[[ AF-5 ]] กี๋ V14 ประวัตินายฐษชัย ชนะอรรถกาล
บ้านใหญ่
//www.keefamilyclub.com


//websta.me/n/kee_thasachai?lang=th
Facebook
//www.facebook.com/thasachai.chanaathakarn

Twitter
https://twitter.com/#!/keeaf5





















นายฐษชัย ชนะอรรถกาล [Thasachai Chanaathakarn]
ชื่อเล่น กี๋ [Kee]
วันเกิด 30 ตุลาคม 2526
น้ำหนัก 65 ก.ก ส่วนสูง 178 ซ.ม
ภูมิลำเนา กรุงเทพฯ
สัญลักษณ์ประจำตัว Tigger











การศึกษา จบปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
เกียรตินิยมอันดับสอง

















สีที่ชอบ ส้ม ดำ เหลือง
ขนมที่ชอบ Brownie, Chocolate
ผลไม้ที่ชอบ แตงโม กล้วยน้ำว้า
ลักษณะนิสัย - ง่าย ๆ อะไรก็ได้
- จริงใจ
- ขี้เล่น
จุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร - เป็นตัวของตัวเอง
- เป็นคนตรง ๆ
นิสัยเพื่อนที่จะเลือกคบ - พูดตรง/จริงใจ
ผู้หญิงในสเปค - เรียบร้อย น่ารัก จริงใจ
คติประจำใจ - Sometime bad sometime good
ความใฝ่ฝัน - เป็นนักร้องที่ดี มีคนชอบเพลงที่เราแต่ง
อาหารที่ชอบ - ก๋วยเตี๋ยวทุกอย่าง/ยำทุกอย่าง








เพลงที่ชอบ - กันและกัน/Flure
กีฬาที่ชอบ - ว่ายน้ำ/ปิงปอง
เครื่องดื่มที่ชอบ - น้ำกีวี/น้ำว่าน
ศิลปินที่ชอบ - กะลา/Moern Dog
สัตว์เลี้ยงที่ชอบ - สุนัขทุกพันธ์
ของที่ต้องพกติดตัวตลอด - โทรศัพท์มือถือ
สไตล์การแต่งตัว - กางเกงขาสั้น เสื้อยืด
Size เสื้อ M
กางเกง 31
รองเท้า 42

งานอดิเรก ออกกำลังกาย/ดูหนัง
สถานที่ท่องเที่ยวที่ชอบไป เชียงใหม่/กาญจนบุรี
แนวเพลงที่ชอบ Rock/Pop Rock
หนังสือที่ชอบ Harry Potter
เครื่องดนตรีที่ชอบเล่น กีต้าร์/กลอง
ภาพยนตร์ที่ชอบ Parsuit of happiness/I am Sam
เครื่องประดับ นาฬิกา/แหวน














มีพี่น้องรวมกัน 3 คน
มีพี่สาวคนโต
มีพี่ชายคนกลาง
กี๋เป็นน้องคนสุดท้อง
ประวัติคุณพ่อ เป็นนักดนตรี/เป็นครูสอนกีต้าร์
ประวัติคุณแม่ เป็นนักร้อง





กี๋กับคุณแม่





กี๋กับพี่สาว





กี๋กับคุณแม่และพี่ชาย








About Kee from Academy Fantasia Season 5

ผู้ใหญ่สุดของซีซั่นนี้เพราะอายุ 24 ปี สมัยเรียนมัธยมเคยต้องปีนรั้ววัด
เพราะเข้าเรียนสาย และอาศัยคำตอบของเพื่อนมาตอบในข้อสอบตัวเอง
แต่กลับเรียนจบคณะนิเทศศาตร์ เอกโฆษณา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 อาจเพราะเจอกับสิ่งที่เขาชอบเข้าให้แล้ว
เหมือนกับการที่เขาพบว่าตัวเองร้องเพลงได้และดีขนาดเป็นนักร้องนำ
ของวงได้ตั้งแต่ ป.5 และเป็นเรื่อยมาจนปัจจุบันก็เป็นนักร้องให้กับ
สถานบันเทิงร่วม 10 ร้าน เขาจึงต้องย้ายจากบ้านที่อยู่ในกรุงเทพฯ
มาอยู่อพาร์ตเมนท์ที่อยู่กรุงเทพฯ เหมือนกัน แต่ใกล้ที่ทำงานมากกว่า
บ้านเดิม และเขาก็เกิดห่างจากวันฮาโลวีนแค่วันเดียวนั่นคือ

