space
space
space
<<
พฤศจิกายน 2558
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
space
space
4 พฤศจิกายน 2558
space
space
space

North Vietnam ( Hanoi – Sapa ตามล่าหิมะ)

เสน่ห์เวียดนามเหนือ ฮานอย - ซาปา (ตามล่าหิมะ)

“มีข่าวหิมะตกหนักทั่วโลก”ถ้าพูดถึงเมืองที่มีหิมะกับอากาศหนาวหนาวหลายคนจะนึกถึงประเทศฝั่งยุโรป ที่ต้องนั่งเครื่องบินข้ามทวีปกันเป็นวันๆ   พอได้ยินข่าวและลองเช็คมูลจากโลกโซเชียลปรากฏว่า  ซาปา ก็มีหิมะตกในรอบหลายปีกะเค้าด้วย ทริปตามล่าหิมะที่เวียดนามเหนือในครั้งนี้ก็เลยเกิดขึ้น


ทริปนี้เราแลนด์ดิ่งที่ฮานอย สนามบินนอยไบ (NoiBai International Airport) ระหว่างเดินออกจากตัวเครื่อง เวียดนามก็สร้างเฟิร์สอิมเพรสชั่นต้อนรับเราด้วยอุณภูมิ 10 องศา หนาวมากกว่าที่เราคิดไว้ซะอีก  (อยากจะยืนปรบมือดังๆ ให้สัก 10 นาที) จากสนามบินเราต่อรถบัสเข้าเมืองประมาณ30 นาที และไปต่อรถแท็กซี่ เพื่อไปโรงแรม Thong Long 1 Hotel Hanoi ในย่านโอวด์ทาวน์ ที่จองไว้แบบเดย์ยูส สำหรับเก็บของ และอาบน้ำ ก่อนขึ้นรถไฟตู้นอนไปลาวไกตอน 2 ทุ่มคืนนี้ หลังจากเก็บกระเป๋า เราก็ออกสำรวจบรรยากาศย่านเมืองเก่าของฮานอยกัน


ส่วนตัวผมชอบบรรยากาศย่านนี้นะ ทั้งร้านค้า โฮสเทลร้านอาหาร ร้านกาแฟ ผสมปะปนรวมกันได้ลงตัว ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยวเยอะมากๆ (เจอกรุ๊ปคุณลุงคุณป้าฝรั่งหัวทองหลายกรุ๊ป)ทั้งผู้คน จักรยาน มอเตอร์ไซด์ มันโคตรวุ่นวาย แต่มันเป็นความวุ่นวาย        แบบมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก



เราไปที่สะพานเทฮุก ทะเลสาปฮว่านเกี๋ยม(ทะเลสาปคืน) และวัดเนินหยก(วัดหง็อกเซิน) ที่มีนักท่องเที่ยวรวมทั้งคนเวียดนามเอง มาไหว้เคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันเยอะมาก




และก็ถึงเวลาของมื้อกลางวัน(อาหารมื้อแรกในฮานอย) ซึ่งเราพร้อมใจกันโหวตเลือก      กิน เฝอ แบบออริจินัลเวียดนาม เมนูที่ช่วยให้เรารู้สึกอุ่นขึ้นจากอากาศหนาว 


ต่อด้วยการตามล่าร้านกาแฟหาคาเฟอีนใส่ตัว เราเดินเลือกอยู่พักนึงและไปหยุดที่หน้าร้าน Emily’s Coffee เราเลือกร้านนี้เพราะมันเหมือนมีพลังงานบางอย่างดึงดูดเป็นร้านที่ตกแต่ง ได้โคตรดิบ เจ้าของร้านเป็นวัยรุ่นอินดี้ นั่งสูบบารากุกันควันโขมง (อารมณ์เหมือนซุม    ควันไฟไล่ยุงให้วัว) แถม Wi-Fi งี้ก็เร็วปื้ด


