E-r-o-s-a-g-a-p-e : Unlimited Love ^_^
Group Blog
 
<<
เมษายน 2553
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
8 เมษายน 2553
 
All Blogs
 

++..Legend of Therabithia..++ : ตำนานแห่งเทราบิเทีย - บทที่ 6 (2)

2.



ขณะที่อสูรฟีนิกส์ซึ่งสังฆราชเมลฟิสบินนำยานเหาะของไกเซอร์ลงสู ่เบื้องล่าง ทันใดนั้น ก็มีสัญญาณติดต่อมาจากยานรบกิกันติก เวโรนิสกดปุ่มเพื่อเปิดสัญญาณติดต่อทันที



“ค่ะท่านผู้บัญชาการ.. “ ใม่ทันที่เวโรนิสได้พูดต่อ เสียงจากปลายสายก็สั่งมาด้วยเสียงอันดังทันที “เวโรนิสและไกเซอร์ รีบถอยออกมาก่อน ข้าจะใช้ปืนใหญ่สลายพลังเวทย์ จาก ณ ตรงนี้..เร็วเข้า!!” เธอยังงุนงงอยู่ เสียงของเรมิเอลก็ย้ำคำพูดเดิมทันที “ข้าและยานอินวินซิเบิ้ลกำลังจะไปถึงในอีก 30 วินาทีข้างหน้า อสูร 2 ตัวนั่นพวกเจ้ารับมือไม่ได้หรอก”



“2 ตัวงั้นเหรอ..” เวโรนิสทวนคำและหันไปมองไกเซฮร์ที่ขับยานตามอสูรฟินิกส์ไป และก็นึกอะไรได้บางอย่าง จึงรีบติดต่อไกเซอร์ทันที “เจ้าบ้า... กลับมานี่เดี๋ยวนี้ มันเป็นกับดัก!!” แต่กลับไม่ได้สัญญาณตอบรับ หญิงสาวไม่รอช้ารีบบังคับยานพุ่งลงไปด้านล่างตามไปทันที



“เปรี้ยง!!!” เสียงดังสนั่นกึกก้องไปทั่วบริเวณเมื่อยานของเวโรนิสบินด้วยควา มรวดเร็วหมายจะตามไกเซอร์ แต่กลับถูกอะไรบางอย่างกระแทกจนกระเด็นไม่เป็นท่า เมื่อเธอได้สติก็รีบบังคับยานให้ทรงตัวก่อนที่จะกระแทกกับภูเขา ที่อยู่บริเวณน้นได้ทันท่วงที



“อะไรกันนะ...” เวโรนิสงงงวยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอมองไปดูที่เครื่องมือวัดพลังเวทย์แต่กลับไม่มีปรากฏสัญญาณตร วจจับพลังแต่อย่างไรเลย... “เป็นไปไม่ได้ ...หรือว่าเซ็นเซอร์รวน..” ทันใดนั้นสัญญาณติดต่อก็ดังขึ้นอีก พร้อมกับเสียงของเรมิเอล “ทำอะไรอยู่ ออกมาจากวิธียิงเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นยานของเจ้ากับไกเซฮร์จะถูกลูกหลงด้วยนะ “ เวโรนิสรีบรายงานสถานการณ์ไปทันทีว่าไกเซฮร์ก็อยู่ ณ ที่นั่นด้วย



เรมิเอลที่บัญชาการอยู่ ณ ยานอินวินซิเบิลหยุดคิดครู่หนึ่ง แล้วเขาก็ออกคำสั่งให้เวโรนิสบินกลับมาทันที หญิงสาวพยายามทัดทาน แต่ชายหนุ่มก็ตัดบทว่า “ปืนใหญ่สลายพลังเวทย์ จะทำลายอนุภาคเทอร่า ยานของไกเซอร์อยู่ในบริเวณเมืองแล้ว คงไม่เป็นไรหรอก ....เอาละ นับถอยหลังและเตรียมยิง Deterra Cannon!!!”



