It's All I Have to Bring Today !
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
13 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
ผู้ชนะสิบทิศ ตอนที่่ ๓ ( ท่องทั่วโลกธาตุ )

มีคำหนึ่งที่ทุกท่านได้ยินกันบ่อยๆ คือคำว่า อนันตจักรวาล หมาย ถึง จำนวนจักรวาลที่นับไม่ถ้วน ดังข้ออุปมาเพื่อให้ทุกท่านพอจะนึกภาพออก สมมติว่า ถ้าเราเอาแสนโกฏิจักรวาลที่กล่าวมานั้น ทำให้เป็นพื้นที่ว่างๆ


ผู้ชนะสิบทิศ ตอนที่่ ๓
( ท่องทั่วโลกธาตุ )

กุศลกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นกิริยาที่เราจะพึงกระทำ ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ กุศลกรรมนั้นเรากระทำแล้ว ได้ไปในไตรทศ สัตว์เหล่าใดผู้มีสัญญาก็ตาม ไม่มีสัญญาก็ตาม สัตว์เหล่านั้นทั้งหมดจงเป็นผู้มีส่วนแห่งผลบุญที่เราได้กระทำแล้ว สัตว์เหล่าใดรู้บุญที่เราได้กระทำแล้ว เราให้ผลบุญแก่สัตว์เหล่านั้น บรรดาสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใดไม่รู้ ขอทวยเทพจงไปบอกแก่สัตว์เหล่านั้นให้รู้

  •     การสร้างบารมีเพื่อขจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นไป เป็นวัตถุประสงค์หลักของการเกิดมาเป็นมนุษย์ ทุกๆ ชีวิตไม่ว่าจะเป็นมหากษัตริย์ พระเจ้าจักรพรรดิ มหาเศรษฐี หรือยาจกวณิพก รวมถึงสรรพสัตว์ทั้งหลายที่มีวิญญาณครอง ล้วนมีวัตถุประสงค์ อย่างเดียวกันทั้งนั้น สรรพสัตว์ที่เกิดมาในโลกนี้ จะต้องเพียรเพื่อ ทำตนให้บริสุทธิ์ หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ มุ่งไปสู่อายตนนิพพาน การที่จะทำเช่นนี้ได้ ต้องหมั่นทำใจให้หยุดให้นิ่ง จนกระทั่งได้เข้าถึงพระธรรมกายจึงจะมีอุปกรณ์ที่จะไปสู่อายตนนิพพานได้
มีวาระแห่งภาษิตใน พุทธาปทาน ความว่า


  " กุศลกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นกิริยาที่เราจะพึงกระทำ ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ กุศลกรรมนั้นเรากระทำแล้ว ได้ไปในไตรทศ สัตว์เหล่าใดผู้มีสัญญาก็ตาม ไม่มีสัญญาก็ตาม สัตว์เหล่านั้นทั้งหมดจงเป็นผู้มีส่วนแห่งผลบุญที่เราได้กระทำแล้ว สัตว์เหล่าใดรู้บุญที่เราได้กระทำแล้ว เราให้ผลบุญแก่สัตว์เหล่านั้น บรรดาสัตว์เหล่านั้น สัตว์เหล่าใดไม่รู้ ขอทวยเทพจงไปบอกแก่สัตว์เหล่านั้นให้รู้ "



    นี่เป็นคำกล่าวของพระเจ้าติโลกวิชัย ที่กล่าวไว้ภายหลังจากที่ท่านได้สร้างมหาทานบารมีครั้งยิ่งใหญ่ และได้อุทิศส่วนบุญแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ที่ท่านได้ชื่อว่า ผู้ชนะสิบทิศ เพราะท่านท่องไปทั่วทั้งสิบทิศเพื่อสร้างบารมี ปรารถนาความเป็นพระพุทธเจ้า เพื่อรื้อสัตว์ขนสัตว์ไปสู่พระนิพพาน ทิศทั้งสิบนั้นไม่เคยมีใครจะเดินทางไปถึง และใน ๑๐ ทิศนั้น มีพุทธเขตนับไม่ถ้วน พระเจ้าติโลกวิชัยสามารถท่องไปทั่วโลกธาตุที่ว่านั้นได้ ท่านไปด้วยจักรแก้ว กายของท่านมีรัศมีปรากฏเปล่งแสงออกเป็นคู่ๆ เป็นผู้ที่มีแสงสว่างไม่มีประมาณด้วยอำนาจของจักรแก้ว และแก้วมณี ปวงชนทั้งโลกธาตุมีมากมายเพียงใด ก็สามารถมองเห็นพระองค์ได้ และต่างประพฤติอยู่ในโอวาทของพระองค์


