นับวัน “ผีกาหลง” เฮี้ยนหนัก...ก แต่ยิ่งคนกลัวเท่าไหร่ สาวปุ๊กลุก–ฝนทิพย์ วัชรตระกูล นางเอกสาว จากละคร “เรือนกาหลง” ทางช่อง 7 แฮปปี้สุดๆ เพราะ “ผีกาหลง” กลายเป็น “ผีฮอตเว่อร์” ไปไหนคนก็รู้จัก งานนี้ ปุ๊กลุก เปิดใจผ่าน “คนดังนั่งคุย” กระแสดีจนหายเหนื่อย ยิ่งชีวิต ตอนนี้โฟกัสแต่เรื่องงาน ความรัก มียังไม่เจอคนถูกใจใช่เลย เจอ แต่หนุ่มรีบร้อนจนต้องเซย์โน...แซ่บได้อีก...กล่ะ

เวลาเล่นเป็นผีกาหลง ขยันตาปูด ตาโปนน่าดู?

“จริงๆ เหนื่อยนะต้องเบิ่งตาตลอดเวลา เบิ่งตาจนถึงตี 2 ก็มี แต่เพราะผีเหนื่อยไม่ได้ (หัวเราะ) ตอนแรกที่รู้ว่าวางตัวเป็นปุ๊กตกใจเหมือนกัน พอดูบท บทดีมากอยากเล่นเลย แล้วค่ายของพี่ธงเราอยากร่วมงานอยู่แล้ว โชคดีหนูไม่ค่อยกลัวผีเลยไม่ค่อยมีผล” ตอนเล่นเป็นผีง่ายมั้ยล่ะ “ไม่ง่าย เวลาแต่งเอฟเฟกต์ หนักหัว เนื้อตัวเหนอะหนะแล้วเป็นซีนอารมณ์ของผี ร้องไห้มันกักอยู่เพราะคอนแทกเลนส์สีขาวมันหนากว่าปกติ ยากกว่าเล่นเป็นคน” เวลาแต่งเป็นผีกาหลงกล้าดูตัวเองตอนเล่นเป็นผีมั้ย “เคยเช็กครั้งนึงแล้วกลัวเลยไม่เช็กอีกเลย แต่ผู้กำกับก็บอกว่าน่ากลัวมาก ส่วนฟีดแบ็กดีมาก รู้สึกหายเหนื่อยเลยเพราะเรื่องนี้เราเหนื่อยมากเล่น 2 ตัว เป็นคนปกติและเล่นเป็นผีอีก แต่ฟีดแบ็กที่ออกมาทำให้เราอิ่มกับคุณภาพของผลงานที่เค้าตั้งใจการทำงาน”

เล่นเรื่องนี้มีอะไรที่ไม่เคยทำแต่ต้องทำบ้างมั้ย?

“ทั้งร้องลิเก ดำน้ำ กินข้าวด้วยมือ แต่จริงๆ แทบทุกอย่างเลยนะที่ไม่เคยทำ รู้สึกว่าเรื่องนี้ดึงศักยภาพในตัวเราทุกอย่างออกมาเยอะเลยแต่ที่กำลังซีนอารมณ์เยอะมาก ขนาดดีใจยังดีใจจนน้ำตาไหล ต้องอินมากๆ ไม่อย่างนั้นเล่นไม่ได้เพราะปุ๊กไม่มีเทคนิคทางการแสดง ต้องอินจริงๆ ต้องเล่นจากข้างในเพราะเป็นคนร้องไห้ยาก” ได้ยินเวลาอยู่กองปุ๊กมีแอบแกล้งพี่นิว–วงศกรจริงเปล่า “ไม่ค่อยนะ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ปุ๊กต้องทำการบ้านตัวละครเดี๋ยวเป็นคน เดี๋ยวเป็นผี แต่พี่นิวจะแกล้งคนอื่น แต่เวลาง่วงมากๆ จะแกล้งคนอื่น แต่งตัวเป็นผียืนข้างหลัง พี่ช่างกล้องหันมาก็ตกใจ (หัวเราะ)” ค่อนข้างสนิทกับพี่นิว เวลาเล่นสวีตชิลด์เลยล่ะสิ “หนูอายนะ ตั้งแต่เล่นละครมาจะเป็นผู้หญิงสู้คน พ่อแง่แม่งอน ไม่ค่อยถึงเนื้อถึงตัวแต่เรื่องนี้เล่นเป็นสามีภรรยากัน วันแรกๆ เข้าฉากด้วยกัน เจอไป 3 เทค หนูไม่กล้ามองหน้าพี่นิวอายมาก ไม่เคยโดนหอมเยอะขนาดนี้ สั่งคัตก็จบ ต่างคนต่างเดินคนละทางเลย”

