เที่ยวอังกฤษ - เวลส์ - สก๊อตแลนด์ (วันที่ 2)
วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน 2010เที่ยวอังกฤษ - เวลส์ - สก๊อตแลนด์ (ตอนที่ 2 Stonehenge - Bath - Cardiff, City of Wales)8:30 นาฬิกา ตอนเช้าของวันอาทิตย์ ที่ 11 รถบัสพร้อมคนขับก็เดินทางมาถึงสนามบิน แบบว่าพอดีเป๊ะๆ เลย รถสีขาวไม่มีลวดลายใดๆ ทั้งสิ้น พร้อมคนขับแต่งตัวเรียบร้อย ใส่เสื้อสีขาวพร้อมผูกเนทไท เรียบร้อย (เธอแต่งตัวแบบนี้ทุกวันค่ะ)คุณจอห์น คนขับรถของเราเป็นชาวไอร์แลนด์ (ทางด้านบนของเกาะอังกฤษ) เป็นคนที่ขี้อายมาก ถึงมากจริงๆ คุณไกด์เราเล่าให้ฟังว่า บริษัททัวร์ต้องเช่ารถบัสจากไอร์แลนด์ เพราะว่าได้ราคาที่ถูกกว่าเช่าจากในเมืองลอนดอน หรือเมืองใกล้เคียงอื่นๆ มาก คุณจอห์น ต้องขับรถคันนี้มาจากไอร์แลนด์มายังลอนดอน (ไกลนะ) เพื่อมารับพวกเรา และอยู่กับพวกเราจนหมดโปรแกรม และต้องขับรถคันนี้ล่ะ กลับไปไอร์แลนด์เมื่อหมดโปรแกรม หน้าตารถกะคนขับคุณจอห์น คันนี้ล่ะ ที่นี่ค่อนข้างดีหน่อยตรงที่เราไม่ต้องขนกระเป๋าเก็บในรถบัสเอง เพราะคุณจอห์นจะช่วยขนเก็บใส่ให้ แต่พวกเราก็ต้องช่วยจัดกระเป๋าให้เป็นกลุ่มๆ คิดว่าบริการตรงนี้คงจะรวมอยู่ในทิปที่ทางลูกทัวร์จะต้องให้คนขับรถ วันละ 2 ปอนด์ ต่อคน ต่อวัน (ก็ตกวันละ 100 บาท ต่อคน ต่อวัน) พอขึ้นรถบัสได้เท่านั่นล่ะ หลายๆ คนก็หลับค่ะ เราก็แอบเผลอหลับไปหน่อยนึงเหมือนกัน เพราะตอนนั่งบนเครื่องนอนไม่ค่อยหลับ มันเมื่อยอ่ะนั่งรถมาได้สักพัก พี่ไกด์ก็แวะคุณจอห์นแวะปั้มน้ำมัน เพื่อที่ลูกทัวร์จะได้เข้าห้องน้ำ ยืดเส้นยืดสาย ละลายเงินปอนด์กันซักหน่อย ที่ปั้มน้ำมัน BP ก็มีร้านสะดวกซื้อเหมือนบ้านเรา แต่ที่นี่ส่วนใหญ่จะเป็นร้าน Mark & Spencer Simply Food ซึ่งหาได้ง่าย อยู่แทบจะทุกมุมถนนปั้มเล็กๆ ริมถนนพวกเราก็ซื้อขนมกันหลายๆ ห่อ มันฝรั่งที่นี่รสชาติดีค่ะ เข้มข้น อร่อย ไอ่ที่บอกว่ารส Salt เนี่ย มันก็เค็มได้ใจจริงๆ แล้วได้ที่เขียนว่า Black Pepper ก็แบบว่ากลิ่นพริกไทยเข้มมาก มันฝรั่งขนาดกลางๆ ของ Mark & Spencer ที่นี่ 2 ห่อ 3 ปอนด์ (150 