Group Blog
 
 
ธันวาคม 2550
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
3 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 

ข้อสอบกฎหมายพาณิชย์ 1

ข้อสอบกฎหมายพาณิชย์ 1

1. นายไก่มีบ้านอยู่ริมแม่น้ำ ทางราชการได้ประกาศเตือนประชาชนที่อยู่ริมแม่น้ำว่าน้ำเหนือไหลบ่ามาจะก่อให้เกิดความเสียหายท่วมบ้านเรือนที่อยู่ริมแม่น้ำได้ให้ประชาชนคอยระวังและจัดเตรียมกระสอบทรายหรือทำเขื่อนกั้นน้ำบริเวณบ้านหรือที่ดินของตน นายไก่จึงได้ตกลงซื้อกระสอบทรายและอิฐบล็อกจากนายเป็ดซึ่งเป็นเจ้าของร้านวัสดุก่อสร้าง เพื่อทำคันกั้นน้ำ นายเป็ดบอกว่าตนได้จัดเตรียมกระสอบทรายไว้จำหน่ายแล้วที่มีอยู่ในโกดังทั้งหมดตอนนี้มีประมาณ 200 กระสอบ จัดเก็บไว้ต่างหากไม่ได้รวมกับวัสดุก่อสร้างอื่น ถ้านายไก่ต้องการตนจัดส่งให้ได้ทันทีและตกลงขายให้นายไก่ทั้งหมด ราคา 1,500 บาท นายไก่จึงได้ตกลงซื้อกระสอบทรายทั้งหมดที่นายเป็ดมีอยู่ ส่วนอิฐบล็อกนั้น นายเป็ดตกลงขายให้ในราคาแผ่นละ 2.00 บาท นายไก่จึงตกลงซื้ออิฐบล็อกจากนายเป็ดอีก 100 แผ่น โดยนายเป็ดสัญญาว่าจะจัดส่งกระสอบทรายให้นายไก่ได้ในวันพรุ่งนี้เช้า แต่อิฐบล็อกที่นายเป็ดมีอยู่ในโกดังไม่พอ นายเป็ดตกลงจะจัดหามาให้ครบและจะส่งให้นายไก่ได้ภายในหนึ่งสัปดาห์นับจากวันนี้ นายเป็ดจัดส่งกระสอบทรายทั้งหมดที่มีอยู่ไปให้นายไก่ที่บ้าน นายไก่รับกระสอบทรายมาทั้งหมดแล้ว ได้ชำระเงินให้นายเป็ดเท่าที่ตกลง 1,500 บาท ภายหลังนายเป็ดทราบว่ากระสอบทรายทั้งหมดมีจำนวน 220 กระสอบ นายเป็ดจึงได้มาเรียกเก็บเงินเพิ่มจากส่วนที่เกินไป 20 กระสอบ แต่นายไก่ไม่ยอมชำระ เมื่อครบเวลาส่งมอบอิฐบล็อกนายเป็ดจึงได้ให้พนักงานในร้านของนายเป็ดถือจดหมายลงชื่อนายเป็ดทวงเงินค่ากระสอบทรายที่เกินไปและพร้อมในจดหมายก็ปฏิเสธที่จะจัดหาอิฐบล็อกที่นายเป็ดได้ตกลงขายให้นายไก่โดยอ้างว่า น้ำได้ท่วมโกดังเก็บวัสดุก่อสร้างของนายเป็ดเสียหาย นายไก่จะเรียกร้องให้นายเป็ดส่งมอบอิฐบล็อกให้ตามสัญญาได้หรือไม่ และนายเป็ดจะเรียกราคาค่ากระสอบทรายที่เกินไป 20 กระสอบได้หรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ หลักกฎหมาย มาตรา 456 วรรค 2 และวรรค 3 มาตรา 458 และมาตรา 460 วรรค 1

วินิจฉัย นายไก่ตกลงซื้อกระสอบทรายและอิฐบล็อกจากนายเป็ด นายเป็ดบอกว่าตนมีกระสอบทรายอยู่ในโกดังทั้งหมดประมาณ 200 กระสอบ และตกลงขายให้นายไก่ในราคา 1,500 บาท นายไก่จึงตกลงซื้อกระสอบทรายทั้งหมดที่นายเป็ดมีอยู่ สัญญาซื้อขายกระสอบทรายเป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดในสังหาริมทรัพย์ธรรมดาที่มีราคาตั้งแต่ห้าร้อยบาทขึ้นไป ตามมาตรา 456 วรรค 3 ซึ่งนำวรรค 2 มาใช้บังคับเป็นสัญญาซื้อขายเหมา รู้ตัวทรัพย์แน่นอน และรู้ราคาที่แน่นอนแล้ว จำนวนกระสอบทราย 200 กระสอบเป็นการประมาณการ กรรมสิทธิ์โอนเป็นของนายไก่ผู้ซื้อตั้งแต่ตกลงทำสัญญาตามมาตรา 458 ส่วนอิฐบล็อกนายเป็ดตกลงขายให้ในราคาแผ่นละ 2.00 บาท นายไก่จึงตกลงซื้ออิฐบล็อกจากนายเป็ดอีก 100 แผ่น นายเป็ดสัญญาว่าจะจัดส่งกระสอบทรายให้นายไก่ได้ในวันพรุ่งนี้เช้า แต่อิฐบล็อกที่นายเป็ดมีอยู่ในโกดังไม่พอ นายเป็ดตกลงจะจัดหามาให้ครบและจะส่งให้นายไก่ได้ภายในหนึ่งสัปดาห์นับจากวันนี้ สัญญาซื้อขายอิฐบล็อกเป็นสัญญาซื้อขายทรัพย์สินซึ่งมิได้กำหนดลงไว้แน่นอน กรรมสิทธิ์ยังไม่โอนจนกว่าจะได้หมายหรือนับ ชั่ง ตวง วัด หรือคัดเลือก หรือทำโดยวิธีอื่น เพื่อให้บ่งตัวทรัพย์สินนั้นออกเป็นแน่นอนแล้ว ตามมาตรา 460 วรรคหนึ่ง นายเป็ดจัดส่งกระสอบทรายทั้งหมดที่มีอยู่ไปให้นายไก่ที่บ้าน นายไก่รับกระสอบทรายมาทั้งหมดแล้ว ได้ชำระเงินให้นายเป็ดเท่าที่ตกลง 1500 บาท ภายหลังนายเป็ดทราบว่ากระสอบทรายทั้งหมดมีจำนวน 220 กระสอบ นายเป็ดจึงได้มาเรียกเก็บเงินเพิ่มจากส่วนที่เกินไป 20 เมื่อเป็นสัญญาซื้อขายเหมา แม้จำนวนทรัพย์สินจะมากหรือน้อยไปกว่าการประมาณการของผู้ซื้อหรือผู้ขาย คู่สัญญาฝ่ายใดจะเรียกให้ลดหรือเพิ่มราคาหรือทรัพย์สินไม่ได้ ส่วนอิฐบล็อกเมื่อครบเวลาส่งมอบอิฐบล็อกแล้ว นายไก่จะเรียกร้องให้นายเป็ดส่งมอบอิฐบล็อกให้ตามสัญญาได้ เพราะเป็นสัญญาซื้อขายที่กรรมสิทธิ์ยังเป็นของนายเป็ดอยู่ ตามมาตรา 460 วรรคหนึ่ง และเป็นสัญญาซื้อขายสังหาริมทรัพย์ธรรมดาที่มีราคาไม่ถึง 500 บาท และนายเป็ดได้มีจดหมายลงชื่อนายเป็ดทวงเงินค่ากระสอบทรายที่เกินไปและพร้อมในจดหมายก็ปฏิเสธที่จะจัดหาอิฐบล็อกที่นายเป็ดได้ตกลงขายให้นายไก่โดยอ้างว่า น้ำได้ท่วมโกดังเก็บวัสดุก่อสร้างของนายเป็ดเสียหายซึ่งไม่เป็นเหตุพ้นวิสัย นายเป็ดยังสามารถปฏิบัติชำระหนี้ได้ ส่วนสัญญาซื้อขายกระสอบทราย นายเป็ดจะเรียกราคาค่ากระสอบทรายที่เกินไป 20 กระสอบไม่ได้ เพราะเป็นสัญญาซื้อขายเหมาที่ผู้ซื้อได้ชำระราคาครบถ้วนตามสัญญาเรียบร้อยแล้ว