ตั้งแต่เล่นเรื่องนี้ปุ๊กลุกก็เจอข่าวเยอะนะ ก่อนหน้ามีข่าวนาว แฟนนิวหึงปุ๊กลุก

“อันนี้ก็ไม่เคยถามพี่นิวนะ ตัวเราบริสุทธิ์ใจแต่มันมีเอฟเฟกต์ในการใช้ชีวิตของหนูเหมือนกัน ระวังตัวเพราะเราไม่รู้คนอื่นจะคิดยังไง” ข่าวเกาเหลากับโม อมีนา อีกล่ะ “กับพี่โม ก็สนิทกัน ไม่ได้มีอะไร ก่อนรอเข้าฉากก็คุยกันถ่ายรูปเล่นกัน ตั้งแต่มีข่าวเราไม่คุยเรื่องข่าว เราเจอบ่อยพยายามไม่ใส่ใจ” เวลาโดนสารพัดข่าวแบบนี้สภาพจิตใจบั่นทอนไปบ้างมั้ย “มันเลยช่วงบั่นทอนไปแล้ว ข่าวมันผ่านไปเดี๋ยวมันก็วนกลับมา เป็นคำถามเดิมๆ เรื่องเดิมๆ ก็เลยไม่รู้สึกโฟกัสตรงนั้น กำลังใจมาจากผลงานคนอินติดตามผลงาน สิ่งทำแล้วแย่ ทำออกมาดีไม่ได้ อันนี้เสียใจ เมื่อก่อนจะรู้สึกฉันไม่ได้ทำ ทำไมล่ะ ไม่ยอม พออยู่ตรงนี้มาระยะนึงเริ่มเข้าใจ แต่อะไรที่มันมีผลต่อชีวิตเราจะพูด”

ด้วยภาพลักษณ์ของปุ๊กจะถูกมองเป็นผู้หญิงแรง ฟังแล้วเรารู้สึกยังไงบ้าง?

“ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรเหมือนเป็นเกราะป้องกันให้เราด้วย แรกๆ ทีมงานจะกลัว ก็จะดูแลดีมากเพราะกลัวหนูวีน แต่พอทำงานสักพัก เราไม่ได้เป็นคนแบบนั้น พี่ๆ จะเข้ามาถามปุ๊กไม่ได้เป็นอย่างข่าวใช่เปล่า แต่เข้าใจมีมุมที่คนคิดได้แบบนั้น สมัยก่อนเวลาโดนสัมภาษณ์ในสิ่งที่เราไม่อยากตอบเหมือนเราโดนขึ้นศาล รู้สึกกดดันเราจะสร้างเกราะขึ้นมา ด้วยใบหน้าไม่ใช่หญิงหน้าหวาน คนเลยมองว่าเราเป็นคนมั่นใจแต่จริงๆ หนูไม่ใช่คนมั่นใจเลย เบื้องลึกเป็นคนอยากทำอะไร อยากทำให้มันดีแต่ไม่ใช่คนมั่นใจ เดินแบบเราจะมุ่งมั่นต้องทำให้ดี เหมือนพี่แพนเค้ก-เขมนิจ อยากทำให้ได้แต่จริงๆ ไม่ได้มั่นใจว่าฉันสวย หรือฉันทำได้เลย เคยไปกับผู้จัดการส่วนตัว แล้วมีผู้ชายเดินผ่าน ผู้จัดการฯ จะถามว่าผู้ชายคนนี้เป็น ยังไง เผื่อจะชวนเข้าสังกัด หนูบอกไม่ได้มอง ไม่กล้ามองหน้าผู้ชายที่เดินสวนกับเรา จริงๆ หนูอาย แม้แต่เดินเข้าห้องน้ำมีคนไปเป็นเพื่อนคนนึงใครก็ได้”

ช่วงนี้งานเยอะดูไม่ค่อยว่าง?

