Phobia
จันทร์กระจ่างฟ้า
Phobia ว่ากันว่าคนเรามักกลัวสิ่งที่มองไม่เห็น และกลัวสิ่งที่ตัวเองไม่รู้จักเสมอ สำหรับฉันความกลัวเริ่มจากความเหงา ความหวาดกลัวความมืด ในห้องกว้าง ซึ่งมีฉันเป็นเด็กอายุเพียงสองขวบครึ่งนอนอยู่คนเดียว คืนนั้นเป็นคืนกลางฤดูฝนและมีฝนตกหนักอย่างเคย เสียงสายฝนกระทบพื้นเจิ่งน้ำดังเฉาะแฉะอย่างสม่ำเสมอประสานกับเสียงกบในสนามที่ร้องขานรับกับเสียงของน้ำฝน ยิ่งสร้างความรู้สึกวิเวกวังเวงให้กับเด็กในวัยที่ควรจะได้นอนอยู่กับแม่ หรือนอนอย่างสบายบนเตียงมีผ้าห่มนุ่มๆปกคลุม พร้อมด้วยนิทานก่อนนอน ฉันพยายามหลับตา นอนนับลูกแกะอย่างที่มาม้าเคยสอน แต่ก็ไม่สำเร็จประสาทของฉันตื่นจากเสียงฝนและธรรมชาติภายนอกบริเวณอาคารจนเกินกว่าจะข่มตาหลับได้ ความกลัวเข้าครอบงำจิตใจ ความกลัวจากการต้องนอนอยู่คนเดียวอย่างอ้างว้างโดยไร้ผ้าห่ม มีเพียงหมอนหนึ่งใบและหมอนข้างหนึ่งอันให้ใช้เป็นอุปกรณ์การนอน ฉันนอนกอดหมอนข้างเพื่อนที่แสนดีของฉันอย่างโดดเดี่ยว ซุกกายเบียดชิดผนังห้องอยู่ที่พื้นบริเวณซอกเตียง เหนือศีรษะเป็นตู้ข้างเตียงมีกล่องผ้าอนามัยยี่ห้อโกเต็กซ์วางอยู่ใต้ตู้ใบนั้นเป็นประจำ ฉันเลือกมานอนซุกอยู่ในซอกนี้หลังจากที่ญาติโรคจิตจับฉันแยกนอนกับพี่สาวซึ่งอายุมากกว่าฉันเพียงสิบสามเดือน ปล่อยให้ฉันต้องนอนคนเดียวในห้องที่แม้จะไม่ใหญ่นักสำหรับผู้ใหญ่ แต่กลับดูกว้าง อ้างว้าง และน่าสะพรึงกลัวสำหรับเด็กวัยไม่ถึงสามขวบที่ต้องนอนอยู่ตามลำพังในความมืดสนิทในสถานที่ๆไม่คุ้นเคย ฉันไม่ได้รับอณุญาตให้นอนบนเตียง เพราะฉันเป็นเด็กที่นอนฉี่ราดที่นอน และในสมัยนั้นยังไม่มีผลิตภัณฑ์ประเภทผ้าอ้อมสำเร็จรูปขายกันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย การได้มานอนในซอกแคบๆแบบนี้ ทำให้ฉันรู้สึกปลอดภัยขึ้น อย่างน้อยฉันก็ยังพอรู้สึกเหมือนอยู่ในอ้อมกอด แม้จะเป็นอ้อมกอดของพื้นที่สี่เหลี่ยมผืนผ้าแคบๆบนพื้นไม้แข็งๆอับลมก็ตามที เวลาผ่านไปนานเท่าใดก็ไม่อาจรู้ได้ ฉันไม่อาจมองเห็นนาฬิกาที่แขวนอยู่เหนือประตูทางเข้าห้องน้ำ ตรงข้ามกับที่ฉันนอนอยู่ เนื่องจากความมืดสนิทของห้อง ฉันพยายามข่มตาให้หลับ ด้วยรู้ว่าจะต้องถูกปลุกให้ตื่นแต่เช้ามืด ซึ่งมักเป็นเวลาที่ฉันกำลังนอนหลับสนิทอย่างแสนสบาย และหากฉันไม่ตื่นก็จะถูกทำโทษด้วยมาตรการที่โหดร้ายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการโดนไม้เรียวฟาดลงมาตามจำนวนนาทีที่เสียไปกับการปลุก