เที่ยวอังกฤษ - เวลส์ - สก๊อตแลนด์ (วันที่ 6)

วันพฤหัสบดี ที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2553


วันที่ 6 Bicester Outlet – London (Shopping Day!!!)



วันนี้ตื่นแต่เช้าลงมาทานอาหารอย่างรวดเร็ว แล้วก็ออกมาเดินรับอากาศเย็นยะเยือกยามเช้า พร้อมกะถ่ายรูปบรรยากาศโรงแรมที่เราเห็นลางๆ เมื่อคืนกัน

ตึกโรงแรมที่นี่เป็นตึกแบบอาคารเก่า ที่เรามองว่ามันสวยมาก แต่มันก็แอบน่ากลัวอยู่นิดนึงเพราะจำได้ว่าสมัยเด็กๆ เนี่ยเวลาดูหนังผีฝรั่งส่วนใหญ่ที่น่ากลัวๆ ก็จะมีตึกแบบนี้ให้เราเห็นเป็นประจำเลย


ทางเข้าโรงแรม











ด้านข้างโรงแรมมีสนามกอล์ฟ วิวสวยมาก





เพิ่งสังเกตว่าเช้านี้มีรถบัสสีขาวจอดอยู่ 2 คัน คันนึงก็เป็นของกลุ่มเรา อีกคันนึงก็คงเป็นอีกกลุ่มนึงล่ะ พี่ไกด์บอกว่า รถอีกคันน่าจะเป็นกรุ๊ปทัวร์ของต่างชาติ เนื่องจากรถเช่าคันนั้นเป็นรุ่นที่มีราคาแพง ที่ทัวร์ไทยจะไม่ค่อยใช้กัน แต่สุดท้ายก็เป็นของกรุ๊ปทัวร์คนไทยอีกกรุ๊บนึงที่ใช้รถคันแพงๆ คันนั้น สรุปว่าที่โรงแรมนี้มีกรุ๊บทัวร์เข้ามาพักแค่ 2 กลุ่มเอง พี่ไกด์บอกว่าปกติโรงแรม Marriott จะไม่ค่อยรับกรุ๊ปทัวร์เท่าไหร่ เนื่องจากเค้าไม่สามารถลดราคาลงมาต่ำได้นั่นเอง เค้าว่างั้นนะ


แล้วพวกเราก็เตรียมตัวออกเดินทางไป Bicester Outlet กัน ระยะทางกว่าจะถึงก็ประมาณ 250 กิโลเมตร พี่ไกด์บอกว่าจะต้องนั่งรถอีกประมาณ 4 ชั่วโมง ไปถึงที่นั่นก็จะประมาณเกือบเที่ยงพอดีๆ


ตอนที่พวกเรากำลังจะถึง Bicester Outlet พี่ไกด์ก็เล่าให้ฟังว่า ตอนนี้พนักงานของ British Airways กำลังประท้วง แล้วก็ปิดสนามบินกัน แต่วันเสาร์ที่พวกเราจะเดินทางขึ้นเครื่องคงไม่มีปัญหา เพราะว่ายังมีเวลาอีกหลายวัน






พวกเราเดินทางถึง Bicester Outlet ก็ประมาณเที่ยงๆ ลานด้านหน้า Outlet จะใช้เป็นที่จอดรถ เราเห็นรถจอดเยอะมากเลย เต็มพื้นที่จอดรถทุกช่องเลย เอ.. แล้วยังงี้จะมีของเหลือมาถึงมือเรามั้ยเนี่ย พี่ไกด์บอกว่าจะให้พวกเราช้อปกันที่นี่ตั้งแต่เที่ยงตรง จนถึง 16.30 นาฬิกา หรือประมาณ 4 ชั่วโมงครึ่ง (ฮูเลเลเล) มันทำให้เราได้เดินแบบสบายๆ ไม่รีบร้อน ชอบมากเลยแบบนี้ สาวๆ หลายคนในรถก็ไชโยกันเป็นแถว แต่หนุ่มๆ กะหนุ่มสูงวัยก็แบบว่าแอบเซ็งนิดนึง คือเค้าก็บ่นๆ ว่าจะเดินอะไรกัน 4-5 ชั่วโมง



