Bloggang.com : fangky1234 : แก่งกระจาน

แก่งกระจาน

อุทยานแห่งชาติ แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี

วันที่ : 11, 12 พฤศจิการยน 2549

ผู้ร่วมทาง :
- พี่เป็ด
- พี่แหม่ม
- พี่เดือน
- พี่จิ๊น
- พี่เพ็ญ
- น้าเหนียง
- แม้ว
- บั๊ก
- พี่หมู

กิจกรรม
- เล่นน้ำตก และแม่น้ำเพชรฯ
- ล่องเรือในอ่างเก็บน้ำแก่งกระจาน
- ไหว้พระ
- ตั้งแค้มป์ ที่บ้านกร่าง
- ดูทะเลหมอก ที่เขาพะเนินทุ่ง
- เดินป่า
- เข้าถ้ำเขาหัวช้างที่แก่งกระจาน
- ล่องแก่งแม่น้ำเพชร

ประทับใจที่สุด
- ทะเลหมอก
- ใบบอนยักษ์
- ล่องแก่ง

Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket

บันทึกการเดินทางวันที่ 11 พ.ย. 49

07.00 นัดรวมตัวกันที่ขนส่งสายใต้ รถออกตอน 8 โมง
10.00 เรานั่งรถไปจนถึงท่ายาง จากนั้นประมาณ 20 นาที ทีมงานจากบ้านน้าโก๊ะ ก็มารับพวกเราไปที่แก่งกระจาน ใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงได้

สิ่งแรกที่เราเห็นแล้วประทับใจมาก ๆ ก็คือแม่น้ำเพชรบุรี
พอรถขับผ่านสะพานนี้ เราก็ร้องออกมาว่า นี่คลองอะไร? สวยจัง?
พี่ฮอนด้า (คนขับ) บอกว่าไม่ใช่คลองครับ
แน่แหละ แม่น้ำเพชร

หน้าแตกหมอไม่รับเย็บ
แต่แม่น้ำสีสวยจริง ๆ เหมือนกับน้ำตกเลยอะ

Host unlimited photos at slide.com for FREE!

จากนั้นพวกเราย้ายขบวนไปที่อ่างเก็บน้ำเขื่อนแก่งกระจาน ใหญ่โตมโหฬารมาก ๆ

พวกเราล่องเรือไปประมาณ 40 นาที ก็จะเจอวัดอยู่วัดหนึ่ง หยุดให้พวกเราได้ขึ้นไปสักการะ

หลังจากนั้นก็กลับมาที่อ่างเก็บน้ำฯ แล้วก็กลับไปกินข้าวที่บ้านน้าโก๊ะ

14.00 ออกจากบ้านน้าโก๊ะ มุ่งหน้าไปยังพะเนินทุ่ง จุดหมายของเราคือการตั้งแค้มป์ที่พะเนินทุ่ง แต่โชคไม่ดีเท่าไหร่ เพราะพอเราไปถึงบ้านกร่าง เจ้าหน้าที่บอกว่าที่พะเนินทุ่งไม่สามารถจะรับรถบนนั้นได้อีกแล้ว พวกเราเลยต้องเปลี่ยนแผนไปนอนที่บ้านกร่างแทน แล้วค่อยขึ้นพะเนินทุ่งในเวลาตี 5 ของวันรุ่งขึ้น
16.30 เดินทางไปถึงบ้านกร่าง พวกเราก็ตรงปรี่ไปเล่นน้ำกันก่อน ซึ่งตอนแรกเราคิดว่าเป็นน้ำตก

ทางลง

แต่ที่จริงแล้วเป็นลำธารซึ่งจะไหลไปสู่แม่น้ำเพชร

พวกเราตั้งแค้มป์ แล้วก็กินข้าวกัน หลังจากนั้นก็นอนดูดาว รอเวลาออกไปส่องสัตว์
22.00 เราออกไปส่องดูสัตว์ สิ่งที่เราเห็นก็มีเม่นป่า กับเก้ง
23.00 กลับเข้าเต้นท์นอน

บันทึกการเดินทางวันที่ 12 พ.ย. 49

04.30 ตื่นแต่เช้า เตรียมตัวล้างหน้าแปรงฟันขึ้นไปดูทะเลหมอกที่พะเนินทุ่ง
05.00 ออกจากบ้านกร่าง มุ่งหน้าสู่พะเนินทุ่ง เป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของแก่งกระจาน มีช่วงหนึ่งที่ทางชันมาก รถขึ้นไม่ไหว พวกเราต้องลงมาจากรถ เดินกันตาเหลือกเลยอะ 555

