Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2550
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
6 กรกฏาคม 2550
 
All Blogs
 
Palma de Mallorca : Spain (July2004)

กลับจาก Lille ได้ไม่นาน ก็ถูกส่งไปโปรเจคใหม่อีกแล้ว คราวนี้ Telefonica Spain หนุ่มก็ถูกส่งมาโปรเจคนี้เหมือนกัน แต่ดูจะโชคดีกว่า ได้ไปทำที่ Barcelona
งานนี้มากันสองคนกับ Dirk Otte ที่เป็น Network plannig จาก Berlin โปรเจคนี้ไม่มีความกดดันอะไร เพราะปัญหาของโปรเจค อยู่ที่เมืองอื่น แต่ทาง Telefonica แค่ต้องการให้มี expert มาทำงานทุกๆ เมืองหลัก เราเลยได้มาเหมือนพักผ่อน สบายๆ ไม่มีความเครียดอะไร

ตอนที่เครื่องบินลงจอด แปลกใจนิดหน่อยเพราะ ไม่รู้มาก่อนว่า Palma เป็นเกาะ อุตส่าห์วางแผนว่าจะไปเที่ยว Barcelona หรือ Madrid ช่วงวันหยุดซะหน่อย เลยสงสัยมีอันต้องพับไป

เข้าเช็คอินโรงแรม แล้วก็ชะโงกหัวออกมาดูข้างนอกก่อนเลยว่ามีอะไรบ้าง เพราะไม่รู้จักอะไรทั้งสิ้น กับ Palma แม้แต่ชื่อก็เพิ่งเคยได้ยินตอนรู้ว่าต้องมาที่นี่


ส่วนที่เตะตาที่สุดของ Palma ก็คงไม่พ้น Catedral de Palma de Mallorca ที่เห็นอยู่ลิบๆ กับเรือยอร์ช ที่จอดกันเต็มอ่าว

เย็นวันแรกที่มาถึง ออกไปกินข้าวกับ Dirk แล้วก็ต้องแปลกใจว่า เมนู อาหารของทุกร้านที่นี่ มีภาษาเยอรมัน ทุกร้าน
Dirk เล่าให้ฟังว่า Palma เป็นเหมือนบ้านที่สองของคนเยอรมัน เพราะบรรดาเศรษฐีเยอรมัน ต่างก็หลบอากาศหนาว ล่องเรือยอร์ทมาที่นี่กัน เนื่องจากอากาศอบอุ่น และอยู่ไม่ไกลจากเยอรมันมากนัก เรือยอร์ทที่เห็นจอดส่วนใหญ่ก็เป็นของชาวเยอรมันทั้งนั้น

ไปทำงานที่ออฟฟิศวันแรกก็เจอโฮเซ่ (Jose') กับเพื่อนร่วมงานสาวสวยของเค้าอีกสองคน พอโฮเซ่แนะนำให้รู้จักก็จับไม้จับมือกันตามมารยาท พร้อมกับทักทาย Hola (โอลา เข้าใจว่ารากศัพท์น่าจะมาจากคำผวนของ Hallo ฮาโล)
ผมก็คิดว่าจบแค่นั้น แต่หล่อนไม่..

เธอสบตายิ้มๆ แล้วก็เข้ามาใกล้ๆผมมากขึ้นเรื่อยๆ..
ก็เริ่มแปลกใจนิดหน่อยว่า หล่อนต้องการอะไรกันแน่
...
ตอนนี้หน้าหล่อนที่ส่งยิ้มหวานก็เข้ามาใกล้เกินกว่าระยะไม่หวังผลแล้ว เราก็ได้แต่คิดในใจว่า เฮ้ยๆ รักกันชอบกันก็บอกกันก่อนก็ได้ นี่ยังเวลางานอยู่เลย จะมาทำไรลุ่มล่ามได้ไง
แล้วเธอก็ถึงเนื้อถึงตัวผมจนได้ แก้มแนบแก้ม ซ้ายทีขวาที แล้วยังส่งเสียงจุ๊บๆ ด้วย
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่.. แต่เราก็ยังเคลิ้มอยู่
กว่าจะตื่นจากฝันก็หันไปเห็นหล่อนทำแบบเดียวกันกับ Dirk ด้วย (ซึ่ง Dirk ก็มีท่าทีขัดเขินไม่ใช่น้อย) เลยเพิ่งถึงบางอ้อว่า เราได้ปล่อยไก่ไปหมดเล้าซะแล้ว

ธรรมเนียมการทักทายของคนที่นี่ ถ้าเป็นหญิง (ผู้หญิงเท่านั้น) จะต้องมีการแนบแก้มแล้วส่งเสียง จุ๊ฟๆ กันด้วย
ไม่รู้ใครเป็นคนคิดธรรมเนียมนี้นะ แต่ส่วนที่ผมชอบที่สุดคือ มันไม่ต้องทำกับผู้ชายนี่แหละ