วันที่ 30 ตุลาคม 2526

















"ความฝันของเราคือการมีมินิมาร์ท และการมีอัมบั้มกับวงของตัวเอง
ตอนนี้เราเปิดมินิมาร์ทได้แล้ว ความสนุกของมันคือจะเอาอะไรเข้ามาขายดี
เหมือนเดาใจลูกค้าว่าเขาจะซื้อของที่เราอยากให้ซื้อหรือเปล่า ด้วยจังหวะ
ที่ย้ายไปอยู่อพาร์ตเมนท์แล้วร้านข้างล่างเค้าจะเซ้งพอดี ก็เลยเสร็จเรา
เจ้าของก่อนหน้านี้ 2 คน ทำแล้วขายไม่ดี แต่เราทำแล้วก็ขายดีนะ"

นอกจากกี๋จะเป็นเถ้าแก่หมาด ๆ แล้ว เขายังเกือบได้เป็นนักร้องนำของ
วงดนตรีหน้าใหม่ หากแต่โชคชะตาก็กำหนดให้เขากลายมาเป็นนักล่าฝัน














"เราเริ่มร้องเพลงมาตั้งแต่ ป.5 ตอนนั้นไปร้องวงดนตรีพี่ชายขำ ๆ แล้วก็ดัน
ร้องได้ พอ ม.2 เข้ามัธยม เพื่อนเขาเตะบอลกันเราก็อยากเล่นดนตรีตั้งวง
กับเพื่อน เริ่มจากเล่นไม่เป็นทั้งวง เล่นประกวดไปเรื่อย ชีวิตเราตอนนั้น
มีแต่เรียนกับซ้อมดนตรีจนเข้ามหาวิทยาลัยก็ไม่อยากไปรบกวนเงินแม่แล้ว
เพราะแม่เราทำงานคนเดียว พ่อเสียตั้งแต่เด็ก อย่างเราอยากได้อะไรเป็น
ชิ้นเป็นอันเราก็ไม่อยากรบกวนเขา ค่าเทอม ค่าขนมเราหาได้ก็หาเอง
ตั้งแต่ปี 1 ก็เริ่มร้องเพลงตอนกลางคืน ทำมาตลอดจนได้เข้าไปอยู่ใน
ค่ายเพลง อยู่มาได้ประมาณ 5 ปี เกือบได้ออกอัมบั้มแต่ก็ไม่ได้ออก
เลยทำให้เรามาสมัครนี่ไง เรารู้ว่าจะไม่ได้ออกอัลบั้มก่อนหน้ามาสมัคร
2 อาทิตย์

การพลิกวิกฤติครั้งนั้นก็กลายเป็นโอกาสขึ้นมา
"แม่เขาก็เป็นห่วงเราว่าจะร้องเพลงได้อีกกี่ปี เพราะตอนเป็นวัยรุ่นแม่เรา
ก็เป็นนักร้อง พ่อเป็นครูสอนกีต้าร์ แต่พอโตเขาก็หันมาทำธุกิจกัน แต่พอรู้
ว่าเราติดรอบ 16 คน เขาดีใจมาก ไม่ขัดนะกลับเป็นคนที่สร้างความมั่นใจ
ให้เราว่าเราก็มีอะไรกับเขาเหมือนกัน และถ้ามันไปได้ดีเราก็อยากกลับ
ไปออกอัลบั้มกับวงเราเหมือนเดิม"

นอกจากการเป็นนักร้องที่มีงานชุกตลอด 7 วัน คืนละ 2 ร้าน เป็นเจ้าของ
มินิมาร์ทแล้ว ผู้ชายคนนี้ยังทำโมเดลลิ่งด้วย

