เล่าประสบการณ์ท่องเที่ยวในต่างประเทศ
Norway in a Nutshell ล่องเรือชมฟยอร์ดจากออสโลถึงแบร์เก้น









หลังจากที่เมื่อวานได้เดินชมสวนประติมากรรม Vigeland Sculpture Parkไปแล้ว วันนี้ฉันต้องปลุกนาฬิกาตั้งแต่ 6 โมงเช้า เพราะจะเดินทางไป Bergen ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของนอร์เวย์ การเดินทางข้ามเมืองครั้งนี้ฉันเตรียมซื้อตั๋วทัวร์มาเรียบร้อยแล้ว นั่นก็คือทัวร์ Norway in a nutshell เป็นทัวร์ชมฟยอร์ดที่ประเทศนอร์เวย์เขาโปรโมทนักหนาว่าสวยงาม แค่ฟังว่าเป็น Fjord tour ก็รู้สึกว่าต้องไปสัมผัสให้ได้ กลัวเดี๋ยวใครเขาว่าไปไม่ถึงนอร์เวย์จริงๆ



ตอนวางแผนโปรแกรมก็ค่อนข้างมึนกับการจัดการเวลาให้ลงตัว เนื่องจากการเดินทางจาก Oslo-Bergen ไปกับทัวร์ Norway in a nutshell ต้องใช้เวลาเดินทางตั้งแต่ 08.11-20.34 น. หรือ 12 ชั่วโมงเศษ มีทั้งนั่งรถไฟ ลงเรือ ขึ้นรถบัส แล้วก็ต่อรถไฟจนถึงเมือง Bergen ลองดูตั๋วและโปรแกรมนะคะ




ตั๋ว Norway in a Nutshell










08.11  Train from Oslo
12.53  To Myrdal

13.00  Train from Myrdal

13.50  To Flam

15.10  Boat from Flam

17.20  To Gudvangen
17.25  Bus from Gudvangen
18.20  To Voss
19.20  Train from Voss

20.34  To Bergen





การที่ฉันบอกว่าซื้อทัวร์ ไม่ได้หมายความว่าไปซื้อทัวร์ฝรั่งที่มีไกด์ประจำทัวร์นะคะ ทัวร์ Norway in a Nutshell ที่ตั๋วอยู่ในมือนี่ ลูกทัวร์ต้องช่วยเหลือตัวเอง ไม่มีไกด์คอยแนะนำ ราคาก็ตามที่เห็นค่ะ 1,345NOK คูณอัตราแลกเปลี่ยน 5.5 ก็ประมาณ 7,500 บาท ราคานี้เป็นแบบ single ticket หรือตั๋วเที่ยวเดียว และราคานี้ไม่มีอาหารหรือเครื่องดื่มบริการ สามารถจองตั๋วและชำระเงินผ่านเว็บไซต์ //www.fjordtours.com/en/ หรือ //www.norwaynutshell.com/ ได้เองค่ะ



หากเดินทางมาเที่ยวโดยใช้ตั๋วรถไฟแบบ Scandinavia Pass ก็จะสามารถใช้เป็นส่วนลดได้ หรืออาจจะซื้อตั๋วเองโดยไม่ต้องซื้อทัวร์ก็ได้ แต่ฉันลองคำนวณดูแล้วจากการที่ทริปนี้ไม่ได้ใช้ตั๋วแบบพาส การแยกซื้อดูเหมือนราคาจะไม่ถูกกว่าเลย แถมยังอาจจะยุ่งยากตอนที่ต้องไปซื้อตั๋วเองในแต่ละแห่งด้วย ก็เลยต้องยอมควักกระเป๋าจ่ายแต่โดยดี



ฉันเช็คเอ๊าท์ออกจากโรงแรม Best Western Karl Johan Hotel แต่เช้า แล้วก็ฝากกระเป๋าเดินทางไว้ใน Luggage room ของโรงแรม เพราะจะต้องกลับมาขึ้นเครื่องที่ออสโลในวันถัดไป สำหรับการไปค้างคืนที่เมือง Bergen 1 คืนในวันนี้ จึงแค่จัดของจำเป็นจำพวกยาสีฟัน อุปกรณ์อาบน้ำขนาดจิ๋ว พกยาไปเผื่อฉุกเฉิน น้ำดื่มจากก๊อกน้ำในโรงแรมอีกหนึ่งขวด หนังสืออ่านเล่นหนึ่งเล่ม กล้องถ่ายรูปพร้อมแบตเตอรี่สำรอง แล้วก็เหลือพื้นที่ไว้สำหรับใส่แอ๊ปเปิ้ลที่ดิ้นไม่ได้อีก 2-3 ลูก



