Bloggang.com : HappySomseng : France

France - Paris a la Carte

จริงๆ แล้วทริปนี้เป็นการเดินออกนอกเส้นทางที่แสนสุดจะประทับใจ เพราะจุดหมายปลายทางของเราคือเยอรมัน แต่ปีที่แล้วเราก็ไปเที่ยวเกือบจะทั่วเยอรมันเหนือละ
ปารีสเมืองในฝันก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมาในใจ แต่ปัญหาคือว่าเพื่อนร่วมทริปจะยอมไปกับเราไหมน๊า

หลังจากตกลง ปลงใจเดินทางด้วยกันละ อิอิ เพื่อนๆ และคุณแฟนก็ตกลงใจไปปารีสกับเราอย่างว่าง่าย คราวนี้เราในฐานะผู้วางแผนก็ได้ไปซื้อหนังสือเที่ยวฝรั่งเศล
มาอ่านเพื่อหาข้อมูล และก็ได้เล่มนี้มาจากเอ็มโพเรียมหลังจากไปอ่านมาหลายสำนัก

หลังจากทำสรุปสถานที่น่าสนใจ และร้านห้ามพลาดในปารีสเรียบร้อยแล้ว เราก็นั่งนับวันนับคืนรอกันเลยทีเดียว การเดินทางไปปารีสครั้งนี้เราเริ่มต้นทัวร์โดย
การนั่ง Thalys จาก Aachen ไป Paris ใช้เวลาประมาณ 2.30 ชั่วโมง ซึ่ง Thalys จอดเฉพาะเมืองใหญ่ๆ เท่านั้น สายนี้เริ่มต้นที่ Köln - Aachen - Brussels - Paris

หน้าตาเจ้าทาลีสก็สวยงาม และภายในห้องโดยสารก็สวย หรู และสบายยิ่งกว่าบนเครื่องบินซะอีก เราซื้อตั๋วแบบไปกลับ จากเมืองอาเคน เยอรมัน-ปารีส
สนนราคาอยู่ที่ 200 กว่ายูโร อันนี้ซื้อผ่านเว็บของทาลีสโดยตรง ทำให้เราสามารถนำตั๋วไปขึ้นรถไฟระหว่างเมืองฟรีด้วย ฮุ ฮุ ก็ถือว่าคุ้ม

และแล้วเราก็มาถึงปารีสในตอนเช้าตรู่ ก่อนมาว่าตื่นเต้นแล้ว พอมาถึงต้องแอบหยิกแขนตัวเองว่านี่เรามายืนอยู่กลางมหานครแห่งแฟชั่นแล้วเหรอนี่
มาดูกันเลยคะว่าซิตี้ทัวร์ของเราเป็นยังไงกันบ้าง (จัดทริปเองเลยน๊า)

หลังจากหลงไปมาอยุ่หลายรอบ พวกเราก็มาถึงหอไอเฟลกันแล้วคะ มาถึงแต่เช้าเลยได้มีโอกาสสัมผัสไอเฟลจากสถานีทรอคาเดโร (Trocadero) พอเดินพ้นเหลี่ยมตึก
และขึ้นมาบนลานปลาซดูทรอคาเดโร ยอดหอไอเฟลก็ค่อยๆ ชัดขึ้นจนเต็มตา

หลังจากดูจนอิ่มแล้วเราก็ขอไปสัมผัสหอไอเฟลแบบใกล้ๆ บ้าง ระหว่างเดินทางก็มีคนดำเดินขายของที่ระลึกเต็มไปหมด เราก็แอบมองไว้ละ อะไรที่ควรจะซื้อ
(จริงๆ ทำการบ้านมาจากหนังสือ เขาบอกว่าให้ซื้อกับคนดำพวกนี้ละถูกกว่าร้านของคนปารีเซียงเป็นไหนๆ อิอิ)

เดินชมจนทั่วแล้ว เราก็เดินข้ามฝั่งถนนไปเพื่อที่จะลงเรือชมเมืองปารีส Seine River Cruise.. เราเลือกซื้อตั๋วแบบ Hop on - Hop off ของเรือ Batobus
1 day pass 14 euro ระหว่างทางมีท่าเรืออยู่หลายแห่ง หากเราอยากชมจุดไหนก็ขึ้นจากเรือไปเดินชมแล้วค่อยลงเรือเที่ยวถัดไปได้จนไปถึงเที่ยงคืน หน้าตาของเรือที่ว่าก็เป็นแบบนี้นะคะ

