|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ข้อคิดธรรมะ และปร้ชญา
วิ่งตามอะไรกันในชีวิต
มีเรื่องเล่าว่า
มีพระองค์หนึ่ง
ชอบทำอะไรแปลกๆ
วันหนึ่ง
พวกกรุงเทพฯ
เอากฐินไปทอดที่วัด
จัดงานกันใหญ่โต
มีหนัง
มีลิเก
มีดนตรี
ผู้คนแห่กันมามืดฟ้ามัวดิน
ก่อนทอดกฐิน..ผู้คนมารวมกันเต็มศาลา
หลวงพ่อเรียกเด็กวัดมา
บอกให้ไปเอาเนื้อจากโรงครัวมาก้อนหนึ่ง
แล้วเอาเชือกมาด้วย
หลวงพ่อจัดการ
เอาเนื้อ
ผูกติดกับหลังหมา
ผูกเสร็จ
ก็ปล่อยหมา
หมาเห็นเนื้ออยู่บนหลัง
ก็ไล่งับ
พอหัวโดดงับ
ตัวก็ขยับหนี
เพราะหมามันกัดหลังตัวเองไม่ถึง
ยิ่งโดดงับเร็ว
ก้อนเนื้อก็หนีเร็ว
โดดไม่หยุด
เนื้อก็หนีไม่หยุด
น่าสงสารหมามาก
หมาโดดอยู่นาน
งับเท่าไหร่
เนื้อก็ไม่เข้าปากสักที
ผู้คนบนศาลา
พากันหัวเราะชอบใจ
หัวเราะเยาะหมา
ว่าทำไมมันถึงโง่ยังงี้
ไล่งับ
จะกินเนื้อ
ที่ตัวเองไม่มีทางไล่ตามทัน ตลอดชีวิต
หลวงพ่อ
มองดูด้วยความสนุกสนานจนหนำใจแล้ว
ก็แก้เชือกออกมากหลังหมา
แล้วหันมาพูดกับญาติโยมว่า
มนุษย์เรา
มีความรู้สึกว่า
ตัวเองพร่อง
ตัวเองยังไม่เต็ม
ต้องเติมตลอดเวลา
เติมไม่หยุด
เพื่อให้ตัวเองเต็ม
เราอยากสวย
อยากทันสมัย
ไปหาซื้อเสื้อผ้าที่สวยที่สุด
ทันสมัยที่สุดใส่
ดีใจได้เดือนเดียว
มีรุ่นใหม่ออกมาอีกแล้ว
สวยกว่า
ทันสมัยกว่า
อยากได้โทรศัพท์มือถือรุ่นใหม่
ซื้อเสร็จ ๓ เดือน
รุ่นใหม่ก็โผล่มาอีกแล้ว
ซื้อคอมพิวเตอร์ทันสมัยที่สุด
๒ เดือนต่อมา
มีรุ่นใหม่กว่าออกมา
ของเราตกรุ่น
ซื้อรถเบนซ์
ทันสมัยที่สุด
แพงมาก
ขับได้ ๖ เดือน
มีรุ่นใหม่ออกมาอีกแล้ว
ทันสมัยกว่า
แพงกว่า
ของเรากลายเป็นเชย
เราต้องก้มหน้าก้มตา
ทำงานทั้งวัน ทั้งคืน
หาเงินมา
เพื่อมาทำให้ตัวเองทันสมัย
ซื้อเสื้อผ้าใหม่
มือถือใหม่
คอมพิวเตอร์ใหม่
รถยนต์คันใหม่
เหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส
เพื่อไม่ให้ตัวเองตกรุ่น
ปัจจุบัน
เรากำลังไล่งับความทันสมัย
เหมือนหมาที่ไล่งับเนื้อบนหลังของมัน
ทั้งที่รู้ว่า
ต่อให้ไล่งับทั้งชีวิต
ก็ไม่มีทางตามทัน
น่าสงสารไหมโยม
คนเต็มศาลา
เมื่อกี้หัวเราะครึกครื้น
ด่าว่า
หมามันโง่
ตอนนี้เงียบสนิท
เหมือนไม่มีคนอยู่
ไม่รู้ว่า
กำลังสงสารหมา
หรือ
กำลังทบทวนความโง่
ตัวเอง
(จาก ทำดี) ข้อคิด ธรรมะ ..ปร้ชญา..โดย Zyberni@
-----------------------------------------------------------------------------
Create Date : 04 กรกฎาคม 2552 |
Last Update : 6 กรกฎาคม 2552 18:58:28 น. |
|
4 comments
|
Counter : 395 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Nunoynaruk วันที่: 6 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:00:52 น. |
|
|
|
โดย: Nunoynaruk วันที่: 6 กรกฎาคม 2552 เวลา:19:01:59 น. |
|
|
|
โดย: Nunoynaruk วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:33:52 น. |
|
|
|
โดย: Nunoynaruk วันที่: 17 กรกฎาคม 2552 เวลา:17:36:15 น. |
|
|
|
|
|
|
|
มากผู้คนเอ่ยขานถึงการให้
นิยามไว้แตกต่างสร้างสีสัน
สรุปลงตรงที่มีเหมือนกัน
คือแบ่งปันแบ่งไปให้เจือจาน
สิ่งที่ให้นั้นต่างไปตามใจคิด
บ้างก็ให้ยาพิษมุ่งสังหาร
บ้างก็ให้ยาหอมเพิ่มชื่นบาน
บ้างให้ทานทรัพย์สินรินน้ำใจ
สิ่งที่รับผู้หยิบจับยินดีจิต
กระชับมิตรเกี่ยวข้องต้องนิสัย
ยิ่งเป็นสิ่งได้รับที่ถูกใจ
ความยินดียิ่งใหญ่ประทับตรา
คุณค่าของการให้ในเบื้องแรก
คือปลดแอกทุกข์ผู้รับดับปัญหา
ได้ถูกตรงต้องสถานกาลเวลา
ถูกจริตนำพาสุขเพิ่มพูน
คุณค่าของการให้อาจไร้ค่า
หากอุดหนุนตัณหาไม่สิ้นสูญ
มุ่งบำเรอเปรอปรนจนเทิดทูน
ทวีคูณโซ่กรรมจำจองใจ
คุณค่าของการให้ด้วยรักแท้
คือช่วยแก้ทุกข์ประจำปลดเงื่อนไข
เท่ากับลดทุกข์จรควบคู่ไป
คือการให้ธรรมเป็นทานสารปัญญา
เป็นการให้ด้วยรักสมัครจิต
ไร้สิ่งพิษผลข้างเคียงเสี่ยงปัญหา
ให้โอกาสด้วยรักที่เมตตา
ปลอบขวัญให้เก่งกล้าไม่กลัวภัย
เป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ด้วยความรัก
หมายสมัครเสริมกุศลบนนิสัย
ผู้ให้อาจเหน็ดเหนื่อยสักเท่าใด
ก็สุขใจแม้นไร้ผู้กู่ชื่นชม
จากพี่ดอกแก้ว ลานกวี