2. นายกมลได้ซื้อรถยนต์คันหนึ่งจากการขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีในราคา 300,000 บาท ต่อมานายกมลทราบว่ารถยนต์คันนี้มิใช่เป็นของจำเลย แต่เป็นของนายสมเดชที่ถูกคนร้ายลักไป นายกมลได้เสนอขายรถยนต์คันนี้ให้แก่นายองอาจในราคา 250,000 บาท และมีข้อสัญญาว่าถ้ารถยนต์คันนี้มีความชำรุดบกพร่องหรือเกิดการรอนสิทธิ์ นายกมลไม่ต้องรับผิดและไม่ต้องคืนราคา นายองอาจตอบตกลงซื้อรถยนต์คันนี้พร้อมกับชำระราคาโดยไม่ทราบว่านายกมลได้ปกปิดความจริงไว้ นายองอาจใช้รถยนต์คันนี้มาได้ 1 เดือน เจ้าพนักงานตำรวจได้มายึดรถยนต์ไปจากนายองอาจเพื่อคืนให้แก่นายสมเดช หลังจากเจ้าพนักงานตำรวจยึดไปแล้ว 6 เดือน นายองอาจจึงได้มาเรียกร้องให้นายกมลรับผิดเพื่อการรอนสิทธิ์ ดังนี้ให้วินิจฉัยว่านายกมลจะต้องรับผิดเพื่อการรอนสิทธิ์หรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ หลักกฎหมาย มาตรา 482, 485 และ มาตรา 1330

วินิจฉัย นายกมลซื้อรถยนต์มาจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ย่อมได้รับการคุ้มครองตามบทบัญญัติ มาตรา 1330 เป็นข้อยกเว้นหลักเรื่องผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน และทำให้นายกมลมีกรรมสิทธิ์ในรถยนต์คันนี้ และมีสิทธิดีกว่านายสมเดชเจ้าของที่แท้จริง เมื่อนายองอาจซื้อรถยนต์จากนายกมล นายองอาจย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามหลักเรื่องผู้รับโอนไม่มีสิทธิดีกว่าผู้โอน แม้ในสัญญาซื้อขายจะมีข้อสัญญาว่าผู้ขายไม่ต้องรับผิดเพื่อการรอนสิทธิ์ และนายกมลรู้ความจริงและปกปิดไว้ ซึ่งตามมาตรา 485 นายกมลยังต้องรับผิด แต่เนื่องจากตามมาตรา 482(1) เรื่องผู้ขายไม่ต้องรับผิดในการรอนสิทธิ์ นายกมลย่อมพิสูจน์ได้ว่าสิทธิของผู้ซื้อได้สูญไปโดยความผิดของผู้ซื้อเอง เพราะนายสมเดชไม่มีสิทธิในรถยนต์คันนี้ดีกว่านายองอาจ แม้ นายองอาจจำต้องยอมให้เจ้าพนักงานตำรวจยึดรถยนต์ไป นายองอาจก็ชอบที่จะเรียกรถยนต์คืนจาก นายสมเดชได้ เมื่อนายองอาจมาเรียกร้องให้นายกมลรับผิดเพื่อการรอนสิทธิ์ นายกมลย่อมยกมาตรา 482(1) ขึ้นต่อสู้กับนายสมเดชได้ นายกมลจึงไม่ต้องรับผิด

3. นายแดงได้ขายฝากแหวนวงหนึ่งของนายแดงไว้กับนายดำ โดยทำสัญญาเป็นหนังสือลง ลายมือชื่อทั้งนายแดงและนายดำ กำหนดเวลาไถ่คืนภายใน 6 เดือน และในหนังสือสัญญายังมีข้อตกลงห้ามไม่ให้ผู้ซื้อฝากโอนขายแหวนไปให้ใครก่อนครบกำหนดไถ่คืน ต่อมาเมื่อนายดำรับซื้อฝากแหวนวงนั้นมาได้หนึ่งเดือน นายดำได้ขายต่อให้นายเหลืองโดยนายเหลืองไม่รู้ว่าแหวนวงนั้นติดสัญญาขายฝากอยู่ ขายฝากไปได้ 3 เดือน นายแดงได้มาขอไถ่แหวนวงนี้คืนจากนายเหลือง นายเหลืองจะปฏิเสธไม่ยอมให้นายแดงไถ่คืนได้ หรือไม่ เพราะเหตุใด และถ้านายแดงไถ่แหวนคืนจากนายเหลืองไม่ได้ นายแดงจะฟ้องให้นายดำรับผิดได้หรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ หลักกฎหมาย มาตรา 493 และมาตรา 498 (2)

