ธรรมดาของสรรพสัตว์และสรรพสิ่งทั้งหลาย ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ความเสื่อม แม้แต่ตัวของเราก็ต้องเสื่อมไปตามลำดับ เพราะฉะนั้น เราไม่ควรประมาทในการดำเนินชีวิต ควรมองให้เห็นโทษของความเสื่อมในตัวเราและสิ่งมีชีวิตอื่น ซึ่งยังตกอยู่ในกฎไตรลักษณ์ คือ มีความไม่เที่ยง เป็นทุกข์และเป็นอนัตตา มีเกิดแก่เจ็บตาย เมื่อเราเข้าใจวงจรของชีวิตอย่างนี้ เราจะได้คลายจากความยึดมั่นถือมั่นในตัวตนบุคคล แล้วมุ่งแสวงหาหนทางหลุดพ้นไปสู่อายตนนิพพาน ที่ไม่มีชราและมรณะ เป็นอมตะ
มีวาระพระบาลีที่ปรากฏใน สามัญญผลสูตร ว่า
จาตุทฺทิโส อปฺปฏิโฆ จ โหติ
สนฺตุสฺสมาโน อิตรีตเรน
ปริสฺสยานํ สหิตา อจฺฉมฺภี
เอโก จเร ขคฺควิสาณกปฺโป
ภิกษุผู้สันโดษ ย่อมเป็นผู้อยู่เป็นสุขในทิศทั้ง ๔ และเป็นผู้ไม่หงุดหงิด สันโดษด้วยปัจจัยตามมีตามได้ ครอบงำอันตรายทั้งหลาย ไม่หวาดเสียว เทียวไปคนเดียวดังนอแรด
ความสันโดษเป็นทรัพย์อันประเสริฐ เป็นทางมาแห่งความสุขกายสบายใจ คนส่วนใหญ่ที่มีความทุกข์อยู่ เพราะไม่รู้จักพอ มีแล้วอยากมีอีก เหมือนแม่น้ำ แม้มีมากมายหลายสาย ก็ไม่สามารถทำให้มหาสมุทรเต็มเปี่ยมบริบูรณ์ได้ แต่ถ้ารู้จักยินดีในสิ่งที่ได้มา พอใจในสิ่งที่มีอยู่ ก็เหมือนกับน้ำเพียงเล็กน้อยที่ทำให้แก้วน้ำเต็มบริบูรณ์ได้ ในทำนองเดียวกัน ทรัพย์สินเงินทองแม้มีอยู่จำนวนไม่มาก แต่ก็สามารถยังใจของผู้ที่มีความสันโดษให้เต็มเปี่ยมได้ แต่ในทางตรงกันข้าม ถึงแม้จะมีทรัพย์สินเงินทองมากมายมหาศาลเพียงใด หากใจของผู้นั้นขาดความสันโดษ ใจจะเร่าร้อนกระวนกระวาย มีความกระหายไม่รู้จักอิ่มอยู่นั่นเอง
พระอัญญาโกณฑัญญะ ผู้รัตตัญญู (๑)
...........................