หรือการถูกดีดหูนับตามจำนวนครั้งที่เรียกฉันให้ตื่น สายฝนซาลงไปในที่สุดจนเหลือแต่เพียงเสียงฝนปรอยๆดังเปาะแปะๆกระทบกระเบื้องหลังคาอยู่ภายนอก บรรยากกาศภายในห้องเย็นชุ่มฉ่ำขึ้นมากหลังฝนตก เสียงร้องของจิ้งหรีดช่วยขับกล่อมให้ฉันรู้สึกผ่อนคลายจนเริ่มเคลิ้มง่วง หากแต่ภาพสัตว์ประหลาดสีสันสะท้อนแสงคอยแต่จะกระโจนเข้ามาขย้ำฉันทุกคราวที่หลับตาลงจนฉันตกใจรีบเปิดเปลือกตาขึ้นอย่างระแวงภัย ความทุกข์ทรมานเกิดขึ้นในชั่วขณะนี้เอง มันเป็นความทรมานที่สาหัสสากรรจ์กว่าเมื่อตอนที่นอนไม่หลับเสียอีก ความทรมานที่เกิดจากการต้องบังคับตัวเองไม่ให้หลับ ฉันพยายามหาอะไรมาใช้เป็นกำบังกั้นเพื่อจะได้รู้สึกอบอุ่นและปลอดภัยขึ้น หากแต่รอบตัวมีเพียงหมอนและหมอนข้างทิ้งไว้ให้เท่านั้น หากจะมีผ้าห่มสักผืนให้ฉันใช้ปกคลุมตัว ก็คงจะสามารถนอนได้อย่างสงบและมีความสุขกว่านี้บ้าง และจะดีกว่านั้นหากฉันได้นอนอยู่ข้างๆพี่สาวคู่ทุกข์คู่ยากในโรงเรียนประจำระดับอนุบาลของญาติจิตใจวิปริตของฉัน คิดไปจนจวนจะผล็อยหลับ ฉับพลันท่ามกลางความมืดและเสียงน้ำฝนที่ยังซาเม็ดไม่หมด อะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนไหวอยู่เป็นเสียงแกรกกรากอยู่ภายในกล่องผ้าอนามัยยี่ห้อโกเต็กซ์ซึ่งวางอยู่ใต้โต๊ะหัวเตียง เสียงนั้นดังอยู่ใกล้ๆกับหูของฉันนี่เอง เป็นเสียงที่ฟังดูประหลาดและมันมาพร้อมกับกลิ่นเหม็นสาปๆบางอย่างที่ฉันไม่เคยรู้จักมาก่อน ฉันไม่กล้าขยับตัวและไม่กล้าแม้แต่จะเอื้อมมือไปหยิบดู ประสบการณ์จากการถูกทำโทษครั้งก่อนยังประทับอยู่ในความทรงจำเมื่อครั้งที่ฉันแอบไปหยิบกล่องโกเต็กซ์กล่องนั้นมาดู มันเป็นเหมือนกล่องปริศนาสำหรับเด็ก เนื่องจากมีของแปลกๆคล้ายผ้าคลุมปากของหมออยู่ในนั้น และผู้ใหญ่มักจะดุทุกครั้งที่เห็นเด็กหยิบหรือแตะต้องกล่องโกเต็กซ์ โดยเฉพาะผู้ใหญ่จิตวิปริตอย่างญาติข้างบิดาซึ่งเป็นเจ้าของโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้ของฉัน พวกเธอถึงกับลงไม้ลงมือเมื่อเห็นฉันและพี่สาวไปหยิบกล่องมาส่องดู จนในที่สุดกล่องโกเต็กซ์ก็ได้กลายเป็นกล่องปริศนาที่เหมือนมีพลังอำนาจสร้างความยำเกรงให้กับฉันและพี่สาววัยสามขวบครึ่งเป็นอย่างมาก ความขลังของกล่องโกเต็กซ์ทวีขึ้นเมื่อตอนนี้มีเสียงปริศนาดังออกมาจากกล่องลึกลับนั้น