++ หลังจากกลับไปมิวนิคแล้วผมกับเพื่อนๆ ก็ได้มีการถกเถียงกันถึงธรรมเนียมการทักทายด้วย จุ๊ฟ ของแต่ละประเทศ (เยอรมันไม่มีแบบนี้ครับ เพราะคนเยอรมันค่อยข้างรักษาระยะห่างระหว่างความสัมพันธ์มาก)
เราก็มีการถกเถียงกันว่า ฝรั่งเศษก็มีธรรมเนียมนี้นะ แต่ไม่แน่ใจว่าจุ๊ฟ สองที หรือ สามที แล้ว Hans ก็ยังเปิดประเด็นใหม่อีกด้วยว่า ถ้าจุ๊ฟกันสามทีเนี่ย มันจะต้องเป็น ขวา ซ้าย แล้วก็กลางแน่ๆเลย ซึ่งผู้หญิงในทีมก็พยายามขัดว่าไม่ใช่ มันต้องเป็น ขวา ซ้าย ขวา แต่ไม่มีหนุ่มคนไหนฟังเลย ขอจินตนาการว่ามันเป็นอย่างที่ Hans ว่าไว้ละกัน

ทำงานที่นี่สองอาทิตย์ ไม่เคยกินข้าวเที่ยงกับโฮเซ่เลย เพราะวัฒนธรรมการกินก็แตกต่าง คนที่นี่มาทำงานกันเก้าโมงเช้า พอสิบโมงกว่าก็ออกไปสแน๊กเบรคกัน กลับมาอีกทีก็ทำงานกันยาวไปจนถึงประมาณบ่ายสอง กว่าจะออกไปกินมื้อเที่ยง

พูดถึงเรื่องกินมื้อเที่ยงต้องบอกว่า ผมได้พบร้านสเต็กที่อร่อยที่สุดในโลกแล้ว อยู่ที่นี่เอง ไม่ใช่ร้านเลิศหรูอะไร ก็แค่ร้านอาหารข้างทางในบริเวณนิคม ที่นี่เค้าจะใช้เนื้อสันหนามาก (น่าจะ 2 นิ้วหรือกว่านั้น) แล้วย่างด้วยไฟแรงมาก จนเนื้อด้านนอกกรอบ แต่หั่นผ่านเข้าไปนิดเดียวเนื้อก็ดิบแบบ เลือดสาดเลย (ปกติผมสั่งระดับ rare เสมอ ยิ่งดิบยิ่งชอบ) แล้วไม่มีซอสราดให้เสียรสชาดเนื้อเลย แค่โรยเกลือพอเค็มๆนิดหน่อย สนนราคาก็ 11 ยูโร แต่พอรวมเครื่องดื่มกับ service charge, tax เข้าไปแล้วก็ 18 ยูโร


แล้วเสาร์อาทิตย์ก็มาถึง สำหรับการเดินเที่ยวเมือง..
เลี้ยวออกจากถนนเข้าโรงแรม ก็เห็นวิวนี้ก่อนเลย เริ่มรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแบบ เสปนแล้ว (ปนเนเธอร์แลนด์หน่อยๆ มั๊ยเนี่ย สงสัยเหมือนกันว่ากังหันลมมาทำอะไรอยู่ที่นี่)


เดินตรงถัดมาก็จะเจอ Porta de Santa Catalina ดูเป็นป้อมปราการ โบราณ ที่มีคูน้ำล้อมรอบ


เดินอ้อมเข้าไปดูข้างในหน่อย เลียบมาทางคูน้ำรอบๆ


วิวจากด้านบนของป้อม..


แล้วก็กลับมาเดินเลียบ ริมอ่าว มุ่งไปทาง Catedral ต่อ บรรยากาศทางเดินที่เต็มไปด้วยต้นปาล์มนี่มันดูสบายตา หรูหรา แล้วเข้ากับอากาศร้อนๆ ของที่นี่ดีจริงๆ


ตรงนี้ก็บรรยากาศแถวๆ Almudaina Palace ตึกสวยๆ เรียงกันเป็นแถวตลอดแนวต้นปาล์ม




แล้วก็เดินมาถึงทางเข้า Catedral สวยดี ผมว่า


แล้วก็เดินวนต่อมาด้านข้างของ Catedral


ทางเดินด้านหน้า Catedral แคบไปหน่อย ถ่ายรูปเก็บไม่หมด


ซุ้มประตู สวยเตะตามากๆ






++ รูปถ่ายรูปนี้ผมดูโทรมมากๆ ลมก็แรงหัวกระเซิง แต่เป็นรูปที่ผมประทับใจมากที่สุดในทริปนี้เลยทีเดียว ไม่ใช่เพราะรูปครับ แต่เป็นเพราะคนถ่ายรูป ต้องเรียกได้ว่าคนถ่ายรูปนี่เป็นสาวน้อยน่ารักที่สุดในโลก และเธอก็ดูไร้เดียงสามากๆ




ว่าแล้วก็ขอถ่ายรูปคู่กับสาวน้อยที่ถ่ายรูปผมซะหน่อย..