“5..4..3..2..1… Fire!!” ขาดคำ อากาศบริเวณท้องฟ้ารอบๆ เมืองอัลเทน่าโพลิสกลับปั่นป่วนอย่างรุนแรงและกลายเป็นพายุละออ งแสงจำนวนมากที่ถุกหมุนวนดูดลงไปในทิศทางหนึ่งซึ่งยานอินวินซิเ บิ้ลลอยอยู่เหนือน่านฟ้า เวโรนิสเห็นดังนั้นรีบบังคับยานบินถอยออกห่างไปในทันที ขณะเดียวกันก็เกิดลำแสงขนาดมหึมาก็พุ่งสวนทางมาอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังเมืองอัลเทน่าโพลิสที่ลอยอยู่เบื้องหน้า



ขณะที่ไกเซอร์กำลังบินลงไปใกล้พื้นผิวของเมืองอัลเทน่าโพลิส เขาก็รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือน พอหันกลับไปก็ต้องตกใจที่เห็นคลื่นพลังแสงขนาดมหึมาพุ่งตรงมาจา กท้องฟ้า



“เฮ้ยยย.....!” ไกเซอร์พยายามหลบแต่ไมพ้น ยานของเขาถูกคลื่นลำแสงกระแทกอย่างรุนแรงและกลืนหายไปกับเสียงร ะเบิดอันกึกก้องกัมปนาท แต่ก่อนที่คลื่นพลังจะตกลงสู่ตัวเมือง ทันใดนั้นก็มีลำแสงสีฟ้าจำนวนมากมายพุ่งมาจากทางวิหารอัลเทน่าแ ละปะทะกันกับคลื่นพลังทำลายเวทย์จนเกิดระเบิดเสียงดังกีกก้องกั มปนาท



“บรึมมมมม!!!”



เรมิเอลยืนมองดูจากยานอินวิซิเบิ้ลอย่างใจจดใจจ่อ แต่แล้วเขาก้ต้องประหลาดใจเมื่อพอหมอกควันได้จางลง ปรากฏว่าพลังจากปืนใหญ่ของเขากลับหยุดนิ่งอยู่กับที่ โดยมีลำแสงสีฟ้าที่กระจายตัวเป็นดังโซ่คอยรัดรึงอยู่ ณ เบื้องล่างนั้นเองปรากฏร่างของเด็กหญิงคนหนึ่งลอยอยู่เหนือวิหา รอัลเทน่า ร่างของเธอมีออร่าสีฟ้าสัณฐานคล้ายโซ่ปกคลุมแผ่ออกมาคล้ายเกราะ ป้องกัน.. เธอมองมายังทิศที่ยานอินวินซิเบิ้ลลอยอยู่และเบื้องหลังของเธอก ็คืออสูรฟินิกส์และสังฆราชเมลฟิสที่ก็กำลังประหลาดใจไม่ต่างกัน



“เจ้า...ไม่สิ ...ท่านคือ..” ชายชราเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก ร่างของเด็กหญิงไม่ตอบแต่เธอกลับลอยไปอยู่เหนือเทวรูปเทพีอัลเท น่า ทันใดนั้น เทวรูปก็กลับเปล่งแสงสีฟ้าเจิดจ้า และค่อยๆ เคลื่อนไหวได้ดังมีชีวิต พื้นผิวเทวรูปที่เป็นแผ่นหินค่อยๆ กลายเป็นผิวหนังดังผิวมนุษย์ ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ท่ามกลางความตกตะลึงของเรมิเอลกับเวโรนิสที่เห็นเหตุการณ์



เวโรนิสอุทานด้วยความตกใจ “นี่มันอะไรกัน ทำไมเทวรูปนั่นถืงเป็นแบบนี้... ข้าไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อน” เรมิเอลรีบไปดูเครื่องวัดพลังเวทย์ปรากฏว่าไม่สามารถจับพลังได้ “บ้าจริง...” ทันใดนั้นจอภาพก็ฉายภาพใบหน้าของเทวรูปที่บัดนี้กลายเป็นใบหน้า ของหญิงสาวผู้งดงามและได้พูดผ่านเครื่องติดต่อด้วยเสียงอันทรงอ ำนาจว่า



“นามของข้าคืออัลเทน่าเทพีแห่งแสงสว่าง เทพเจ้าผู้ปกป้องคุ้มครองโลกนี้ พวกเจ้าจงหยุดรุกรานดินแดงของข้าและกลับไปเดี๋ยวนี้!!”



ณ ปราสาทเทราบิเทีย…



เซซิรอสเดินออกมายังท้องพระโรงด้วยใจสับสน.. เขารู้สึกปวดหัวอย่างมากมาย ชายหนุ่มเดินเรื่อยเปื่อยไปตามบันใดวนไปเรื่อยๆ อย่างเลื่อนลอย เขาครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา จนมาหยุดตรงหน้า ณ คุกไต้ดินเพียงลำพัง เขาเดินข้ามผ่านม่านพลังเวทย์ที่ไว้กักขังพลังเวทย์มนตร์ไปยังส ่วนที่ลึกที่สุด เบื้องหน้าคือร่างอันไร้สติของอสูรอีฟริตที่ถูกผนึกไว้และยังเห ลือเค้าโครงร่างกายของกษัตริย์อัลวิสอยู่