วินิจฉัย นายแดงได้ขายฝากแหวนวงหนึ่งของนายแดงไว้กับนายดำ โดยทำสัญญาเป็นหนังสือลงลายมือชื่อทั้งนายแดงและนายดำ กำหนดเวลาไถ่คืนภายใน 6 เดือน และในหนังสือสัญญายังมีข้อตกลงห้ามไม่ให้ผู้ซื้อฝากโอนขายแหวนไปให้ใครก่อนครบกำหนดไถ่คืนเป็นสัญญาขายฝากที่คู่สัญญาตกลงห้ามผู้ซื้อจำหน่ายทรัพย์สินที่ขายฝาก ตามมาตรา 493 ต่อมาเมื่อนายดำรับซื้อฝากแหวนวงนั้นมาได้หนึ่งเดือน นายดำได้ขายต่อให้นายเหลืองโดยนายเหลืองไม่รู้ว่าแหวนวงนั้นติดสัญญาขายฝากอยู่ ขายฝากไปได้ 3 เดือน นายแดงได้มาขอไถ่แหวนวงนี้คืนจากนายเหลือง นายเหลืองปฏิเสธไม่ยอมให้นายแดงไถ่คืนได้ เพราะว่า นายเหลืองเป็นผู้รับโอนทรัพย์สินหรือรับโอนสิทธิเหนือทรัพย์สินในสังหาริมทรัพย์ ซึ่งผู้รับโอนนายเหลืองไม่รู้ในเวลาโอนว่าทรัพย์สินตกอยู่ในบังคับแห่งสิทธิไถ่คืน นายแดงไถ่แหวนคืนจากนายเหลืองไม่ได้ นายแดงจะฟ้องให้นายดำรับผิดได้เพราะสัญญาขายฝากนี้มีข้อตกลงห้ามมิให้ผู้ซื้อจำหน่ายทรัพย์สิน เมื่อผู้ซื้อจำหน่ายทรัพย์สินฝ่าฝืนสัญญาต้องรับผิดต่อผู้ขายในความเสียหายใด ๆ อันเกิดแต่การนั้น ตามมาตรา 493

ข้อ 4. นายไก่และนายไข่เป็นเพื่อนบ้านกันและทั้งคู่มีอาชีพทำสวนผลไม้ ปีนี้ฝนตกมากทำให้สวน ผลไม้ของนายไก่ถูกน้ำท่วม นายไข่จึงมาช่วยสูบน้ำ วิดน้ำ จนสวนของนายไก่พ้นจากความเสียหาย นายไก่เห็นความมีน้ำใจของนายไข่จึงให้สายสร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทองแก่นายไข่ วันหนึ่งนายไก่และ นายไข่มีเรื่องทะเลาะวิวาทกัน นายไข่ได้ใช้ท่อนไม้ทุบนายไก่บาดเจ็บสาหัสจนปางตาย ต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลเกือบเดือน นายไก่แค้นเคืองและถือว่านายไข่เป็นคนเนรคุณจึงต้องการที่จะเรียกสร้อยคอพร้อมพระเลี่ยมทองที่ตนได้ให้นายไข่คืน
ข้ออ้างของนายไก่เป็นข้ออ้างตามกฎหมายที่จะทำให้นายไก่มีสิทธิเรียกสร้อยคอทองคำพร้อม พระเลี่ยมทองคืนจากนายไข่หรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ หลักกฎหมาย มาตรา 531 และมาตรา 535

วินิจฉัย ตามบทบัญญัติมาตรา 531 (1) กรณีที่จะถือว่าผู้รับประพฤติเนรคุณและผู้ให้มีสิทธิที่จะเรียกถอนคืนการให้นั้นคือ กรณีที่ผู้รับได้ประทุษร้ายต่อผู้ให้เป็นความผิดอาญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญา การที่นายไข่ใช้ท่อนไม้ทุบตีนายไก่จนบาดเจ็บสาหัสแทบตายและต้องรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเกือบเดือนนั้นถือว่านายไข่ผู้รับได้ประทุษร้ายต่อนายไก่ผู้ให้เป็นความผิดอาญาอย่างร้ายแรงตามประมวลกฎหมายอาญาเป็นกรณีที่นายไข่ประพฤติเนรคุณต่อนายไก่
แต่การที่นายไก่ให้สร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทองแก่นายไข่นั้น เพราะเหตุที่นายไข่มาช่วยมิให้สวนผลไม้ของนายไก่เสียหายเพราะน้ำท่วม ถือว่าเป็นการให้ที่เป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้ตามมาตรา 535(1) ซึ่งนายไก่ไม่สามารถถอนคืนการให้ได้ แม้นายไข่จะประพฤติเนรคุณตามมาตรา 531 (1)
ดังนั้นแม้นายไข่จะประพฤติเนรคุณต่อนายไก่ แต่การให้ของนายไก่ต่อนายไข่เป็นการให้ที่เป็นบำเหน็จสินจ้างโดยแท้ นายไก่จึงไม่มีสิทธิที่จะเรียกสร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทองคืนจากนายไข่


ข้อสอบกฎหมายพาณิชย์ 1

1. เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2543 นายสมพงษ์ขายบ้านของตนหลังหนึ่งให้แก่นายสุธีในราคา 300,000 บาท โดยมีข้อตกลงกันว่า ให้นายสมพงษ์ส่งมอบบ้านให้นายสุธีในวันทำสัญญา และนายสุธีจะชำระราคาให้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2543 ส่วนค่าฤชาธรรมเนียมนั้นให้นายสมพงษ์เป็นผู้เสีย และทั้งคู่มิได้ทำสัญญากันเป็นหนังสือ นายสุธีอยู่ในบ้านหลังนี้มาจนถึงวันที่ 25 มกราคม 2543 ก็เกิดไฟไหม้บ้านข้างเคียงและลุกลามมาไหม้บ้านหลังดังกล่าว ดังนี้ให้นักศึกษาวินิจฉัยว่า สัญญานี้เป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดหรือสัญญาจะซื้อจะขายและถึงวันกำหนดชำระราคา นายสุธีไม่ยอมชำระราคา นายสมพงษ์จะมีสิทธิฟ้องบังคับให้นายสุธีชำระราคา 300,000 บาทได้หรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ หลักกฎหมาย มาตรา 456 วรรค 2, มาตรา 458

