|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
++..กรุงเทพไม่ใช่ประเทศไทย และประเทศไทยไม่ใช่กรุงเทพ..++
ประเทศไทยไม่ใช่แค่กรุงเทพ และกรุงเทพไม่ใช่แค่ประเทศไทย
หลังจากผมได้รับทราบข่าวสั้นๆ เรื่องมาตรการปรองดองหนึ่งในนั้นจากรัฐมนตรีคลัง เกี่ยวกับเรื่องการนำใบเสร็จการท่องเที่ยวไปหักลดหย่อนกาษีแล้วก็รู้สึกดีใจอยู่แว่บหนึ่ง แต่ก็รู้สึกเศร้าใจขึ้นมาทันที เช่นเดียวกับการรับรู้โครงการพันธมิตร เอ๊ย พันธบัตรไทยเข้มแข็งของรัฐบาล ว่ามันไม่ต่างอะไรกับการออกเช็คช่วยชาติแต่อย่างใด กล่าวคือ เป็นการแก้ปัญหาโดยปลายเหตุแท้ๆ
ในฐานะที่ผมเป็นคนเมืองคนหนึ่งที่ชาชินกับวิธีการบริหารประเทศของ พรรคสวยแต่รูปจูบพอได้แต่ไม่หอม อย่างประชาธิปัตย์มานานจนรู้ซึ้งกันโดยสามัญสำนึกว่าพรรคนี้มีแต่คนดีๆ คนเก่งๆ แต่เสียอย่างเดียวคือ ทำงานไม่เป็น เน้นแก้เฉพาะหน้า ไม่ศึกษาถึงสาเหตุที่แท้จริง อันเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่แก้ไม่หายเสียแล้ว ตอนคุณอภิสิทธิ์มาเป็นหัวหน้าพรรคใหม่ๆ ผมหวังว่าพรรคนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น แต่แล้วก็ดีได้ไม่นานก็กลับมาเป็นดังเดิม (เผลอๆ อาจจะแย่กว่าเดิมด้วยซ้ำ) อนึ่ง ผมออกตัวก่อนว่า บล็อกนี้เขียนด้วยความรู้สึกกึงๆ อคติต่อรัฐบาล และไม่ต้องมาบอกให้ผมเขียนแบบเป็นกลาง เนื่องจากในสภาพบ้านเมืองทุกวันนี้ หาคนเป็นกลางได้ยากยิ่งนัก และจำใจบวกจำเป็นที่จะต้องเลือกข้างทุกครั้งไป โดยเฉพาะในเหตุการณ์เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ดังนั้น ถ้าไม่ชอบและรู้สึกขัดใจก็ไม่ต้องอ่านนะครับ ผมเตือนคุณแล้ว
หลังจากคนต่างจังหวัดทยอยมาตั้งค่ายและเมืองย่อมๆ ณ ย่านราชดำเนิน ตามรอยผู้เรียกร้องประชาธิปไตยเช่น 14 ตุลา และ 6 ตุลา ใจกลางเมืองท่ามกลางเสียงบ่นก่นแช่งด่าของบรรดาผู้สนับสนุนรัฐบาลทั้งหลายที่จะต้องเดือดร้อนเรื่องความไม่สะดวกอันเป็นปกติ เช่นเดียวกับที่ผมเคยบ่นและแช่งด่าครั้งที่บรรดาผู้ต่อต้านรัฐบาลที่พวกเขาอ้างว่า นอมินีทักษิณ ในครั้งนั้น แต่ท่านรู้ไหมครับว่าอะไรที่ต่าง ครั้งนั้นเสียงก่นด่าอย่างไรก็ไม่ดังเท่าครั้งนี้ เนื่องมากจากเหตุผลเดียว เพราะครั้งนั้น คนที่ประท้วงส่วนใหญ่เป็นคนที่ใช้ชีวิตในเมืองกรุง ซึ่งมักจะเชื่อตัวเองว่า รับข้อมูลรอบด้าน และเป็นดังที่น้องคนชั้นกลางถึงชั้นสูงที่มักจะเสพติดและลุ่มหลงในการวิเคราะห์อย่างมีเหตุผลจากสื่อกระแสหลักๆ บ้างก็เป็นเพื่อนร่วมงาน เป็นเจ้านาย เป็นหัวหน้าของตัวเอง