หลังถ่ายรูป นั่งอัพเดทสเตตัสในโซเชียลแล้วก็เดินสำรวจโอลด์ทาวน์กันต่อ สิ่งนึงที่สะดุดตามากๆสำหรับย่านนี้ คือร้านชา กาแฟและเบียร์สดริมถนน ที่มีเยอะมากพอๆ กับรถเข็นขายน้ำทับทิมแถวเยาวราช ลึกๆผมโคตรอยากแวะนั่งแจมกับวัยรุ่นและนักท่องเที่ยวคนอื่นๆแต่ก็กลัวจะเที่ยวไม่ทั่ว เลยอาศัยซื้อเบียร์กระป๋องแบรนด์โลคอลเดินจิบเอาอากาศหนาวหนาวก็ต้องจิบเบียร์ให้ร่างกายอบอุ่นดิ ช่ะ!



ก่อนจะกลับโรงแรมอาบน้ำอุ่นๆ  รอเวลาพนักงานเอเจนท์ทัวร์มารับ เราจองตั๋วรถไฟล่วงหน้าผ่านเว็ปไซด์Traintosapa.com ในเว็ปไซด์จะมีให้เราเลือกตู้นอน โบกี้ของหลายๆบริษัท แต่ละตู้นอนจะมี เตียง ราคาก็แตกต่างกันไป เอเจนท์ทัวร์จะติดต่อผ่านอีเมลล์ ส่ง Linkสำหรับการจ่ายค่าตั๋วมัดจำครึ่งนึง ด้วยการตัดบัตรเครดิตมาให้ และมาจ่ายเงินสดครึ่งที่เหลือพร้อมรับตั๋วรถไฟกันที่เอเจนท์ทัวร์ออฟฟิศ “Mr.Sutha? Hi How are you” พนักงานหนุ่มจากเอเจนท์ทัวร์มารับเราไปออฟฟิศที่อยู่ใกล้ๆกับสถานีรถไฟตรงเวลามากๆชั้นบนออฟฟิศเป็นร้านอาหาร เน้นขายพวกสแนคและเบียร์ เดาว่าอาจเป็นทริกอย่างนึงในการต่อยอด ให้ลูกค้านั่งรอเฉยๆ มันไม่ได้อะไร ทำร้านอาหารด้วยซะเลยและระหว่างรอตั๋วรถไฟ เราก็สั่งเบียร์มากินรอเวลากันจริงๆ เข้าแผนเค้าล่ะ


3 ทุ่มกว่าๆ ก็ถึงเวลาขึ้นรถไฟมุ่งหน้าสู่สถานีลาวไก ในตู้นอน ก๊วนของเราเม้ามอยกันเรื่อยเปื่อยถึงโปรแกรมเที่ยวที่ซาปาและแอบภาวนาลึกๆ ถึงหิมะ “snack or drink?” เสียงพนักงานสาว(เทรนโฮสเทส) ร้องตะโกนเรียกลูกค้า พร้อมเข็นรถเข็นที่เต็มไปด้วยเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวมาตามทางเดิน จริงๆวันนี้เรากินเบียร์กันเยอะแล้ว แต่ก็นะ                "Four Hanoi Beer please"  ^^”


จากฮานอย 3 ทุ่มเรามาถึงลาวไกตอนตี 5 กว่าๆ ก่อนถึงลาวไกประมาณสัก 20 นาที เทรนโฮสเทสสาวคนเดิมก็เดินเคาะประตูปลุกผู้โดยสารให้เตรียมตัวจนครบทุกตู้นอน ประมาณว่าถ้าไม่ตื่นฉันไม่หยุดเคาะนะ เออตื่นก็ได้ว่ะ (-_-') ตรงทางออกสถานีลาวไก เต็มไปด้วยพนักงานขับรถตู้หลายสิบคนที่มารอรับนักท่องเที่ยว คนขับทุกคนถือกระดาษ A4เขียนชื่อลูกค้าไว้ ความยากก็คือเวลานั้นไม่มีแสงสว่างการเล่นเกมส์สะกดคำในที่มืดสลัว จึงเริ่มขึ้นครับ โอ้ย!ตาก็ยิ่งสั้นเนอะ เห้ย! นั่นไง “Hi I’m Sutha.  Are you from Hmong Sapa?” “Yes Mr.Sutha 4people right?”