ท่านพ่อก็ชวนพวกเรา บอกว่าให้ไปหาอะไรทานกันก่อนนะ แล้วค่อยเดิน แต่เราก็ขอตัวบอกว่ายังไม่หิว (ขอหนูเดินเล่นก่อนนะ) ก็เลยแยกย้ายกันเดิน


บรรยากาศใน Outlet คนก็ค่อนข้างเยอะทีเดียว









Me & Mulberry

Mulberry เป็นร้านแรกๆ ที่เราดิ่งเข้าไปดูก่อนเลย เพราะจำได้ว่าที่ TPF แนะนำว่าให้รีบมาดูแต่เช้าๆ หน่อย เพราะยิ่งบ่าย เย็น เนี่ยของยิ่งหมด แล้วก็ไม่มีเติมด้วย

จำได้ว่าเราเข้าไปในร้านประมาณเที่ยงครึ่งได้ล่ะ เราก็เห็น Bayswater ประมาณ 10 กว่าใบได้ล่ะ วางเด่นเป็นสง่าอยู่ตรงโต๊ะกลาง มี Bays Chocolate ใบนึง กะ Black 2 ใบ ที่เหลือก็เป็นหนังคล้ายๆ หนังจระเข้ สีดำอยู่ หลายใบ (ที่ไม่ค่อยสวย) เราก็ไปลองๆ จับ Bays Choc ดู แต่ว่าดูแล้วหนังไม่ค่อยสวยถูกใจเท่าไหร่ แล้วก็ขนาดมันใหญ่เกินความต้องการของเราไป ก็เลยวางไว้เหมือนเดิม แล้วก็เดินๆ ไปดูแถวโซนกระเป๋าสี ก็เห็น น้อง Bays East West สีเขียวอ่อน ใบนึง ก็ชอบขนาดนะ แต่ก็ไม่ชอบสีเขียว และแล้วเราก็เหลือบไปเห็นน้อง Bays East West สีชมพูอมส้มใบนึง น่ารักมาก ทั้งขนาด ทั้งสี แบบว่ารักแรกพบเลย แต่เผอิญว่าใบนั้นมันไม่ได้วางอยู่บน Shelf นี่สิ มันอยู่ในมือสาววัยกลางคน คาดว่าจะเป็นคน Local นะ ถืออยู่พร้อมกะเป๋าอีกใบ ไอ่เราก็สงสัยอดแน่เลยดิฉัน อยากได้ใบนั้น เค้าจะเอาใบน๊านนนน


เราก็เลยเดินวนไปวนมาอยู่ในร้าน ก็แอบเหล่ๆ นิดๆ แล้วก็ลุ้นว่าเค้าจะวางหรือเปล่าน๊อ เดินอยู่พักใหญ่ก็ไม่วางซักที แย่แล้วสิเรา เราก็เลยเริ่มถอดใจ ก็เลยมองหาใบอื่นๆ แทน (มันต้องซื้อให้ได้ซักใบสิน่า มาถึงถิ่นแล้ว) แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ถูกใจซักใบเลย สงสัยว่าฝันรอบนี้คงเลือนราง อดเป็นแน่แท้สิเรา


จนคุณแฟนเดินมาตามหาเราที่ร้าน มาดูนั่นล่ะ ว่าเราได้อะไรหรือเปล่า เราก็บอกเค้านะว่าไม่มีถูกใจเลย สงสัยคงไม่ได้ซื้อแล้วล่ะ (เสียใจๆๆ)


ตอนที่เรากำลังจะเดินออกมาจะถึงหน้าประตูอยู่แล้ว เราก็เหลือบไปเห็นน้องเป๋าใบนั้น ใบที่เราเล็งเอาไว้น่านล่ะ มันตั้งอยู่บน Shelf ที่เดิม (สงสัยสาวคนนั้นเค้าไม่ซื้ออ่ะ) ก็เลยรีบดิ่งไปหยิบเลยค่ะ แล้วก็บอกคุณแฟนบอกว่าจะซื้อใบนี้นะ เค้าก็งงๆ นิดนึงนะ แบบว่าเมื่อกี้เพิ่งบอกเองนินาว่าไม่มีที่ถูกใจ แล้วไหงจู่ๆ จะเอาใบนี้ขึ้นมาแบบปัจจุบันทันด่วนงี้ล่ะ เราก็เลยต้องนั่งเล่าเรื่องให้คุณแฟนฟังว่ามันเป็นแบบนี้นะ ....