"เปิดกับเพื่อน เพื่อนเป็นคนหาเด็กแล้วเราเป็นช่างภาพ รับถ่ายงาน
รับปริญญาอะไรไปเรื่อย เริ่มจากการเป็นแบบก่อน เคยถ่ายโฆษณา
มิวสิกวิดิโอ แล้วก็มาเปิดเองเลย




















เคยเป็นอดีตหนุ่มคลีโอหน้าใสขนาดนี้ เขากลับรับหน้าที่พี่ใหญ่ของ
น้อง ๆ อีก 15 ชีวิตในซีซั่นนี้

"รู้ไหมเราอายุมากที่สุดเลยนะ 24 เนี่ย ที่เหลือ 18 19 ทั้งนั้น แล้วก็มี 22
เราเป็นคนที่ถ้าไม่พูดแล้วจะเฉยไง แม่ยังกลัวว่าน้อง ๆ จะกลัวเราเลย
แต่ก็ไม่มีปัญหา สนิทกันหมดแล้วล่ะ จะมีก็แต่เราใช้ชีวิตกลางคืนมาตลอด
ไม่ค่อยถูกกับแสงแดด เราคงต้องปรับตัวอีก"











ถ้าเกิดโปรเจกต์การออกอัลบั้มในครั้งนั้นไม่เกิดปัญหาใด ๆ ก็คงจะไม่มี
กี๋ V14 มาอยู่ตรงนี้แล้ว และก็อาจจะหนีหายจากการร้องเพลงเล่นดนตรี
ไปทำบริษัทโฆษณาอย่างที่ร่ำเรียนมา

"เพื่อนที่เล่นดนตรีด้วยกันหนีไปเป็นอาจารย์สอนตีกลองแล้ว ไม่รอแล้ว
แต่เราคงไปสอนใครไม่ได้หรอก การเข้ามาตรงนี้มันเป็นจังหวะที่ชีวิต
เป็นจุดเปลี่ยนพอดี คือเราเป็นนักร้อง ถ่ายรูป มีมินิมาร์ท แต่เราคิดว่าไม่
เก่งพอสักอย่างเหมือนคนเป็นเป็ด ไม่ได้เก่งแต่ชอบถ่ายรูป ไม่ได้เสียง
ดีมากแต่ก็ชอบร้องเพลง ชอบค้าขายก็เปิดมินิมาร์ ชอบที่จะทำหลายอย่าง
ถามว่าทำได้ดีมั้ย ก็ทำได้ในระดับที่เราพอใจ คนอื่นมองยังไงเราไม่รู้นะ"

อ้าวอย่างนี้ก็อยู่ที่คุณแล้วล่ะ ว่ามองกี๋เหมือนเป็ดหรือเปล่า แต่ที่แน่ ๆ
หน้าตา ท่าเดิน และเสียงไม่คล้ายเลย

แต่ยังไงก็...สู้ต่อไป เจ้าเป็ดน้อย






















The TRUE man show
..............................

"ผมร้องเพลงมา 5 ปี ไม่เหมือนผมขึ้นคอนเสิร์ตครั้งเดียวที่ True AF"
คือคำบอกเล่าของพี่ใหญ่แห่ง True Academy Fantasia ซีซั่น 5
จากการขึ้นเวทีครั้งแรก ที่ทำให้คนไม่เคยแม้แต่จะคิดว่าตัวเองจะเข้า
เป็นหนึ่งในนักล่าฝันมาก่อนอย่างเขาเปลี่ยนความคิดตัวเอง จนกลายเป็น
นักล่าฝันที่ทำโชว์ได้ใจ เอาเวทีและคนดูอยู่แทบทุกวีค ได้รับเสียงกรี๊ด
เสียงปรบมือจากผู้คนท่วมฮอลล์และท่วมจอ จนคว้าอันดับ 5 ไปครอง

มารู้ไปพร้อม ๆ กันว่า ทำไม และอะไร ที่ทำให้เขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
[อ้อ! อย่าลืมเอียงคออ่านไปด้วยล่ะ ก็นี่ล่ะคำท่าโชว์ประจำตัว]