จากนั้นก็แวะร้านมินิมาร์ทซึ่งอยู่ในสถานีรถไฟ หาซื้อของกินสำหรับมื้อกลางวัน เบเกอรี่อีกสักชิ้นเผื่อไว้สำหรับเวลาหิว เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว


คราวนี้มาดูโปรแกรมทัวร์กัน จะเห็นว่าเวลา 12 ชั่วโมงในโปรแกรมเป็นระยะเวลาสำหรับการเดินทางถึงสิบชั่วโมงเต็ม


เดินทางโดยรถไฟ Oslo-Myrdal  : 5 ชั่วโมง
เดินทางโดยรถไฟสายฟลอมบานา Myrdal-Flam  : 1 ชั่วโมง
ล่องเรือชมฟยอร์ดFlam-Gudvangen: 2 ชั่วโมง
ต่อรถบัส Gudvangen-Voss : 1 ชั่วโมง
นั่งรถไฟ Voss-Bergen : 1 ชั่วโมง



ภายในรถไฟสาย Oslo-Myrdal


ตั๋วที่ซื้อไว้เขาจะจองที่นั่งระหว่างเส้นทาง Oslo - Myrdal ให้เลยนะคะ ...นั่งสบายค่ะ ที่นั่งติดริมหน้าต่าง เหมาะสำหรับการชมวิวระหว่างทางเป็นอย่างยิ่ง แต่สำหรับผู้ที่เคยเดินทางชมวิวโดยรถไฟยุโรป บนเส้นทางสายธารน้ำแข็งหรือ Glacier Express ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์มาแล้วในห้วงเวลาเดียวกันนี้ ต้องบอกว่าเส้นทางในช่วง 5 ชั่วโมงระหว่าง Oslo-Myrdal นั้นเทียบไม่ได้เลยกับที่ฉันเคยใช้เวลาเดินทาง 8 ชั่วโมงบนเส้นทาง Zermatt-St.Moritz ถึงแม้ว่าเส้นทางระหว่าง Oslo-Myrdal จะเห็นธารน้ำแข็งบ้างก็ตามที



หิมะปกคลุมไปทั่ว

สถานีเมือง Finse กับป้าย Summer at finse
ชวนเที่ยวในแบบ Glacier Hiking และ Biking ดูน่าสนุก



สถานี Myrdal


เรานั่งไปเปลี่ยนรถไฟขบวนใหม่ที่สถานี Myrdal เป็นรถไฟสาย Flamsbana ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่สวยและโรแมนติกเส้นหนึ่งของโลก โดยสถานีต้นสาย Myrdal อยู่ที่ความสูง 866 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และสถานีปลายทาง Flam สูง 2 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ดังนั้น การนั่งรถไฟจาก Myrdal-Flamจึงเป็นการนั่งรถไฟจากที่สูงวิ่งลงที่ต่ำลอดอุโมงค์ราว 20 อุโมงค์ ตลอดหนึ่งชั่วโมงในระยะทาง 20 กิโลเมตร



รถไฟสายนี้จะแวะจอดที่น้ำตก Kjosfossen ด้วยค่ะ


ฉันอ่านข้อมูลจากในเว็บบอร์ดที่รีวิวเส้นทางท่องเที่ยวเส้นนี้มา บอกว่าเป็นน้ำตกที่สวยโดยเฉพาะหากมาในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว อาจจะพบกับหญิงสาวมาร่ายรำกลางน้ำตกดุจดั่งเทพนิยาย ดังนั้น ตอนที่เปลี่ยนมาขึ้นรถไฟขบวนนี้ จึงรีบถามนายตรวจรถไฟว่า นั่งด้านไหนจึงเห็นน้ำตกได้ชัด เธอยิ้มให้แล้วก็บอกว่าอย่าเรียกเป็นน้ำตกเลย มันแค่เป็นละอองฟู่นิดเดียวเท่านั้น ไม่มีเค้าของน้ำตกซู่ซ่าที่สวยงาม


อ้าว! ข้อมูลที่อ่านมาผิดเพี้ยนรึเปล่าเนี่ย?