เมื่อพวกเขาที่มาประท้วงเหล่านั้นถูกรัฐบาลสมชายสั่งสลายการชุมนุมด้วยไม้และกระบอง พวกเขาถึงรู้สึกเป็นเดือดเป็นแค้นแทน และสาปแช่งไปยังนายกขณะนั้นว่า เป็นคนหรือเปล่า? ดังที่นายกอภิสิทธิ์ในขณะนั้นเป็นผู้นำฝ่ายค้านได้ลั่นวาจาสิทธิ์ไว้ว่า ต่อให้พันธมิตร (ผู้ชุมนุม) ทำผิดอย่างไร รัฐบาลก็ไม่มีสิทธิ์ฆ่าประชาชน มันช่างต่างจากครั้งนี้เสียเหลือเกิน ที่ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่ดันเป็นชาวต่างจังหวัด เป็นผู้ที่มิได้ใช้ชีวิตร่วมกับเราๆ ในกรุงเทพ ส่วนใหญ่ไม่เคยรู้รสชาติของการติดอยู่บนถนน หรือการยืนบนรถไฟฟ้าแออัดๆ ว่ามันทรมานเท่าใด พวกเขารู้แต่ปัญหาราคาสินค้าพืชผลทางเกษตรที่ถูกกดราคาเหลือเกิน เมื่อพวกเขาได้เข้ามาประท้วงรัฐบาลด้วยเหตุผลที่ว่ารัฐบาลไม่เคยเหลียวแลความเป็นอยู่พวกเขา เรากลับรู้สึกว่ามันกลับรบกวนความเป็นอยู่ของพวกเราและ ลำบากเกินจะอดทน จนรับไม่ได้
พวกเขาล้วนเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่น่าไว้ใจ ดูสกปรกมอมแมมและไม่มีมารยาท ซึ่งไม่ควรที่จะมายืนอยู่ใจกลางเมืองหลวงและมาทำให้พวกเราลำบากอย่างนี้!! เมื่อรัฐบาลอภิสิทธิ์สั่งสลายการชุมนุม กระแสในเมืองจึงมีทัศนคติที่เป็นบวก และรู้สึกโล่งใจที่สามารถ ชำระล้าง กรุงเทพให้สะอาดจากความ สกปรกมอมแมม ได้อีกครั้งหนึ่ง แต่พวกเขากลับไม่เคยนึกเลยว่า การ ชำระล้าง ครั้งนี้จะต้องจ่ายค่าจ้างให้ผู้ชำระล้างอย่างแสนแพงด้วยช็อปปิ้งมอลล์อันสุดหรู แต่ไม่เป็นไรหรอก พวกเขาคิดว่า การสั่งสอน พวกไม่เจียมกะลาหัวที่คิดจะเทียบชั้น คนกรุง ครั้งนี้ก็คงจะคุ้ม เพราะอย่างน้อยก็ได้ทำให้พวกเขาได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นปกติเหมือนเดิม เพียงแต่อาจจะเปลี่ยน สถานที่เที่ยว ไปบ้าง
มาตรการปลอบใจคนกรุงขวัญเสียมากมายหลั่งไหลมาอย่างไม่ขาดสายโดยการเปิดแหล่งช็อปช่วยชาติ ไม่ว่าจะตลาดนัดสีลม / อังรีดูนังต์ / ทองหลอ รวมถึงที่สยามเซ็นเตอร์ที่ๆ เคยเป็นสถานที่ชุมนุมด้วย แคมเปญต่างๆ ออกมาเพื่อซับน้ำตาคนกรุงเทพทีได้รับผลกระทบเดือดร้อนจากการชุมนุม ยกตัวอย่างเช่น ใบเสร็จการท้องเที่ยวไปหักภาษี ซึ่งผมมองว่า ผู้ได้รับผลประโยชน์ก็คือมนุษย์เงินเดือนในกรุงเทพเต็มๆ ที่จะได้ใช้วันหยุดไปอย่างเต็มที่ในต่างจังหวัดและอย่างสบายใจแถมยังสบายกระเป๋าด้วย (ผมมองว่าในต่างจังหวัดเองก็อาจจะไม่ได้รับประโยชน์ตรงนี้เท่าไรนักเมื่อเทียบกับกำลังซื้อในเมืองหลวง) มาตรการเงินกู้ฉุกเฉินจากผุ้ได้รับผลกระทบที่ถูกดำเนินการอย่างต่อเนื่องและทันควัน ประหนึ่งว่า นี่คือปัญหาระดับประเทศเลยทีเดียว
ผมไม่ปฏิเสธครับว่ากรุงเทพเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่สำคัญ แต่ท่านลืมไปหรือเปล่าว่า ประเทศไทยยังมีอีก 70 กว่าจังหวัด และคนไทยยังมีอีกกว่า 60 ล้านคนที่ยังลำบาก ชาวนาชาวไร่ที่พวกท่านเมินเฉยต่อปัญหาราคาข้าวและพืชผลทางเกษตรนั้น ท่านได้แก้ไขปัญหาให้เร็วเฉกเช่นครั้งนี้หรือเปล่า คำถามนี้คงเป็นคำถามที่น่าจะตอบได้ไม่ยาก เพราะมันไม่สำคัญเท่าการรักษาฐานเสียงผู้สนับสนุนรัฐบาลในกรุงเทพหรอก เพราะพวกท่านก็มองว่า ประเทศไทยมีแค่ กรุงเทพ และต่างจังหวัดก็เป็นแค่ โสเภณี ที่ต้องให้บริการ กรุงเทพ อย่างเต็มที่และไม่มีสิทธิ์มีปากเสียงแค่นั้นเอง