KEE
ฐษชัย ชนะอรรถกาล

ความ [ไม่] รู้ คือลาภอันประเสริฐ
"ผมไม่เคยมั่นใจในตัวเองเลย มาก ๆ ด้วย ไม่ได้เพิ่งเป็นตอนเข้าบ้าน
True AF แต่เป็นมาตั้งนานแล้ว ยิ่งเราไม่รู้ว่ามุมกล้องเป็นอย่างไร
กล้องจะถ่ายตอนไหน เราจะเป็นธรรมชาติมาก กลับบไปดูนี่โคตร
ตลกเลย [หัวเราะ] เฮ้ย! มีมุมอย่างนี้ด้วยเหรอ และจากคนที่เคยใช้
ชีวิตด้วยตัวเอง ไม่เคยเต้นต้องมาเต้น ไม่เคยแอ็กติ้งต้องมาแอ็กติ้ง
ไม่เคยตื่นนอนไม่เคยกินข้าวเป็นเวลา สองวีคแรกนอนก็นอนไม่หลับ
ไม่ได้เตรียมใจมาก่อน ปรับตัวไม่ทัน

"ตอนที่ได้เป็นนักล่าฝัน 12 คนก็เอาวะลองดู ไหน ๆ ก็มาถึงนี่แล้ว
เริ่มรู้แล้วว่ามีคนเขารักเรา เขาโหวตให้เรานะ ไม่อย่างนั้นเราอยู่ไม่ได้
จนถึงนี่หรอก เริ่มรู้จักครูมากขึ้น รู้ว่าเขาให้ใจเรา สอนเราให้ความรู้เรา
น้อง ๆ ที่พออยู่ไปก็ปรับตัวเข้ากันได้มากขึ้น จากที่เคยสนิทกันแค่
4-5 คน ก็เริ่มอิน เริ่มรู้แล้วว่ามันต้องเป็นอย่างนี้ ไม่เคยคิดว่าจะร้องไห้
มาก่อน เพราะเราไม่ใช่คนเซนซิทิฟ แต่ก็ร้องจนได้ มันอดไม่ไหวจริง ๆ

จากน้องเล็กกลายเป็นพี่ใหญ่
"เราเป็นน้องเล็กสุดในบ้าน แต่เข้ามาในนี้ต้องเป็นพี่ใหญ่ที่สุด
ตอนแรก ๆ จะสนิทกับเบนซ์ แต๊บ ปั๊ม สี่ยอดกุมารแบบที่เขาเรียกกัน
เราชอบนะ มันดูเป็นเด็กซน ๆ มันมีเรื่องแปลกมากคือ พอเราเริ่มสนิท
กับใครคนนั้นจะออกหมด [หัวเราะ] เบนซ์ แต๊บ อย่างว่านพอเริ่มสนิท
เริ่มคุยก็...ออก นัทเริ่มคุยกันมากขึ้นก็...ออก กับโบว์ที่ออกไปด้วยเนี่ย
ก็สนิทกัน โบว์อายุใกล้เราที่สุด เป็นเพื่อนกันคุยกันรู้เรื่อง จะพัฒนาไปไหม
ไม่รู้จริง ๆ แต่ตอนนี้เป็นเพื่อนกัน

"ปั๊มเป็นคนเดียวที่เราสนิทกันตั้งแต่ก่อนเข้าบ้านแล้วรอดชีวิตมาถึงวีค
สุดท้าย [หัวเราะ] ผมกับปั๊มมีจุดประสงค์ในการเข้ามาเหมือนกัน
เขาอยากช่วยที่บ้านเขา ผมอยากช่วยที่บ้านผม ทุกเรื่องที่ปั๊มเจอ
ผมเคยเจอมาก่อนตอนที่อยู่นอกบ้าน ระหว่าง 5 ปีที่ร้องเพลงมา
ทั้งร้องไม่ได้ โดนว่าโดนด่าสารพัด เคยแม้กระทั่งอยู่ในห้องอัดแล้วคนที่
มาอัดเพลงให้บอกว่าถ้าเปลี่ยนนักร้องวงดังกว่านี้ไปแล้ว ร.เรือ ล.ลิง
ยังออกเสียงไม่ชัดเลย ประสบการณ์แบบนี้เราเคยเจอมา เวลาน้องท้อ
เราก็เล่าให้ฟังได้ ผมว่าคนเรามันพัฒนาได้เสมอ ดีใจนะที่น้อง ๆ เห็นเรา
เป็นพี่ ไว้ใจที่จะปรึกษาและก็ฟังเรา"

