ตุลาคม 2556

 
 
1
2
3
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
8 ตุลาคม 2556
วันครบกำหนด
10 สิงหาคม 2556 (40W)

หลังจากที่แม่ลาเตรียมตัวเพื่อจะรอคลอดหนูมาตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม แม่ก็ยังไม่มีอาการใดๆ ที่เป็นสัญญาณเตือนว่าหนูจะออกมาเลยลูก แม่นั่งๆ นอนๆ อยู่ห้องมาเป็นสัปดาห์ จนแม่เบื่อไปเลยล่ะลูก ส่วนอีกใจก็ลุ้นทุกวันว่าเมื่อไหร่หนอ ลูกจะออกมาสักที จนครบกำหนด 40 สัปดาห์ และเราจะต้องไปหาคุณลุงหมอตามนัดอีกครั้ง (ซึ่งแม่หวังว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่หนูอยู่ในท้องแล้วไปเจอกับคุณลุงหมอ)

วันนี้รถค่อนข้างติด กว่าจะไปถึงคลินิกก็เกือบเที่ยงแล้ว พอไปรับบัตรคิวเสร็จ พ่อกับแม่ก็ไปทานข้าวกับลุงต้อมป้าเอ๋ ที่ร้านตำมั่วซึ่งอยู่ตรงข้ามกับคลินิก อาหารอร่อยมาก แม่เลยกินไปซะเยอะเลย ^^

สักบ่าย 2 โมง พ่อกับแม่ก็กลับมารอคิวเพื่อที่จะพบคุณลุงหมอ น้ำหนักแม่ล่าสุดวันนี้ 67.5 กก. กว่าจะได้ตรวจวันนี้ก็เกือบ 4 โมงแล้ว พอคุณลุงหมอดูประวัติ ก็บอกว่าครบกำหนดแล้วนี่นา แล้วก็ขอตรวจภายในแม่

พอคุณลุงหมอตรวจแป้บเดียวเท่านั้น เลือดก็ไหลออกมา คุณลุงหมอบอกว่าปากมดลูกเปิด 2 ซม. แล้ว ให้ไปนอนแอดมิทที่ รพ. เพื่อรอคลอดได้เลย แม่ฟังแล้วก็ยังงงๆ ว่าแม่จะคลอดหนูวันนี้แล้วเหรอ ทำไมแม่ไม่มีอาการอะไรเลยล่ะ พอเริ่มได้สติแม่ก็เริ่มมีอาการตื่นเต้น แม่ก็โทร.หาป้าเอ๋ ให้มาอยู่เป็นเพื่อนแม่ ตอนที่คุณพ่อต้องไปหาที่จอดรถหรือติดต่อที่ รพ. แม่คิดว่าป้าเอ๋อยู่คอนโดเก่า แม่ก็ยืนรอตั้งนาน เลือดก็ไหลออกมาเรื่อยๆ ป้าเอ๋ก็ไม่มาซะที จนคุณพ่อร้อนใจบอกว่าไม่ต้องรอแล้ว ให้ไปเจอกันที่ รพ. เลยดีกว่า

พอไปถึง รพ. ก็มี จนท. มารับแม่ไปที่ห้องคลอดชั้น 4 ส่วนคุณพ่อก็ไปวนหาที่จอดรถ พอไปถึงห้องคลอด ก็มี จนท. คุณหมอ พยาบาล มารับตัวและคอยดูแลแม่เป็นอย่างดี (คุณหมอ พยาบาล หน้าตาเด็กๆ สวยๆ ด้วยนะ) ห้องก็ดูใหม่สะอาด แม่ว่าสู้ รพ. เอกชนได้เลยแหละ

อันดับแรกแม่ก็ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดของ รพ. ก่อน ของมีค่า เครื่องมือสื่อสาร ต้องเก็บใส่ถุงกระดาษที่เค้าเตรียมไว้ให้ แล้วพยาบาลก็สวนอุจจาระให้แม่ (รู้สึกแปลกๆ ดี ครั้งแรกนี่นา) สักพักคุณพ่อของหนูก็มาถึงห้องคลอดและเดินเรื่องเอกสารต่างๆ พ่อกับแม่มีเวลาคุยกันไม่นาน สัก 10 นาที ได้ แม่ก็ต้องไปถ่ายอุจจาระ และเตรียมทำความสะอาดร่างกาย เพราะว่าไม่รู้จะได้อาบน้ำอีกทีเมื่อไหร่ ส่วนคุณพ่อก็โดนให้กลับไปรอที่บ้าน และให้โทร.มาถามความคืบหน้าได้ ไม่มีคุณพ่ออยู่ข้างๆ แม่ก็รู้สึกใจแป้วไปเหมือนกัน แต่ไม่เป็นไร แม่มีหนูอยู่กับแม่นี่นา