จากอุณหภูมิ 10องศา ที่ฮานอย ซาปาต้อนรับเราด้วยอุณหภูมิ 4 องศา แต่ดันมีฝนตกปรอยๆความหวังเรื่องจะเห็นหิมะบนยอดเขาเริ่มริบหรี่ (-_-“) รถตู้พาเราวิ่งขึ้นภูเขาไปเรื่อยๆจากลาวไกไปถึงโรงแรม Hmong Sapa ใช้เวลา 50 นาที 


เราเลือกพักที่นี่เพราะโลเคชั่นที่มองเห็นวิวภูเขาแบบ 180 องศา ที่ซาปาฝนหยุดแล้ว  แต่ฟ้าค่อนข้างปิด เมืองทั้งเมืองเลยกลายเป็นเมืองในหมอก (นี้มันหนังเรื่องไซเรนฮิล ชัดๆ)       แต่มองอีกมุมก็โรแมนติกไปอีกแบบน่ะ


“I heard the news about snow in Sapa” เรายิงคำถามแรกกับฟรอนท์โรงแรม“Oh! Snow That’s true because the weather is colder than last year but it is going to rain snow is gone I’m Sorry” เคยเห็นลูกน้ำหรือไรแดงถูกน็อคน้ำแข็งไหมครับสตั้นไป  แป็บนึง (แต่ไม่ตายนะ) ภารกิจตามล่าหิมะเป็นอันล้มเหลว คำว่าธรรมชาติอยู่เหนือการควบคุม(Out of Control) มันลอยมาปะทะหน้าแบบเต็มๆ ก่อนดึงสติกลับมา ด้วยความเข้าใจ (ปลง) ไม่เป็นไรเพราะยังไงซาปา ก็ยังมีสตอรี่อีกเพี้ยบรอเราอยู่


หลังกินมื้อเช้าที่โรงแรมและเช็คอินในโลกโซเชียลอวดเพื่อนเรียบร้อย เราก็ออกสำรวจซาปาท่ามกลางหมอกกัน เริ่มต้นที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ตลาดซาปา ร้านค้า บ้านเรือนที่มีกลิ่นไอสถาปัตยกรรมยุโรป โบสถ์คริสคาทอลิก 







และก็เหมือนฟ้าเวทนาเรา ที่พลาดโอกาสจากหิมะ เลยทำเซอร์ไพรส์ด้วยการส่ง ต้นซากุระที่ออกดอกบานสะพรั่ง มาทดแทน ถือเป็นของแถมที่ไม่ได้อยู่ในโปรแกรม 




หลังถ่ายรูปกับสวนซากุระกันพักใหญ่ (ด้วยใบหน้าลิงโล้ดสุดๆ) เราก็ไปกินมื้อกลางวันเป็น เฝอ  สไตล์ซาปา และแวะไปกินกาแฟกับขนมเค้กที่ร้าน Baguette and Chocolate 



ก่อนกลับเข้าโรงแรมนั่งอัพเดทสตอรี่ซาปาในโลกโซเชียล และออกมาหามื้อค่ำ ซดเบียร์ ท่ามกลางหมอก กับอากาศหนาวหนาวของเมืองซาปา แล้วก็กลับไปนอนห่มผ้าบนเตียงนอนไฟฟ้าอุ่นๆคร่อกกกก (นี่ผมหลับไปตอนไหนฟร่ะเนี้ยะ) ZZ..zzZ..Z 


