Botanics – whitening skin refining toner



ช่วงที่ Boot-Botanics ทำการ repackage ใหม่นั้น ผมเอง
ก็ได้ไปส่องส่วนผสมว่ามีอะไรน่าสนใจบ้าง  concept ของ botanics
หลัง repackage จะเน้นความเป็น organic มากขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะ organic ได้ยังไงกัน
เพราะสุดท้ายส่วนผสมที่ใส่ไปก็เป็นสารเคมีอยู่ดี



แต่ที่ชอบ concrpt หลัง repackage อยู่อย่างนึงคือ no alcohol ,no  paraben
ถึงแม้ว่าสารกันเสียกลุ่มในกลุ่ม paraben จะไม่ได้มีหลักฐานชัดเจนว่าก่อให้เกิดอันตรายได้
อันที่จริงยารักษาโรคส่วนใหญ่ก็ยังใช้ paraben กันอยู่
แต่เนื่องจากมีการโจมตีสารกันเสียกลุ่มนี้อย่างหนักอยู่ช่วงนึง
(ส่วนตัวคิดว่าโจมตีเพราะต้องการแย่งส่วนแบ่งการตลาดล้วน ๆ)
แต่อย่างไรก็ตามคำว่า no paraben คงทำให้ใครหลายคนสบายใจได้ไปอีกเปราะ






Aqua (water) ,Glycerin ,Ascorbyl glucoside ,Benzyl alcohol ,
Sodium benzoate ,Tetrasoium EDTA ,Sodium citrate ,
Glycyrrhiza glabra (licorice) root extract ,Sodium hydroxide,
Citric acid ,Potassium sorbate ,Perfum (fragrance) ,Propylene glycol ,
Dipropylene glycol ,Sorbital ,Triethyl citrate ,Phenoxyethanol ,
Catraria islandica extract ,Ethylhexylglycerin



หลังจากเห็นส่วนผสมของโทนเนอร์ตัวนี้  ผมแทบจะคว้ามาจ่ายเงินทันที
เนื่องจากมันใส่วิตซีในรูป Ascorbyl glucoside ในลำดับที่ 3 ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด
โทนเนอร์ตัวนี้มีส่วนผสมของวิตซีเทียบเท่ากับมาส์คชีทบางตัวเลยด้วยซ้ำ
ใส่ Anti-oxidant ที่ใส่มาจนอยู่ถึงลำดับที่ 3 มันต้องไม่ธรรมดาแล้วล่ะ
แต่ถ้าเกิดดูให้ดี ๆ จะสังเกตว่าสารแอคทีฟอื่น ๆ เช่น
Glycyrrhiza glabra (licorice) root extract  สารไวท์เทนนิ่ง
ที่มีผลงานวิจัยรองรับกันอย่างกว้างขวางนั้นได้อยู่หลัง
Sodium benzoate ซึ่งเป็นสารกันเสียชนิดหนึ่ง
ที่ทาง Botanics เลือกใช้แทนสารกันเสียกลุ่ม paraben



นั่นหมายความว่า Botanics – whitening skin refining toner ขวดนี้
มีสารที่สามารถคาดหวังได้เพียงตัวเดียวเท่านั้นคือ Ascorbyl glucoside
ซึ่งเป็น  Anti-oxidant  ที่ยังไม่แน่ใจเรื่องความเป็น whitening
แต่อย่างไรก็ตามมันก็มีประโยชน์อยู่เหมือนกันล่ะหน่า  
ถึงแม้วว่าจะหลีกเลี่ยงแอลกอฮอร์กับสารกลุ่มพาราเบ็นแต่ว่าน้ำหอมยังใส่มาอยู่นะค้าบบ
ให้คะแนนในด้านส่วนผสมไปที่ 6.75/10 คร้าบบ



ส่วนตัวใช้เป็นโทนเนอร์เทใส่สำลีแล้วเช็ดผิว  มีโอกาสได้นำมาทำเป็น
คอทตอนมาส์คบ้างเพราะส่วนผสมมันล่อตาล่อใจสุด ๆ เมื่อเทียบกับราคา
และนำมาเป็นน้ำตบโดยเทใส่มือแล้วทาลงบนหน้าด้วย
แต่ที่รู้สึกว่าเวิร์คสุดก็ใช้สำลีเช็ดผิวธรรมดาเนี่ยแหละ  เป็นเพราะว่าราคามัน
ไม่ได้แพงอะไรทำให้ไม่รู้สึกเสียดายเวลาหยดใส่สำลี