ก่อนถึงน้ำตกเล็กน้อย ก็มีเสียงประกาศตามสายว่าให้ผู้โดยสารลงไปถ่ายรูปกับน้ำตกได้ตามสบายประมาณ 10 นาที พอรถไฟจอดปุ๊บ ฉันก็มีอาการอึ้งไปทันที เดินลงไปด้วยความก่งก๊งว่านี่หรือน้ำตกที่เป็นหนึ่งในจุดขายของเส้นทางสายนี้ แม้กระทั่งละอองฟู่ที่เจ้าหน้าที่บอกก็ยังไม่เห็นเลย เพราะเห็นแต่เกล็ดหิมะจับตัวอยู่ตามโขดหิน ก็เรียกว่าผิดหวังเหมือนกัน น่าจะเป็นเพราะเลือกไปเที่ยวไม่ถูกฤดูกาลเสียมากกว่า อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารส่วนใหญ่ก็ยังลงไปถ่ายรูปกันสนุกสนานนะคะ




ป้ายน้ำตก Kjosfossen





ภาพน้ำตกจากวิกิพีเดีย จะเห็นหญิงสาวกลางน้ำตก



ถ่ายรูปกับน้ำตกเสร็จ ลูกทัวร์ก็กลับขึ้นรถไฟสายฟลอมบานาต่อ



ภายในรถไฟ ดูคลาสสิคดี


 
เบื้องล่างคือทางอันคดเคี้ยว



หมู่บ้านเล็กก่อนถึงสถานี Flam


ถึงสถานีฟลอมเกือบบ่ายสอง พอลงจากรถไฟก็เห็นเรือลำใหญ่จอดรออยู่ เจ้าหน้าที่ประกาศให้ผู้ที่จะนั่งเรือไปยังเมือง Voss รวมทั้งลูกทัวร์ Norway in a nutshell ลงเรือที่ท่าหมายเลข 1 ดูนาฬิกาแล้วมีเวลาหนึ่งชั่วโมงก่อนที่เรือจะออกนะคะ ผู้โดยสารยังไม่สามารถลงเรือได้ทันที ก็เลยต้องเดินเล่นบ้าง หาร้านอาหารและเครื่องดื่มสำหรับนั่งพักรอบ้าง



สองชานชาลาที่สถานี Flam




ฉันเองจัดการอาหารมื้อเที่ยงเสร็จตั้งแต่อยู่บนรถไฟก่อนถึงสถานี Myrdal แล้ว ตอนนี้ก็เลยเหมือนไม่มีอะไรทำมากไปกว่าเดินสำรวจรอบๆ ท่าเรือซึ่งอยู่หน้าสถานีรถไฟฟลอม 


...นั่งเฉยๆ รอที่เก้าอี้หน้าสถานีไม่ไหวหรอกค่ะ อากาศหนาวริมทะเลอย่างนี้ มือแข็งจนไม่รู้ว่าจะแก้ยังไงนอกจากจับคู่เข้าไปซุกในกระเป๋าเสื้อแล้วเดินเลียบท่าเรือให้หนาวเล่น





ป้ายแสดงข้อมูลบริเวณท่าเรือ Flam



จออิเล็คทรอนิกส์บอกเวลารถไฟเข้าออกของสถานี



ป้ายนี้ บ่งบอกว่ามีอะไรบ้างที่สถานี



ห้องพักริมท่าเรือท่าทางน่าอยู่



ใครช่างแกะสลักหนอ?



สี่ท่าเรือที่เรียงราย



ไอเดียดี... ที่ทิ้งรองเท้า บ้านเราน่าจะมีบ้าง เพื่อนำไป Reuse/Recycle
มองจากอีกฟากฝั่ง



เรือเร็วของ FjordSafari ซึ่งไม่อยู่ในช่วงเปิดให้บริการ



ลำนี้ที่รอคอย จะลอยล่องชมฟยอร์ด


เจ้าหน้าที่ไม่ปล่อยที่กั้นให้ผู้โดยสารลงเรือก่อนเวลานะคะ จนกระทั่ง 15.10 น. จึงเริ่มให้ผู้โดยสารแสดงบัตรลงเรือได้ หลายๆ คนลากกระเป๋าเดินทางลงเรือด้วย รวมทั้งกลุ่มครอบครัวคนไทย เข้าใจว่าน่าจะไปค้างที่ Bergen เช่นกัน