ระหว่างนั่งบนเรือเราก็ได้ชมวิวและสถานที่สวยๆ เต็มไปหมด

ภาพนี้มองเห็นไอเฟลจากมุมสะพานอเล็กซานเดอร์ที่สาม
เราขึ้นจากเรือที่ท่าตรงข้ามกับนอเตรอะดาม Cathedrale Norte Dame เห็นแล้วอยากจะกรี๊ด สวยงามยิ่งกว่าในรูปที่เราเห็นอีกกกกกก

แต่ตอนนี้ก็เกือบสิบโมง ท้องร้องใหญ่เลย เพราะเวลาที่เมืองไทยก็เกือบจะบ่ายสามแล้วสินะ ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย เดินชิวๆ กันอยู่ฝั่งตรงข้ามมหาวิหาร
ก็เจอคาเฟ่แบบปารีเซียงเก๋ แต่เห็นราคาอาหารกับเครื่องดื่มแล้วก็เลยต้องสั่งทานแต่พอควร อิอิ

ทานอาหารอิ่มแล้ว เราก็มีแรงไปเดินกันต่อ ตั้งใจไว้ว่าจะต้องเข้าไปชมมหาวิหารให้ได้ หลังจากพลาดการเข้าชมหอไอเฟลเพราะคนมหาศาล คาดว่าถ้ารอคิวขึ้นคงต้องถึงเย็น
แต่เห็นคิวหน้ามหาวิหารก็คงต้องบ๊าย บายเหมือนกัน เค้ามาจากที่ไหนกันเนี่ย

เอหรือว่าทริปปารีสของเราจะต้องเป็นชะโงกทัวร์ไปซะแล้วนะ เฮอะ เฮอะ ว่าแล้วก็เดินลัลลากันไปต่อ แอบเสียดายค่าเรือ 14 ยูโรเหมือนกันนะเนี่ย
แล้วเราก็ตกลงกันว่าเราจะเดินชมปารีส แงๆ เพ่ิงขึ้นเรือได้แค่รอบเดียวเอง (แอบงก)

มองไกลๆ เห็นกงเซียร์เชอรี-ปาเลเดอจูสตีซและโบสถ์แซงค์ชาแปลล์ ยอดแหลมๆ ของโบสถ์แซงต์ชาแปลล์และปาเลเดอจูสตีซสีเหลืองอร่าม สวยงามระหว่างทางเดินไปพิพิธภัณฑ์ลูฟวร์

หอคอย Tour Saint-Jecques อยู่ใกล้ๆกับ Place du Chatelet

เดินมาอีกสักสองป้ายรถเมล์เราก็มาถึง Musee du Louvre เป็นพิพิภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ตัวอาคารเป็นพระราชวังของกษัตริย์ฟิลิป-ออกัสตัสมาก่อน

ที่นี่คิวก็ยาวไม่แพ้ที่อื่นๆ เลยคะ อิอิ แต่ว่าเราอยากเข้าไปดู อิอิ รอ รอ รอ กันดีกว่า เพื่อนๆ ก็บอกว่าค่อยมาใหม่ตอนคำ่ ไปเดินช๊อปกันก่อน เราก็ต้องว่าง่าย ว่าไงก็ว่าตามกัน

เดินข้ามถนนมาอีกฝั่งเพื่อเดินชมสวนตุยเลอรี่ ก็เลยแวะถ่ายรูปที่ Arc du Carrousel ประตูชัยเล็กหน้าสวยตุยเลอรี่ มองไกลๆ จะเห็นเสาโอเบลิสก์ที่จตุรัสกงกอร์ด และประตูชัยใหญ่ Arc de Triomphe

ระหว่างเดินในสวนก็เห็นคนต่อคิวซื้อไอติม เยอะอีกแล้ว อะไรกันเนี่ยประเทศนี้ คนไม่ทำงานกันเลยหรือไง มาเที่ยวเล่นลัลลากันได้ทั้งวัน อิอิ

และเราก็ได้ล้ิมลองรสชาติไอศครีมแบบเยอรมัน อ้าวทำไมมาขายที่ปารีสละเนี่ย อร่อยสมราคา 5 ยูโรจริงๆ เพื่อนบอกว่าแพงแบบนี้เราคงต้องกินไปทั้งถ้วยกระดาษเลย อิอิอิ

