ธรรมะจากท่านพุทธทาส
อ่านหนังสือของท่านพุทธทาสมาค่ะ ชอบมากเลยเพราะเป็นเรื่องราวที่คนส่วนใหญ่ชอบยึดติด ดังนั้นค่ะ จึงได้นำธรรมมะของท่านมาเผยแพร่ ท่านที่สนใจเชิญอ่านได้เลยนะคะ เดี๋ยวจะนำมาให้อ่านทีละบทค่ะ บทแรกในวันนี้ "ตัวกู ของกู"ความสำคัญของ "ตัวกู ของกู" 24 ส.ค.2504 ในวันนี้จะได้กล่าวถึง ความสำคัญของสิ่งที่เรียว่า "ตัวกู ของกู" ; และเป็นการตอบคำถามพร้อมกันไปในตัวว่า ทำไมจึงได้ยกเอาคำๆนี้ มาเป็นหัวข้อของเรื่องทั้งหมดที่เราจะศึกษากัน และขอร้องให้ศึกษาเพียงเรื่องเดียว ก็ยืนยันว่าพอแล้ว และเป็นการศึกษาพุทธศาสนาทั้งหมดทั้งสิ้นพร้อมกันไปในตัว ซึ่งนับว่ามีความสำคัญที่น่าสนใจหรือถึงกับตกใจ ความสำคัญของสิ่งที่เรียกว่า "ตัวกู-ของกู" นี้ มีอยู่ตรงที่มันเป็นต้นเหตุหรือเป็นตัวการแท้ของความทุกข์ทุกอย่างทุกประการ และทั้งหมดทั้งสิ้น แต่ว่าก่อนทีจะรู้จักความสำคัญของมันนั้น เราควรที่จะได้รู้จักตัวสิ่งนั้นให้ชัดเจนเพียงพอเสียก่อน หรือเมื่อเรารู้จักสิ่งนั้นดี เราก็จะรู้จักความสำคัญของมันได้เอง ดังที่ได้กล่าวมาข้างต้นว่า สิ่งที่เรียกว่า "ตัวกู" และ "ของกู" ในที่นี้มีชื่อโดยภาษาบาลีว่า "อหังการ" และ "มมังการ" แต่ชื่อที่เรียกเช่นนี้เป็นชื่อเรียกทางจริยธรรมหรือทางศาสนาใช้ ถ้าเป็นคำธรรมดาหรือคำทางจิตวิทยาก็จะเรียกว่า "อัตตา" และ "อัตตนียา" ก็ได้ อัตตา ก็แปลว่าตัวตน; อัตตนียา แปลว่าเนื่องด้วยตนหรือ ของตนนั่นเอง. คำว่า อหังกาน แปลว่าการกระทำว่าฉัน ; มมังการ ก็แปลว่า การกระทำว่าของฉัน ถ้าความรู้สึกเป็นไปรุนแรง ก็มีความหมายเท่ากับคำในภาษาไทยว่า "ตัวกู" และ "ของกู" ด้วยกันทั้งนั้น ฉะนั้นขอให้ถือว่าจะกล่าวว่า "อัตตา" หรือ "อัตตนียา" ก็ตาม;จะกล่าวว่า "อหังการ" หรือ "มมังการ" ก็ตาม ย่อมหมายถึงสิ่งที่เรียกว่า "ตัวกู" และ "ของกู" ในที่นี้ด้วยกันทังนั้น และพึงเข้าใจไว้ทีก่อนว่าเป็นเรื่องของนามธรรมฉะนั้นจึงเป็นเพียงความรู้สึกทางจิต หรือภาวะทางจิตอย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง หาได้มทีตัวมีตนเป็นชิ้นเป็นก้อนอย่างวัตถุแต่ประการใดไม่ ทีนี้เราจะลองนึกไปถึง คำในภาษาอื่น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีบ้างว่า สิ่งที่เราเรียกว่า "ตัวกู" และ "ของกู" นี้ เขาเรียกกันว่าอะไร ในวงของจริยธรรมหรือปรัชญาทั่วไป รู้จักกันด้วยคำในภาษาละตินว่า Ego ซึ่งคำๆนี้แปลว่า Self หรือตัวตน; และคำอึกคำหนึ่งของชาวกรีกว่า Centrikon ซึ่งเป็ฯคำที่มีความหมายตรงกับคำ Ego ของละติน แต่คำๆนั้นแปลว่า Center หรือศูนยกลางนี้ทำให้เราเห็นได้ชัดที่เดียวว่า คำว่า Ego นั้น ตรงกับคำว่า "อัตตา" ของภาษบาลีโดยแท้ และความหมายของคำว่า Centrikon ของชาวกรีกนั้น ก็เล็งถึงสิ่งๆเดียวกัน คือสิ่งที่ถือกันว่าเป็ฯศูนย์กลางหรือเป็ฯใจกลางของคนเรา ซึ่วชาวอินเดียเรียกมันว่า "อาตมัน" หรือ "อัตตา" นั่นเอง; หรือที่ชาวบ้านชั้นต่ำเรียกมันว่า วิญญาณ ว่า จิต ว่า เจตภูติ ดังนี้ป็นต้น ล้วนแต่ถูกถือว่าเป็นศูนย์กลางแห่งอัตภาพของคนเรานี้ทั้งนั้น ฉะนั้นเราจึงได้ความหมายจากคำเหล่านี้ว่า คนเรามิสิ่งนี้เป็นตัวตนหรือศูนย์กลาง เพื่อไม่ให้ไปถือเอาตัวตนที่ร่างกาย หรือที่เปลือกนอกเป็นต้น ทีนี้ก็มาถึงความรู้สึกที่เป็นการยึกดถือตัวตน หรือการเห็นแก่ตนเป็นอย่างยิ่งเรกว่า Egoism คำๆนี้ ตามความหมายทางจริยธรรมหมายถึงความเห็นอก่ตนวึ่งเป็นกิเลสอันน่ารังเกียจ แต่ว่าเป็ฯความหมายทางจิตวิทยาธรรมดา ก็หมายเพียงความรู้สึกที่เป็นต้นเหตุให้คนเราทำอะไรลงไปเพราะหวังจะได้อะไรที่เป็นประโยชน์แก่ตน ซึ่งเป็นความรู้สึกของสามัญสัตว์ตามธรรมดาเท่านั้น ดังนั้นคำว่า "ตัวกู" และ "ของกู ในที่นี้ควรถือว่ามีความหมายตรงกับคำว่า Egoism ทางจริยธรรมเท่านั้น ผู้ที่ทราบความหมายของคำว่า Ego หรือ Egoism ดีอยู่แล้วย่อมทราบความมุ่งหมายที่ต้องการจะกล่าวด้วยถ้อยคำว่า "ตัวกู" และ "ของกู" นี้ได้ทันที และได้เป็ฯอย่างดี และที่สำคัญที่สุด ก็คือต้องมองเห็นได้ชัดว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงความรู้สึกของจิตหรือภาวะของจิตในลักษณะหนึ่ง ซึ่งถูกปรุงขึ้นมาด้วยสิ่งซึ่งปรุงแต่ง หรือแวดล้อมจิต หรือบางพวกอาจจะเรียกสิ่งนี้เป็นตัวจิตเสียเลยก็แล้วแต่เค้าจะเรียก ข้อสำคัญขอแต่ให้รู้จักสิ่งๆนี้ก็พอแล้ว