ประมาณ 17.00 น. แม่ก็พร้อมแล้วในห้องรอคลอด (เป็นห้องเตียงเดี่ยว เบอร์ 2 มีแอร์ มีโทรทัศน์ หรูหราเชียวแหละ) คุณหมอให้ยาเร่งคลอดผสมกับน้ำเกลือ มีเครื่องมือวัดอัตราการเต้นของหัวใจของลูกและวัดการบีบตัวของมดลูกติดไว้ที่ท้องแม่ แม่เคยหาข้อมูลไว้ว่าถ้าได้ยาเร่งคลอดจะปวดท้องมากๆ คุณพยาบาลก็บอกว่าถ้าปวดท้องมาก ขอยาแก้ปวดได้ ตอนแรกๆ แม่ก็นอนแบบสบายๆ ไม่รู้สึกอะไร แต่พอผ่านไปครึ่ง ชม. แม่ก็เริ่มปวดแล้ว ยิ่งเวลาที่แม่มองเครื่องมือที่วัดการบีบตัวของมดลูก ถ้าตัวเลขมากขึ้น แม่เตรียมตัวไว้เลยว่าต้องปวดแน่ๆ แม่เริ่มรู้จังหวะที่ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดแม่ก็ต้องขอยาแก้ปวด

ประมาณ 18.00 น. คุณหมอมาเจาะถุงน้ำคร่ำให้ แม่ถามคุณหมอว่าเจ็บไม๊ คุณหมอบอกว่าเจ็บเหมือนตรวจภายใน (แต่แม่ไม่เคยตรวจนี่นา) สรุปแล้วเจ็บเหมือนกันแหละลูก แล้วก็มีน้ำไหลออกมาเยอะมาก (แม่คิดว่านี่คือน้ำคร่ำ) หลังจากนั้นแม่ก็รู้สึกปวด ปวดมากๆ ทุก 2-3 นาที มันเป็นช่วงเวลาที่แม่ทรมานที่สุด แม่คิดว่าแม่จะทนไม่ไหวแล้วนะ แต่พอคิดถึงหนูแม่ก็มีกำลังใจในการที่จะอดทนขึ้นมาอีกนิด

ประมาณ 19.00 น. แม่ปวดจนน้ำตาไหล แต่สิ่งที่น่าตื่นเต้นมากกว่านั้น คือเจ้าเครื่องวัดอัตราการเต้นของหัวใจของลูกส่งสัญญาณว่าหัวใจลูกเต้นช้าลง คุณหมอและพยาบาลหลายคนเริ่มมามุงดูถึงสาเหตุ และเครื่องไม่สามารถจับสัญญาณการเต้นของหัวใจของหนูได้ 2 ครั้ง คุณหมอที่นี่รีบโทร.ไปหาคุณลุงหมออภิชาติ และแจ้งสถานการณ์โดยด่วน แม่ก็ตกใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น หนูจะเป็นอะไรหรือเปล่า คุณลุงหมอเลยให้คุณหมอแจ้งว่าแม่คงคลอดเองไม่ได้แล้ว เพราะปากมดลูกของแม่เปิดแค่ 4 ซม. ถ้าจะรอให้คลอดเอง ทั้งแม่และหนูอาจจะเสี่ยงอันตรายเกินไป สำหรับแม่แล้วจะคลอดวิธีไหนก็ได้ขอให้ลูกปลอดภัยก็พอ

แม่ตัดสินใจที่จะเข้ารับการผ่าคลอดตามคำแนะนำของคุณหมอ แม่ตื่นเต้นมากเพราะไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจสำหรับการผ่าคลอดไว้เลย โชคดีที่แม่ทานอาหารมื้อสุดท้ายไปตอน 14.00 น. เพราะการผ่าตัดจะต้องงดน้ำงดอาหารอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ซึ่งก็ได้เวลาพอดี คุณหมอมาแนะนำว่าในห้องผ่าตัด วิสัญญีจะถามว่าจะเลือกบล๊อกหลังหรือวางยาสลบ (ใจแม่ตอนนั้นคิดว่าวางยาไปเลยดีกว่า เพราะเมื่อปวดเหลือเกิน อีกอย่างแม่ก็กลัวการผ่าตัดด้วย) ให้คุณแม่ตัดสินใจเอาเอง