เมื่อคนต่างจังหวัดมีค่าเป็นดัง โสเภณี ที่มีหน้าที่บำบัดบำเรอ ความเดรียด จากงาน และมีหน้าที่สนองป้อน อาหารการกิน ให้กรุงเทพแล้วไซร้ จึงไม่แปลกใจเลยที่แม้จะมีกี่ชีวิตเฉียดร้อยที่ตายไป ก็ไม่อาจเรียกร้องความสนใจหรือความสงสารใดๆ จากคนกรุงเทพได้ เนื่องจากมันมิใช่ พวกเขา มันไม่ได้อยู่ในระดับ เดียวกับเขา ช่างเป็นลักษณะชนชั้นแบบ เจ้า-ทาส อันซึมซาบอยุ่ในจิตสำนึกของชนชั้นกลางดัดจริตในกรุงเทพตลอดมา ที่มักจะถือว่า ตัวเองเป็นผู้เจริญยิ่งแล้ว เป็นผู้ฉลาดยิ่งแล้ว และเป็นผู้ที่มีสิทธิพิเศษต่างๆ ที่จะเรียกร้องเอาอะไรๆ ก็ได้ก่อนจาก รัฐบาล เสมอๆ ซึ่งถ้ารัฐบาลตอบสนองก็ดีไป แต่ถ้ารัฐบาลไม่ตอบสนอง ก็จะโดนขุดคุ้ยหาจุดบกพร่องต่างๆ มาโค่นล้มตลอดเวลา
ด้วยลักษณะของคนกรุงเทพบางส่วนที่ ติดหรูจนเคยตัว และ ทำอะไรตามๆกันจนเคยชิน และเสพข่าวจากสื่อกระแสหลักๆ และเลือกที่จะเชื่อเฉพาะข่าวจากบุคคลที่ ชอบ เท่านั้น บวกกับกรุงเทพมีทุกอย่างที่ตอบสนองความต้องการของพวกเขาได้ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัย 4 เงินทองและความสะดวกสบาย ทำให้พวกเขาถึงรู้สึก ขยะแขยง ความลำบาก และพลอย ขยะแขยง ผู้ที่ลำบากกว่าตัวไปด้วย ดังจะเห็นได้จาก ความเหลื่อมล้ำของฐานะของคนที่อยู่ในชุมชนแออัด ที่คนชั้นสูงมักจะรีบๆ เดินๆ ผ่านไปให้เร็วที่สุด แต่เลือกที่จะเดินอยู่ท่ามกลางพารากอนอย่างช้าที่สุด หรือลักษณะของการโยนเศษเงินให้กับขอทานหรือวนิพกอย่างกับว่าตัวเองใจดีเสียเต็มประดา แต่กับไม่เสียดายที่จะใช้เงินเลี้ยงเพื่อนฝูงเป็นพันๆ ในภัตตาคารหรูมีระดับ โอกาสที่พวกเขาจะแบ่งปันความรักให้คนต่างจังหวัดมีเพียง ค่ายอาสา และ คาราวานทำบุญ เท่านั้นที่คนต่างจังหวัดมีสิทธิ์จะได้รับน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ จากคนกรุงเทพที่ส่วนใหญ่มักจะไปถ่ายรูปหรือสังสรรค์กับเพื่อนฝูงมากกว่าที่จะไปร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขา
เพราะความรู้สึก แปลกแยก ระกว่างชนชั้นที่วัดกันด้วยอำนาจ เงินตราและตำแหน่ง ในสังคม โดยเฉพาะเมืองหลวงนี้เอง ที่ได้ แบ่งแยก เมืองกับต่างจังหวัดไว้ดังเป็น คนละโลก พวกเขามักจะดูถูกคนต่างจังหวัดที่นิยมชมชอบใน นิสัยใจคอ มากกว่าการ แต่งตัว ว่าเป็นคน โง่ เซ่อ ไม่ฉลาด เช่นเดียวกับที่คนต่างจังหวัดมองคนเมืองว่าเป็นพวกมองการ แต่งตัว มากกว่ามอง นิสัยใจคอ ซึ่งพวกเขาล้วนสรุปว่าคนเมืองล้วน เอารัดเอาเปรียบ เห็นแก่ตัวเอง ดูถูกคนจน