“ เพราะเจ้า.....เป็นเพราะเจ้าที่ทำให้ข้าเกิดมา....แถมยังทำให้ข ้าเป็นอย่างนี้อีก” ชายหนุ่มใช้มือช้อนคางของอัลวิสขึ้นมาและมองดูด้วยความเกลียดชั ง “เลือดของแม่ข้า... ทุกหยดข้าจะให้เจ้าชดใช้แน่ๆ อีกไม่นานหรอก” เมื่อเซซิรอสกำลังจะถอยหลังกลับไปก็ต้องผงะเมื่อเห็นสิ่งที่อยู ่ตรงหน้า..ร่างของผู้หญิงคนหนึ่งมองมาที่เขาด้วยแววตาอ่อนโยนแต ่เศร้ายิ่งนัก ซึ่งเขาจำได้ทันทีจนต้องหลุดปากออกมาอย่างตกใจ



“ท่านแม่...” ชายหนุ่มวิ่งเข้าไปหาแต่กลับทะลุร่างนั้นล้มลง ร่างนั้นหันกลับมาพูดกับเซซิรอสเบาๆ ก่อนที่จะจางหายไปว่า “ลูกแม่.... จงอย่ายอมแพ้ความมืด...” เซซิรอสมองดูร่างนั้นค่อยๆ เลือนลางไปอย่างไม่วางตา และน้ำตาของเขาค่อย ๆ หยดลงมาอาบแก้มทีละน้อยๆ “ไม่!!!!” เขาตะโกนด้วยความปวดร้าวอย่างสุดซึ้ง ขณะเดียวกันในเงามืดมุมหนึ่ง ลอร์ดฟอลคอนที่แอบมองดูเหตุการณ์จากมุมเสาต้นหนึ่งอยู่ไกลๆ ก็ยิ้มด้วยความพอใจและค่อยๆ เดินกลับขึ้นไปอย่างช้าๆ พร้อมกับรำพึงเบาๆ ว่า



“อีกไม่นานหรอก.... พวกเจ้าจะได้รับรู้ถึงความทุกข์ทรมานของข้า และถึงคราวที่พวกเจ้าจะต้องเจ็บปวดอย่างที่ข้าเคยรับมาบ้างแล้ว หึๆๆ”



ก่อนหน้านั้นไม่นาน ณ วิหารอัลเทน่า...



อารุสเมื่ออุ้มเซเลสเทียออกมานอกวิหารได้แล้ว เขาก็พบกับร่างหนึ่งที่นอนสลบอยู่ ร็อดนี่ย์นั่นเอง ชายหนุ่มค่อยๆ วางเซเลสเทียลงและไปเขย่าตัวร็อดนี่ย์อย่างแรง “ร็อดนี่ย์ๆๆ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ฟื้นสิๆๆๆ” แล้วหญิงสาวก็เริ่มมีสติขึ้น เธอค่อยๆ ลืมตามาและมองเห็นอารุสก็ค่อยๆ ลุกขึ้นและพอรู้สึกตัวก็ผลักอารุสออกไปทันที



“นี่เจ้าจะทำอะไรน่ะ..!” อารุสไม่ตอบและรีบบอกว่า “ไปกันเถอะ เราต้องรีบพาเจ้าหญิงไปจากที่นี่” ร็อดนี่ย์ได้ยินก็นีกได้ “จริงสิ ข้าได้ยินเสียงเพลง...แล้วก็ไม่รู้สึกตัวเลย...แล้วองค์หญิงเป็ นอย่างไรบ้าง” อารุสจึงชี้ไปที่เซเลสเทียที่ยังสลบอยู่ ร็อดนี่ย์ไม่รอช้าจึงค่อยๆ ไปเขย่าตัวเซเลสเทีย แต่ไม่ได้ทำให้เธอคืนสติได้เลย อารุสเห็นดังนั้นจึงรีบเตือนร็อดนี่ย์ให้รีบไป “เราช่วยๆกันพยุงเจ้าหญิงและรีบไปจากที่นี่เถอะ.” ร็อดนี่ย์พยักหน้าแต่ก็นึกอะไรบางอย่างได้ “แล้วเรน่าละ เรน่าอยู่ไหน” อารุสตอบว่า “เรน่า....ไม่สิ เด็กคนนั้นกลายเป็นเทพีอัลเทน่าไปแล้ว ไม่มีเวลาเล่าอะไรแล้ว ...เรารีบไปกันเถอะ”