เสียงแกรกกรากยังคงดังอยู่อีกสองสามครั้งก็เงียบหายไป หากแต่ฉันคงนอนครุ่นคิดกังวลถึงมันจนเผลอหลับไปในที่สุด จนเมื่อมาม้ารับฉันกลับมาอยู่ที่บ้านหลังจากนั้นหนึ่งปี ฉันจึงได้รู้จักกับเสียงปริศนาที่สร้างความตระหนกให้กับฉันในคืนวันนั้น ครั้งแรกที่ได้เห็นฉันไม่รู้ว่ามันคืออะไร มันเป็นสิ่งมีชีวิตหน้าตาแปลกใหม่อย่างหนึ่งสำหรับฉัน เจ้าตัวที่ฉันเห็นคงกำลังตั้งท้องหรือใกล้ตายมันจึงเกาะอยู่ที่พื้นอย่างนิ่งๆไม่ไกลจากบริเวณที่ฉันนั่งเล่นอยู่ ปีกของมันสีน้ำตาล และกลิ่นของมันสาปอย่างน่าสะอิดสะเอียน หากแต่ฉันไม่ได้ใส่ใจมันมากนัก จนกระทั่งคืนวันหนึ่งซึ่งมีฝนตกอย่างหนัก อะไรบางอย่างบินผ่านหูของฉันไปและฉวัดเฉวียนไปมาอย่างไร้ทิศทางอยู่อีกสองครั้งก่อนจะร่อนลงบนม้วนผ้าซึ่งรอการขึงเพื่อตัดทำเป็นเสื้อโหล เสียงขยับปีกของมันคุ้นหูฉันเหลือเกิน ตามด้วยเสียงขาของมันที่คืบคลานอยู่บนกองกระดาษแพทเทิร์นของมาม้า ทันใดนั้นฉันก็จดจำเสียงของมันได้ และเริ่มพิจารณาเห็นถึงความน่าเกลียดและน่าขยะแขยงของมัน ปีกสีน้ำตาลมันวาว ขาขรุขระหกขา และท้องซึ่งดูเหมือนเป็นร่องๆ ผสานกับกลิ่นสาปแรงยามที่มันบินผ่านไป ฉันร้องไห้ก่อนจะวิ่งถอยหลังไปหามาม้า ดวงตาจับจ้องอยู่ที่สิ่งมีชีวิตน่าเกลียดตัวนั้น ปีกของมันยังไม่หุบสนิทดี และมันอยู่ในอาการคล้ายคลุ้มคลั่งเคลื่อนไหวรวดเร็วและพร้อมจะบินอีกตลอดเวลา มาม้าอุ้มฉันขึ้นมากอดอย่างปลอบโยน พลางบอกฉันว่าไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัวลูก มันก็แค่ กาจั๊ว ตัวหนึ่งเท่านั้นเอง แต่มันสายเกินไป ประสบการณ์อันโหดร้ายประกอบกับเสียงปริศนาที่หลอกหลอนฉันตลอดคืนที่เงียบเหงาได้สร้างความกลัวฝังใจให้กับฉันจนหยั่งรากลึกเกินกว่าจะแก้ไข และเจ้ากาจั๊วก็ได้กลายมาเป็นความเกลียดกลัวอย่างฝังหัวของฉันไปตราบจนทุกวันนี้ ความกลัวที่ทำให้ฉันรู้สึกเย็นวาบตลอดสันหลัง ประสาทตื่นและขนลุกชัน ความกลัวจนขาดสติยั้งคิด และขาดการควบคุมตัวเอง ความกลัวในระดับที่ฝรั่งเรียกขานว่าโฟเบีย ............................................................................................................
Free TextEditor
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2551 |
|
6 comments |
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2551 8:25:49 น. |
Counter : 628 Pageviews. |
|
|
|