ฉันหมายตาไว้แต่แรกแล้วค่ะว่าจะขอนั่งชมวิวด้านนอก ขึ้นไปสำรวจบนดาดฟ้าเรือ ...แฮ่ะๆ สู้ไม่ไหวค่ะ ลมมันแรงและหนาวเกินไป ก็เลยถอยกลับลงมาอยู่ชั้นสอง แต่ยังคงอยู่ด้านนอกบริเวณหัวเรือ แต่ผู้โดยสารส่วนใหญ่จะนั่งหลบอยู่ในห้องกระจกชั้นสองมากกว่า ฉันไม่ได้เป็นสาวซ่าที่กล้าบ้าบิ่นนั่งอยู่ข้างนอกตามลำพังหรอกนะคะ เพราะมีอีกสองสาวมาร่วมแจมด้วย เราสามคนก็เลยจัดการที่นั่งให้ได้ทำเลเหมาะๆ นำเก้าอี้พลาสติกมาซ้อนกันหลายๆ ตัวให้สูงขึ้น เพื่อให้ดูวิวได้ถนัดไม่ให้ราวจับของเรือมาเกะกะสายตา




การเดินทางชมฟยอร์ดกำลังเริ่มต้นเมื่อเรือแล่นออกจากฝั่ง


สองสาวที่ว่านี่เป็นคนเอเชียทั้งคู่นะคะ สาวหนึ่งเธอเข้ามาทักทาย ถามว่าฉันมาจากไหน พอบอกว่า "Thailand" เธอก็ชี้ไปอีกหนึ่งสาว บอกว่าใกล้เคียงกันเลย เธอคนนั้นมาจาก "Taiwan" ฉันเอ่ยกลับไปอย่างใจคิดว่า นึกว่าเธอเป็น "คนจีน" เสียอีก



ซึ่งการทักทายเช่นนี้ น่าจะส่งผลเสียกับฉัน เพราะตลอดเส้นทางสาวน้อยจากไต้หวันคนนี้ เธอไม่คุยกับฉันเลยสักคำเดียว เข้าใจว่าอาจจะไม่ชอบอะไรที่เป็น "จีน" กระมัง แต่สำหรับความรู้สึกของลูกครึ่งจีนอย่างฉัน จีนแผ่นดินใหญ่หรือไต้หวัน ก็มีความเป็น "จีน" เหมือนกัน ไม่ได้คิดว่าจีนกับไต้หวันเป็นจีนใหญ่จีนเล็กอะไร


ส่วนอีกสาวที่ไม่ทันได้ถามสัญชาติ แต่ดูจากสำเนียงและผิวพรรณแล้วน่าจะเป็นสาวจากแดนอิเหนา เธอชวนคุยเจื้อยแจ้วด้วยอย่างสม่ำเสมอ คงเพราะความเป็นคนช่างคุยของเธอด้วยแหละ ...น่ารักเสียจริงสาวน้อยคนนี้



เราสามคนนั่งบิดไปบิดมาเพราะปะทะกับลมหนาว แต่ก็ยังสั่นสู้ชมวิวอยู่ด้านนอก  เรือไปจอดรอรับคนที่หมู่บ้าน Aurlandsvangen อยู่ครู่หนึ่ง ระหว่างนั้นก็เห็นเรือ Sea Express Bergen แวะรับผู้โดยสารที่เมืองนี้เช่นกัน นี่ถ้านั่งเรือเร็วไปเมือง Voss น่าจะใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น



Aurlandsvangen หมู่บ้านเล็กๆ น่าอยู่ริมฟยอร์ด ประชากรประมาณห้าร้อยกว่าคน



แวะรับผู้โดยสาร



เส้นทางล่องเรือระหว่าง Flam-Gudvangen


พอผ่านพ้นจากเมืองนี้ไปสักพัก เราก็เริ่มจะเห็นแนวฟยอร์ดได้ชัดเจนขึ้น เพราะการล่องเรือชมฟยอร์ดในเส้นทาง Norway in a nutshell นี้ จะแล่นผ่านฟยอร์ด 2 ฟยอร์ด คือ Aurlandsfjord และ Nareroyfjord ถ้าดูจากภาพจะเห็นว่าเป็นการเดินทางเพื่อชมฟยอร์ดโดยแท้



ฟยอร์ด (Fjord) คืออะไร พอจะคุ้นเคยกับคำนี้สมัยเรียนวิชาภูมิศาสตร์บ้างมั้ยคะ?