หลังใช้แล้วมันก็โอเคในระดับหนึ่งนะครับ  ไม่ได้รู้สึกว่าขาวกระจ่างใสขึ้น
ขณะที่ว่าสังเกตเห็นด้วยตาเปล่าชัดเจนขนาดนั้น  ความชุ่มชื่นที่มีอยู่บ้าง
แต่สุดท้ายสำหรับใครที่ผิวต้องการความชุ่มชื่นคงต้องหามอยส์เจอร์มาทาเพิ่ม
ที่ไม่ชอบอยู่อย่างนึงก็คงเป็นกลิ่นที่ไม่รู้สึกว่ามันหอมซักเท่าไหร่  
กลิ่นสไตล์เชอร์รี่มันเหมือนกับยาน้ำของเด็กที่ไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่นัก
คะแนนส่วนนี้ให้ไปที่  7.5/10 คร้าบบ ผมขอให้คะแนน
โดยใช่การรีวิวจากโทนเนอร์ตัวก่อน ๆ เป็นตัวเปรียบเทียบและกันนะครับ



250 ml / 325.- เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ในเครือของบูทเพราะฉะนั้นแล้ว
จะมีโปรโมชันอยู่บ่อย ๆไม่ว่าจะเป็นซื้อ 1 แถม 1 หรือ ซื้อ 2 แถมหนึ่ง
หรือจะเป็นโปรโมชันลดราคา  แต่เอาเข้าจริง ๆ ราคาเต็มก็ไม่ได้
แพงอะไร   ยังอยู่ในราคาระดับนักศึกษาอยู่  เมื่อเทียบกับการที่ได้
Ascorbyl glucoside ในอันดับที่ 3 ด้วยแล้วนั้น
ยิ่งทำให้ความรู้สึกเสียดายเงินไม่มีอยู่ในหัวเลย  



ใครที่ชอบทำคอทตอนมาส์คคงจะชอบโทนเนอร์ Botaics ตัวนี้อยู่ไม่น้อย
หรือใครจะนำมาทาตัวก่อนที่จะลงบอดี้โลชันเพื่อให้ได้สารบำรุง
ที่ดีกว่าโลชันทาผิวกายทั่วไปก็ไม่เลวทีเดียว (ก็ราคามันไม่แพงนี่นา)
คะแนนส่วนนี้ให้ไปที่ 9/10 ค้าบบ

ปล.ถ้าซื้อตอนโปรโมชันล่ะก็เอาคะแนนเต็มสิบในส่วนนี้ไปเลยครับพี่น้อง


เนื้อผลิตภัณฑ์ลักษณะเป็นของเหลวใสเช่นเดียวกับโนเนอร์ตัวอื่น ๆ
แต่บรรจุภัณฑ์มาในรูปแบบขวดทึบแสงนั่นเป็นสิ่งที่ดีเพราะสารออกฤทธิ์สำคัญ
ทีใส่มานั้นเป็นวิตซีที่เกิดการเสื่อมสลายได้ง่ายถ้าโดนแสง  
ลักษณะขวดทึบแสงแบบนี้ถึงเหมาะสมกับสารที่ใส่มา



ขอหักคะแนนที่กลิ่นอีกเช่นกัน  ถึงแม้จะเป็นคนละส่วนกันแต่ถ้าบางคน
ไม่ชอบกลิ่นก็อาจทำให้ไม่อยากหยิบมาใช้เลยก็ได้  นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ดีแน่
คะแนนส่วนนี้ให้ไปที่ 9/10 คร้าบบ

สรุปคะแนน

ขอบอกนิดนึงว่าโทนเนอร์  Botanics – whitening skin refining toner ตัวนี้
ผมได้ยกให้เป็น my favorite skincare ประจำปีที่แล้วด้วยล่ะครับ



ด้วยราคาที่ไม่แพง  จับต้องได้บวกกับวิตซีที่ใส่มาเป็นลำดับต้น ๆ
ทำให้คะแนนรวมของไวท์เทนนิ่งโทนเนอร์ขอโบตานิคขวดนี้

ได้ไปที่ 76.5% คร้าบบ






โทนเนอร์ตัวนี้ให้คะแนนความพิศวาสไปที่ B- คร้าบบ
หลังจากที่ร่ายรีวิวมาตั้งนาน  แต่เหตุผลเดียวที่ทำให้โทนเนอร์ขวดนี้
เข้าไปอยู่ในแดนเกรดบีของผมได้นั้นเป็นเพราะไอ้เจ้า  Ascorbyl glucoside
ที่อยู่ในลำดับที่ 3 เนี่ยแหละ  มันพอกับกับมาส์คชีทของ
Neutrogena – Fine Fairness เลยนะนั่น  แถมยังไม่มีแอลกอฮอร์
ทีปกติโทนเนอร์ราคาระดับนี้มักจะใส่มาเพื่อให้ผู้ซื้อตกใจเมื่อเช็ดหน้าด้วยลำสี
ว่ามันสามารถชะล้างสิ่งสกปรกได้ขนาดนี้เลยเชียวหรือ



(จริง ๆ แล้วถ้าเช็ดหน้าด้วยสำลีชุดโทนเนอร์แล้วมีสิ่งสกปรกติดมาด้วย
แสดงว่าคุณล้างหน้าไม่สะอาดนะครับ  ควรจะไปล้างใหม่ซะ)