บาท) แต่เราว่ามันฝรั่งยี่ห้อ Walker จะทานง่าย อร่อยกว่าหน่อยนะ เพราะของ M&S เนี่ยเราว่ามันจะออกแนวแข็งๆ กัดไม่ค่อยลงเท่าไหร่ สักพักนึงพวกเราก็เดินทางถึง Stonehenge ตอนถึงแล้ว ก็แบบว่า งงๆ นิดนึง เพราะมันอยู่กลางทุ่งโล่งเลย แบบว่ามันไม่ได้ใหญ่โตแบบที่เราคิดอ่ะ พอไปถึงก็ต้องทนยืนท่ามกลางความหนาวเหน็บเกือบ 20 นาที เพราะยังไม่ถึงเวลาเปิด อากาศเย็นกว่าในเมืองมาก ลมเย็นพัดวูบมาเป็นระยะ พัดมาทีก็สั่นทึนึง มัยมันหนาวยังงี้ฟ่ะ วันแรกเรายังเตรียมเสื้อผ้าไม่ครบเท่าไหร่ เพราะไม่คิดว่ามันจะเย็นขนาดนี้ เพราะตอนก่อนเดินทางมาเราก็เช็คอุณหภูมิแล้วนะ ว่ามันจะประมาณ 12-13 องศานี่นา แล้วไหงวันนี้อุณหภูมิหน้ารถบัสมันบอก 0 องศาละฟ่ะ ป้ายแนะนำสถานที่ เวลาเปิดปิดตรงนี้เป็นทางเข้าที่จะต้องไปซื้อบัตรผ่านกัน พวกเราก็ยืนคอยกันแถวนี้ สังเกตด้านหลังจะเป็นทุ่งหญ้ากว้างไกลStonehenge ก็อยู่บนทุ่งหญ้านี่ละค่ะ พี่ไกด์บอกว่าถ้าเราเดินรอบ Stonehenge ได้รอบนึง เราก็จะได้กลับมาใหม่ (หลอกหรือเปล่าเนี่ย) เราแอบเห็นหลายๆ ท่านเดินไปดูแป๊บนึงก็รีบเดินกลับรถ รวมถึงท่านพ่อท่านแม่ด้วย ที่รีบๆ ถ่ายรูปแล้วก็รีบเดินกลับรถ เนื่องด้วยอากาศเย็น ลมแรงทำให้ยิ่งหนาวเข้าไปใหญ่ แต่เรากะคุณแฟนสู้ขาดใจค่ะ เป็นสองคนในกลุ่มที่เดินรอบ Stonehenge ได้ครบถ้วนกระบวนความเดินรอบ Stonehenge ได้รอบนึงก็ไม่หนาวแล้วฮ่ะ แต่หอบแทน เหนื่อยอะจิ ไกลนะคะ รอบนึงเนี่ย แล้วก็แวะไปซื้อกาแฟร้อน Cappucino แก้วแรกของเราที่นี่ ราคาเท่าไหร่จำไม่ค่อยได้ แต่รู้ว่าวิธีการชงกาแฟจะเหมือนกับที่ซิดนีย์เลย เราต้องเติมน้ำตาลเพิ่มเองทุกครั้ง (ถ้าสั่งที่เมืองไทย ตามร้านข้างถนนเค้าก็จะทำให้หวานมันเสร็จสรรพไม่ต้องเหนื่อยเติมเอง ชิมเอง แต่ถ้าไปทานใน Starbuck หรือ Gloria Jean ก็จะชงให้เหมือนเมืองนอกทั่วๆ ไป ซึ่งส่วนตัวแล้วเราไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ เพราะต้องมาเปิดฝาแก้ว ใส่น้ำตาลไปอีก 3 ซอง คนๆ ให้เข้ากันอีก กว่าจะได้ซดซะอึก)หลังจากนั้นพวกเราก็ไปเมือง Bath กัน พี่ไกด์จะพาไปดู Roman Bathทางเข้า