึงก็เห็นยืนกันอยู่ก็โล่งอกไป

ยืนชมตึกแฝดและแบกกระเป๋ากันเข้าไปห้าง คนที่ถือมันก็บ่น เลยออกมานั่งที่ลานน้ำพุ ในข้อมูลบอกว่าจะมีเปิดไฟแสงสีตระการตา ทำไมตาเรามันไม่มีหว่า นั่งสักแป็บก็เรียกรถไปสถานีรถไฟ รอเวลา 22.30 ก็ไปที่ตู้นอน

ตื่นเต้นกันน่าดูเพราะคนอื่นนอกจากไม่เคยมาต่างประเทศแล้ว รถไฟยังไม่เคยนั่งอีก (ภูเก็ตไม่มีรถไฟนะตัว) นอนไปเลยพอใกล้ถึงจะมีเจ้าหน้าที่มาปลุกนะ ใกล้ๆ 6 โมง จะมีเจ้าหน้าที่ของมาเลย์ขึ้นมาแสตมป์ออกให้ ไปต่ออีกครึ่งชั่วโมงก็ถึงด่านของสิงคโปร์ ก็ต้องเอากระเป๋าลงกรอกวีซ่าเข้าเมืองแล้วกลับไปขึ้นรถไฟไปต่ออีกสักครึ่งชม.ได้ถึงสถานีรถไฟสิงคโปร์

ก็เริ่มมื้อเช้าที่สถานีรถไฟ น้ำขวดเล็กขวดละ1 เหรียญก็ประมาณ 25 บาท อิ่มแล้วก็หา Taxi หาโรงแรม มีข้อมูลให้ไปที่backpacker hostel แถวบูจิตจังชั่น เราชะล่าใจไม่จดที่อยู่นึกว่ามันจะหาง่ายนะ Taxi บอกว่าไม่มีที่อยู่หาไม่เจอหรอก ก็บอกว่าให้จอดแถว ๆ ถนนบูจิตแล้วกันแล้วจะเดินหาเอง

ตอนนั่งแทกซี่เห็น Nss ด้วยละ อยู่ติดถนนเลย แต่เห็นในพันทิพบอกว่าเดือนพฤกษภาเต็ม เราเลยว่าค่อยไปหาเอาที่สิง ก็ได้
สุดท้ายแทกซี่จอดใต้ตึกแฟลตที่หนึ่งขึ้นไปถามแล้วมันเต็ม เขาก็ให้นามบัตรที่ใหม่มาที่หนึ่งว่าถูก เราก็เริ่มเดินหา เดินไปถามไปเพื่อนบอกทางเดินเป็นสี่เหลี่ยมเลย ไปเจอโรงแรม 81 ห้องละ 1800 ได้มั๊ง โห้แพง หาที่อื่นดีกว่า

เดินเริ่มหมดแรงเรียกแทกซี่บอกให้พาไปที แทกซี่ก็พาไปวน ๆ แล้วก็มาจอดที่เดิมเมื่อเช้าแล้วชี้ให้ข้ามไปฝั่งตรงข้าม เราขำกลิ้งเลยเดินกันแทบตาย แต่ขึ้นไปดูแล้วเรานอนไม่ได้นะ เป้นห้องแอร์ 4 เตียงแคบๆ อับๆ นะ ห้องละ 350 บาท ห้องน้ำรวม เลยหาที่ใหม่ไปเจอ ห้องละ 2300 มี 3 เตียง รวมอาหารเช้า ก็เอาแล้วว่ะ เห็นช้างตัวเท่าหมูแล้วตอนนี้ แต่ที่จริงตรงนี้ก็ทำเลดีนะ ติดกับวัดเจ้าแม่กวนอิมนะ เดินไปนิดเดียวก็ถึง Slim lin เข้าไปอาบน้ำอาบท่า ก็เริ่มวางแผนกันเที่ยว ว่าจะไปที่เซนโตซ่าแต่ฝนเริ่มจะตกเลยว่าค่อยไปพรุ่งนี้ เดินเที่ยวไปเรื่อย ๆ ได้ยินมาว่า

ของถูกต้องที่มุตตาฟา ก็เรียก แทกซี่ไป ก็ไม่เห็นมีอะไรเท่าไร ก็ไปแลกเงินไว้ แต่ที่ได้เรทดีที่สุดต้องเป็นที่สนามบินบ้านเรานะ

เดินไปเดินมาบ่าย4 ไปเจอสถานีรถไฟที่ไป habourfont เซนโตซ่าได้ เลยตัดสินใจเออไปก็ไป เพราะพรุ่งนี้คิดจะไปอาจหาไม่เจอก็ได้