การเตรียมตัวสำหรับการผ่าตัด แม่ก็ต้องถอดคอนแทคเลนส์ออก แล้วก็มีพยาบาลมาตัดรองทรงให้น้อง (พลาสเตอร์จะได้ปิดแผลได้) แล้วก็เตรียมตัวแม่เข้าห้องผ่าตัด ทุกอย่างต้องรีบทำด้วยความเร่งด่วน เพราะว่ากลัวหัวใจหนูจะหยุดเต้นไปซะก่อน

บรรยากาศในห้องผ่าตัด ก็เหมือนในหนังในละครเลยแหละลูก มีไฟดวงกลมๆ หลายดวงส่องหน้าเราอยู่ จะมีการแนะนำตัวคุณหมอผ่าคลอด (คุณลุงหมออภิชาติ) คุณหมอผู้ช่วย วิสัญญี (หมอวางยา) แต่ไม่เห็นถามแม่เลยว่าจะเลือกบล๊อกหลังหรือว่าวางยา เพราะคุณหมอวิสัญญีเค้าเตรียมบล๊อกหลังให้แม่แล้ว แม่ก็คิดว่า อื้ม อะไรก็ได้ รีบๆ ทำให้เสร็จเถอะ 555

ขั้นตอนการบล๊อกหลังเท่าที่แม่จำได้ คุณหมอจะให้นอนตะแคงแล้วขดตัวเหมือนกุ้ง ค่อยๆ ฉีดยาไปทีละเข็ม ไล่ยาไปเรื่อยๆ แล้วก็เอาเข็มจิ้มส่วนล่างตั้งแต่เอวลงไป ว่ายังรู้สึกตัวอยู่หรือไม่ ขั้นตอนทั้งหมดคงใช้เวลาไปครึ่งค่อนชั่วโมง จนแม่รู้สึกว่าไม่รู้สึกอะไรแล้ว คุณลุงหมออภิชาติก็ลงมือผ่า ซึ่งแม่ไม่รู้สึกอะไรเลย รู้สึกว่าเหมือนมีใครมาเขย่าๆ เตียง สักพักได้ยินเสียงเด็กร้อง แม่ก็ยังงงๆ ว่าเด็กที่ไหนร้อง ในห้องผ่าตัดก็มีแม่คนเดียวนี่นา คิดไปคิดมา เอ๊ะนี่คงเป็นเสียงลูกเรา พอคิดได้แค่นั้นแม่ก็เริ่มน้ำตาไหล (ความรู้สึกช้าไปนิด)

ผ่านไปสัก 5 นาที คุณพยาบาลทำความสะอาดตัวหนูเรียบร้อยแล้ว ก็อุ้มหนูมาให้แม่ดู ส่วนแรกที่แม่เห็นคือเท้าของหนู ตอนแรกแม่คิดว่าเป็นหน้า ยังคิดว่าทำไมมันย่นจัง 555 คุณพยาบาลบอกว่าหนูเป็นเด็กผู้หญิง แข็งแรง สมบูรณ์ น้ำหนัก 2,970 กรัม แล้วคุณพยาบาลก็ให้หนูหอมแก้มแม่ แม่หอมแก้มหนู แม่รู้สึกรักหนูมากที่สุดในโลกเลย

คุณพยาบาลพาหนูไปที่ห้องดูแลเด็กอ่อน ส่วนแม่ก็ต้องอยู่ห้องพักฟื้น เพื่อดูอาการข้างเคียงของการผ่าตัด และต้องให้ยาชาหมดฤทธิ์ก่อนด้วย ก็มีพยาบาลคอยดูแล และคอยมาตรวจว่ารู้สึกหายชาหรือยัง ผ่านไปสักชั่วโมง แม่ก็รู้สึกตัวเป็นปกติ พอหายชาก็รู้สึกเจ็บแผลเลย แล้วก็มี จนท. พาไปส่งที่ห้องผู้ป่วยรวม




Create Date : 08 ตุลาคม 2556
Last Update : 8 ตุลาคม 2556 15:52:40 น.
Counter : 1652 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

rdg
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]