Roman Bath นี่ก็เป็น Roman Bath ไม่ได้ถ่ายมุมยอดฮิตมานะคะ พี่ไกด์บอกว่าอย่าโดนน้ำเด็ดขาด เพราะเป็นน้ำที่อยู่ในนี้มานาน ไม่รู้ว่าสะอาดหรือเปล่า หรือเป็นกฎของที่นี่หรือเปล่าก็ไม่ทราบได้ เพราะวันนี้เป็นวันเที่ยววันแรก หลังจากที่ลงจากเครื่อง เราก็ยังอยู่ในโหมดเบลอๆ ยืนโง่ๆ อย่างเดียว เค้าให้เดินไปไหนก็เดินไป ให้ดูอะไรก็ดู กล้องนี่ไม่ได้จับเลย ไม่อยากถ่ายรูปเพราะมันเย็น รูปที่ลงๆ มาในหน้านี้ทั้งหมด เป็นฝีมือท่านพ่อล้วนๆ เลยค่ะ บรรยากาศร้านค้า คนเดินถนน ในเมือง Bath แล้วพี่ไกด์ก็พาพวกเรามาทานอาหารไทย เป็นมื้อแรกที่ร้าน Mai Thai เป็นร้านไทยที่อยู่ในเกรดดีทีเดียว พนักงานที่นี่เป็นคนไทย แต่งชุดไทย น่ารักมาก ตอนแรกพี่ไกด์บอกพวกเราว่าจะพาไปทานแกงเขียวหวานไก่ ไข่เจียวร้อนๆอืมม ... ไม่เห็นอยากทานแกงเขียวหวานไก่เลย แกงเขียวหวานแถวๆ ต่างประเทศคงหวานๆ มันๆ ไม่ใช่รสชาติดั้งเดิมแบบที่บ้านเราทำ แล้วอีกอย่างเราเป็นคนไม่ชอบทานพวกแกงกระทิด้วยสิ แต่พอไปถึงลองชิมอาหาร ก็อืมม ผิดคาดแฮ่ะ รสชาติดีทีเดียว เผ็ดนำมาเลย สงสัยเค้าทำให้คนไทยอย่างเราๆ ทานแน่ๆ อร่อยดีค่ะ พอทานกันเสร็จก็ถามน้องๆ ที่ร้านอาหาร Mai Thai เกี่ยวกับพวกข่าวสารที่เมืองไทยว่าเป็นยังงัยบ้าง แล้วก็ถามเค้าเรื่องอากาศว่าทำไมมันเย็นแบบนี้ บอกพวกเราว่า จริงๆ อากาศมันก็ค่อยๆ อุ่นขึ้นแล้วล่ะ แต่ว่าวันนี้เนี่ย วันที่พวกเราเดินทางมาถึง อยู่ๆ อุณหภูมิมันดันทะลึ่งต่ำลง อากาศเย็นขึ้น อุณหภูมิลงไปถึงประมาณ 0-5 องศา ว่าไปนั่น มิน่าละ เย็นแทบตาย ไม่คิดว่าจะเย็นขนาดนี้ เราอุตส่าห์เตรียมเสื้อผ้า เตรียมตัวเตรียมใจมาว่า 10-15 องศา นี่กำลังอุ่นสบายเลยทานอาหารเสร็จ พี่ไกด์ก็พาพวกเรานั่งรถต่อ เพื่อมายังที่นี่ล่ะ จำชื่อไม่ได้ละสิว่าเค้าเรียกว่าอะไร แต่จำได้ลางๆ ว่าเป็นตึกครึ่งวงกลม ยาวมาก แวะลงเดินเล่นถ่ายรูปแป๊บนึง (เดี๋ยวถ้าจำชื่อได้จะเข้ามาแก้ไขใหม่ แปะไว้ก่อน จำไม่ได้จริงๆ)หลังจากนั้นพี่ไกด์ ก็พานั่งรถอีกพักใหญ่ๆ เพื่อเดินทางเข้าเมือง Cardiff เมืองหลวงของประเทศ Wales พอถึง Cardiff