ขั้นตอนการขอวีซ่า Work & Holiday Australia

หลังจากที่เดินทางมาท่องเที่ยวและทำงานตามจุดประสงค์ของโครงการ Work & Holiday Visa ที่ซิดนีย์ ออสเตรเลียแล้ว ก็มักจะมีคำถามต่างๆ มาจากเพื่อนรุ่นน้องตามมามากมายหลายคำถาม

เราก็ได้แนะนำไปคร่าวๆ ถึงขั้นตอนการดำเนินการยื่นเรื่องวีซ่าเท่าที่จะสามารถบอกได้ พร้อมกับแนะนำให้เข้าไปหาข้อมูลจากเว็บไซต์ของสถานฑูตออสเตรเลียอีกที เพราะทุกปีมีการเปลี่ยนแปลงกฏหรือที่อยู่ในการดำเนินเรื่องบ้างเล็กน้อย อีกทั้งแนะนำให้เข้าไปหาข้อมูลในเว็บบอร์ดของพันธ์ทิพย์อย่างที่เราเคยได้รับสิ่งดีๆ กลับมาจากห้องไกลบ้าน

แต่ดูเหมือนจะมีขั้นตอนมากมายซับซ้อนจนน้องๆ เหล่านั้นเริ่มต้นไม่ถูก ก็เลยคิดว่าจะเริ่มเล่าให้ฟังว่าขั้นตอนที่เราทำมามีอะไรบ้าง จะได้เป็นประโยชน์กับน้องรุ่นต่อๆ ไปที่คิดจะเดินทางว่าด้วยวีซ่าที่น่าสนใจนี้นะคะ

ก่อนอื่นเลยขออ้างถึงข้อมูลในเว็บไซต์ของสถานฑูตออสเตรเลียกันก่อน ตามลิงค์นี้เลยนะคะ www.immi.gov.au เพราะอย่างที่บอกว่ากฎมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี

อย่างปีที่เราทำเรื่องมา ผู้สมัครทุกคนจะต้องยื่นเอกสารทางไปรษณีย์ไปยังสถานฑูตออสเตรเลียในแคนเบอร์ร่าเท่านั้น แต่ในปีนี้สามารถทำเรื่องกับตัวแทนยื่นวีซ่าที่เมืองไทยได้เลย ฉนั้นข้อมูลที่จะกล่าวต่อไปนี้จะเป็นข้อมูลที่อัพเดทของโครงการปีนี้เท่านั้นนะคะ ปีต่อๆ ไปอาจมีการเปลี่ยนแปลงบ้างเล็กน้อย ต้องเข้าไปเช็คกันดูอีกทีค่ะ


มารู้จักกับวีซ่านี้กันก่อนดีกว่า..

วีซ่า Work and Holiday (subclass 462) นี้เปิดโอกาสให้กับเยาวชนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 18-30 ปีที่มีความสนใจที่จะเข้ามาทำงานและท่องเที่ยวในประเทศออสเตรเลียเป็นเวลา 12 เดือน และข่าวดีค่ะ โควต้าของปีนี้ได้เพิ่มขึ้นจาก 100 คน เป็น 200 คนต่อปีแล้วล่ะค่ะ



คุณสมบัติ

- สัญชาติไทย และมีถิ่นพำนักในประเทศไทย ณ วันสมัคร

- แน่นอนค่ะ ต้องมีอายุ 18-30 ปีตามที่เกริ่นไว้แล้วข้างบน ณ วันที่ยื่นใบสมัคร (ใครก็ตามที่อายุเลย 30 มาหมาดๆ แต่ยังไม่ถึง 31 ก็ยังมีโอกาสยื่นเรื่องได้ทันนะค๊ะ.. ฉนั้น อย่ารอช้า เวลาไม่เคยคอยใครจ้า..)

- ไม่มีผู้ติดตาม

- มีจดหมายรับรองจากหน่วยงานรัฐบาลที่เค้ากำหนด นั่นก็คือจากสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ (สท.) นั่นเอง

- ไม่เคยได้รับวีซ่า Working Holiday Maker (417) หรือ วีซ่า Work and Holiday (462) มาก่อน

- จบการศึกษาระดับปริญญาตรีหรือเทียบเท่า

- มีความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษได้ดีพอสมควร โดยจะต้องยื่นหลักฐานประกอบด้วย เดี๋ยวมาว่ากันอีกทีว่ายื่นอะไรได้บ้าง

- มีสุขภาพแข็งแรง



ถ้าคุณสมบัติพร้อมแล้วล่ะก็ มาเริ่มเตรียมเอกสารกันเถอะ..