วินิจฉัย การแสดงเจตนาทำสัญญาระหว่างนายสมพงษ์กับนายสุธีได้มีข้อตกลงให้นายสมพงษ์เป็นผู้เสียค่าฤชาธรรมเนียม แสดงว่าคู่สัญญายังมีความผูกพันต่อกันว่าจะไปทำสัญญากันให้เสร็จอีกครั้งหนึ่ง และการเสียค่าฤชาธรรมเนียม นายสมพงษ์จะต้องชำระในเวลาไปทำนิติกรรมซื้อขายต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ สัญญานี้จึงเป็นสัญญาจะซื้อจะขายตามมาตรา 456 วรรค 2 หาใช่มาตรา 455 ไม่
และกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ขายย่อมโอนไปยังผู้ซื้อในขณะทำสัญญาซื้อขายตามมาตรา 458 นั้น หมายถึงสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาด เมื่อสัญญานี้เป็นสัญญาจะซื้อขาย กรรมสิทธิ์ในบ้านหลังนี้จึงยังไม่โอนไปยังนายสุธีในเวลาซื้อขาย และเกิดไฟไหม้บ้านหลังดังกล่าวในขณะที่กรรมสิทธิ์ยังเป็นของนายสมพงษ์อยู่และโทษนายสุธีไม่ได้ บาปเคราะห์จึงตกแก่นายสมพงษ์เจ้าของกรรมสิทธิ์ แม้ตามปัญหาจะมีหลักฐานในการฟ้องร้องเพราะมีการชำระหนี้ (ส่งมอบ) นายสมพงษ์ก็จะฟ้องขอให้บังคับนายสุธีชำระราคาไม่ได้ เพราะนายสมพงษ์ไม่มีบ้านที่จะโอนให้แก่ นายสุธี

2. นายไก่และนายไข่ตกลงทำสัญญาซื้อขายบ้านและที่ดินมีโฉนดของนายไก่ที่บ้านของนายดำซึ่งเป็นกำนันท้องที่ ที่ที่ดินแปลงนี้ตั้งอยู่ในราคา 1 ล้านบาท โดยมีเงื่อนไขในสัญญาว่า "ให้นายไข่ชำระราคาเป็น 4 งวด ๆ ละ 250,000 บาท เมื่อนายไข่ชำระราคาครบถ้วนจึงจะส่งมอบบ้านและที่ดินให้นายไข่" การทำสัญญาครั้งนี้มีนายดำลงชื่อเป็นพยาน เมื่อนายไข่ชำระราคาครบถ้วนแล้วจะย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านและที่ดินดังกล่าว นายไก่กลับไม่ยินยอม นายไข่โมโหต้องการบอกเลิกสัญญาและเรียกเงินทั้งหมดคืนทำได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
อนึ่ง หากเงื่อนไขในสัญญาเปลี่ยนเป็นว่า "ถ้าหากนายไข่ชำระราคาครบถ้วนแล้ว นายไก่จะไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์บ้านและที่ดินให้แก่นายไข่" เมื่อชำระราคาครบ นายไก่ก็ไม่ยอมไปปฏิบัติตามเงื่อนไขนี้ คำตอบของนักศึกษาจะเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ

หลักกฎหมาย 1. ป.พ.พ. มาตรา 456 วรรค 1 2. ป.พ.พ. มาตรา 456 วรรค 2
แนวคำตอบ การทำสัญญาซื้อขายบ้านและที่ดินระหว่างนายไก่และนายไข่ เป็นสัญญาซื้อขายเสร็จเด็ดขาดอสังหาริมทรัพย์ ตามมาตรา 456 วรรค 1 บัญญัติบังคับไว้ว่าการซื้อขายจะต้องทำตามแบบคือต้องทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ถ้าฝ่าฝืนไม่ทำตามผลก็เป็นโมฆะ การที่นายไก่และนายไข่ทำสัญญากันเองแม้จะทำที่บ้านกำนัน ๆ ไม่ใช่เจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จดทะเบียนสัญญาซื้อขาย นั้นสัญญาซื้อขายที่ตกลงกันระหว่างนายไก่และนายไข่จึงตกเป็นโมฆะ เท่ากับว่านายไก่และนายไข่ไม่ได้ทำสัญญาซื้อขายกันขึ้นเลย ก็ให้นายไก่และนายไข่กลับคืนสู่ฐานเดิม เงินที่นายไข่ชำระไปทั้งหมดนายไก่ก็ต้องคืนให้แต่นายไข่ฐานลาภมิควรได้ นายไข่ไม่จำต้องบอกเลิกสัญญาระหว่างตนและนายไก่อีก เพราะสัญญาเป็นโมฆะมาแต่เริ่มแรกแล้ว
ส่วนถ้าเงื่อนไขเปลี่ยนไปว่าถ้าหากนายไข่ชำระราคาครบถ้วนแล้วนายไก่จะไปทำหนังสือและจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในบ้านและที่ดินให้แก่นายไข่นั้นสัญญาที่ตกลงทำกันระหว่างนายไก่และนายไข่ จึงเป็นสัญญาจะซื้อจะขายบ้านและที่ดิน เพราะบ้านและที่ดินเป็นอสังหาริมทรัพย์ กรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่ตกลงซื้อขายกันยังไม่โอนไปเป็นของผู้ซื้อ ผู้ซื้อคือนายไข่และนายไก่ตกลงที่จะไปทำการโอนกรรมสิทธิ์กันในภายภาคหน้า เมื่อนายไข่ชำระราคาครบตามข้อตกลงแล้วนายไก่ไม่ยอมไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่นายไข่ ๆ มีสิทธิฟ้องบังคับให้นายไก่ไปปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงในสัญญาจะซื้อจะขายได้ เพราะมีหลักฐานตามที่มาตรา 456 วรรค 2 บัญญัติไว้ คือมีการทำเป็นหนังสือลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิด เพราะนายไก่และนายไข่ทำสัญญากับไว้และมีการชำระหนี้บางส่วนคือนายไข่ได้ชำระหนี้ทั้งหมดของตนคือเงิน 1 ล้านบาทไปแล้ว ดังนั้นคำตอบก็จะเปลี่ยนแปลงไปคือเงื่อนไขนี้นายไข่ผู้ซื้อสามารถนำคดีขึ้นสู่ศาลเพื่อฟ้องบังคับให้นายไก่ปฏิบัติตามสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ได้

