Water, Glutathione, Mineral Oil, Tranexamicacid, Arbutin, Glycerin, CetylAlcohol,
Propylene glycol, isoparaffin, Polysorbate 60, Sodium metabisulfite,
Methyparaben,Glycolic Acid, Propyl paraben, Aloebarbadensis leaf extract,
Tocopherol, Vitamin B3, Polyacrylamide

สารที่เน้นในเรื่องความขาวที่เด่นมาก ๆ เลยคือ Glutathione  Tranexamicacid
และ  Arbutin   โดยที่กลูตาไธโอนนั้นโครงสร้างมันประกอบด้วยกรดอะมิโน 3 ชนิดครับ
คือ  Cysteine, Glycine และ Glutamicacid ซึ่งถ้าอยู่ในรูปของการรับประทาน
ก็จะช่วยพวกanti oxidant ขจัดสารพิษอะไรก็ว่าไป แต่ยังไงซะมันซึม
เข้าในกระเพาะไม่ได้ร่างกายใช้กลูต้าที่มีอยู่อยู่แล้ว)

และสำหรับที่ผิวหนังนั้นกลูตาไธโอนจะช่วยในเรื่องของการยับยัง enzyme
ที่ก่อให้เกิดเม็ดสีโดยจะไปยับให้และเอามาผลิตเป็นเม็ดสีที่อมชมพูแทน  
แต่ว่ากลูตาไธโอนนั้นไม่สามารถซึมผ่านผิวหนังได้ครับ  กระบวนการในแผนภาพ
เกิดจากการที่ร่างกายนำเอากลูต้ามาใช้ในผิวหนังเองไม่เกี่ยวกับการทาหรือกินกลูต้าทั้งสิ้น
เพราะฉะนั้นแล้วเราคงไม่สามารถคาดหวังอะไรกับกลูต้าที่ยันฮีใส่มาให้



ส่วนอาร์บูตินที่ใส่มาไม่ระบุว่าเป็น alpha arbutin   beta  arbutin  หรือ  deoxy arbutin
งั้นขอเดาไว้ก่อนเลยว่าคงเป็น beta  arbutin (ถ้าไม่ใช่รบกวนบอกด้วยครับ)
เพราะว่ามีต้นทุนในการผลิตต่ำกว่าที่ 2 ชนิดที่เหลือ  ส่วนเรื่องกลไลการยับยั้งเม็ดสีนั้น
ถือว่าผ่านการทดสอบมานักต่อนักแล้วว่าสามารถยับยั้งเอ็นไซน์ Tysosinase ได้จริง



ซึ่งปัจจุบันก็เห็นหลาย ๆ แบรนด์ตั้งแต่ ระดับ mass อย่าง cute press (ราคา 200 - 300 บาท)
ไล่ไป drug store   อย่างฮาดะลาโบะ  (ใครสนใจลองหาในบลอคผมดูครับเคยรีวิวไปแล้ว)
counter brand   ไปจนถึง hi-end อย่าง ชีเซโด้ (ขวดละ เกือบ 5 พัน O_o)
ก็มีตัวที่ใช้อาร์บูตินเป็นส่วนประกอบหลักกันอย่างทั่วหน้า





ที่ผมว่าน่าสนใจมาก ๆ ๆ ๆ ๆ ๆๆ ๆ เลย คือ  Tranexamicacid ครับ  เจ้าสารตัวนี้เนี่ยนะครับ
มันเป็นส่วนผสมที่อยู่ในแบรนด์แพง ๆ โค่ด ๆ อย่าง Shisedo white lucent ขวดละ
เกือบ 5 พันแหนะหรือถ้าราคาดรอปลงมาหน่อยก็ Aquarlabel (45 ml / 750.-)
ที่เป็นแบรนด์ในเครือของชีเซโดเช่นเดียวกันแต่คิดว่าตัว Aquarlabel 
คงจะใส่  Tranexamicacid  มาน้อยกว่า  white lucent  ล่ะครับ
เพราะส่วนใหญ่แบรนด์บริษัทในเครือเดียวกันถ้าแบรนด์ไหนราคาเบากว่าแต่มีส่วนผสม
เหมือนกับแบรนด์แพง ๆ ความเข้มข้นที่ใส่มาให้ก็จะน้อยกว่า