จะว่าไปแล้ว.. เอกสารแต่ละอย่างใช้เวลาในการทำแตกต่างกันไป น้องๆ ต้องวางแผนให้ดี ไม่งั้นอาจใช้เวลาเตรียมเอกสารเนิ่นนานกว่าที่ควร อะไรที่ใช้เดินเรื่องงานก็ให้รีบทำก่อนนะจ๊ะ มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง


1. Application Document Checklist อันนี้หาไม่ยากเลยจ๊ะ แค่คลิ๊กตามลิงค์ แล้วพิมพ์ออกมาใช้ได้เลยจ้า ฟอร์มนี้ไว้ใช้เป็นใบปะหน้าฟอร์ม 1208 ไว้ให้เราตรวจสอบและติ๊กได้ว่าได้เตรียมเอกสารครบถ้วนตามที่ระบุไว้มั้ย


2. Form 1208 อันนี้ก็เช่นกันจ้า ดาวน์โหลดแล้วพิมพ์ออกมา กรอกข้อมูลลงไปตามที่เค้าถามนะจ๊ะ แนะนำให้อ่านเอกสารอย่างละเอียด เพราะในฟอร์มจะบอกไว้ทุกขั้นตอนว่าให้กรอกข้อไหนบ้าง อย่าลืมเซ็นต์ชื่อที่ท้ายเอกสารและติดรูปที่หน้าแรกด้วยนะจ๊ะ


3. ค่าธรรมเนียมในการขอวีซ่า 5,500 บาท โดยสามารถชำระเป็นแคชเชียร์เช็คหรือดราฟท์ สั่งจ่าย “Australian Embassy Bangkok”

ถ้าใครไม่มีเวลาไปซื้อที่ธนาคาร ก็สามารถซื้อได้กับทาง VFS ชั้นเดียวกันกับที่ขอวีซ่าเลยค่ะ ค่าธรรมเนียมในการซื้อแคชเชียร์เช็คที่นี่ก็พอๆ กับที่ซื้อกับทางธนาคารค่ะ (ไม่สามารถจ่ายด้วยเช็คส่วนตัวหรือบัตรเครดิตนะคะ)


4. เอกสารส่วนตัว ดังต่อไปนี้

- สำเนาบัตรพาสปอร์ต ที่รับรองสำเนาถูกต้องโดยกงสุลแล้ว

- สำเนาบัตรประชาชน และใบแปลเป็นภาษาอังกฤษ รับรองสำเนาถูกต้องโดยกงสุล

- สำเนาทะเบียนบ้านที่ระบุชื่อพ่อและแม่ และใบแปลเป็นภาษาอังกฤษ รับรองสำเนาถูกต้องเช่นกันค่ะ ถ้าในทะเบียนบ้านไม่ได้ระบุชื่อพ่อและแม่ จะต้องใช้ใบสูติบัตรแทนค่ะ

- สำเนาเอกสารการเปลี่ยนชื่อ นามสกุล (ถ้ามี) และใบแปล

- รูปถ่ายขนาดพาสปอร์ต (45mm x 35mm) 2 ใบ เขียนชื่อ-นามสกุลไว้หลังรูปด้วย


** ขอเพิ่มเติมตรงนี้นิดนึงนะคะ เนื่องจากเอกสารทุกฉบับจะต้องส่งเป็นภาษาอังกฤษ เพราะฉนั้นเอกสารฉบับไหนที่ออกเป็นภาษาไทย จะต้องนำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษและส่งให้กงสุลเซ็นต์รับรองทุกฉบับค่ะ

โดยเอกสารอะไรที่เป็นแบบฟอร์มคล้ายๆ กัน สามารถเข้าไปโหลดแบบฟอร์มคำร้องและตัวอย่างการแปลจากในเว็บของกระทรวงต่างประเทศได้นะคะ ตามลิงค์นี้นะคะ
//www.consular.go.th/modules.php?name=Content&pa=showpage&pid=98

เพียงแค่เลือกแบบฟอร์มต่างๆ ที่ข้อมูลตรงกับเอกสารของเรา แล้วปริ้นท์ออกมา แล้วนำมาแปลด้วยตนเองก็ได้ค่ะ แต่ต้องพิมพ์เอานะคะ ห้ามกรอกลงไปด้วยการเขียนเด็ดขาด แล้วก็อย่าลืมเซ็นต์ชื่อผู้แปลเอกสารด้วย เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่หน้า การรับรองเอกสารกับกงสุล นะคะ


5. หนังสือรับรองความประพฤติจากกรมตำรวจของประเทศใดก็ตามที่เคยไปอยู่เป็นระยะเวลาเกินกว่า 12 เดือน ในรอบระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา ฉนั้นใครที่ไม่เคยไปอยู่ต่างประเทศยาวๆ เกินหนึ่งปีนั้น ก็เพียงแค่ขอหนังสือรับรองความประพฤติจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติของไทยเราเท่านั้นพอค่ะ เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่หน้า การขอหนังสือรับรองความประพฤติ


6. สำหรับน้องๆ ผู้ชายเท่านั้นค่ะ นั่นก็คือ ใบเกณฑ์ทหารค่ะ อันนี้ก็ต้องไปแปล และรับรองสำเนาด้วยเช่นกันค่ะ