เสร็จแล้วก็นั่งตรวจดูกระเป๋า ว่ามีตำหนิอะไรชัดเจนหรือเปล่า ต้องดูนิดนึงเพราะซื้อจาก Outlet สินค้าก็จะย่อมต้องมีตำหนิ เป็นธรรมดา แต่ดูแล้วก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่บ่นให้คุณแฟนฟังว่า เห็นเค้าเล่าว่าถ้าซื้อน้อง Bays จาก Outlet มันจะไม่มีกุญแจห้อย แล้วบางทีก็จะไม่มีปุ่มใต้ฐานให้มานะ ส่วนใบที่เราจะซื้อเนี่ย ก็ไม่มีทั้งกุญแจ แล้วก็ปุ่มใต้ฐานทั้งสองอันเลย ก็แอบเสียใจนิดนึง แต่ก็ซื้อนะเพราะชอบสี แล้วก็ขนาดมาก มันแบบว่าใช่เลย (แต่หลังจากนั้นเราก็ไปเช็คดูใน Shop นะ ก็เลยรู้ว่า East West Bays เนี่ย มันไม่มีปุ่มใต้ฐาน แล้วก็ไม่มีกุญแจ เป็นปกติอยู่แล้ว ค่อยยังชั่วหน่อย)

รูปนี้คุณแฟนบอกให้ถือถุงถ่ายกับร้านเป็นที่ระลึกไว้ซะหน่อย แช๊ะ





เราเดินกลับมาที่ Shop Mulberry อีกรอบนึงตอน 4 โมงกว่า ก็กะว่ามาดูเผื่อมีใบใหม่ๆ มาเติม (ยังหวังว่าจะได้อีกใบ อิอิ) แต่ก็ไม่มีเลย แถม Bays หลายๆ ใบที่วางอยู่ตรงโต๊ะด้านหน้าทางเข้า ก็เหลืออยู่ 3-4 ใบ น้อง Bays Choc ก็โดนหนุ่มน้อยคนไทยสอยไปซะแล้ว แอบเห็นเมื่อตอนเที่ยงเธอเข้ามาปุ๊บหยิบปั๊บ แบบว่าไม่ต้องดูลายละเอียดเลย สงสัยมี Order ฝากซื้อมา




Christian Dior
ไม่ค่อยมีของใหม่ๆ เท่าไหร่ ก็เลยไม่ได้อะไร
ตอนแรกเราก็สนใจ Lady Dior ขนาด Medium แต่ว่าด้วยลักษณะกระเป๋ากับการใช้งานไม่ค่อยเหมาะกับเราเท่าไหร่





Jimmy Choo
รองเท้าสวยมาก คนเท้าเล็กๆ ใส่สวยค่ะ เพราะรองเท้าเค้าจะเป็นแบบเปลือยๆ ซะส่วนใหญ่
เท้าใหญ่ยักษ์อย่างเราไม่กล้าลองเลย ได้แต่เดินดูอย่างเดียว





Gucci





Amarni




Clark & Tag Heuer





หลังจากช้อปที่นี่เสร็จ หลักๆ เลยเราก็ได้ Mulberry มาใบนึง แล้วก็ของชิ้นเล็กๆ อีกนิดหน่อย ส่วนคุณแฟนได้เสื้อ Polo มา 2 ตัว