ผมเห็นเด็กคนนี้สนใจกล้องที่ผมกำลังถ่ายๆอยู่ ก็เลยยื่นให้เธอลองเล่น เธอก็ดูไม่มั่นใจ ออกจะกลัวๆอยู่ แต่ก็อยากเล่น พ่อเด็กก็พยายามห้ามเพราะกลัวเด็กจะทำกล้องผมหล่น
ไม่รู้สิครับ.. ผมว่าผมชอบทำอะไรสร้างความมั่นใจให้เด็กๆหนะ ผมก็เลยยืนยันว่าไม่เป็นไรหรอก ต่อให้กล้องมันหล่นพังผมก็ไม่ว่า ให้เด็กคนนี้ได้เล่นซักหน่อยเถอะ (จำได้ว่าพอถ่ายรูปเสร็จ เด็กดูมีความสุขมาก ยิ้มหน้าบาน แล้วแม่ของเด็กก็มีความสุขไม่แพ้กัน ยืนหัวเราะเสียงดังอยู่ไม่ห่าง ก็ผู้หญิงสองคนข้างหลังรูปคู่ผมกับสาวน้อยนั่นแหละ อย่างงี้แล้วจะไม่ทำให้ผมประทับใจรูปนั้นได้ยังไงเล่า) วันเสาร์ผมก็เลยจบความประทับใจเอาไว้ตรงนี้ เดี๋ยวพรุ่งนี้เที่ยวต่อ..

วันอาทิตย์..
ฝั่งตะวันออกของเมือง ผมก็เดินไปจนสุดแล้ว เมื่อวาน วันนี้เลยจะเดินไปฝั่งตะวันตกดูบ้าง ดูจากแผนที่ก็เห็น ปราสาทอยู่บนเขา ต้องเดินขึ้นไปดูซะหน่อยว่าเป็นไงบ้าง
ทางเดินขึ้น ดูเงียบเหงา และ เปลี่ยวมาก ผมว่าผมต้องเดินมาผิดทางแน่ๆ คงไม่ใช่ทางที่คนส่วนใหญ่เดิน แต่ก็มาถึง Castillo de Bellver จนได้


เข้าไปด้านใน ตรงกลางของปราสาท เค้ากำลังเตรียมงานพิธีอะไรซักอย่าง


แล้วก็เดินขึ้นไปได้ถึงบนหลังคาของปราสาท.. เห็นวิวของ Palma ได้ทั้งเมือง 360' เลย


ขากลับก็เดินกลับทางซอยเล็กซอยน้อย เผื่อว่าจะได้เจออะไรน่าสนใจ ผมชอบเที่ยวแบบนี้แหละ ด้วยการเดินแบบไม่มีจุดหมาย มันทำให้เราเก็บรายละเอียดของเมืองที่ไปได้เยอะ แล้วอะไรที่น่าสนใจสำหรับผม (แต่คนอื่นอาจจะไม่สนใจ) ก็มักจะผ่านเข้ามาให้เห็นอยู่เสมอ รวมถึงป้าย น่ารักๆ อันนี้ ที่พอเห็นแล้วรู้สึกว่า โดนมากๆ




Create Date : 06 กรกฎาคม 2550
Last Update : 6 กรกฎาคม 2550 23:22:14 น. 1 comments
Counter : 1590 Pageviews.

 
เมืองนี้น่ารักมากเลย ชอบเมืองที่มีท่าเรือเหมือนกัน ไม่นึกว่าจะเป็นพี่ชายที่แสนดี รักเด็กกะเค้าด้วย (นึกว่ารักสัตว์อย่างเดียว) แต่อยากเตือนด้วยความหวังดีว่า ระวังเป็นโรคพยาธิใบไม้ในตับนะจ๊ะ พวกพี่ไทยเราเป็นกันเยอะ พี่ไทยในต่างแดนก็มีสิทธิ์เหมือนกันเน้อ


โดย: ก๋อ IP: 203.146.63.183 วันที่: 6 กรกฎาคม 2550 เวลา:23:14:01 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

~-=AUSFAhRT=-~
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อุทิศบล๊อกให้ชีวิตจรจัดของตัวเอง..

ให้ชีวิตที่ดีขึ้นในแง่การเงิน การงาน

ให้ชีวิตที่ตกต่ำที่สุดในด้านความสุขในบางช่วง

ให้กับทั้งเพื่อนที่อาจจะไม่ได้เวียนวนมาเจอกันอีกในชีวิต และให้กับศัตรูที่ผ่านเข้ามา

ให้กับผลกระทบทั้งบวกและลบที่มีกับชีวิตคู่และครอบครัว
Friends' blogs
[Add ~-=AUSFAhRT=-~'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.