“จริงๆ อยากจะบอกว่าให้ละครก่อนด้วยนะ ปกติอีเวนต์ จะเป็นวันพฤหัสฯ-อาทิตย์ ชนกับคิวละคร ก็ปฏิเสธไปเยอะมาก อาชีพหลักๆ สิ่งที่เรารักคือเล่นละคร แต่เวลาเราไปเจอคนต่างจังหวัดเป็นการเติมกำลังใจให้หนู รู้สึกคนรักเราเยอะมาก เค้าจะกล้าแสดงออกว่ารักเราแต่คนเมืองเค้าจะชินแล้ว เหมือนกับมาเติมใจเราให้กลับมาเล่นละคร อีเวนต์เป็นสิ่งที่ดี ไม่ใช่เรื่องเงินแต่ทำให้เราเจอแฟนๆ เป็นการเติมกำลังใจในการทำงาน”

ทำงานเยอะๆ แล้วความรักล่ะ?

“นี่แหละ ถึงไม่มีแฟนแต่ไม่เคยรู้สึกเหงา เห็นคนอยู่กับแฟนไม่รู้สึกอิจฉา อาจจะไม่มีเวลามานั่งคิดเลย สมมติว่าหนูหยุดงานหนึ่งวันไม่รู้จะทำอะไรก่อน จะนอนดี หรือเซตเสื้อผ้าวีคต่อไป หรือไปขัดตัว ไปนวดตัวดี ไม่รู้เริ่มอะไรก่อน คือเวลาไม่มีให้ใครเพราะเวลาสำหรับตัวเองยังจัดสรรไม่ได้ ถ้าวันนึงมีแฟนในตอนนี้มีปัญหาแน่นอน ทุกวันนี้กลับบ้านมาจะท่องบททำการบ้าน ชีวิตโฟกัสเรื่องงาน เหนื่อยแต่มีความสุข มีเข้ามาเหมือนกันแล้วก็ไป เหมือนเราไม่สรุป เราไม่พัฒนาไม่ขยับเขยื้อนให้เค้า จริงๆ ก็ทุกคนจะมาแล้วก็ไป แม้แต่เจอเรายังไม่ให้เจอ คนสมัยนี้เร็ว ชอบอะไรที่เร็วมาก ละครก็อยากให้รวดเร็วกว่านี้ กดอะไรดาวน์โหลดต้องทันที ความรักจีบแล้วต้องได้เลย เป็นแฟนเลย ต้องเจอหน้ากัน โทร.มาจะต้องได้คุยเลย หนูรู้สึกไม่ใช่ สมมติคุยกับหนูผ่านการแชตกันวันนี้ พรุ่งนี้จะได้คุยกันทางโทรศัพท์ได้ยินเสียง ก็ไม่นะ หนูเลยยังไม่เจอคนที่ใช่ เจอแต่คนรีบร้อน จริงๆ หนูเป็นคนหัวโบราณนะ และด้วยอายุเรายังน้อย ยังมีโอกาสได้เลือก ยังไงก็จะรอ คิดว่าเค้ารอเราไม่รีบ เค้าจะไปรีบดีกว่าไม่ลดมาตรฐานตัวเองแน่ๆ และเป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องพรหมลิขิตเพราะรู้สึกว่าแม้แต่ชีวิตเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา คนที่เข้ามาในชีวิตต้องเปลี่ยนแปลงและปรับตัวเข้าหากัน” มาตรฐานที่ไม่ลดเพราะอะไร “หนูรู้ตัวว่าไม่ใช่ผู้หญิงที่ง่าย ไม่ได้เข้ามาง่ายๆ ไม่ให้ความสนิท กว่าจะเป็นเพื่อนไม่ได้ง่าย กว่าจะเป็นเพื่อนสนิทไม่ง่าย ไม่ได้ผ่านเราแค่คนเดียวทุกอย่างมีขั้นตอน ผ่านครอบครัว หากพ่อแม่ ผู้จัดการส่วนตัว บอกว่าคนนี้ไม่ผ่านหนูก็เลิก อาจจะเป็นเพราะเรายังมีโอกาสได้เลือก ต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด”

อืม...ม สวยเลือกได้...ก็อย่าได้แคร์จร้า...าาา อิอิ.