3. นายสามทำสัญญาเป็นหนังสือและจดทะเบียนขายฝากที่ดินของนายสามแปลงหนึ่งไว้กับนายสอง ในราคา 1 ล้านบาท กำหนดค่าสินไถ่ 1 ล้าน 3 แสนบาท แต่นายสามรับเงินค่าขายฝากจากนายสองจริงเพียง 9 แสนบาท กำหนดเวลาไถ่คืน 5 ปี ขายฝากไปได้หนึ่งปี นายสามมาขอไถ่ที่ดินแปลงนี้คืน โดยได้นำเงิน 9 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยอีกร้อยละ 15 คิดดอกเบี้ยให้นายสอง 1 ปีนับจากเวลาขายฝากจนถึงเวลาไถ่ทรัพย์สินคืน แต่นายสองไม่ยอมให้ไถ่ที่ดินคืนโดยอ้างว่ายังไม่ครบ 5 ปีตามสัญญาและค่าสินไถ่ที่ตกลงไว้ 1 ล้าน 3 แสนบาทรวมดอกเบี้ยตามสัญญาอีก 5 ปี ท่านคิดว่าข้ออ้างของนายสองรับฟังได้หรือไม่ และนายสามได้ใช้สิทธิไถ่โดยชอบแล้วหรือยัง

ธงคำตอบ
นายสามจดทะเบียนขายฝากที่ดินของนายสามปลงหนึ่งไว้กับนายสอง ในราคา 1 ล้านบาท กำหนดค่าสินไถ่ 1 ล้าน 3 แสนบาท แต่นายสามรับเงินค่าขายฝากจากนายสองจริงเพียง 9 แสนบาท กำหนดเวลาไถ่คืน 5 ปี ขายฝากไปได้หนึ่งปี นายสามมาขอไถ่ที่ดินแปลงนี้คืน โดยได้นำเงิน 9 แสนบาท พร้อมดอกเบี้ยอีกร้อยละ 15 คิดดอกเบี้ยให้นายสอง 1 ปีนับจากเวลาขายฝากจนถึงเวลาไถ่ทรัพย์คืน แต่นายสองไม่ยอมให้ไถ่ที่ดินคืนโดยอ้างว่ายังไม่ครบ 5 ปีตามสัญญา และค่าสินไถ่ที่ตกลงไว้ 1 ล้าน 3 แสนบาทรวม ดอกเบี้ยตามสัญญา 5 ปี ข้ออ้างของนายสองรับฟังไม่ได้ เพราะผู้ขายฝากมีสิทธิไถ่ทรัพย์สินได้เสมอภายในกำหนดเวลาไถ่ตามกฎหมายหรือตามสัญญานับตั้งแต่ทำสัญญาขายฝาก และนายสามได้ใช้สิทธิไถ่โดยชอบแล้วเพราะได้ไถ่คืนภายในกำหนดระยะเวลาไถ่ตามสัญญาโดยได้นำเงิน 9 แสนบาทตามราคาขายฝากที่แท้จริง พร้อมดอกเบี้ยอีกร้อยละ 15 คิดดอกเบี้ยให้นายสอง 1 ปีนับจากเวลาขายฝากจนถึงเวลาไถ่ทรัพย์คืน ตามมาตรา 499

4. นายฟ้าเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่งเมื่อประมาณต้นปี 2538 กิจการค้าของนายฟ้าเจริญรุ่งเรือง นายฟ้าจึงได้ทำสัญญาเป็นหนังสือและจดทะเบียนยกที่ดินในจำนวนหลายแปลงที่นายฟ้ามีอยู่ให้นายดินซึ่งเป็นบุตรชาย นายฟ้าพร้อมกับเงินลงทุนอีก 3 ล้านบาท ต่อมากิจการค้าของนายฟ้าขาดทุน นายฟ้าต้องการเก็บเงินที่นายฟ้ามีอยู่ไว้ลงทุนทำการค้าต่อและไม่ต้องการที่จะขายที่ดินแปลงใดที่นายฟ้ามีอยู่ในขณะนี้ชดใช้หนี้ โดยนายฟ้าจะให้นายดินช่วยชำระหนี้สินของบริษัทนายฟ้าที่เป็นหนี้อยู่ นายฟ้าได้มาขอให้นายดินช่วยเหลือแต่นายดินปฏิเสธ นายฟ้าจึงต้องการถอนคืนการให้เพราะนายดินประพฤติเนรคุณ นายฟ้าจะถอนคืนการให้เพราะนายดินประพฤติเนรคุณได้หรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ
นายฟ้าเป็นเจ้าของบริษัทแห่งหนึ่งเมื่อประมาณต้นปี 2538 กิจการค้าของนายฟ้าเจริญรุ่งเรืองนายฟ้าจึงได้จดทะเบียนยกที่ดินในจำนวนหลายแปลงที่นายฟ้ามีอยู่ให้นายดินซึ่งเป็นบุตรชายนายฟ้าพร้อมกับเงินลงทุน 3 ล้านบาท ต่อมากิจการนายฟ้าขาดทุน นายฟ้าต้องการเก็บเงินที่นายฟ้ามีอยู่ไว้ลงทุนทำการค้าต่อและไม่ต้องการที่จะขายที่ดินแปลงใดที่นายฟ้ามีอยู่ในขณะนี้ชดใช้หนี้ นายฟ้าจะให้นายดินช่วยชำระหนี้สินของบริษัทนายฟ้าที่เป็นหนี้อยู่ นายฟ้าได้มาขอให้นายดินช่วยเหลือแต่นายดินปฏิเสธ แม้นายฟ้าผู้ให้จะมาขอให้นายดินผู้รับช่วยแต่ไม่ได้มาขอสิ่งจำเป็นเลี้ยงชีวิต และผู้ให้ยังมีเงินที่ดินอื่น ๆ อีก จึงไม่ได้เป็นผู้ยากไร้ ตามมาตรา 531(3) นายฟ้าจะถอนคืนการให้เพราะนายดินประพฤติเนรคุณไม่ได้