7. หลักฐานทางการเงิน (หนังสือรับรองตัวจริงจากธนาคารเป็นภาษาอังกฤษ) ว่ามีเงินอย่างน้อย 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียหรือประมาณ 150,000 บาท โดยระบุให้ธนาคารแจ้งยอดเงินในบัญชีเป็นเงินเหรียญดอลลาร์ออสเตรเลียไปเลยค่ะ แล้วก็ควรเป็นชื่อบัญชีของเราเองจะดีกว่าใช้ของผู้ปกครองค่ะ เพราะไม่อย่างนั้นต้องมีเอกสารรับรองอื่นๆ ตามมาอีก อันนี้ใช้เวลา 1-2 วันก็ได้แล้วค่ะ


8. ใบรับรองคุณสมบัติจากสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ (สท.) เข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่หน้า การขอหนังสือรับรองจากสท.


9. สำเนาหลักฐานการศึกษาที่ได้รับการรับรองจากสถานศึกษา (certified transcript) โดยผู้สมัครสามารถขอได้จากสถานการศึกษาที่จบมา แต่เนื่องจากทรานสคริปต์นี้ ถ้าต้องไปให้กงสุลรับรองสำเนาก็จะเสียค่าใช้จ่าย 200 บาท เราก็เลยใช้วิธีไปขอทรานสคริปต์ตัวจริงใหม่กับทางมหาวิทยาลัย โดยเสียค่าธรรมเนียมแค่ 10 บาทเอง แล้วก็ส่งตัวจริงไปให้สถานฑูตเลย


10. หนังสือให้ความยินยอมจากผู้ปกครองเป็นภาษาอังกฤษ (Parent Permission Letter) ตัวอย่าง


11. ใบจองบัตรโดยสารเครื่องบิน จองไปก่อน แบบไม่ต้องจ่ายเงินนะคะ


12. ดูข้อมูลจากทางสถานฑูตแจ้งว่า..สามารถใช้ผลทดสอบภาษาอังกฤษ IELTS (General) ระดับ 4.5 หรือหากไม่มี จะต้องมีหลักฐานว่า ได้รับการศึกษาเป็นหลักสูตรภาษาอังกฤษ หรือเคยมีประสบการณ์อาศัยอยู่ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสาร หรือเลือกที่จะขอนัดสัมภาษณ์กับทางสถานฑูตก็ได้ แต่จากเช็คกับข้อมูลของสท. ระบุให้ใช้ผล IELTS เท่านั้น ฉนั้น เพื่อความสะดวกรวดเร็ว คิดว่าน้องๆ ควรจะไปสอบ IELTS มาดีที่สุดค่ะ


13. แผนการเดินทางโดยคร่าวๆ และประเภทงานที่สนใจจะทำระหว่างอยู่ในออสเตรเลีย (เขียนสรุปไม่เกิน 1 หน้าเป็นภาษาอังกฤษ)


14. ประกันสุขภาพครอบคลุม 1 ปี


15. หลักฐานและเอกสารการตรวจสุขภาพจากโรงพยาบาลที่รัฐบาลออสเตรเลียกำหนด บางโรงพยาบาลจะมีแบบฟอร์มเตรียมไว้ให้แล้ว แต่เพื่อความมั่นใจจะดาวน์โหลดและกรอกข้อมูลมาจากบ้านก่อนเลยก็ได้ จะได้ไม่เสียเวลา ใช้ form 160 (Radiological Report) และ form 26 (Medical Examination) อย่าลืม.. ติดรูปถ่ายที่เหมือนกับที่ยื่นขอวีซ่าด้วยนะคะ บอกนางพยาบาลว่ามาตรวจร่างกายขอวีซ่า Work and Holiday ของ Australia ค่ะ แล้วเดี๋ยวนางพยาบาลจะจัดการเองว่าต้องตรวจอะไรบ้าง



ขั้นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ... อย่าเพิ่งเหนื่อยนะคะ

เมื่อเตรียมเอกสารเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถยื่นเรื่องได้ด้วยตนเองที่

The Australian Visa Application Centre
Floor 34 Thai CC Tower
889 South Sathorn Road
Bangkok (ตรงข้ามสถานีรถไฟฟ้า BTS สุรศักดิ์)


หรือส่งทางไปรษณีย์ไปที่
Visa and Immigration Office
Australian Embassy Bangkok
37 South Sathorn Road
Bangkok 10120


เมื่อได้วีซ่าแล้วจะต้องเดินทางภายใน 3 เดือนนับจากวันที่วีซ่าอนุมัตินะคะ

ดูข้อมูลอ้างอิงได้จากเว็บของ vfs ได้ที่นี่ค่ะ

//www.vfs-au.net

//www.vfs-au.net/forms/Information%20for%20Visa%20462%20011007.pdf

Create Date : 29 กุมภาพันธ์ 2551		22 comments
Last Update : 29 กุมภาพันธ์ 2551 22:53:15 น.
Counter : 3296 Pageviews.
Share Tweet