เมื่อพวกอารุสพาเซเลสเทียออกมาทางสวนด้านหลังวิหาร ..ก็ต้องประหลาดใจที่พบว่ารอบๆ วิหารนั้นกลายเป็นแผ่นดินที่ลอยอยู่บนพ้า อารุสอุทานทันที “แล้วเราจะไปยังไงกันดี” ร็อดนี่ย์ไม่ตอบแต่กลับล้วงหยิบเอาสิ่งหนึ่งออกมาจากกระเป๋า มันเป็นขนใบเล็กๆ อารุสทำหน้าสงสัย “นี่มันอะไร...” ร็อดนี่ย์ยิ้มๆ และส่งให้กับอารุส “ขนมังกร...ขนของรูบิน่าไงละ ข้าแอบเด็ดมันมา เราจะได้เรียกมันมาได้ เอาละ เจ้าลองเป่ามันให้เกิดเสียงดังๆ และลองเรียกมันจากหัวใจเจ้าดูสิ” ชายหนุ่มรับมันมาจากมือร็อดนี่ย์อย่างงงๆ หลังจากค่อยๆ วางตัวเจ้าหญิงเซเลสเทียลง และลองทำตามดู



“ปู๊ดดดด…แค่กๆๆๆ” อารุสสำลักหลังจากพยายามเป่าแต่เหมือนขนมังกรจะทำให้ระคายเคือง จมูกจนต้องไอออกมา ร็อดนี่ย์เห็นก็ส่ายหน้าและดึงมันคืนมาจากมืออารุสทันที “นี่ๆ ค่อยๆ ทำสิ ยิ่งขนมันหลุดมากเท่าไร จะยิ่งสื่อสารได้ระยะทางน้อยเท่านั้นนะ” ร็อดนี่ย์ค้อนและส่งกลับไปให้อารุสลองใหม่อีกครั้ง “เอ้า เอาใหม่ เร็วๆ”



คราวนี้อารุสตั้งใจเป่าอย่างจริงๆ จังๆ “ฟู่.......” เสียงเบาๆ ค่อยๆ ลอยตามลม.. ไปจนถึงมังกรรูมิน่าที่สลบอยู่ มันค่อยๆ ลืมตาขึ้นและค่อยๆ ยันตัวเองขึ้น พอได้ที่แล้วก็กางปีกออกและบินออกไปอย่างรวดเร็ว



“จะได้ผลเหรอ ...นี่เจ้ารู้ได้ยังไง...” หลังจากลองเป่าไป 3 ครั้ง อารุสก็หันหน้ามาถามด้วยความไม่แนใจ ร็อดนี่ย์ทำคิ้วขมวดก่อนจะตอบว่า “ไม่รู้สิ ข้าเองก็เรียนรู้จากท่านพอ... ” อารุสกุมขมับด้วยความปวดหัว “แล้วมันจะได้ผลมั๊ยเนี่ยะ...” ทันใดนั้น ร็อดนี่ย์ก็ผลุดลุกขึ้นและจับมืออารุสให้มองดูบนฟ้า “นี่ๆ เจ้าดูนั่นสิ ตรงนั้นน่ะ..” อารุสมองตามไปก็พบเงาเคลื่อนไหวตรงมาทางนี้ พอเข้ามาใกล้ๆ ทั้งสองคนก็ตะโกนพร้อมกันด้วยความดีใจ



“รูมิน่า!!”



ขณะเดียวกัน ณ ยานอินวินซิเบิ้ล



เวโรนิสหลังจากเข้ามายังยานแม่ได้แล้วก็วิ่งมาหาเรมิเอลด้วยควา มตกใจ “นั่นมันอะไรกันน่ะ...พลังขนาดนี้ยังทำอะไรอสูรนั่นไม่ได้ ...เราจะทำยังไงกันดี” เรมิเอลยกมือหนึ่งกุมขมับและโบกมือห้ามไม่ให้พูดต่อ “นั่นไม่ใช่อสูร..เวโรนิส.. ขอข้าใช้ความคิดหน่อย” หญิงสาวยังไม่หยุดแต่กลับเดินเข้าไปที่จอภาพและชี้ให้ดูมาตรวัด พลังเวทย์และพูดว่า “ไม่ใช่อสูรแล้วมันอะไร ทำไมเครื่องจับพลังเวทย์ถึงจับมันไม่ได้ แถมยังทำลายพลังของ Deterra cannon ได้ในพริบตาอีก”