เกือบไปแล้ว
"ก็อย่างที่รู้กันก่อนเข้าบ้าน กี๋มีวงดนตรีของตัวเองที่ตั้งกับเพื่อนตั้งแต่
สมัยมัธยม คือเราตั้งกันมานานแล้ว ชื่อวง "สปริง" กำลังจะได้ออกอัลบั้ม
เพลงทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว อัดเสียงแล้วด้วย แต่ก็ต้องหยุดไปก่อนเพราะ
ทางค่ายเขาพักโปรเจกต์นี้ไป ก็ทำให้เราแย่ไปเหมือนกันนะ แต่ถ้าคิดอีก
อย่างถ้าได้ออกอัลบั้มตอนนั้น เราก็คงไม่ได้เข้ามาอยู่ในบ้าน True AF แล้ว

"การที่เราเคยเป็นนักร้องกลางคืนมาก่อน เคยเกือบจะได้ออกอัลบั้มด้วย
[หัวเราะ] ไม่ได้ทำให้เรามีภาษีดีกว่าน้องคนอื่นเลยนะ พอเข้ามาอยู่ในบ้าน
ทุกอย่างต้องเริ่มใหม่หมด ทั้งร้อง เต้น..แอ็กติ้ง ซึ่งเราคิดว่าเป็นเรื่องดีมาก
เลยที่ได้เรียน ได้รู้ อะไรที่เราอยากรู้จริง ๆ พยายามเปิดรับทุกอย่าง
เริ่มต้นใหม่หมด เราเคยปฏิเสธการร้องเพลง ฟังเพลงสากลมาตลอด
เพื่อนบอกเพื่อนชวนเท่าไหร่ก็ไม่ทำ แต่พอเข้ามาในนี้ ทำให้เราเปิดรับ
และทำอะไรแบบที่เราไม่เคยทำ การเป็นนักร้องกลางคืนมาก่อนนั้น
ช่วยได้ในเรื่องประสบการณ์บนเวทีบ้างเหมือนกัน แต่อย่างไรก็เป็นคนละ
เรื่องกับการขึ้นเวทีคอนเสิร์ตทุกคืนวันเสาร์ ที่ต้องเอาทุกอย่างในตัว
ออกมาให้หมด มีเท่าไหร่เรียกว่าใส่หมดตัว"

ความเชื่อของกี๋
"คิดไว้ก่อนว่าเมื่อเข้าบ้าน True AF มา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะมี
คนชอบหรือไม่ชอบเรา ขอให้เราเป็นอย่างเดิม ออกมาจะได้ภูมิใจมากกว่า
การที่เราทำตัวเพื่อให้มีคนรัก ตอนที่อยู่ในบ้านไม่รู้กระแสอะไรเลย
คิดทุกวีคว่าเราต้องออก ไม่เคยคิดในแง่ดีเลย เขาจะชอบเราเหรอ
หน้าตาเราก็เหมือนจิ๊กโก๋ [หัวเราะ] คืออย่างที่บอกว่าผมไม่เคยมั่นใจใน
ตัวเอง ไม่เคยภูมิใจในตัวเองเลย คนที่ร้องดีกว่าเรา ขยันกว่าเรายังออก
ไปเลย เราอยู่มาได้ก็ต้องขอบคุณจริง ๆ"