เดินมาหยุดที่จตุรัสกงกอร์ดก็สามารถมองเห็น Champs Elysees & Arc de Triomphe ยืนตระหง่านรอพวกเราอยู่

จะว่าไปปารีสนี่ก็รถเยอะไม่แพ้กรุงเทพฯ เลยนะ แต่ทำไมเค้าไม่รถติดน๊าาาาา แล้วสายตาก็ไปสะดุดอยู่กับคู่บ่าวสาวที่มาถ่ายพรีเว็ดดิ้งกัน เห็นแล้วแอบอิจฉาในความโรแมนติก

นี่ก็เดินมาจะครึ่งวันละ ทำไมยังไม่ถึงลาฟาแยตต์สักที (อยากใช้เงินเต็มที่ละ อิอิ) และตามคาดเดินมาเรียกได้ว่าน่องบานพอดีเราก็มาถึงหน้า Opera Garnier โอเปร่าการ์นีเยร์ ถนนสายนี้ถือเป็นย่านหรูหราที่สุดในปารีส

และแล้วเราก็ต้องมาผิดหวังกันอีกทีที่ห้างลาฟาแยตต์ เพราะแถวที่รอหน้าช๊อปดังๆ อย่าง LV, Longchamp, CD etc... คงจะต้องรอกันไปถึงพรุ่งนี้ เพราะพนักงานให้ลูกค้าเข้าไปทีละห้าคน
ถ้าคนก่อนหน้าเราไม่ออกมา ก็อย่าหวังว่าเราจะได้เข้าไป เซรงงงงงงอุรา คงต้องกลับไปซื้อที่เยอรมัน ราคาต่างกันเกือบยี่สิบยูโร เสียใจที่สุด แผนสำรองของเราคือไปเดินแถวมงมาร์ต คิดได้ดังนั้นก็กลับไปนั่งเมโทรกันอีกรอบ แต่ตอนนี้เกือบห้าโมงเย็นแล้ว คนบนรถไฟเบียดกันไม่ต่างจากบีทีเอสสายแบริ่งเข้าเมืองตอนเช้ากันเลยทีเดียว เฮ้อ อึดอัด แถมพ่อหนุ่มๆ ที่เบียดอยู่ข้างๆ นี่กลิ่นเกินจะทน ดีที่พกยาดมวาเป๊กซ์ไป ไม่งั้นคงจะต้องปล่อยให้อาหารเที่ยงออกมาเลอะเทอะรถไฟปารีส อิอิ

รถว่ิงชั่วอึดใจ อ้าวมาถึงแล้วเหรอนี่ ถ้ารู้ว่ามัันใกล้ๆ แค่นี้เราน่าจะเดิน แต่ไม่ทันแล้วเพราะตอนนี้พวกเรามายืนกันอยู่หน้าโบสถ์ซาเกรเกอร์ โบสถ์นี้สร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานให้กับทหารฝรั่งเศล 58,000 นายที่เสียชีวิตในสงครามฝรั่งเศล-ปรัสเซียในช่วงปี 1870-1871

ตอนขากลับเราก็เจอชาวปารีเซียงแต่งตัวแปลกๆ มายืนอยู่ด้านหน้า อ๋อจำได้เลือนๆ ในหนังสือเค้าบอกว่าเป็นอาชีพอีกอย่างหนึ่งของคนที่นี่ ถ้าจะไปถ่ายรูปกับเค้าก็จะต้องร่วมสมทบทุนค่าชุดกันก่อน ว่าแต่ว่าพอพ่อหนุ่มคนนี้เห็นหมวกที่เราใส่ไปก็ชอบใจใหญ่ เลยได้โพสต์กันมันไปเลย

ว่าแต่วันนี้พวกเราก็เดินกันร่วมสิบกิโล ระหว่างเดินก็เพลิดเพลินกับความสวยงามของเมืองปารีส แต่พอตกเย็น ขาก็ไม่สามัคคีกับใจละ เพราะใจอยากจะไปต่อ แต่ขาบอกไม่ไหวแล้ว ขอไปพักเอาแรงก่อนนะคะ แล้วจะมาต่อในทริปหน้า

Create Date : 21 กันยายน 2554

Last Update : 24 มิถุนายน 2555 0:55:57 น.

7 comments

Counter : 1150 Pageviews.