เช้าวันสุดท้ายที่ซาปา ภายใต้อากาศหนาว เราสัมผัสได้ถึงไอแดดอ่อนๆ“ท้องฟ้าเปิดแล้ว” เรามีโปรแกรมตะลุยหมู่บ้านแคทแคท (CatCat Village) ของชนเผ่าม้ง แต่พนักงานโรงแรมแนะนำทางเลือกให้ว่า ถ้าคุณชอบธรรมชาติเค้าแนะนำหมู่บ้านซินไชน์ (Sin Chay) ที่อยู่ลึกกว่าแคทแคท ที่นั้นไม่วุ่นวายและธรรมชาติสวยงามกว่า “If you walk around 30 minutes from Sin Chay you will see the river and the bridge”



เรามันก็พวกใจง่าย เลยเปลี่ยนโปรแกรมเหมารถแท็กซี่จากโรงแรมตรงไปหมู่บ้านซินไชน์  ใช้เวลาประมาณ 30 นาที รถมาจอดที่โรงเรียนเล็กๆ ซึ่งเป็นปากทางเข้าหมู่บ้าน เราต้องเดินเท้าเข้าไปตามเส้นทางที่ตัดผ่านหมู่บ้าน ฝูงสัตว์เลี้ยง หมู เห็ด เป็ด  ไก่ ของชาวบ้านวิ่งไปวิ่งมา (เห็ดไม่วิ่งนะเพราะถ้าวิ่งจะหลอนมาก) ชาวบ้านที่นี่โคตรเฟรนด์ลี่  โดยเฉพาะเด็กๆ ยิ้มสู้กล้อง ทู้กคน ^^



“นั่นไงสะพาน” เราถึงจุดหมายแล้ว ผมกับเพื่อนๆใช้เวลาถ่ายรูป ซึมซับธรรมชาติของ      ซินไชน์ไป 2 ชั่วโมงเต็มๆ ก่อนจะต้องอำลาซาปากันในค่ำวันนี้




“Thank you and hope to see you again bye bye” พนักงานโรงแรมยืนส่งเราขึ้นรถตู้(ให้เห็นกับตาว่าเราไปแล้ว) และก็ถึงเวลาบ๊ายบายซาปาจริงๆ แล้วสิ...แอบอยากอยู่ต่อ T_T



ใต้ผ้าห่มบนรถไฟตู้นอนจากลาวไกมุ่งหน้ากลับสู่ฮานอย อากาศหนาวหนาวสะกิดให้ผมทบทวนภาพและความรู้สึกของการเดินทางตั้งแต่วันแรกจนถึงตอนนี้...การผสมผสานของย่านโอลด์ทาวน์ระหว่างวิถีดั้งเดิมกับกระแสสมัยนิยมที่ดูเหมือนจะไปด้วยกันไม่ได้แต่ดันไปได้ดีมาก คนเวียดนามที่นั่งจิบชากับนักท่องเที่ยวฝรั่งที่นั่งจิบเบียร์ ตึกเก่าแก่ที่ล้อมรอบด้วยโรงแรม กับโฮสเทล ชิคชิค ร้านกาแฟของไอ้หนุ่มอินดี้ที่เต็มไปด้วยควันบารากุ สวนซากุระที่ให้ความรู้สึกเซอร์ไพรส์เหมือนได้โบนัสก้อนพิเศษ วิถีชีวิตสงบเรียบง่ายของหมู่บ้านซินไชน์ที่ตรงข้ามกับความวุ่นวายที่เราหลายๆคนกำลังเจออยู่...

สตอรี่ของทริปนี้สร้างความรู้สึกและความทรงจำดีๆมากมายกว่าที่คิด


จนกว่าจะพบกันใหม่ทริปหน้า... สวัสดีครับ 

13 - 16 Feb 2014 


หวังว่าข้อมูลรีวิวทริปนี้จะเป็นประโยชน์กับนักเดินทางทุกท่านนะครับ





Create Date : 04 พฤศจิกายน 2558
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2558 11:37:03 น. 0 comments
Counter : 1147 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

สมาชิกหมายเลข 871496
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Life is Journey...Travel Mania

My IG: earthrealbuff

space
space
space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 871496's blog to your web]
space
space
space
space
space