ข้อสอบกฎหมายพาณิชย์ 1

1. พฤหัส ได้ให้อาทิตย์อาศัยอยู่ในที่ดินของพฤหัส ต่อมาพฤหัสต้องการขายที่ดินแปลงนี้ จึงมาบอกอาทิตย์ว่าตนต้องการจะขายที่ดินแปลงนี้ และคิดว่าเมื่อตนขายคนที่ซื้อที่ดินคงไม่ต้องการให้อาทิตย์อยู่ในที่ดินแปลงนี้ต่อไปอาทิตย์จะเดือดร้อน ตนจึงมาบอกขายที่ดินแปลงนี้กับอาทิตย์ก่อน ถ้าอาทิตย์ต้องการซื้อตนก็จะขายให้ในราคาหนึ่งล้านบาท ถ้าตกลงอย่างไรแล้วให้บอกมาด้วย พฤหัสรออยู่นานถึง 3 เดือน อาทิตย์ก็ไม่ตอบกลับมาว่าตกลงจะซื้อที่ดินแปลงนี้ของพฤหัสหรือไม่ พฤหัสจึงได้ลงหนังสือพิมพ์ประกาศขายที่ดินแปลงนี้ อังคารได้มาติดต่อขอซื้อในราคา 1 ล้าน 5 แสนบาท พฤหัสจึงจดทะเบียนโอนขายที่ดินแปลงนี้ให้อังคารไป แต่ก่อนจะตกลงขายให้อังคารก็ได้บอกกับอังคารว่าที่ดินแปลงนี้ความจริงตนได้ตกลงขายให้อาทิตย์และบอกอาทิตย์ไปแล้วแต่ผ่านมา 3 เดือน อาทิตย์ก็ไม่ตอบมาตนจึงได้นำมาประกาศขาย ดังนี้ถ้าอาทิตย์ต้องการจะซื้อที่ดินแปลงนี้อาทิตย์จะฟ้องร้องบังคับคดีให้พฤหัสปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ไว้กับตนและเรียกค่าสินไหมทดแทนได้หรือไม่ เพราะเหตุใด และจะฟ้องขอเพิกถอนนิติกรรมระหว่างพฤหัสกับอังคารได้หรือไม่ เพราะเหตุใด

ธงคำตอบ มาตรา 456 วรรค 2, มาตรา 237

วินิจฉัย พฤหัส ได้ให้อาทิตย์อาศัยอยู่ในที่ดินของพฤหัส ต่อมาพฤหัสต้องการขายที่ดินแปลงนี้ จึงมาบอกขายที่ดินแปลงนี้กับอาทิตย์ ถ้าอาทิตย์ต้องการซื้อตนก็จะขายให้ในราคาหนึ่งล้านบาท ถ้าตกลงอย่างไรแล้วให้บอกมาด้วย เป็นคำมั่นจะซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ด้วยวาจาที่ไม่มีกำหนดเวลา และไม่มีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างหนึ่งอย่างใดลงลายมือชื่อฝ่ายผู้ต้องรับผิดเป็นสำคัญ หรือได้วางประจำไว้ หรือได้ชำระหนี้บางส่วน คำมั่นจะซื้อจะขายที่นายพฤหัสให้ไว้กับนายอาทิตย์จึงฟ้องร้องบังคับคดีไม่ได้ ถ้าอาทิตย์ต้องการจะซื้อที่ดินแปลงนั้นอาทิตย์ไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องให้นายพฤหัสปฏิบัติตามคำมั่นที่ให้ไว้ ตามมาตรา 456 วรรค 2 (10 คะแนน) เมื่อฟ้องร้องตามคำมั่นไม่ได้ก็จะเรียกค่าสินไหมทดแทนไม่ได้ (5 คะแนน) ต่อมาอังคารได้มาติดต่อขอซื้อในราคา 1 ล้าน 5 แสนบาท พฤหัสจึงจดทะเบียนโอนขายที่ดินแปลงนี้ให้อังคารไป แม้อังคารจะรู้ว่าพฤหัสได้บอกขายที่ดินแปลงนี้ให้อาทิตย์ไปแล้วและอยู่ในระหว่างการตัดสินใจของอาทิตย์ว่าจะซื้อหรือไม่ อังคารไม่สุจริตก็จริงแต่เมื่ออาทิตย์เรียกร้องให้พฤหัสปฏิบัติตามคำมั่นจะซื้อจะขายไม่ได้ก็ไม่มีสิทธิเพิกถอนนิติกรรมสัญญาซื้อขายที่ดินแปลงนี้ระหว่างพฤหัสกับอังคารโดยใช้การเพิกถอนการฉ้อฉลตามมาตรา 237

2. นายจันทร์ได้ซื้อรถยนต์ 1 คัน จากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลในราคา 200,000 บาท โดยไม่ทราบว่ารถยนต์คันนี้เป็นรถยนต์ของนายพุธที่ถูกคนร้ายลักไป และนายจันทร์ได้ขาย รถยนต์คันนี้ให้นายอังคารในราคา 250,000 บาท ต่อมานายอังคารถูกนายพุธฟ้องเรียกรถยนต์คืน และนายอังคารได้ขอให้ศาลหมายเรียกนายจันทร์เข้าเป็นจำเลยร่วม ศาลได้มีหมายเรียกให้นายจันทร์เข้าเป็นจำเลยร่วม แต่นายจันทร์ไม่ยอมเข้าร่วมเป็นจำเลยกับนายอังคาร ปรากฏว่าศาลได้พิพากษาให้ นายอังคารเป็นฝ่ายแพ้คดีและให้คืนรถยนต์ให้แก่นายพุธ และคดีถึงที่สุดในวันที่ 1 ตุลาคม 2542 นายอังคารจึงมาเรียกร้องให้นายจันทร์รับผิดเพื่อการรอนสิทธิ์ แต่นายจันทร์ไม่ยอมรับผิด
ในวันที่ 12 มีนาคม 2543 นายอังคารได้นำข้อพิพาทนี้มาฟ้องขอให้ศาลบังคับนายจันทร์ให้ รับผิดเพื่อการรอนสิทธิ์ตามมาตรา 482 นายจันทร์ให้การต่อสู้คดีว่า ได้ซื้อรถยนต์คันนี้มาจากการขายทอดตลาดโดยคำสั่งศาลจึงไม่ต้องรับผิดเพื่อการรอนสิทธิ์ตามมาตรา 1330 และคดีนี้ขาดอายุความตาม มาตรา 481 ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้องนายอังคาร ดังนี้ถ้าท่านเป็นศาลฟังข้อเท็จจริงได้ความดังกล่าวนี้ ท่านจะวินิจฉัยประเด็นต่อไปนี้อย่างไรเพราะเหตุใด และจะพิพากษาให้ใครเป็นฝ่ายชนะคดี
ประเด็นแรก นายจันทร์จะต้องรับผิดเพื่อการรอนสิทธิ์หรือไม่
ประเด็นที่สอง คดีนี้ขาดอายุความหรือไม่

