Bloggang.com : teayneverdie : Discovery Sport ปรับสู่ความสปอร์ต

Discovery Sport ปรับสู่ความสปอร์ต

ใครบางคนอาจจะบอกว่าการเปิดตัวของ BMW X6 และตามด้วย X4 ถือเป็นทำให้หลายค่ายที่เป็น คู่แข่งต้อง พลิกตำรารับมือกับการเปิดตลาดใหม่แบบง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนเพิ่มเติมอะไรมากมาย ของค่ายใบพัดสีฟ้า

‘ออฟโรดในแบบสปอร์ตเนี่ยนะ...’ ดูแล้วไม่น่าขายได้ แต่ก็เป็นไปแล้ว

แต่ต้นกำเนิดไอเดียนี้ถ้าวัดกันจากปีที่เปิดตัวแล้ว กลับไม่ใช่ BMW แต่เป็นแลนด์โรเวอร์ ซึ่งในปี 2005 พวกเขาพยายามเจาะตลาดกลุ่มใหม่ด้วยการเติมความ ‘สปอร์ต’ เข้าไปในเอสยูวีระดับไฮเอนด์สุดเทอะทะ อย่างเรนจ์โรเวอร์ แต่ดูเหมือนว่าคำว่า ‘สปอร์ต’ ที่ต่อท้ายชื่อรุ่นบวกกับการออกแบบใหม่แต่ก็ยังอิงหน้าตา เดียวกับเรนจ์โรเวอร์ ทำให้ผลตอบรับไม่ค่อยดีเท่าไร

แต่นั่นก็ไม่ทำให้แลนด์โรเวอร์ยอมแพ้ พวกเขามาสัมฤทธิ์ผลกับรุ่น Evoque ของเรนจ์โรเวอร์ และน่าจะทำได้อีกครั้งกับดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต ที่เป็นไลน์อัพใหม่ของบริษัท

ตรงนี้ถือเป็นความใหม่ที่ค่อนข้างฉีกธรรมเนียม เพราะตามปกติแล้วรุ่นใหม่ที่เป็นตัวถังธรรมดาของ ดิสคัฟเวอรี่ใหม่น่าจะเปิดตัวออกมาก่อน แต่ทว่าแลนด์โรเวอร์กลับเลือกเอาเวอร์ชันสปอร์ตเปิดตัวคันจริงออก มาขายก่อน

สิ่งที่น่าสนใจคือ แลนด์โรเวอร์ทำอย่างไรที่จะให้ตัวรถดูสวยสปอร์ตและสอดคล้องกับสโลแกน ที่เขาชูออกมา คือ 5+2 ซึ่งหมายความว่า จะมากับแนวหลังคาที่ดูลาดเทลงด้านหลังเพื่อให้เกิดสัมผัส Coupe-Like แต่จะต้องมีเบาะนั่งข้างแบบ 7 ที่นั่งตามที่อวดอ้างไว้

เวอร์ชันสปอร์ตจะอยู่ในไลน์ผลิตเดียวกับรุ่น LR4 หรือดิสคัฟเวอรี่ใหม่ และแน่นอนว่าแชร์พื้นฐานทาง วิศวกรรมร่วมกัน โดยมีระยะฐานล้อยาว 2,741 มิลลิเมตร และมีความยาว 4,599 มิลลิเมตร บวกกับหน้าตาที่ดูสวยสปอร์ต และแฝงด้วยความบึกบึนในทุกรายละเอียด

เท่าที่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้ เวอร์ชันอเมริกันจะมากับเครื่องยนต์เบนซิน 2,000 ซีซี เทอร์โบ ที่มีกำลังถึง 240 แรงม้า และจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ขณะที่ยุโรป นอกจากรุ่นเบนซินแล้ว ก็จะมีทางเลือกของเทอร์โบดีเซล ที่มีความจุ 2,200 ซีซี 190 แรงม้า จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และมีเกียร์ 9 จังหวะเป็นออพชั่น โดยทั้งหมดขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม แลนด์โรเวอร์เผยว่าหลังจากที่ทำตลาดไปพักหนึ่งจะมีการเพิ่มรุ่นประหยัด หรือ Entry Level ออกมา โดยใช้เครื่องยนต์เทอร์โบดีเซล และขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อตามออกมา โดยจะมีราคาเพียง 30,000 ปอนด์ หรือ 1.5 ล้านบาท ซึ่งถูกกว่ารุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อประมาณ 3,000 ปอนด์ หรือ 150,000 บาท