07.00 ถึงจุดชมวิว3 กม.36 เราชอบทะเลหมอกมาก ๆ เล๊ย

หลังจากนั้น พวกเราก็ต้มไมโล กาแฟ กินกับขนมปังอย่างอเร็ดอร่อย รู้สึกว่าจะเจริญอาหารกันมาก เพราะได้อยู่ในบรรยากาศที่แสนจะดี

09.00 เราไปดูจุดชมวิวที่อื่นกัน เป็นเรือนพักรับรองพะเนินทุ่ง

ใครเคยเห็นต้นไม้ที่มีใบใหญ่ ๆ อย่างงี้บ้าง?? มันชื่อต้นอะไรอยากรู้จัง

ดอกไม้เล็ก ๆ กระจุ๋มกระจิ๋มแบบนี้ก็น่ารักนะ

รวมตัวกับครบทีม

10.30 หลังจากนั้น พวกเรากลับไปกินข้าว แล้วก็เตรียมตัวเดินป่า

เราเคยคิดเสมอว่าเราไม่ชอบการเดินป่า เพราะว่าเหนื่อย แล้วก็น่าเบื่อด้วย
แต่ความคิดของเราก็ต้องเปลี่ยนไป เพราะที่จริงในป่าก็มีอะไรดี ๆ ให้ดูอีกเยอะเลยล่ะ

อย่างเช่นดอกไม้หายาก อย่างบัวผุดนี่ไง (ขออภัยภาพไม่ค่อยชัด เพราะตอนนั้นแบตเตอร์รี่ใกล้หมด)

นี่คือบัวผุดที่โตเต็มที่แล้ว พี่เอก (ไกด์) บอกว่า ที่จริงบัวผุดมีอยู่มากที่อินโดนีเซีย แล้วก็จะใหญ่กว่าพันธุ์ที่พบในเมืองไทย บัวผุดมีกลิ่นเน่าเหม็นเหมือนซากศพ
และจะหาได้ในป่าในประเทศเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เท่านั้น

ดอกนี้ไม่รู้เรียกว่าอะไร รูปร่างเหมือนชบา แต่อยู่ในป่า เราเรียกว่าชบาป่าแล้วกัน 555

บุก ตอนแรกที่เราเห็น ก็เข้าใจว่าเป็นบัวผุด แต่พี่เอกบอกว่ามันเป็นบุก
เราก็งงว่า เอ๊ะ บุกอะไร พี่เอกก็ต้องอธิบายอีกว่าก็บุกที่ชอบเอาไปทำเป็นอาหารเสริมให้คนลดความอ้วนไง

อ้อ เพิ่งเคยรู้นะว่าหน้าตามันเป็นแบบนี้ เห็นแล้วไม่ค่อยอยากกินบุกเลยล่ะ

ระหว่างทาง ต้องข้ามน้ำตกด้วย

ต้นไม้ที่เป็นตระกูลเดียวกับพวกกาฝาก ชื่อว่าชายผ้าสีดา

เห็ดแชมเปญ

เราเดินต่อไปที่ถ้ำเขาหัวช้าง

ทางเข้า ซึ่งที่จริงเดินไปอีก ไกล ไกล และไกล

บรื๋อส์ ----

เราต้องปีนไปบนหินชัน ๆ จนมาพบกับปากถ้ำ

ในถ้ำมืดตึ๊ดตื๋อ เราประกาศกับทุกคนว่าจะรออยู่ที่หน้าถ้ำ

แต่ด้วยความที่ไม่มีใครเลย นอกจากเราคนเดียว

ก็เลยต้องรีบตามเข้าไป

นี่คือหัวช้าง ซึ่งเป็นหินงอกหินย้อยมีมีลักษณะเหมือนหัวช้าง เลยใช้เป็นชื่อถ้ำซะเลย

ภายในถ้ามีปล่องให้แสงสว่างอยู่ปล่องเดียว

16.30 แล้วพวกเราก็กลับออกมาจากป่า ไปนั่งกินข้าว แล้วก็จะล่องแก่งแม่น้ำเพชรต่อ
17.00 การผจญภัยได้เริ่มขึ้นแล้ว!!! เราชอบที่พี่เอกวิ่งขึ้นไปบนสะพาน ดักถ่ายรูปให้พวกเราด้วย เลยได้ภาพสวย ๆ มาอีก