เปรตไถนา






เปรตไถนา



พระภิกษุสงฆ์กลุ่มหนึ่งจำพรรษาอยู่ในโรหนชนบท มีความประสงค์จะเดินทางไปนมัสการพระศรีมหาโพธิ์ ระหว่างทางหลงทางเข้าไปในป่า แล้วไม่สามารถหาทางออกได้ เดินวนเวียนกลับไปกลับมาในป่าเป็นเวลาหลายวัน ภิกษุเหล่านี้ได้รับความหิวโหยลำบากเป็นอันมาก

วันหนึ่ง หมู่ภิกษุสงฆ์เดินมาถึงทุ่งกว้างกลางป่าใหญ่แห่งหนึ่ง เห็นร่างๆ หนึ่งคล้ายมนุษย์ แต่มีรูปร่างที่ดูแปลกประหลาดไม่เหมือนคนธรรมดากำลังเทียมโคใหญ่ ๔ ตัวเข้าที่ไถเหล็กไถนาอยู่คนเดียวในกลางป่า ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่อย่างนั้น โดยไม่สนใจสิ่งใดๆ ภิกษุสงฆ์ดีใจมากจึงพากันตรงรี่เข้าไปถามว่า

"อุบาสก ขอให้ท่านพักไถสักครู่เถิด พวกอาตมาหลงทางอยากถามเส้นทางออกจากป่านี้ ขอให้ท่านบอกแก่อาตมาหน่อยเถิด จะได้เป็นบุญกุศล"

ชายผู้นั้นตอนแรกๆ ก็ไม่ตอบคำถามอะไร ได้แต่ไถนาไปเรื่อยๆ โดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เมื่อพระภิกษุถามซํ้าๆ อีก จึงกราบเรียนท่านไปว่า

“พระคุณเจ้า พวกท่านเพิ่งหลงทางแค่ ๗ วันเท่านั้น ความลำบากยังไม่มากเท่าไร แต่ข้าพเจ้าสิหลงทางอยู่ที่นี่ ไถนาอยู่ตรงนี้ตั้ง ๑ พุทธันดรแล้ว ได้รับความลำบากมากกว่าพวกท่านอย่างมากมาย”

พระภิกษุทั้งหลาย ได้ฟังเช่นนั้นก็รู้สึกตกใจ จึงพากันพิจารณารูปร่างของอุบาสกผู้นั้น จึงทราบว่า บุรุษผู้นี้มิใช่มนุษย์

พระภิกษุจึงถามว่า "ท่านเป็นใคร"

เขาตอบว่า ข้าพเจ้าเป็นเปรต กำลังรับทุกข์ทรมานอย่างหนัก ต้องไถนาทั้งกลางวันกลางคืน จะวางคันไถลง ก็วางคันไถลงไม่ได้"

เปรตตนนั้นพูดขึ้นด้วยความรันทดหดหู่ใจ พระภิกษุทั้งหลายจึงถามถึงกรรมในอดีตของเขา เขาจึงเล่าให้ฟังถึงเรื่องที่ตนเองเผลอไปทำพลาดพลั้งเอาไว้ว่า

"เมื่อก่อนตัวข้าพเจ้าเป็นชาวนา ในยุคของพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า มีอยู่วันหนึ่งกัลยาณมิตรทั้งหลาย ซึ่งรักการสร้างบุญสร้างบารมีพากันไปทำบุญ สักการบูชาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า บังเอิญว่ากัลยาณมิตรเหล่านั้นอยากจะให้ข้าพเจ้าได้บุญกับเขาด้วย จึงพากันมาชวนข้าพเจ้าไปทำบุญ แต่ตอนนั้นข้าพเจ้าเองกำลังมีใจขุ่นมัว ไม่อยากจะทำบุญทำทานแต่อย่างใด จึงคิดด้วยใจขุ่นๆ ว่า

การไปทำบุญเป็นการเสียประโยชน์ เสียเวลาทำมาหากิน สู้ไถนาไม่ได้ จึงตอบคนพวกนั้นไปว่า ไม่ไปหรอก เสียเวลาไถนา

พวกเขาก็พยายามชี้แจงเรื่องไม่ประมาทในชีวิต ข้าพเจ้าโมโหเลยพูดว่า
พวกท่านเลิกพูดเรื่องนี้ได้แล้ว เราหนวกหู ถ้าพระพุทธเจ้าของพวกท่านไม่สามารถไถนาให้เราได้ เราก็จะไม่ไปทำบุญด้วยหรอก เมื่อใดที่ท่านมาไถนาให้ดูได้ เมื่อนั้น เราจึงจะไปทำบุญ ด้วยการพูดจาไม่ยั้งคิด ไม่พิจารณาไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน ทำให้ข้าพเจ้านั้นต้องเกิดมาเป็นเปรต ชดใช้กรรม อดข้าว อดน้ำ ไม่ได้นั่ง ไม่ได้นอนตลอด ๑ พุทธันดร ต้องไถนาอยู่ตลอดเวลา ไม่ทราบว่าเมื่อไรจะหมดกรรมสักที"

เมื่อพูดถึงตอนนี้เปรตก็ทำนิ่งๆ แล้วชี้บอกเส้นทางออกจากป่ากับเหล่าพระภิกษุทั้งหลายพร้อมกับบอกว่า เมื่อพระคุณเจ้าทั้งหลายออกไปแล้ว ขอให้บอกเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายด้วยเถิดว่า

ขอให้เพื่อนมนุษย์ผู้ยังไม่ตาย จงขวนขวายในการทำบุญให้ทาน อย่าได้ประมาททำบาปอกุศลแม้เพียงเล็กน้อยเหมือนอย่างข้าพเจ้าเลย อย่าได้เป็นคนมีวาจาชั่วหยาบ จ้วงจาบผู้ทรงศีลจะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม ให้หมั่นสร้างบุญกุศลไว้ เมื่อถึงคราวละโลกไป จะได้ไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานเหมือนอย่างข้าพเจ้า

พูดจบก็ประนมมือนมัสการพระภิกษุแล้วก็เริ่มไถนาต่อไป



Create Date : 05 ธันวาคม 2556
Last Update : 23 มกราคม 2557 9:06:06 น.
Counter : 1654 Pageviews.

1 comments
  
ขออนุโมทนาในอานิสงส์ในการให้ธรรมะเป็นทาน คือชนะการให้ทั้งปวง
โดย: ใจดี ดีใจ IP: 27.55.208.69 วันที่: 30 มิถุนายน 2558 เวลา:20:24:35 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ปราชญ์บ้านนอก
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]





ธันวาคม 2556

1
2
3
7
8
10
11
12
13
15
16
17
18
19
21
23
24
25
26
27
29
31
 
 
5 ธันวาคม 2556