จากการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงที่หาได้จากทาง สนพ. และ ปตท.จากภาพจะเห็นได้ว่า “ราคาน้ำมันสำเร็จรูปขายปลีกของไทยเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดสิงคโปร์(MOPs)”

อีกหนึ่งปัจจัยหลักของการปรับราคาน้ำมัน

อีกปัจจัยสำคัญคือ ค่าการตลาดของผู้ขายน้ำมัน จะมีปรับราคาน้ำมันเช่นกัน โดยผู้ค้าน้ำมันทุกเจ้าในตลาด ย้ำว่าทุกเจ้าในตลาดต้องมีต้นทุนที่ปรับตัวตามต้นทุนที่ซื้อมาขายต่อ โดยถามว่าหากไม่ปรับตัวตามจะส่งผลอย่างไรบ้าง อย่าลืมว่า ค่าการตลาดนั้นเป็นรายได้ของผู้ค้าก็จริง แต่ทั้งนี้ในนั้นประกอบไปด้วย รายจ่ายต่างๆ เช่น ค่าพนักงานเติมน้ำมันค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าบำรุงระบบสาธารณูปโภค หากของไทยไม่ปรับตัว ผู้ขายจะอยู่ได้อย่างไร

ในต่างประเทศ ค่าการตลาด (Marketing Margin, Distribution margin,distribution costs, marketing costs, and profits.. etc แล้วแต่จะเรียก)เป็นรายได้ของทางปั๊มที่เป็นค่าจิปาถะต่างๆเพื่อให้ปั๊มสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้

และที่สำคัญ ต่างประเทศเกือบแทบทุกปั๊ม เป็นแบบ Self Service หรือ แบบบริการตัวเองด้วยซ้ำ (ดังนั้นในส่วนของค่าแรงย่อมเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อรายได้ปั๊มของไทยจะเห็นได้ว่า มีบางปั๊มที่ปรับราคาน้ำมันเพื่อขายให้มีราคาต่ำกว่า แต่เป็นบริการแบบเติมน้ำมันเอง รวมไปถึงบางแห่ง ปั๊มเล็กมากๆ อาจมีการปรับราคาน้ำมันที่ถูกกว่า)

ดังนั้น หากบอกว่าของไทยมีการปรับราคาน้ำมันถี่ๆก็เนื่องด้วยสาเหตุที่ว่า รายได้ของคนขายน้ำมันนั้น ค่อนข้างจะมีการควบคุมไม่ให้ต่ำเกินไป หรือสูงจนเกินไปนั่นเอง (ตามกราฟจะมีบางช่วงที่สูง และ ต่ำ)

ข้อมูลจาก : //bit.ly/2bd1mUR

ปรับขึ้นราคาน้ำมันมีผล 20 ส.ค. 2559 เวลา 05.00 น.เป็นต้นไป

ผู้ค้าปรับขึ้นราคาน้ำมันขายปลีกทุกชนิด
– ULG GSH95 E20 E85 GSH91 ดีเซล เพิ่มขึ้น 0.40 บาทต่อลิตร

โดยราคาขายปลีกจะเป็นดังนี้

· ULG = 31.76

· GSH95 = 24.65

· E20 = 22.14

· GSH91 = 24.38

· E85 = 17.99

· Diesel = 24.19

โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร

ที่มาข้อมูลเพจ น้องปอสาม : //goo.gl/ITqinZ

สามารถติดตามบทความดีๆเพิ่มเติมได้ที่ : www.รู้จริงพลังงานไทย.com/เหตุราคาน้ำมันปรับถี่/

แหล่งที่มาของข้อมูล : //samtahantoptt.blogspot.com/2016/04/ipo-2544-3.html

Create Date : 12 กันยายน 2559
Last Update : 12 กันยายน 2559 9:56:52 น.		0 comments
Counter : 731 Pageviews.
Share Tweet