ตกลงไปเซนโตซ่า อะไรที่เสียเงินก็ไม่เข้า ลูกชายมันโกรธน่าดู ตอนหลังไปเช่าจักรยานให้ถีบแก้ฟุ่งซ่าน ค่าเช่า 100 ค่ามัดจำ 2000 บาท เราก็กลั๊วกลัวมันจะไปทำรถถีบเขาพัง ฉันได้แบกจักรยานร้ายๆ กับไทยแน่ เดินเล่นฆ่าเวลาเพื่อรอดูน้ำพุ จนจบประมาณ 2 ทุ่ม พี่ชายบอกสุดยอดมาก

คุ้มค่าจริงๆ คนพาเที่ยวค่อยมีกำลังใจหน่อย กลับถึงโรงแรมหาข้าวหน้าโรงแรมกินเป็นข้าวมันไก่ ข้าวหมูแดง จานประมาณ 3.5 เหรียญ ก็อร่อยพอกินได้ นักกันไว้มื้อหน้าจะมากินอีก เดินเล่นแถวนั้นนิดก็กลับเข้านอน

วันรุ่งขึ้นเที่ยงเช็คเอ้าแล้วฝากกระเปาไว้ก่อน ใกล้ๆ รร. ไปวัดเจ้าแม่กวนอิม เดินถัดไปหน่อยไปวัดแขก แล้วเรียกแท็กซี่ไปถนนออชาด ไปเดินห้าง ก็ไม่เห็นมีอะไร แต่ถ้าไม่มาเดี๋ยวกลับไปคุยไม่ได้นะ

แล้วรู้สึกไหมว่าห้างมากมายใครจะมาเดินนักหนา แสดงว่านักท่องเที่ยวต้องเดินทางเข้ามาเยอะ บ่าย3 กว่า ๆ นั่ง แท็กซี่ไปตึกหนามทุเรียน ที่ริมแม่น้ำมีวงดนตรีอะไรมาเล่นก็ไม่รู้มีป้ายว่าซ้อมระบบเสียง

เดินไปจนถึงสิงห์โตพ่นน้ำสัญญลักษณ์ของสิงคโปร์ นั่งเล่นอยู่สักพักก็เรียกแท็กซี่กลับโรงแรม เดินดูของสักนิดแต่เชื่อไหมหาอะไรน่าซื้อไม่ได้เลย เราว่าบ้านเราดีกว่าเยอะ ไม่แพงด้วย

ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้และขอเข้าห้องน้ำให้เสร็จสรรพ เห็นว่าพอจะมีเวลาก็เรียกแท็กซี่จากโรงแรมไปดูน้ำพุแห่งความร่ำรวย บอกกับลูกชายว่าหากใครได้ไปจับน้ำพุแล้วอธิษฐานขออะไรแล้วจะได้ เผลอแผ็บเดียวลูกชายลงไปยืนกลางลานแล้ว ยามต้องมาไล่ขึ้น เห็นว่าขอไปเยอะแล้วจะได้พิสูจน์กันว่าจริงหรือเปล่า

หลังจากนั้นเรียกแทกซี่ไปสถานีรถไฟ หากเข้าห้องน้ำที่นี้เสียค่าเข้าครั้งละ 30 เซนต์ และห้องน้ำไม่คอยสะอาด ก่อนเวลารถไฟออกสัก 30 นาที ก็เปิดให้ผ่านมีเจ้าหน้าที่มาดูแลเรื่องหนังสือเดินทาง และตรวจกระเป๋า แต่บอกว่ามาจากไทยแลนด์เขาก็ให้ผ่านเลย แสดงว่าคนไทยเนี่ยเครดิตดี รถไฟวิ่งไปสักพักก็ด่านของสิงคโปร์ที่เราผ่านมาตอนขามาก็ลงไปผ่านพิธี แต่ครั้งนี้ไม่ต้องเอากระเป๋าลงไป แล้วก็กลับมาขึ้นรถไฟตามเดิม ก็ถึงkl central

ถึง7 โมงเช้าได้ มีรถไปเกนติ้งออกจากที่นี้ตอน 8 โมง แต่เรานั่งโมโนเรลไปที่สถานีบูกิตนานัสเพื่อจะไป Kl tower :ซึ่งต้องเดินอีกไกล น่าจะนั่งแท็กซี่ดีกว่า ค่าเข้าชมคนละ 150 บาท แต่เรารีบๆ ดู เพราะต้องเดินทางไปเกนติ้ง เหมือนชะโงกทัวร์