    *เมื่อพระเจ้าติโลกวิชัยเปล่งวาจาว่า ด้วยบุญนี้ในอนาคตกาล ขอให้เราได้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก เหตุการณ์ในครั้งนั้น แม้แต่ภูเขาหินที่ไม่มีชีวิต ก็ยังเปล่งเสียงกึกก้องกัมปนาทดังกระหึ่มไปทั่วทุกทิศ มวลมนุษย์ทั้งหลายทั่วทั้งจักรวาล ต่างชื่นชมอนุโมทนา เหล่าทวยเทพผู้มีกายทิพย์ ที่สิงสถิตอยู่ตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นภุมมเทวา รุกขเทวา อากาสเทวา    ไล่เรื่อยไปจนถึงสวรรค์ทั้ง ๖ ชั้นฟ้า พรหม อรูปพรหม ทั่วโลกธาตุเปล่งเสียงสาธุการ


    มาถึงตรงนี้ จะขยายความเกี่ยวกับโลกธาตุ เพื่อที่จะให้ทุกท่านได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น โลกธาตุนั้นมีอยู่ ๓ ขนาด มีขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ มีอยู่ครั้งหนึ่ง พระอานนท์ไปเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าพลางทูลถามว่า  " พระองค์เคยตรัสกับข้าพระองค์ว่า สาวกชื่ออภิภูของพระสิขีพุทธเจ้า ยืนอยู่บนพรหมโลกสามารถยัง ๑,๐๐๐ โลกธาตุ ให้ได้ยินเสียง แล้วพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงสามารถตรัสให้โลกธาตุ ได้ยินพระสุรเสียงได้เท่าไร พระเจ้าข้า "



     พระศาสดาตรัสว่า " อานนท์ พระอภิภูนั้นเป็นเพียงพระสาวก แต่พระตถาคตทั้งหลาย ไม่มีใครจะเปรียบเทียบได้ "  พระอานนท์ได้ฟังดังนั้นได้ทูลถามอีกเช่นเดิม พระพุทธองค์ก็คงตรัสตอบยืนยันเช่นเดิม  เมื่อพระอานนท์ทูลถามอีกเป็นครั้งที่ ๓ พระพุทธองค์จึงตรัสถามว่า " เธอเคยได้ฟังหรือไม่ อานนท์  สหัสสีจูฬนิกาโลกธาตุ " พระอานนท์ทูลว่า " ขอพระองค์ตรัสเถิดภิกษุทั้งหลายจะได้จดจำไว้ "


    พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสอธิบายเกี่ยวกับโลกธาตุว่า " อานนท์ ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์แผ่รัศมีส่องแสง ทำให้สว่างไปทั่วทิศตลอดที่มีประมาณเท่าใด โลกมีเนื้อที่เท่านั้น จำนวน ๑,๐๐๐ ใน ๑,๐๐๐ โลกนั้น มีดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ภูเขาสิเนรุ อย่างละ ๑,๐๐๐ มีชมพูทวีป อปรโคยานทวีป อุตตรกุรุทวีป ปุพพวิเทหทวีปอย่างละ ๑,๐๐๐ มีมหาสมุทร มีมหาราชอย่างละ ๔,๐๐๐ มีสวรรค์ ๖ ชั้น และพรหมโลกซึ่งมีรูปพรหม ๑๖ ชั้น อรูปพรหม ๔ ชั้น ชั้นละ ๑,๐๐๐ นี้เรียกว่า สหัสสีจูฬนิกาโลกธาตุ โลกธาตุอย่างเล็กมี ๑,๐๐๐ จักรวาล


    สหัสสีจูฬนิกาโลกธาตุมีเท่าใด โลกเท่านั้นคูณโดย ๑,๐๐๐ นี้เรียกว่า ทวิสหัสสีมัชฌิมิกาโลกธาตุ โลกธาตุขนาดกลางมี ๑,๐๐๐,๐๐๐ จักรวาล ทวิสหัสสีมัชฌิมิกาโลกธาตุมีเท่าใด    เอาโลกธาตุนั้นคูณโดยส่วน ๑,๐๐๐ อย่างนี้เรียกว่า ติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุ โลกธาตุขนาดใหญ่มี ๑๐๐,๐๐๐ โกฏิจักรวาล  เมื่อตถาคตมีความปรารถนาจะพูดให้ติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุได้ยินหรือปรารถนาพูดเท่าใดก็ได้ ตถาคตอยู่ในที่นี้ จะพึงแผ่รัศมีไปทั่วติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุ เมื่อสัตว์ทั้งหลายในโลกธาตุเหล่านั้นรู้จักแสงสว่างนั้น ตถาคตก็บันลือสีหนาทให้สัตว์เหล่านั้นได้ยินด้วยวิธีอย่างนี้ "



    ครั้นจบพระกระแสพุทธดำรัส พระอานนท์อุทานออกมาว่า " เป็นลาภของข้าพระองค์หนอที่ได้ยินเช่นนี้ ข้าพระองค์ได้พระศาสดาผู้มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพใหญ่อย่างนี้ " พระอุทายีเถระที่นั่งฟังอยู่ด้วย ก็กล่าวขัดขึ้นว่า " ท่านได้ประโยชน์อะไรในเรื่องนี้ อาวุโส อานนท์ ที่พระศาสดามีฤทธิ์มากมีอานุภาพใหญ่อย่างนั้น " พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกับพระอุทายีว่า " อย่าพูดเช่นนั้น อุทายี ถ้าอานนท์จะพึงเป็นผู้ยังไม่สิ้นราคะ มรณภาพไป ด้วยความที่จิตเลื่อมใสในเราด้วยคำพูดเท่านี้ เธอจะพึงได้เป็นเทวราชในเทวโลก ๗ ชาติ เป็นมหาราชาในชมพูทวีป ๗ ชาติ แต่ที่แท้นั้น อานนท์จักปรินิพพานในชาติปัจจุบันนี้ทีเดียว "