ฟยอร์ด หมายถึง พื้นดิน ในบริเวณที่เป็นภูเขาและเคยมีธารน้ำแข็งปกคลุมแล้วจมหายไปใต้น้ำ ส่วนที่เหลืออยู่จะเป็นหัวแหลมหรือเกาะ หุบเขาเหล่านั้นจะกลายเป็นอ่าวรูปยาว แคบ ลึก และสูงชัน เรียกว่า อ่าวฟยอร์ด ชายฝั่งแบบนี้มีที่ราบน้อยมาก อาจมีบางตอนที่น้ำตื้น เพราะมีวัตถุที่น้ำแข็งพามาทิ้งไว้ ห่างออกไปมีเกาะเล็กๆ มากมาย เกาะเหล่านี้เดิมเป็นส่วนของแผ่นดินมาก่อน แล้วถูกตัดขาดออกไปเพราะพื้นดินส่วนหนึ่งจมหายไปใต้น้ำ ในดินแดนแถบนอร์เวย์ กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สวยงามน่าไปเยี่ยมเยือนแห่งหนึ่งของโลก (ที่มา : //www.krumalinee.com/article/preview.php?id=51060000000002)



ความบันเทิงใจอย่างยิ่งสำหรับการล่องเรือชมฟยอร์ดครั้งนี้ คือ การได้เล่นสนุกสนานเพลิดเพลินกับบรรดานกที่บินมาใกล้ๆ เรือ นักท่องเที่ยวชาวภารตะที่มากันเป็นกลุ่มอุตส่าห์ไปหาขนมมาล่อนกให้เข้ามากินใกล้ๆ ข้างลำเรือ ฉันเลยได้โอกาสสนุกไปด้วย ถ่ายรูปกันเพลิน



มวลหมู่นกเริ่มโบยบินมาใกล้ ช่วงผ่าน Aurlandsfjord



อีกหมู่บ้านเล็กริมฝั่งฟยอร์ดที่สวยงาม



อยากจะเป็นปักษาบนนภากว้าง



สนุกสนานกับการถ่ายรูปนกที่โผบินอย่างอิสระ


ช่วงที่เหมาะแก่การล่องเรือชมฟยอร์ดที่สุด น่าจะเป็นช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทัศนียภาพจากการล่องเรือชมฟยอร์ดครั้งนี้จะไม่ได้สวยงามมากเหมือนกับข้อมูลที่เคยดูมาจากเว็บไซต์นัก เพราะความครึ้มฟ้าครึ้มฝน ฉันก็ยังอยากให้หาโอกาสแวะมาเยือนเส้นทางสายนี้ในห้วงเวลาที่เหมาะสม เชื่อว่าจะเป็นเส้นทางที่สวยงามที่สุดเส้นหนึ่งของโลกเลยทีเดียว  ลองดูคลิปวิดีโอข้างล่างนะคะ



ในที่สุด ฉันก็ไม่สามารถนั่งต้านลมหนาวด้านนอกของเรือจนจบเส้นทาง Flam-Gudvangen ได้ เพราะหลังจากผ่านพ้นไปได้ราวชั่วโมงเศษ ก็ขอตัวสองสาวไปชมนกชมไม้ แล้วก็เลยหลบหนาวเข้าไปนั่งในห้องกระจก แวะทักทายพูดคุยกับกลุ่มครอบครัวคนไทยซึ่งประกอบด้วย พ่อ-แม่-ลูกชายหนึ่ง-ลูกสาวสอง ได้ความว่ามาเที่ยวสวีเดนแล้วไปพักที่สถานทูต วันสุดท้ายก็ซื้อตั๋วมาเที่ยวเส้นทาง Norway in a Nutshell แบบไปเช้าเย็นกลับ คือพอไปถึงที่ Bergen ตอนสองทุ่มครึ่ง แล้วก็จะนั่งรถไฟนอนกลับตอนห้าทุ่มเลย เพราะจะกลับกรุงเทพฯตอนบ่ายวันรุ่งขึ้น น้องๆ เค้าน่ารักดีค่ะอุตส่าห์แบ่งขนมนมเนยมาให้ระหว่างนั่งคุยกัน