"ถ้าเป็นไปได้อยากได้ที่ 3 นะ [หัวเราะ] ไม่มีเหตุผล แค่รู้สึกว่ามันกลาง ๆ
ดี แต่ได้มาถึงวีคสุดท้ายก็ดีมากแล้ว กลับไปที่บ้านแม่เล่าให้ฟังว่า
คะแนนเราไม่ดีเลย ไต่อันดับท้าย ๆ เกือบทุกวีค เราก็ โอ้โห! งั้นมาถึง
เท่านี้ก็ดีมากแล้วล่ะ [หัวเราะ] ตอนที่โชว์อยากให้ออกมาเป็นโชว์ที่
ประทับใจที่สุด ไม่มีความกังวล ความคาดหวัง แรงกดดัน ไม่มีอะไรต้อง
ซีเรียสเลย อยากแสดงเพื่อขอบคุณทุกคนจริง ๆ ที่ส่งให้เรามาตรงนี้ได้
คิดอย่างเดียวร้องเพื่อคนดู ทุ่มสุดตัว อยากเดินลงไปข้างล่างมานานแล้ว
แต่ที่ธันเดอร์โดมทำไม่ได้ พอได้ลงไปจริง ๆ ที่อิมแพคสนุกมาก
ได้รับส่งอารมณ์กับคนดู รับรู้ว่าเขาสนุกไปกับเรา"

"ก็ตกลงกับตัวเองว่าจะเอียงคอบ้างไม่เอียงบ้างสลับกัน [หัวเราะ]
เคลียร์ก่อนว่าที่คอเอียงนั่นคือเราเศร้านะ เราเศร้าเราก็เค้น วันไหนอินเยอะ
คอก็จะเอียงเยอะ [หัวเราะ] มันเจ็บปวดเหลือเกิน อย่างวีคเพลงเกาหลี
จะเอียงมากเพราะเศร้ามาก ถ้าไม่เศร้าก็จะไม่เอียง"

อัลบั้ม=อนาคต
"ถ้าเข้ามาถึงขนาดนี้แล้วไม่ได้ออกอัลบั้ม เราก็จะไม่ดิ้นรนอะไรแล้ว
แสดงว่าคนคงไม่เห็นจริง ๆ [หัวเราะ] เพราะมาถึงใน True Academy
Fantasia มีคนเห็นเรา พอมีคนรู้จักบ้างแล้ว ยังไม่มีใครเห็นว่าเราทำได้
เราก็คงไปทำในสิ่งที่เราเรียนมา ก็คือโฆษณา"

"ถ้าให้เลือกได้ก็อยากร้องกับวงนะ จริง ๆ แล้วถ้าให้ทำอะไรก็จะพยายาม
ทำหมด มาถึงตรงนี้แล้ว [หัวเราะ] ดีเจ พิธีกร ก็อยากเป็น แต่พูดไม่ค่อย
รู้เรื่องน่ะสิ ของอย่างนี้มันต้องมีพรสวรรค์น่ะ [ลากเสียง] แต่อย่างแรกขอ
ออกอัลบั้มก่อน"

ของฝากนักล่าฝัน
"ผมเคยท้อนะ แต่ไม่เคยมีความรู้สึกไม่เอาแล้ว เราเข้ามาที่นี่เพราะอะไร
เข้ามาร้องเพลง เราก็ต้องทำให้ดีที่สุด เราไม่สามารถจะบอกทุกคนได้ว่า
โทษนะครับหยุดโหวตให้ผมเถอะครับ ผมอยากออกแล้ว มันไม่ใช่
คนเขาอยากโหวตให้เรา อยากสนับสนุนเรา อยากให้เราอยู่ พอคิดถึง
คนเหล่านั้นก็ต้องอยู่ทำต่อไป และจะทำเพื่อตัวเองเฉย ๆ ไม่ได้ ต้องทำ
ให้คนที่โหวตเราไม่อาย หรือรู้สึกว่าเขาโหวตผิดคน