จนถึงเวลานัด เกือบ 16.30 นาฬิกา สมาชิกในกลุ่มทัวร์ก็ทยอยเดินขึ้นรถแบบว่าตรงเวลามาก แล้วพี่ไกด์ก็พาพวกเราออกเดินทางเข้าเมืองเสียที ระยะทางประมาณ 100 กิโลเมตร ก็คาดว่าประมาณ ชั่วโมงครึ่ง น่าจะถึงลอนดอน


ตอนเย็นๆ พี่ไกด์ก็ update ข่าวให้พวกเรา เกี่ยวกับเรื่องสนามบิน Heathrow ปิดที่เกิดจากการประท้วงของพนักงาน British Airways เค้าบอกว่าเนื่องจากข่าวภูเขาไฟระเบิดที่ไอซ์แลนด์ก่อนหน้านี้ ปรากฎว่าตอนนี้ มีขี้เถ้าจากภูเขาไฟลอยกระจายไปทั่วน่านฟ้าของเกาะอังกฤษ ทำให้สนามบินทุกแห่งในเกาะอังกฤษต้องปิด และงดเที่ยวบินทั้งหมด พี่ไกด์ก็ปลอบใจพวกเรานะว่าเดี๋ยววันเสาร์ก็คงดีขึ้น คงเปิดได้แล้วล่ะ เราก็เลยสบายใจขึ้นมาหน่อย ไม่ได้คิดอะไรมาก (หารู้ไม่ ว่านั่นละ จะเป็นต้นกำหนดเรื่องราวสนุกๆ ของเราไปอีกหลายวันเลย)


พวกเราถึงเมือง London ค่อนข้างเย็นมาก ช้ากว่ากำหนดการปกติมากเพราะรถค่อนข้างติดอย่างหนัก พี่ไกด์ต้องนัดเวลาเข้าทานอาหารที่ร้าน Thai Square ใหม่อีกรอบเพราะพวกเรายังเดินทางไม่ถึงร้านเลย ร้านนี้อยู่แทบจะใจกลางเมืองลอนดอนทีเดียว กว่าพวกเราจะฝ่าด่านรถติดเข้าไปได้ แถมพี่จอห์นคนขับรถ พาพวกเราหลง เลี้ยวผิด อีกต่างหาก แต่สุดท้ายก็ถึงร้านอาหารจนได้ ร้านอาหารที่นี่ค่อนข้างดีทีเดียวค่ะ อาหารไทยรสชาติดี ดีกว่าที่เราคาดไว้เยอะ


หลังจากทานอาหารเสร็จ พี่ไกด์ก็พาพวกเราเข้า Check in ที่โรงแรม Holiday Inn Regents Park ตรงถนน Carburton ตอนเข้าไปดูในห้องพัก ก็แอบสลดนิดนึง เพราะเรารู้สึกว่าห้องพักของโรงแรมในเมืองที่นี่ สู้โรงแรมนอกเมืองไม่ได้เลย แต่ไม่เป็นไร อยู่ใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน น่าจะสะดวกเวลาจะไปไหนมาไหน


วันนี้พิเศษหน่อย พี่ไกด์บอกว่า ตอนเย็นหากว่าใครสนใจจะพานั่งรถไฟใต้ดิน ไปเที่ยวในเมืองกัน พวกเราก็ตกลงไปกับพี่ไกด์ด้วย ก็เสียค่ารถไฟกันคนละ 3.50 ปอนด์ เป็นตั๋ววัน ซึ่งถ้าซื้อเยอะๆ เป็นกลุ่มก็จะได้ราคาถูกหน่อย ก็ไปเดินเล่นกันนิดหน่อย แล้วก็นั่งรถไฟกลับ




*******************************************


ติดตาม วันที่ 7 ลอนดอน – พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งมาดามทรูโซ (Madame Tussauds) – หอคอยแห่งลอนดอน (Tower of London) – (บวกทัวร์ชะโงกจากที่รถก็มี Big Ben – London Eye – Buckingham Palace) – Westminster Abbey – Shopping at Selfridges on Oxford Street

Create Date : 10 พฤษภาคม 2553		7 comments
Last Update : 10 พฤษภาคม 2553 11:11:13 น.
Counter : 1281 Pageviews.
Share Tweet