พอเรือถึงเมือง Gudvangen ผู้โดยสารก็ขึ้นจากเรือรีบขึ้นรถ เพราะฝนเริ่มลงเม็ดมาอีกแล้วค่ะ น้องผู้ชายหลังจากสูบบุหรี่เสร็จก็ไหว้วานฉันให้ช่วยถ่ายรูปคู่กับป้ายชื่อเมืองให้หน่อย เพื่อเก็บไว้บอกว่าเรามาถึงเมืองนี้แล้วนะ หลังจากนั้น น้องเขาก็อาสาจะถ่ายรูปให้ฉันบ้าง แต่ฉันปฏิเสธไปเนื่องจากเห็นคนอื่นขึ้นรถกันหมดแล้ว เลยไม่อยากให้เขารอเรากัน




ผู้โดยสารขึ้นรถบัสที่มารอรับ



มุมสวยๆ ให้รู้ว่าอยู่ที่เมือง Gudvangen


ฝนตกตลอดทางที่เรานั่งรถบัสไปเมือง Voss เลย คนขับรถเป็นผู้หญิง ขับดีทีเดียว แต่ผู้โดยสารบางคนก็แอบบ่นเหมือนกันตรงช่วงถนนที่มีไหล่ทางแคบ เพราะพอรถฝั่งตรงข้ามจะวิ่งสวนมาคนขับเธอก็หยุดรถไว้เพื่อให้รถคันที่สวนมาขับไปก่อน ที่จริงถ้ามองในแง่ดี จะรู้สึกว่าเธอใช้ความระมัดระวังอย่างสูงในการขับขี่บนถนนขณะที่ฝนกำลังตกมากกว่าจะน่ารำคาญว่าขับช้าหรือขี้กลัวอะไรทำนองนี้



ฝนยังตกตลอดเส้นทางไปเมือง Voss


เราไปถึงเมือง Voss เวลา 18.20 น. ต้องนั่งรอรถไฟที่จะไป Bergen เที่ยว 19.20 น. มีเวลาว่างหนึ่งชั่วโมงที่เมืองนี้ ซึ่งก็คงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าหาอาหารรองท้อง เพราะฝนยังตกอยู่ ไม่สามารถออกไปเดินเล่นได้ ...ระหว่างนั้น นักท่องเที่ยวชาวภารตะไม่รู้ว่าไปทำอะไรมา ถามหา bandage จากคนขายขนม ปรากฏว่าไม่มี ฉันเลยต้องหยิบพลาสเตอร์ยาจากกระเป๋าให้ ...มาเที่ยวเองแบบนี้ต้องเตรียมพร้อมทุกอย่างค่ะ



รถไฟมาจอดรอตอนทุ่มเศษ ผู้โดยสารเริ่มทยอยกันขึ้นไปนั่งรอ กลุ่มครอบครัวคนไทยสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากฉันว่าที่ Bergen มีอะไรให้เที่ยวบ้าง ฉันก็ให้ข้อมูลไปว่าถ้าไม่ค้าง ไปถึง Bergen ดึกอย่างนี้คงจะได้แค่นั่งรถรางขึ้นไปชมวิวเมืองเท่านั้นเอง เพราะฉันเช็คเวลาแล้วว่าเขาเปิดบริการจนถึง 5 ทุ่ม




และแล้วก็ถึงจุดหมายปลายทางที่ Bergen


เราใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงก็ถึงจุดหมายปลายทางค่ะ ...สองทุ่มครึ่งแล้วแต่ฝนยังไม่ยอมหยุดตก นักท่องเที่ยวส่วนมากจะแกร่วรอที่สถานีรถไฟ สำหรับฉันคิดว่าอยากจะรีบเข้าที่พัก เพราะทั้งมืดทั้งฝนตกอย่างนี้ อาจจะใช้เวลาหาที่พักนานกว่าปกติ



น้องผู้ชายเห็นฉันควักเสื้อกันฝนออกมาใส่ เลยเอ่ยปากแซวว่า โอ้โห... พี่เตรียมพร้อมมากเลยนะ ประทับใจจริงๆ




เรื่องนี้ต้องชมตัวเองเหมือนกันที่เตรียมข้อมูลมาดี ..ข้อมูลเขาบอกว่าที่เมือง Bergen แห่งนี้ ฝนตกเฉลี่ย 248 วันต่อปี แถมยังได้ชื่อ City of Rain in Norway เสียด้วย