ธงคำตอบ หลักกฎหมาย มาตรา 482, มาตรา 193/30
วินิจฉัย มาตรา 482 เป็นบทบัญญัติถึงเรื่องที่ว่าผู้ขายจะไม่ต้องรับผิดในการรอนสิทธิของผู้ซื้อ ต่างกับมาตรา 481 ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ขายจะต้องรับผิดในการรอนสิทธิ แม้ข้อความในมาตรา 482 วรรคท้ายจะบัญญัติถึงความรับผิดของผู้ขายอยู่ดี แต่ก็เป็นเรื่องที่บัญญัติไว้ในมาตรา 482 มาตราเดียว และมาตรา 482 หาได้บัญญัติอายุความฟ้องร้องไว้ไม่ จึงเห็นได้ว่าการที่นายจันทร์ถูกศาลหมายเรียกให้เข้ามาในคดีแล้วไม่ยอมเข้ามา เป็นกรณีนายจันทร์จงใจหลบหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบร้ายแรงตามกฎหมายจึงไม่บัญญัติหรือท้าวความให้มีอายุความ 3 เดือนเท่ามาตรา 481 จึงต้องถือว่าอายุความสำหรับมาตรา 482 นี้ยกเว้นหรือแยกต่างหากไปจากอายุความในมาตรา 481 จึงต้องใช้อายุความธรรมดาเสมือนดังไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นคือ 10 ปี (มาตรา 193/30) ฎีกาที่ 489/2507
ประเด็นแรก แม้นายจันทร์จะซื้อรถยนต์มาจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลและมีสิทธิในรถยนต์คันนี้ดีกว่าเจ้าของที่แท้จริงก็ตาม (มาตรา 1330) แต่เมื่อนายจันทร์ไม่ยอมเข้าว่าคดีร่วมเป็นจำเลยกับนายอังคาร นายจันทร์ยังคงต้องรับผิดในการรอนสิทธิตามมาตรา 482 วรรคท้าย
ประเด็นที่ 2 อายุความตามมาตรา 482 วรรคท้ายนี้ ถือว่าแยกต่างหากจากอายุความตามมาตรา 481 จึงต้องใช้อายุความธรรมดาเสมือนดังไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้คือ 10 ปีตามมาตรา 193/30 คดีนี้จึงยังไม่ขาดอายุความ
ข้าพเจ้าเป็นศาลจะพิพากษาให้นายอังคารเป็นฝ่ายชนะคดี

3. นายไก่นำแหวนเพชรของตนไปขายฝากไว้กับนายไข่ในราคา 1 ล้านบาท มีกำหนดไถ่คืนภายใน 3 ปี และมีข้อตกลงกันว่าห้ามมิให้นายไข่นำไปจำหน่ายต่อ เมื่อนายไข่รับซื้อฝากมาได้เพียงเดือนเดียวก็นำแหวนเพชรวงนี้ไปขายให้นายแดงในราคา 2 ล้านบาท เมื่อนายไก่ขายฝากไปได้ 1 ปี จึงมาขอใช้สิทธิในการไถ่จากนายแดง นายแดงจึงทราบว่าแหวนที่ตนซื้อมาจากนายไข่เป็นแหวนที่นายไก่นำมาขายฝากไว้ จึงตั้งข้อแม้ว่าถ้านายไก่อยากไถ่คืนก็ได้จะให้ไถ่คืนแต่ต้องไถ่ในราคา 2 ล้านบาท นายไก่ไม่ยอมจะไถ่ในราคา 1 ล้านบาท นายแดงไม่ยอมจึงปฏิเสธไม่ให้ไถ่คืน ข้ออ้างของนายแดงรับฟังได้หรือไม่ และนายไก่มีสิทธิจะไถ่แหวนคืนหรือไม่ เพราะเหตุใด ถ้านายไก่เสียหายจากการไถ่แหวนเพชรคืนไม่ได้จะฟ้องให้นายไข่รับผิดได้หรือไม่
ธงคำตอบ
หลักกฎหมาย มาตรา 493 "ในการขายฝาก คู่สัญญาจะตกลงกันไม่ให้ผู้ซื้อจำหน่ายทรัพย์สินซึ่งขายฝากก็ได้ ถ้าและผู้ซื้อจำหน่ายทรัพย์สินนั้นฝ่าฝืนสัญญาไซร้ก็ต้องรับผิดต่อผู้ขายในความเสียหายใด ๆ อันเกิดแต่การนั้น"
มาตรา 494 ท่านห้ามมิให้ใช้สิทธิไถ่ทรัพย์สินซึ่งขายฝากเมื่อพ้นเวลาดั่งจะกล่าวต่อไปนี้… (2) ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ กำหนด 3 ปีนับแต่เวลาซื้อขาย
มาตรา 498 "สิทธิในการไถ่ทรัพย์สินนั้น จะนำใช้ได้เฉพาะต่อบุคคลเหล่านี้คือ….(2) ผู้รับโอนทรัพย์สินหรือรับโอนสิทธิเหนือทรัพย์สินนั้น แต่ในข้อนี้ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์จะใช้สิทธิได้ต่อเมื่อผู้รับโอนได้รู้ในเวลาโอนว่าทรัพย์สินตกอยู่ในอาศัยแห่งสิทธิไถ่คืน"
มาตรา 499 ว. 1 "สินไถ่นั้น ถ้าไม่ได้กำหนดกันไว้ว่าเท่าใดไซร้ ท่านให้ไถ่ตามราคาที่ขายฝาก"
ในการทำสัญญาขายฝากแหวนเพชรระหว่างนายไก่และนายไข่มีข้อตกลงกันไม่ให้นายไข่ผู้รับซื้อฝากจำหน่ายแหวนเพชรที่นำมาขายฝากไว้ต่อไปซึ่งคู่สัญญาสามารถตกลงกันได้ตามมาตรา 493 แต่ถ้าหากว่าเมื่อนายไข่ฝ่าฝืนสัญญาโดยนำแหวนเพชรไปจำหน่ายต่อให้นายแดง เมื่อนายไก่เกิดความเสียหายใด ๆ นายไก่ก็สามารถฟ้องให้นายไข่รับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ ตามมาตรา 493
เมื่อนายแดงซื้อแหวนวงดังกล่าวต่อจากนายไข่โดยไม่ทราบว่าติดสัญญาขายฝากอยู่ เพิ่งจะมา ทราบเมื่อนายไก่มาขอใช้สิทธิในการไถ่ แม้นายไก่พร้อมที่จะชำระสินไถ่คือจำนวน 1 ล้านบาท ตามมาตรา 499 ว.1 และกำหนดระยะเวลาขายฝากยังไม่ได้สิ้นสุดลงตามมาตรา 494 (2) นายแดงก็มีสิทธิปฏิเสธไม่ให้ นายไก่ไถ่แหวนเพชรคืนไปได้ เพราะในขณะรับโอนมานายแดงไม่ทราบว่าแหวนเพชรที่ตนซื้อมาจากนายไข่นั้นติดสัญญาขายฝากอยู่ (มาตรา 498 (2))
ดังนั้นข้ออ้างของนายแดงที่จะปฏิเสธไม่ให้นายไก่ไถ่แหวนเพชรคืนไปนั้นรับฟังได้ นายไก่ไม่มีสิทธิไถ่แหวนคืนจากนายแดง ถ้าอยากจะได้คืนก็ต้องซื้อคืนในราคาที่นายแดงเสนอขาย ถ้าหากนายไก่เสียหายอย่างใดในการไถ่คืนแหวนเพชรจากนายแดง นายไก่ก็มีสิทธิฟ้องให้นายไข่รับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นได้