และยิ่งเกิดการท้าทายอย่างซึ่งๆ หน้าในการยึดครองจุดใจกลาง ความสำราญของชาวกรุงเทพ และเป็นการ มวงบุญคุณ ครั้งยิ่งใหญ่ที่ไม่ประสบความสำเร็จเนื่องจากไม่สามารถสู้รบปรบมือกับรัฐบาลคนชั้นสูงได้ในทุกๆ ด้าน และในที่สุด กรุงเทพ เอ้ย ต้องประเทศไทยสินะ ได้ผ่านเหตุการณ์สงครามกลางเมืองนี้ไปได้โดยการพ่ายแพ้ของฝ่ายชนชั้นล่างและด้วยเสียงปรบมือจากบรรดาชนชั้นนำทั้งหลายแหล่ อันดูจะเป็นบริบทมาตรฐานไปเสียแล้วในการปฏิวัติประชาชนทุกประเทศ ที่หากไม่มีความร่วมมือและเกี้ยเซี้ยกันกับชนชั้นสูงและกลุ่มผู้มีอิทธิพลในประเทศแล้วก็ยากจะสำเร็จ
เหตุการณ์เช่นเทียนอันเหมิน พม่า/เขมรโมเดล ดูจะเป็นบทเรียนให้คนชั้นล่างจะต้องเจียมตัวเสมอไปถ้ายังอยากจะมีชีวิตอยู่ในสังคมที่ความแตกต่างทางชนชั้นมาทำให้แตกแยกอย่างนี้ และนั่นทำให้พวกเขาต้องยอมรับโดยดุษณีว่า พวกเขาไม่มีสิทธิ์แตะต้องกรุงเทพ และควรอยู่ในที่ๆ พวกเขาควรอยู่ และก้มหน้ารับชะตากรรมในฐานะเมืองขึ้นของกรุงเทพต่อไปอย่างหลีกเลี่ยงได้ตราบนานเท่านาน แต่พวกเขาจะทนได้อีกสักเท่าไรกัน..เพื่อนคนหนึ่งจากต่างจังหวัดที่มาชุมนุมบอกกับผมว่า เวลากรุงเทพเดือดร้อน เราคนต่างจังหวัดพลอยห่วงกรุงเทพไปด้วย แต่เวลาพวกเขาเดือดร้อนละ มีบ้างไหมที่คนกรุงคนเมืองจะสนใจ..
ดังนั้น. ผมเชื่อว่า บทเรียนครั้งนี้จะเป็นกระบวนการขับเคลื่อนความรู้สึกถึงความ อยุติธรรม ที่ซ่อนอยู่ภายไต้วาทกรรม ปรองดอง ให้แผ่ขยายยิ่งขึ้นๆ ในบรรดาผู้เจ็บปวดจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ดังคำกล่าวที่กลายเป็นดังสุภาษิตของการเมืองภาคประชาชนของไทยไปแล้วว่า ยุติธรรมไม่มี สามัคคีไม่เกิด No justice No Peace
Create Date : 09 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 9 มิถุนายน 2553 20:06:46 น. |
|
5 comments
|
Counter : 571 Pageviews. |
|
|
|
โดย: pinklilac วันที่: 9 มิถุนายน 2553 เวลา:22:33:59 น. |
|
|
|
โดย: BarBoy วันที่: 10 มิถุนายน 2553 เวลา:21:07:55 น. |
|
|
|
โดย: หนึ่ง ต. ต่อต้านความรุนแรง IP: 125.25.70.187 วันที่: 10 มิถุนายน 2553 เวลา:21:16:04 น. |
|
|
|
โดย: คนเจียงใหม่ไม่แดง IP: 10.94.57.15, 61.19.99.147 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2554 เวลา:9:55:15 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
คนบ๊องๆ คนหนึ่ง.. รักดนตรี เสียงเพลง เตบอยากเป็นครูบ้านนอก แต่ดันเป็นโปรแกรมเมอร์เมืองหลวง ชอบใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ ฝันอยากจะเป็นบาหหลวง แต่ดันแอบหลงรักสาวอยุ่ร่ำไป ใครๆ บอกว่าเป็นคนดี แต่ตัวเองบอกว่าคงไม่ดีเท่าไร อย่างน้อยก็หน้าตาหละ... แต่เห็นหน้าตาอย่างนี้ ก้อจบปรัชญาราม นะคร้าบบบ
|
|
|
|
|
|
|
|