นั่งแท็กซี่ไปพูดูรายาเพื่อหารถบัสไปเกนติ้ง ค่ารถแท็กซี่ 90 บาท เราหาข้าวกินหน้าสถานีขนส่งและซื้อตุนเตรียมข้าวกล่องไว้กินบนเกนติ้ง รวมทั้งหมดประมาณ 300 บาทได้ กินเสร็จแล้วก็ไปซื้อตั๋วเห็นราคาเขียนไว้ 6.8 เหรียญ แต่เราไม่ได้ซื้อนะ ไปแท็กซี่ผีราคา 600 บาท แพงกว่าหน่อย แต่ไม่ต้องเสียเวลารอรถออก 30 นาที ใช้เวลา 1 ชั่วโมงก็ถึงโรงแรม

ถึงเกือบเที่ยงคนรอกันเยอะแล้ว ต้องไปหยิบคิว แล้วไปถามเจ้าหน้าที่ บอกว่าจะเริ่มหยิบคิวตอน 12.30 ระหว่างนั้นก็สำรวจบริเวณรอบ ๆ ก็เห็นโรงแรมเทมปาร์คและของเล่นต่างๆ ลูกชายก็หมายตาไว้ รอจนบ่ายโมงก็ถึงคิว พนักงานหารายชื่อเราสักพักทำหน้างง บอกไม่มี เรานึกในใจมีปัญหาจนได้เพราะราคาที่เราจองมาห้องละ 280 บาทเอง จองจากเวป //www.genting.com.my ได้ แต่หากwalkin ราคา 1300

แต่พนักงานบอกว่าคุณจองมาที่เทมปาร์ค นะให้เดินไปอีกหน่อย เดินไปถึงเครื่องเล่นในร่ม ลูกชายเหมือนต้องมนต์ ถูกใจลูกชายเป็นที่สุด ก็บอกสมาชิกว่า รร. นี้ให้เช็คอินตอนบ่ายสาม ตอนนี้เพิ่งบ่ายโมงให้หาที่นั่งอยุ่แถวนี้ก่อน แล้วไปซื้อเครือ่งเล่นในร่มเป็นแบบเหมา เด็กคนละ 200 บาทเล่นกี่ครั้งก็ได้ จนถึงเที่ยงคืน หากไม่ซื้อราคาเหมากว่าจะถึงเที่ยงคืนน่าจะหมดมากกว่า 200 แน่ ระหว่างนี้ก็จัดเวรกันไปเฝ้าลูกชายเพราะเพื่อนจะเล่นรถบั้มอย่างเดียว

บ่ายสองเราเริ่มไปหยิบคิวก็เกือบบ่ายสามเรียกพอดี ก็ไปบอกสมาชิกว่าได้ห้องแล้ว รู้สึกว่าห้องที่ได้จะไม่มีวิวอะไร และห้องก็ไม่ใหญ่มาก สมควรแก่ราคาที่จอง 5 คนนอนห้องเดียวก็ไม่มีใครมาสนใจเราหรอก ในห้องจะมีกระบอกน้ำให้เราไปกดน้ำร้อนน้ำเย็นหน้าลิฟ โรงแรมนี้ราคา walkin 1600 บาท ก็ไปอาบน้ำแล้วจัดคิวกันมาเข้าเวรเฝ้าลูกชายเล่นรถปั้มต่อ

บอกกับลูกชายว่าถึงภูเก็ตมีรถปั้มมา อย่าหวังว่าจะได้เล่นนะ

แต่ที่น่าตื่นเต้นคือขากลับ ระหว่างวันก็ถามรถแทกซี่เอาไว้เพราะตอนเช้าพี่ชายมีไฟล์ออก 10.45 แต่ของเรา 12.30 แต่ก็ต้องไปพร้อมกันนั้นแหละ ค่ารถแท็กซี่มีตั้งแต่ 1200 จนถึง 1800 แต่เราไม่ได้จองไว้

เพราะแท็กซี่ไม่ได้เป็นของโรงแรมนะ เลยไม่แน่ใจว่จะไว้วางใจได้แค่ไหน แต่ใครๆ ก็บอกว่าแท็กซี่มีตลอด 24 ชม. เช้าลงมา 7โมง เรียกแท็กซี่ โดนเรียกไป 1800 ก็ไม่ไป ถ้าอย่างนั้นก็ไปเคเบิลคาร์แล้วกันคือใจก้อยากให้สมาชิกได้นั่งเคเบิลนะ ก็เดินถามทางกันไปจนเข้ารร.เก้นติ้ง ไฮแลนด์ แฟนเกิดปวดท้อง เข้าห้องน้ำนานเหมือนกัน กำลังหน้าสิ่วหน้าขวานอยู่