4. นายชมเป็นพี่ชายนายเชย นายชมได้จดทะเบียนยกที่ดินแปลงหนึ่งและให้สายสร้อยเส้นหนึ่งกับนายเชยโดยตกลงไว้ในทะเบียนด้วยว่านายเชยต้องแบ่งที่ดินแปลงที่ยกให้นี้ครึ่งหนึ่งถวายวัด แต่เมื่อรับโอนที่ดินแปลงนี้มาแล้วนายเชยก็ไม่ยอมแบ่งที่ดินครึ่งหนึ่งให้วัด นายชมจะฟ้องร้องบังคับให้นายเชยปฏิบัติตามข้อตกลงที่จดไว้ในทะเบียนได้หรือไม่ อย่างไร และถ้าสายสร้อยเส้นนั้นไม่ใช่ สายสร้อยที่ทำด้วยทองคำแท้ ๆ นายเชยจะฟ้องให้นายชมรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องได้หรือไม่ เพราะเหตุใด
ธงคำตอบ มาตรา 528, มาตรา 529

นายชมเป็นพี่ชายนายเชย นายชมได้จดทะเบียนยกที่ดินแปลงหนึ่งและให้สายสร้อยเส้นหนึ่งกับนายเชยโดยตกลงไว้ในทะเบียนด้วยว่านายเชยต้องแบ่งที่ดินแปลงที่ยกให้นี้ครึ่งหนึ่งถวายวัด เป็นการให้ที่มีค่าภารติดพันเพราะเป็นภาระเกี่ยวกับตัวทรัพย์ ที่ผู้รับต้องมีหน้าที่ที่จะปลดเปลื้องภารติดพัน ซึ่งถ้าผู้รับละเลยไม่ชำระค่าภารติดพัน โดยเงื่อนไขอันระบุไว้ในกรณีสิทธิเลิกสัญญาต่างตอบแทนกันนั้น ผู้ให้จะเรียกให้ส่งทรัพย์สินที่ให้นั้นคืน ตามบทบัญญัติว่าด้วยลาภมิควรได้นั้นก็ได้ เพียงเท่าที่ควรจะเอาทรัพย์นั้นไปชำระค่าภารติดพัน แต่กรณีนี้นายเชยต้องแบ่งที่ดินแปลงที่ยกให้นี้ครึ่งหนึ่งถวายวัดเป็นกรณีที่บุคคล ภายนอกมีสิทธิเรียกร้องให้ชำระค่าภารติดพัน ซึ่งทำให้สิทธิเรียกคืนทรัพย์สินในส่วนที่ผู้ให้จะนำไปชำระค่าภาระติดพันย่อมเป็นอันขาดไป ตามมาตรา 528 (10 คะแนน) แต่สัญญาให้ที่มีค่าภารติดพันถือเป็นการให้โดยมีเงื่อนไขอย่างหนึ่ง ดังนั้นแม้บุคคลภายนอกจะเป็นผู้มีสิทธิเรียกร้องให้ชำระค่าภารติดพัน และผู้รับไม่ชำระค่าภาคติดพัน จึงเป็นการที่ผู้รับไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาให้ ผู้ให้จึงมีสิทธิฟ้องร้องบังคับให้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาได้ตามหลักนิติกรรมสัญญา หรือบอกเลิกสัญญาให้ก็ได้ เมื่อนายเชยไม่ยอมแบ่งครึ่งหนึ่งให้วัด นายชมจึงฟ้องร้องบังคับให้นายเชยปฏิบัติตามข้อตกลงที่จดไว้ในทะเบียนได้ (5 คะแนน) อนึ่งสัญญาให้เป็นการที่ผู้ให้ให้ทรัพย์สินแก่ผู้รับโดยเสน่หา ผู้รับไม่ต้องตอบแทนอย่างใดกับผู้ให้ ดังนั้นถ้าทรัพย์สินเป็นอย่างไรหรือมีสภาพอย่างไรผู้รับก็ต้องรับไปอย่างนั้น ถ้าไม่ต้องการก็มีสิทธิปฏิเสธไม่เข้าทำสัญญายอมรับการให้ได้ตั้งแต่แรกได้ ส่วนสายสร้อยที่นายชมให้นายเชยนั้นไม่ใช่สายสร้อยที่ทำด้วยทองคำแท้ ๆ ก็ไม่ใช่เรื่องความชำรุดบกพร่องและการให้สายสร้อยก็ไม่ใช่เป็นการให้โดยมีภารติดพันแต่อย่างใด มีแต่ภารติดพันในที่ดินเท่านั้น นายเชยจะนำมาตรา 529 มาฟ้องให้นายชมรับผิดเพื่อความชำรุดบกพร่องไม่ได้






จะเห็นสีขาวได้อย่างไร...ถ้ามองด้วยหัวใจสีดำ




 

Create Date : 03 ธันวาคม 2550
0 comments
Last Update : 3 ธันวาคม 2550 23:58:45 น.
Counter : 5200 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


chantra_aor
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add chantra_aor's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.