  •     เพราะฉะนั้นการได้ยินเรื่องราวที่ลึกซึ้ง นำมาซึ่งมหาปีติ มีอานิสงส์มาก นี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโลกธาตุที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ในภพสุดท้ายของพระโพธิสัตว์ วันที่พระองค์เสด็จจุติจากเทวโลก ทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระพุทธมารดา ในวันประสูติ วันเสด็จออกผนวช วันตรัสรู้ วันทรงแสดงธรรมจักร วันทรงปลงอายุสังขาร และวันดับขันธปรินิพพาน โลกธาตุขนาดกลางก็หวั่นไหว มีโลกธาตุอย่างนี้นับกันไม่ถ้วน แสนโกฏิจักรวาลที่ได้ยินกันบ่อยๆ นั้น หมายถึงมหาสหัสสีโลกธาตุ ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้ามีพุทธประสงค์ จะทรงเปล่งพระรัศมีออกจากพระพุทธสรีระ ให้เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายได้เห็น  หรือได้ยินพระสุรเสียงก็สามารถทำได้อย่างสบายๆ




มีคำหนึ่งที่ทุกท่านได้ยินกันบ่อยๆ คือคำว่า อนันตจักรวาล หมายถึง จำนวนจักรวาลที่นับไม่ถ้วน ดังข้ออุปมาเพื่อให้ทุกท่านพอจะนึกภาพออก สมมติว่า ถ้าเราเอาแสนโกฏิจักรวาลที่กล่าวมานั้น ทำให้เป็นพื้นที่ว่างๆ แล้วนำเมล็ดพันธุ์ผักกาดใส่ไปให้เต็มแสนโกฏิจักรวาลไล่เรื่อยไปจนถึงพรหมโลก เมล็ดพันธุ์ผักกาด เมล็ดหนึ่งนับเป็นหนึ่งจักรวาล จากนั้นเราก็หยิบออกทีละเมล็ดไปวางเรียงไว้ทางทิศเหนือ จนกระทั่งเมล็ดผักกาดหมด จักรวาลทางทิศเหนือก็ยังไม่หมดสิ้นไป ยังมีอยู่อีกมากมาย



    ส่วนในทิศอื่นก็ทำทำนองเดียวกันกับทางทิศเหนือ คือ หยิบเมล็ดผักกาดซึ่งเต็มทั้งแสนโกฏิจักรวาลออกทีละเมล็ดวางเรียงออกไป จนกระทั่งเมล็ดผักกาดหมด จักรวาลก็ยังมีเหลืออยู่อีก ดังนั้น อนันตจักรวาลจึงหมายถึง จักรวาลที่มีมากมายสุดที่จะนับจะประมาณได้ นี้คือความอัศจรรย์ที่อยากจะให้ทุกคนได้เรียนรู้ ศึกษาไว้ เพราะพวกเราเป็นนักสร้างบารมีที่ยังต้องเดินทางต่อไปอีก จนกว่าจะถึงที่สุดแห่งธรรม



    พระเจ้าติโลกวิชัยพระองค์ทรงมีอานุภาพมาก สามารถที่จะท่องไปในโลกธาตุทั้งหลายได้ และทรงสร้างมหาทานบารมีกับเนื้อนาบุญในพุทธเขตที่ไม่มีประมาณ หลังจากที่พระองค์ ทรงสร้างทานบารมีแด่พระอริยเจ้านับพระองค์ไม่ถ้วน ซึ่งในประวัติศาสตร์ของจอมจักรพรรดิทั้งหลาย ยังไม่มีใครสามารถทำได้อย่างพระองค์ เมื่อทรงสร้างบารมีแล้ว ทรงแผ่ส่วนบุญ แก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย เรื่องราวของท่านยังไม่จบ ซึ่งจะได้ศึกษากันในตอนต่อไป





*มก. พุทธาปทาน เล่ม ๗๐ หน้า ๓





Create Date : 13 กรกฎาคม 2555
Last Update : 13 กรกฎาคม 2555 10:21:00 น. 0 comments
Counter : 1796 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Turtle Came to See Me
Location :
พัทลุง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 42 คน [?]





★ที่มา ล็อกอิน ★Turtle Came to See Me ★( บทกวี Poem )
เป็นหนังสือ สำหรับเยาวชน
★Turtle Came to See Me
แต่งโดย :Margrita Engle
★★★★



BlogGang Popular Award #11

BlogGang Popular Award #12
Friends' blogs
[Add Turtle Came to See Me's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.