แต่ในราคาร้อยกว่าบาทนี้ยังไม่มีตัวไหนใส่   Tranexamicacid มาให้เลยครับ
(ต่อให้ราคาไม่เกิน 5 ร้อย  ตอนนี้ก็ยังหาไม่เจอ)  เรียกว่าคุ้มสุด ๆ ครับ
สำหรับ  Tranexamicacid ที่ยันฮีใส่มาให้  


ส่วนส่วนผสมที่ห้อยท้ายมาให้นั้นก็มีตัวเจ๋ง ๆ ซ่อนอยู่เหมือนกันทั้ง Vitamin B3
และ AHA แถมยังมีสารสกัดจากว่านหางจระเข้อีก  เรียกได้ว่าถ้า B3 และ AHA ใส่มามากพอ
ครีมตัวนี้จะเป็น whitening ที่คุ้มค่าสุด ๆ เลยล่ะครับ  แต่ในความคิดของผมแล้ว
ห้องซะปิดท้ายมาขนาดนี้ คงไม่ได้ช่วยได้เต็มที่หรอกนะ  เอาเป็นว่าครีมตัวนี้หวังผลกับ
Tranexamicacid  และ arbutin ดีกว่า



ในทางทฤษฎีแล้วเจ๋งพอสมควรเลยนะครับในด้านส่วนผสม  ผมให้  8 / 10 เลยครับ
หักที่กลูต้าหนะ  ถ้าไม่ใส่แล้วเพิ่มความเข้มข้นของ Tranexamicacid
ให้เป็นส่วนประกอบอันดับ 2 รองจากน้ำและเอา B3 + AHA ให้มากกว่านี้ซักหน่อย 
(แต่อาร์บูตินเมื่อถูกกระจะเสียสภาพการทำงานเพราะฉะนั้นการทำให้อาร์บูตินเสถียรนั้น
ก็คงเป็นการบ้านหนักของแบรนด์ทุกแบรนด์ที่ใช้อาร์บูตินผสมกับ AHA ครับ)
ครีมตัวนี้คงได้คะแนนจากผมไป "เกือบเต็ม" เลยล่ะครับ




ตอนที่ซื้อครีมตัวนี้มาใหม่ ๆ บังเอิ้นอังเอิญจริง ๆ ครับตอนนั้นเพิ่บกดสิวไปพอดี
การทดสอบครีมตัวนี้จึงเน้นที่รอยสิวตรงนั้นเป็นหลักครับ  โดยผมจะลงบำรุงปกติ
แต่ตรงที่เป็นรอยสิวนั้นผมทาแค่ครีมยันฮีตัวเดียวครับ  (ยกเว้นพวกที่ควบคุมพื้นที่ไม่ได้
อย่างเช่นพวก เช็ดโทนเนอร์ด้วยสำลี  หรือการมาร์คหน้า)  

การใช้ครีมกับรอยสิวของผมนั้นจะทาบริเวณนั้นเยอะ   ๆ เลยครับ  บางทีก็ใช้ครีม
ทาทั่วหน้าเลย  บางทีก็เอาพวกไว้บริเวณที่เป็นรอยสิวเลยก็มีครับ



**ขอบอกนิดนึงนะครับนี่คือครั้งแรกเลยล่ะครับกับการรีวิวโดยที่ใช้ครีมบำรุงทาเฉพาะจุด**


ตอนทดสอบครีมนี้ถ่ายตอนกลางคืนนะครับ จัดไฟปกติเหมือนเดิมทุกครั้ง  มุมกล้องเดิม
อาจมีแสงต่างกันบ้างเล็กน้อยอยากให้เปรียบเทียบที่รอยดำกับสีผิวของผมมากว่าครับ