"การมาอยู่ในนี้ทำให้เราโตขึ้นมากเลยนะ เหมือนคอร์สเร่งโตภายใน
3 เดือน เราอดทนขึ้นเยอะ ไม่รู้จะพูดอย่างไร มันสุดยอดมากเลย
คิดถึงแม่ ก็ไม่รู้ว่าแม่สบายดีหรือเปล่า เห็นแต่ตอนที่เขามาส่งขึ้นรถ พูดกัน
ก็ไม่รู้เรื่อง คนจะด่าจะว่าเราขนาดไหน แม่เราจะเดือดร้อนแค่ไหน โดนบิลด์
มาเยอะก่อนเข้าบ้าน เนี่ยพ่อกับแม่ต้องทำใจนะลูกอยู่ในบ้านอาจจะมี
ร้องไห้บ้าง เราก็เอาแล้ว ถ้าจะด่าด่าเรา อย่าด่าแม่เรานะ [หัวเราะ]
โชคดีที่แม่เข้าใจ เราอยากจะทำอะไรก็ทำไป ทำให้ดีที่สุดพอ และที่ห่วง
มากคือกลัวว่า จะอินกันมากจนขายรถขายบ้านมาช่วยโหวต พอออกมาก็
โล่งอกมากที่ทุกอย่างยังอยู่ครบ [หัวเราะ]

"ขอบคุณทุกคนที่โหวตให้จริง ๆ แม่เล่าให้ฟังว่าคนนั้นดีกับเราอย่างนี้
คนนี้ดีกับเราอย่างนั้น ตั้งแต่คอนเสิร์ตวีคแรกที่มาเชียร์ ทำป้ายไฟ ทำเสื้อ
เยอะแยะมากมาย ชีวิตเราไม่คิดว่าจะได้เจอหรือเรื่องแบบนี้จะเกิดกับเรา
ผมดีใจตรงที่เราไม่ต้องเปลี่ยนตัวเองหรือไปทำอะไรที่ทำให้คนรู้สึกดี
เขาบอกว่าเขารักที่กี๋เป็นกี๋ แค่นี้ผมก็ประสบความสำเร็จและมีความสุขแล้ว

ลองเปรียบเทียบกับตอนที่ร้องเพลงตอนกลางคืน ต่างกันแบบฟ้ากับดิน
ตอนนั้นร้องเพื่อทำมาหากินก็มีความสุขระดับหนึ่งที่ได้ร้องเพลงแล้วก็ได้
เงินด้วย แต่การร้องบนเวทีที่นี่เป็นการร้องเพื่อให้คนที่ตั้งใจมาดูเรามี
ความสุข ด้วยความที่เขาอยากมาดูจริง ๆ เขาชอบที่เราร้องจริง ๆ ปรบมือตาม มันได้ใจมากกว่า รู้แล้วว่า อืม...ความสุขที่แท้จริงของการร้องเพลง
มันเป็นอย่างนี้นี่เอง"

V14
ขอบคุณทุก ๆ กำลังใจ แรงเชียร์
แรงโหวต ของทุก ๆ คนมากครับ
ถ้าไม่มีทุกคน ผมไม่มีวันนี้แน่นอนครับ

ขอบคุณจากใจครับ
กี๋ AF.5
.................................................

Credit:: True Academy Fantasia 5
Portraits of DREAMS


















24-7 | แรงบันดาลใจในการเข้ามาประกวด AF5 คืออะไร
ดนตรีถือว่าเป็นสิ่งที่ผมชื่นชอบมากที่สุดครับ เวลาที่เราร้องเพลง เล่นดนตรี มันทำให้เราผ่อนคลาย มีความสุข ความฝันของผมก็คือได้เป็นศิลปิน ออกอัลบั้ม และ AF ก็เปิดโอกาสให้เราได้แสดงความสามารถตรงนี้ออกไป เลยทำให้ผมได้มีวันนี้ครับ

24-7 | ได้ยินมาว่าก่อนหน้าที่จะเข้ามาประกวด เคยทำงานเกี่ยวกับดนตรีมาด้วย
ก่อนหน้านี้ผมก็ทำงานประจำครับ และร้องเพลงที่ผับตอนกลางคืน เคยทำอัลบั้มกับค่ายอินดี้ค่ายหนึ่ง ทำทุกอย่างเกือบเสร็จหมดแล้ว ทั้งอัดเสียง ถ่ายปกอัลบั้ม แต่ช่วงนั้นเจอพิษเศรษฐกิจเลยต้องพักตรงนี้ไว้ก่อน ก็ดีนะถือว่าเป็นการฝึกฝนก่อนที่เราจะเข้ามาประกวดตรงนี้