ดังนั้น นอกจากจะติดร่มอันจิ๋วมาแล้ว ฉันยังหาซื้อเสื้อกันฝนแบบพกพามาจากร้าน 7-11 ด้วย เนื่องจากเคยเห็นคนไทยใช้เมื่อคราวไปเที่ยว Hellbrunn Trick Fountain เมื่อสองปีที่แล้ว ...เจ้าเสื้อกันฝนนี่ราคาเพียงตัวละ 29 บาทเท่านั้นเอง สะดวกในการพกพาเพราะน้ำหนักเบาและไม่กินเนื้อที่ในกระเป๋าเลยค่ะ






ฉันบอกลากับครอบครัวคนไทย แล้วก็กางแผนที่เดินหาที่พัก ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟ ลำบากนิดตรงที่ฝนไม่ได้ลงเม็ดเล็กนัก จึงต้องคอยหยุดหลบฝนบ้างเพื่อไม่ให้แผนที่ที่พักซึ่งพิมพ์มาจางหายไป



Bergen YMCA Hostel หาไม่ยากเลยค่ะ อยู่ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 800 เมตร เดินแค่ 10 นาทีก็ถึง ที่นี่จะมีเจ้าหน้าที่อยู่รอเช็คอินจนถึงเวลาสองทุ่มครึ่งเท่านั้น ฉันแจ้งข้อมูลไว้แล้วว่ามาไม่ทันเวลาเช็คอิน เจ้าหน้าที่เขาจึงให้ข้อมูลในการเข้าพักผ่านทางอีเมล์ไว้ว่า เมื่อมาถึงประตูหน้าโฮสเทล ให้กดรหัส 4 ตัวชุดแรกที่ส่งมาให้ จากนั้นเมื่อเข้าไปในโฮสเทลได้แล้ว ก็จะเจอ mailbox ให้ใส่รหัส 5 ตัวชุดที่สอง ก็จะเจอจดหมายแจ้งรายละเอียดในการเข้าพัก คีย์การ์ดเข้าห้อง แผนที่ท่องเที่ยวเมือง Bergen และรหัสสำหรับการใช้งานอินเตอร์เน็ต 



Mailbox ของ Bergen YMCA Hostel



สิ่งที่โฮสเทลเตรียมไว้ให้



เข้ามาถึงห้องพักซึ่งอยู่ชั้นสี่ ...ความรู้สึกแรกคือประทับใจค่ะ ลักษณะเหมือนห้องใต้หลังคา ห้องน้ำในตัว มีอุปกรณ์สำหรับเตรียมอาหารได้เอง ราคาสำหรับการพักเดี่ยวคือ 550NOK



ห้องพักใต้หลังคาพาเพลิน



อดที่จะเช็คสภาพอากาศของวันรุ่งขึ้นไม่ได้ ฝนก็คงยังตก ไม่รู้ว่าจะเที่ยวได้แค่ไหนนะคะ


อย่างไรก็ตาม การได้พักในห้องแบบนี้ นอนมองดูเม็ดฝนที่โปรยปรายจากท้องฟ้ามาตกกระทบกับหน้าต่างบานใสแล้ว ก็ห้ามใจให้รู้สึกโรแมนติกกับค่ำคืนในเมืองแบร์เก้นไม่ได้แม้จะเป็นการเดินทางท่องเที่ยวเพียงลำพังก็ตาม กระทั่งผล็อยหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่ทันรู้ตัวเลยค่ะ







Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2554 16:40:20 น. 8 comments
Counter : 5036 Pageviews.

 
^^ สวยจัง อยากไปๆ


โดย: แม่ดอกโสน วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:18:23:13 น.  

 
ดีค่ะ

ติดตามตลอดเลยนะคะ ทุกประเทศเลย

รีวิวคุณมีนา นี่สามารถตามรอยได้เลยนะคะเนี่ย

แต่จะหลงรึเปล่า เอาไว้อีกเรื่องนึงนะคะ อิอิ

ตอนนี้ เซฟไว้หมดแล้วค่ะ

ขอบคุณนะคะ อย่าหยุดโพสนะคะ



โดย: คุณนาย IP: 118.172.60.187 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:20:24:15 น.  