เห็นได้ชัดเจนระดับนึงเลยนะครับว่ารอยสิวจางลงประมาณ 50 - 60 % จากการใช้ครีม
ทาเฉพาะจุดเป็นเวลา 16 วัน (ที่จริงกะจะทำ 2 อาทิตย์นั่นแหละ  แต่มันเกินนนนนน ><)
สีผิวที่ขาวขึ้นระดับหนึ่ง (วันแรก ๆ แต่แค่ยันฮีกับครีมไม่กี่ตัวเลยทดสอบได้) ไม่มากเท่าไหร่
ประมาณเกือบ ๆ ครึ่งเฉดสีผิวได้มั้งครับ

สรุปแล้วครีมยันฮีตัวนี้เห็นผลได้ในระดับหนึ่งเรื่องความขาว  คะแนนส่วนนี้
ผมให้ไปที่ 7 ครับ  อย่าเพิ่งโวยวายไปนะครับสำหรับใครที่บอกว่า
"ราคาแค่นี้ได้ขนาดนี้ก็ดีแล้ว"  เพราะว่าผมให้คะแนนเรื่องราคาแยกส่วนกันเน้อ







20 ml / 129  ถือว่าราคาเบามากกกกก  ถ้าคิดปริมาณเหมือนพวกเซรั่มที่ขายกันตามท้องตลาด
ที่ส่วนใหญ่ทำกัน 30 ml คิด ๆ ดูแล้วเจ้าครีมยันฮี 30 Ml ราคามันก็ไม่ถึง 2 ร้อยอยู่ดี
เรียกได้ว่าราคาสวนทางกับคุณภาพเลยล่ะครับ  แถมส่วนผสมที่ใส่มาก็เป็นส่วนผสมที่
มีอยู่ในแบรนด์แพง ๆ อีก ( Tranexamicacid )  เรืองความขาวใสและจุดด่างดำที่
ครีมราคานี้ส่วนใหญ่จะให้ไม่ค่อยได้แต่คงไม่ใช่สำหรับเจ้าตัวนี้ครับ

คะแนนความคุ้มค่าได้จากผมไป "10" เต็มเลยครับ







เนื้อค่อนข้างข้นครับ  ข้นมาก  ทาแล้วแอบรุ้สึกหนักหน้าหน่อย   ๆ
ไม่ทำให้หน้ามันเพิ่มแต่ก็ไม่ได้ดูดซับความมัน (ก็แหงล่ะ)







ทาเสร็จแล้วรู้สึกชุ้มชื่้นหน่อย ๆ แต่ไม่มากเท่าทาพวก moisturizer

หลอดที่ใส่รู้สึกเทอะทะไปหน่อยปริมาณแค่ 20 กรัมเองน่าจะทำเล็กกว่านี้
จะได้พกพาสะดวกด้วย  เนื้อครีมที่ข้นจนน่ากลัวว่าจะอุดตันรึเปล่า (แต่สำหรับผม
ไม่อุดตันนะครับ)  คะแนนส่วนนี้จึงได้ไป  8 / 10 ครับ





Review Score ครีมหน้าขาว รพ.ยันฮี
ครีมหน้าขาวยันฮีได้คะแนนรวมไปไม่น้อยเลยทีเดียวครับ   "81 %"
สำหรับการรีวิวของผมแล้วถือว่า whitening ได้คะแนนไประดับนี้ถือว่า
สูงใช้ได้เลยนะครับเนี่ย

---

Comment
ด้วยราคาที่ถูกแสนถูก  ใช้แล้วกระเป๋าไม่ฉีก  นักศึกษ้า  นักศึกษา
บวกกับส่วนผสมที่แอบชอบตัว Tranexamicacid เป็นพิเศษเพราะยังไม่เคย
เห็นราคาระดับนี้ใส่ส่วนผสมนี้มา  ถึงแม้ว่าความขาวความใสและเรื่องของ
รอยสิวจะไม่เห็นผลชัดเท่าแบรนด์แพง ๆ ที่เคยใช้  แค่ราคาระดับนี้ให้ผล
ขนาดนี้ถือว่าเวิร์คมั่ก ๆ  เอาไว้ทาเป็น day cream (เอาของแพง ๆ ไว้ทา
ตอนกลางคืน อิอิ)  

ผมจึงขอตัดเกรดให้ที่ B- คร้าบบบบบบบบบบ