24-7 | สิ่งที่ได้เรียนรู้ตอนอยู่ในบ้าน AF
ได้เรียนรู้หลายอย่างเลยครับ สิ่งแรกที่ผมได้รู้ก็เรื่องความเป็นคนครับ คือคนเรามาจากคนละที่ จากต่างครอบครัวแล้วได้มาอยู่รวมกัน ซึ่งกว่าที่เราจะสนิทกันได้ขนาดนี้มันต้องใช้เวลา ทำให้ผมรู้ว่า คนเราอย่ามองที่ภายนอก ก็ต้องเปิดใจรับกับสิ่งที่ไม่เคยเปิดจะได้เรียนรู้คนหลายๆ คนว่าเขาอาจไม่ใช่ อย่างที่เราคิดก็ได้

24-7 | ในเรื่องของการพัฒนาทางด้านการร้องของเราเป็นอย่างไรบ้าง
การที่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านก็ถือว่าเราต้องรับความรู้เยอะแยะมากมายอยู่แล้วครับ ทั้งทางด้าน ดนตรี, การแสดง, การร้องเพลง หรือแม้แต่การใช้ชีวิต คือเกือบทุกอย่างที่ทำให้เรามีการพัฒนาตนเอง อย่างการร้องเพลงก็ช่วยได้มากครับ ได้รู้เทคนิควิธี เคล็ดลับ จากครูเยอะมาก

24-7 | ที่บ้านมีส่วนช่วยเราในตรงนี้ยังไงบ้าง
ที่บ้านไม่ผลักดันเลยครับ พ่อแม่ไม่รู้ว่า AF คืออะไร พ่อแม่ไม่เคยดูผม แต่ที่บ้านไม่เคยขัดขวางครับ ที่บ้านไม่เคยบอกให้ผมไปทำอย่างอื่น คือผมจะร้องเพลงกลางคืนมาก่อน สิ่งที่แม่คาดหวังคือ อยากให้ผมมีงานที่มั่นคง อยากให้เราเลิกร้องเพลงและทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันสักที แต่เขาก็ไม่ห้ามเรา ร้องเพลง เขาให้โอกาสเราเรื่อยๆ พอผมมา AF แม่รู้อีกทีผมจะเข้าบ้านแล้ว แต่สุดท้ายเขาก็ภูมิใจในตัวเราครับ

24-7 | วางแผนกับชีวิตไว้ยังไงบ้าง
ตอนนี้ก็บอกเสมอว่าผมพร้อมจะทำทุกอย่าง เรียนจบแล้วก็ถือว่าโอเคแล้ว และเรามุ่งมั่นที่จะเป็นนักร้องอยากทำอัลบั้ม อยากเป็นนักร้อง ส่วนงานอื่นๆ ในวงการก็อยากลองทำครับ พร้อมทำทุกอย่างให้มันดีที่สุดถ้าเป็นงานในสิ่งที่เรารักมันก็โอเค

24-7 | อยากจะบอกอะไรกับคนที่กำลังตามหาฝัน
ผมเชื่อเรื่องดวงนะครับ เรื่องจังหวะชีวิตที่มันดีขึ้น คือคนเก่งก็ไม่สามารถที่จะไปถึงฝันได้ถ้าดวงไม่ดี อย่างน้อยถ้าจะไปถึงฝันเราก็ต้องทำตัวเองให้ดีที่สุดก่อน ถ้าไม่ได้จริงๆ อย่าไปเสียใจ เราก็ไปทำอย่างอื่น ก็ถือว่าลองแล้ว แต่ถ้าเกิดได้ขึ้นมาก็ถือว่าเราประสบความสำเร็จ

ที่มา City Magazine



















Create Date : 21 พฤษภาคม 2551
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2558 15:55:36 น.
Counter : 6567 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Botaman
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






























































































































พฤษภาคม 2551

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
22
23
24
26
27
29
30
31
 
All Blog