“นั่นไม่ใช่อสูร นันคือเทพเจ้า” เสียงหนึ่งจากเครื่องติดต่อดังทำลายความเงียบขึ้น เป็นเสียงของโคลก้านั่นเอง เรมิเอลรีบกดปุ่มตอบรับและพูดต่อทันที “เทพเจ้า...เจ้าหมายถึงเทพีอัลเทน่างั้นเหรอโคลก้า.” เวโรนิสถามต่อ “แล้วเราจะทำยังไงกันดี” เสียงนั้นตอบมาทันควันเช่นกัน “จงรีบกลับมาที่พระราชวัง เราจะต้องกำจัดร่างทรงของเทพรัตติกาลเนครอสให้ทันเวลาก่อนที่เท พสององค์จะพบกัน ...ไม่งั้นเราจะควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ “



เวโรนิสทุบแผงควบคุมและตะคอกไปกลับอย่างโมโห “ไม่ได้นะ ...ไกเซฮร์อยู่ด้านล่าง...ข้าจะทิ้งเค้าไว้ไม่ได้!” หญิงสาวหันไปมองเรมิเอลและชี้หน้าด้วยความโกรธ “เจ้าเองบอกเองว่า มันไม่มีผลร้ายแรงกับมนุษย์ แต่จะมีผลกับเครื่องยนต์พลังเวทย์....แล้วดูสินี่มันอะไรกันละ ข้าจับความเคลื่อนไหวของเจาไม่ได้เลย” พูดจบเวโรนิสก็เดินออกไปจากห้องทันที เรมิเอลเห็นดังนั้นก็รีบถามทันที “เดี๋ยว ....เจ้าจะไปไหน เวโรนิส”



หญิงสาวหันกลับมาตอบทันควัน “ข้าจะไปช่วยเจ้าบ้าไกเซฮร์!!”



.เรมิเอลพยายามทัดทาน “หยุดนะเวโรนิส... เจ้าจะไปไม่ได้มันอันตราย” แต่เสียงของโคลก้าตามสายก็แทรกขึ้นมาว่า “ ปลอยเธอไป...และรีบกลับมาเถอะ..ข้าเกรงว่าถ้าข่าวนี้ไปถึงหูประ ชาชนเทราบิเทีย เขาจะลุกฮือขึ้นมาต่อต้านกองกำลังจักรวรรดิ์ ทุกอย่างจะพลัง และเมื่อนั้นเราจะแย่... ข้าเชื่อว่าสองคนนั่นจะหาทางรอดกลับมาได้ เวโรนิสจะไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามหรอก” เรมิเอลกัดฟันกรอดและหันไปออกคำสั่งทันที



“ถอยกลับเต็มกำลัง!!”



ณ ป่ามายา..



ผลึกคริสตัลที่ผนึกราชินินิรันดร์กาล อัลฟิโอน่าไว้กำลังเปล่งแสงสีฟ้าสุกใสอบอุ่น ทำให้หมาป่าฟิเลมินอสค่อยๆ ลื่มตาขึ้น และรุ้สึกมีพลังเต็มเปี่ยมขึ้นมาอีกครั้ง ฟิเลมินอสมองไปยังผลึกคริสตัลอย่างมีความหวังพลางรำพึงว่า “ผุ้ที่ถูกเลือกเอย.... ในที่สุดเจ้าก็ทำสำเร็จแล้วสินะ” มันลุกขึ้นยืนและค่อยๆ ไปหมอบหน้าเทวรูปเทพีอัลเทน่า



ก่อนที่จะหลับตาลงอีกครั้งหนึ่ง ฟิเลมินอสได้พูดกับรูปปั้นเทพีอัลเทน่าว่า



“หวังว่าครั้งนี้... คงจะจบกงล้อแห่งชะตากรรมอันเป็นนิรันดร์เสียที... แล้วข้าคงจะได้พักผ่อนตลอดกาล..”



(ต่อตอนหน้า)




 

Create Date : 08 เมษายน 2553
0 comments
Last Update : 8 เมษายน 2553 17:18:32 น.
Counter : 795 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


The Prophet
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนบ๊องๆ คนหนึ่ง..
รักดนตรี เสียงเพลง
เตบอยากเป็นครูบ้านนอก
แต่ดันเป็นโปรแกรมเมอร์เมืองหลวง
ชอบใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ
ฝันอยากจะเป็นบาหหลวง
แต่ดันแอบหลงรักสาวอยุ่ร่ำไป
ใครๆ บอกว่าเป็นคนดี แต่ตัวเองบอกว่าคงไม่ดีเท่าไร
อย่างน้อยก็หน้าตาหละ...
แต่เห็นหน้าตาอย่างนี้ ก้อจบปรัชญาราม นะคร้าบบบ
Friends' blogs
[Add The Prophet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.