 
@แม่ดอกโสน คห.1

มีโอกาสไปล่องเรือชมฟยอร์ดเส้นนี้นะคะ
ช่วงฤดูท่องเที่ยวน่าจะสวยกว่าที่นำภาพมาให้ชมค่ะ


โดย: แฮปปี้มีนา วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:07:24 น.  

 
@คุณนาย คห.2

สวัสดีค่ะคุณนาย
ขอบคุณที่ติดตามการหลงทางตลอดนะคะ

แต่ก็ยังพอให้คุณนายตามรอยได้อยู่ค่ะ

เรื่องการโพส ถ้ามีเวลาจะพยายามลงอย่างต่อเนื่อง
หากหยุดเมื่อไหร่ แสดงว่ายุ่ง ยุ่ง และยุ่งมากค่ะ


โดย: แฮปปี้มีนา วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:13:11 น.  

 
หมู่บ้านเล็กๆ น่าอยู่ริมฟยอร์ด ประชากรประมาณห้าร้อยกว่าคน โหววววฟังแล้วอยากอยู่จังค่ะ ฝันตามว่าต้องได้ใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่ต้องเร่งรีบแข่งกับเวลา ตื่นเช้ามาเจอภาพสวยๆตรงหน้า ว๊าวววววชีวิตนี้จะต้องการอะไรอีก
ทั้งหมดนี่เที่ยวคนเดียวถือว่าเก่งมากๆเลยค่ะ ข้าน้อยขอคาราวะ 1 จอกโตๆเลย อิ อิ


โดย: apple.007 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:21:19:36 น.  

 
@apple.007 คห.5

คุณเปิ้ลคะ ฝันอยากใช้ชีวิตเงียบสงบในหมู่บ้านเล็กๆ อย่างนี้เช่นกันค่ะ
ไม่วุ่นวายแบบคนเมืองดี

เที่ยวคนเดียว แต่ไม่เก่งอย่างคุณเปิ้ลว่าหรอกนะคะ เพราะหลงทางประจำ
ขนาดอยู่บ้านเรา ยังขับรถหลงทางอยู่บ่อยๆ เลยค่ะ


โดย: แฮปปี้มีนา วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:22:07:03 น.  

 
ข้อมูลแน่นปึ๊กมาก ละเอียดกว่าไกด์ที่พาคณะผมไปอีก พอได้อ่านแล้วถึงรู้ว่าตัวเองพลาดเรื่องราวไปหลายจุด

ตอนที่ผมไปคือเดือนตุลา ไม้ใบเริ่มเปลี่ยนสีแล้วเลยยังดูสดชื่น แต่ของคุณมีนา น่าจะเป็นช่วงหิมะเพิ่งละลาย ต้นไม้ก็เลยยังไม่งามเท่าไหร่

ขอบคุณมากครับที่ไปให้GIVE เยอะจนตกใจเลย


โดย: tiger's nest IP: 124.120.89.231 วันที่: 2 มีนาคม 2554 เวลา:12:45:21 น.  

 
@tiger's nest

เที่ยวเองก็อย่างนี้ล่ะค่ะ ต้องหาข้อมูลเยอะหน่อย
จริงๆ ทริปนี้ เตรียมข้อมูลไปน้อยที่สุด เพราะไม่ค่อยว่าง

ยังไม่เคยไปเที่ยวยุโรปช่วงฤดูใบไม้ผลิเลยนะคะ สวยจนอยากจะไปสักครั้ง แต่เป็นช่วงที่ไม่ค่อยสะดวกในการลางานสักเท่าไหร่เหมือนกัน

รูปคุณเสือถ่ายมาได้สวยมากๆ ค่ะ เลยให้ Give แบบตามใจฉัน


โดย: แฮปปี้มีนา วันที่: 2 มีนาคม 2554 เวลา:12:55:14 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แฮปปี้มีนา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]









ทำงานในองค์กรภาครัฐ ใช้เวลาพักร้อนในแต่ละปีออกไปเปิดรับและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในโลกใบนี้ตามลำพัง ...การออกไปเผชิญโลกภายนอกที่กว้างใหญ่ไม่จำเป็นต้องเก่งภาษามากมายขอแค่มีใจที่พร้อมจะเปิดรับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างเดินทาง ทั้งสุข สนุก ตื่นเต้น การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น จะทำให้เรามีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่มีในหนังสือท่องเที่ยวเล่มไหนสอนไว้


New Comments
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
27 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แฮปปี้มีนา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.