ก็เข้าไปชมภายในปราสาท Cardiff กันบรรยากาศภายนอกของ ปราสาท Cardiff บรรยากาศภายในปราสาทหลังจากนั้นพี่ไกด์ก็พาพวกเราเข้าพักที่โรงแรม Radisson Blue ตอนเช็คอินพี่ไกด์เค้าแนะนำว่าใครอยากให้พนักงานโรงแรมเอากระเป๋าขึ้นไปให้ก็อาจจะช้าหน่อย หรือจะลากขึ้นไปเองก็ได้ ไอ่เราก็คิดว่าไม่อยากรอพนักงานนะ อยากจะลากขึ้นไปเอง แล้วก็จะรีบลงมาเดินเล่นห้าง John Lewis ที่อยู่หน้าโรงแรมเลย ถ้าช้านี่ไม่ทันแน่เพราะตอนนั้นก็ 1640hrs แล้ว และห้างปิด 1730hrs แต่สุดท้ายเด็กขนกระเป๋าของโรงแรมเอากระเป๋าพวกเรา 4 ใบขึ้นรถเข็นเฉยเลย แต่ของคนอื่นเค้าลากเข้าลิฟท์กัน ด้วยความเกรงใจไม่อยากปฏิเสธก็เลยต้องรอให้เค้าเอากระเป๋าขึ้นไปให้ แถมท่านพ่อก็ต้อง Tip ให้ไปอีก 5 ปอนด์ ก็ไม่รู้นะว่ามากหรือน้อยไป บรรยากาศในเมือง Cardiff ตอนเย็นๆ วันอาทิตย์ ค่อนข้างเงียบทีเดียวห้าง John Lewis ตกลงว่าเราไม่ได้เดินนะ เพราะตอนออกมา ห้างกำลังปิดพอดี แถมร้านค้าละแวกนั้นก็ทะยอยปิดร้านกันหมด อดสนิท ก็เลยได้แค่เดินเล่นรอบๆ อย่างเดียว ห้างนี้เป็นห้างที่เราคาดหวังไว้มากๆ ว่าถ้ามีโอกาสต้องมาเดินเล่นให้ได้ ตอนเย็นย่ำ พี่ไกด์บอกว่าจะพามาเดินเล่น Tesco ไอ่เราก้อนึกว่าจะเป็นห้างใหญ่ๆ เหมือนบ้านเรา แต่เป็น Express ฮับ ร้านเล็กๆ ตั้งอยู่ริมถนน แต่ก็ดีนะ ดีกว่าไม่มีอะไรให้เดินเล่น ก็มาซื้อน้ำดื่ม ซื้อขนม สักพักนึงก็เดินกลับวันนี้เป็นวันที่เรารู้สึกว่าค่อนข้างยาวนานจริงๆ ลงมาจากเครื่องก็ออกเที่ยวทันที แถมเป็นไฟลท์ระยะทางที่ค่อนข้างยาว 14 ชั่วโมงได้นะ 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพมาสิงค์โปร์ และอีก 12 ชั่วโมง จากสิงค์โปร์ ไปลอนดอน นี่ยังไม่นับเวลาที่นั่งรอเครื่องที่สนามบินทั้งสองแห่งอีกนะ อารมณ์ตอนเดินเล่นนี่แบบว่า มองนาฬิกาทีรัย เฮ้ย เพิ่ง 10 โมงเองเหรอ สักพักก็ เฮ้ย เพิ่งจะบ่ายโมงเองเหรอ เมื่อไหร่จะเย็นสักทีเนี่ย อยากให้เย็นๆ ซะที จะได้ถึงเวลากลับโรงแรมนอน อาบน้ำ ห่มผ้าอุ่นๆ หลับอย่างมีความสุข *** ติดตามตอนที่ 3 Bourton on the Water - Shakespeare's Birthplace - Chester ***