ระหว่างแฟนเข้าห้องน้ำก็ลองเรียก แท็กซี่ดูบอก 1500 เราก็ว่าสงสัยต้องไปแล้ว เพราะเคเบิลไม่น่าจะทัน รอแฟนออกมาแฟนบอกว่าถามพนักงานโรงแรมบอก 1200 เราก็ว่างั้นก็ไป

แต่ราคาที่พนักงานบอกน่าจะเป็นราคาประมาณ เพราะแท็กซี่จะเป็นอิสระไม่ได้ขึ้นต่อโรงแรมนะ พอตกลงให้พนักงานเรียก เราจะเดินไปถามราคาที่รถ แฟนบอกว่า
เป้นรถคันเดียวกับที่บอก 1800 ก็เลยไม่ไปหามัน

ระหว่างนั้นมีแท็กซี่อีกคันมา พี่ชายเข้าไปถามบอก1300 หรือ 1500 ไม่รู้ ก็จะไป เราเตรียมจะขึ้นรถ แป็ปเดียวแท็กซี่บอกไม่ไปแล้ว พี่ชายบอกว่าแท็กซี่คันบอก 1800บอกไม่ให้ไป เราก็ต้องเดินหาคันใหม่

แต่ตอนนี้สมาชิกเริ่มแน่ใจว่าถูกมาเฟียเล่นงานเข้าแล้ว บรรยากาศมันก็เริ่มหดหู่ เวลาก็ล่วงเลยมา เราเจอแท็กซี่คันใหม่ถามราคาเขาบอก 1300 เราก็ลองต่อ 1200 เขาก็ยิ้มตอบเราดี ไม่แพงน่า เราก็โอเค เพราะตอนนี้บอกเท่าไรก็ต้องไปแล้ว พี่ชายเราบอกว่าแท็กซี่คันนั้นมันเริ่มกดโทรศัพท์มา
พอเราจะขึ้นรถโทรศัพท์คันที่เรียกก็ดัง มันพูดอะไรเราจะไปเข้าใจเหรอ แต่ตอนนั้นมันเหมือนขวัญเสียนะ บอกกับสมาชิกรีบขึ้นรถ กลัวแท็กซี่จะไม่ไป พี่ชายก็ชี้หน้าบอกว่าฉันรู้นะว่ามีคนโทรมา เราก็บอกพี่ชายให้มันรู้ไปว่ามันจะโทรได้ทุกคัน แต่เริ่มไม่สบายใจแล้ว

พอรถออก ก็กลัวว่ามันจะพาเราไปไหนก็ไม่รู้ ชวนแท็กซี่คุยมันก็ไม่คุย ท่าทางเหมือนไม่เป็นมิตรนะ เรานั่งไปก้ไม่สบายใจ ไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหน เวลามีโทรศัพท์เข้ามาเราก็ระแวง บรรยากาศมันเครียดไปหมด แท็กซี่ถามเราว่านับถือศาสนาอะไร ใจคิดไปโน้นว่ามันจะจัดการเราตามพิธีทางศาสนา (บ้าหรือเปล่า) แต่นึกอีกที ให้มันรู้ไป เราตั้ง 4 แฟนก็บู๊ล้างผลาญเหมือนกัน รถก็ติดนะ ไปถึงสนามบิน 10 โมงกว่า ใช้เวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง ก็นานนะ บางทีนึกในใจมันแกล้งหรือเปล่าว้า แต่เวลาที่เหยียบได้เขาก็ทำความไวให้นะ ใกล้ถึงก็มีโทรศัพท์เข้ามา เราก็นึกในใจพรรคพวกมันโทรมาเช็คว่าถึงไหนหรือเปล่า พอถึงรีบไปเช็คอินตั๋วให้พี่ชาย ไฟล์ดีเลย์ไปนิด พี่ชายก็เลยไม่มีปัญหาอะไร หรือบางทีเราก็อาจคิดไปเองก็ได้ เราหาข้าวกินที่สนามบิน แพงมาก สั่งข้าวกับไข่ดาวให้ลูกชาย 90 บาท โดนไปหลายร้อยเหมือนกันมื้อนี้ บนเครื่องมาภูเก็ต คนน้อยมาก และแล้วก็ถึงเมืองไทยโดยสวัสดิภาพ ไชโย ไม่มีที่ไหนจะสุขใจเท่าบ้านเรา



Create Date : 04 ตุลาคม 2549
Last Update : 9 พฤษภาคม 2550 10:06:15 น. 0 comments
Counter : 626 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ภูเก็ต-ป่าตอง
Location :
ภูเก็ต Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




ข้าเจ้าเป็นสาวภูเก็ต แต้ๆ กะเจ้า

Friends' blogs
[Add ภูเก็ต-ป่าตอง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.