พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
12 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 
คู่มือคนเมือง : เจาะ 16 แบรนด์ดัง ELLE Fashion Week 2013 Autumn/Winter..!

คู่มือคนเมือง : เจาะ 16 แบรนด์ดัง ELLE Fashion Week 2013 Autumn/Winter..!

ถือเป็นงานใหญ่ระดับประเทศของวงการแฟชั่นโชว์ เมื่อนิตยสารแอล ประเทศไทยจัดงาน ELLE Fashion Week 2013 Autumn/Winter at CentralWorld แฟชั่นโชว์คุณภาพระดับสากลที่มีคนจับตามองมากที่สุด ...

คู่มือคนเมืองไทยรัฐออนไลน์สัปดาห์นี้ พาไปเจาะที่น่าสนใจ 16 แบรนด์ดัง ชนิดห้ามพลาดเลยทีเดียว


1.4x4 Man พลัฎฐ์ พลาฎิ

จุดเด่น : เน้นความเป็นวินเทจสปอร์ตแวร์ มีการนำตัวเลข แพตเทิร์น และลายพิมพ์มาใช้กับเส้นใยธรรมชาติ แต่จะแสดงออกถึงเทคโนโลยีด้วย โดยมีการรีดพลาสติกลงไปบนเนื้อผ้า มีการพิมพ์ลายซ้อนลงไปบนลายอีกทีเพื่อให้ดูมีมิติ เช่น สีน้ำตาลไหม้ลงบนสีดำ สีเนวี่โทนลงบนสีเนวี่ที่เข้มกว่า เป็นต้น เนื่องจากคราวนี้มีความเป็นสปอร์ตเข้ามาจึงมีการเพิ่มสีที่เราพบได้ในเสื้อผ้าสไตล์สปอร์ตวินเทจอย่างสีแดงเข้ม เขียวเข้ม ม่วงเข้ม และทั้งหมดนั้นก็ยังไม่ละทิ้งความเป็นเวิร์กแวร์ที่เป็นดีเอ็นเอของ 4x4 Man อยู่ สูทยังคงเป็นสูท ซิลูเอตของเสื้อผ้าทำงานยังคงอยู่ แต่เราทวิสต์ด้วยเรื่องของสีและลายพิมพ์เข้าไป

ห้ามพลาด : ในโชว์คราวนี้นอกจากจะเป็นเสื้อผ้าเรดี้ทูแวร์ที่มีจำหน่ายหน้าร้านแล้ว เรายังเพิ่มเสื้อผ้าที่เป็นลิมิเต็ดอิดิชั่นลงไปเพื่อให้ดูมีมูฟเมนต์มากยิ่งขึ้น โดยรวมแล้วคือทุกคนจะได้เห็นถึงเวิร์กแวร์ในอีกรูปแบบหนึ่งที่ไม่ได้เดินอยู่บนท้องถนน เราจะใส่ดีกรีบางอย่างลงไปให้ดูมีมิติมากขึ้น รวมไปถึงมีแอคเซสเซอรี่ที่นอกเหนือไปจากเนกไท โบไท เพื่อให้เกิดเอฟเฟกต์ที่แปลกตาจากเวิร์กแวร์ปกติทั่วไป


2. Curated by Ek Thongprasert เอก ทองประเสริฐ

จุดเด่น : คอลเลกชั่น ‘Dream A Dream’ ที่เล่นล้อกับชื่อเพลงจากเรื่อง Les Misérables ได้แรงบันดาลใจตั้งต้นจากงาน ‘Sky Mirror’ ของอานิช คาปัวร์ ศิลปินชาวอังกฤษที่เติบโตในอินเดีย เลนส์ขนาดใหญ่ที่ส่องขึ้นไปบนท้องฟ้าได้สร้างพื้นที่ใหม่ในตัวของมันเอง มันได้สูญเสียคาแรกเตอร์ หรือเอกลักษณ์ของมันไป เราได้อุปมากับคนในสังคมที่โซเชียลมีเดียทำให้ผู้คนสูญเสียอัตลักษณ์ของตัวเองไป โครงเสื้อจากยุค 20's ยังเป็นแรงบันดาลใจสำคัญ เนื่องจากมีคำว่าเมโทรโพลิส เริ่มมีการสร้างเมืองใหญ่ๆ ที่สังคมทำให้ผู้คนกลายเป็นเนื้อเดียวกัน

ห้ามพลาด : โชว์ของ Curated by Ek Thongprasert จะไม่เหมือนแฟชั่นโชว์ปกติ จะพยายามให้มีศิลปะแบบจัดวางผสมเข้าไปในตัวโชว์ เราจะพยายามจำลองวิวทิวทัศน์ของเมืองลงไปให้ได้ ส่วนซาวนด์ดนตรีประกอบนั้นเราอยากให้เป็นเหมือนเสียงเอคโค่ที่ทำให้คนดูเกิดประสาทหลอน สับสนวุ่นวายตามคอนเซปต์ของคอลเลกชั่น ขณะที่เสื้อผ้าของทั้งชายและหญิงยังคงโดดเด่นในตัวของมันเองผ่านลายพิมพ์ เส้นสาย และคัตติ้งบนโครงเสื้อ


3. Hook’s by Prapakas ประภากาศ อังศุสิงห์

จุดเด่น : คอลเลกชั่นล่าสุดนี้เป็นการกลับมาสู่ความเป็นตัวเองมากที่สุด หลังจากลองผิดลองถูกมานานเพื่อให้เข้าใจว่าผู้หญิงแบบไหนที่อยากใส่ชุดเรา จึงมาลงตัวที่ความเป็นเฟมินินและความเซ็กซี่ เราใช้พื้นฐานของความเป็นพังก์ผสมกับความเป็นกูตูร์ พร้อมกันนี้ยังได้นำเสนอซิลูเอตใหม่ๆ ที่มีโทนสีดำเป็นโทนสีหลัก แซมด้วยสีนีออนหรือสีเมทัลลิก

ห้ามพลาด : ปีนี้เราเริ่มทำงานเร็วขึ้น และเป็นแนวถนัดเราจึงตั้งใจเต็มที่ โดยจะเป็นเสื้อผ้าเรดี้ทูแวร์ปนอยู่ด้วยครึ่งหนึ่ง จากเบาสุดอย่างเสื้อยืด กระโปรง กางเกง เรื่อยไปจนถึงชุดสไตล์กูตูร์สุดหรู แถมยังมีเสื้อผ้าในแบบยูนิเซ็กซ์มาช่วยเพิ่มความน่าสนใจ คราวนี้ยังเป็นโอกาสให้คนได้เห็นพัฒนาการของ Hook’s by Prapakas ได้อัพเดตว่าเรามีมาตรฐานที่สูงขึ้น ได้เห็นถึงการแสดงออกทางด้านงานดีไซน์ที่เราสนใจ ณ ช่วงเวลานั้นๆ ได้อย่างชัดเจน


4.Kem Issara กรัชเพชร อิสสระ

จุดเด่น : คราวนี้แรงบันดาลใจมุ่งไปที่การใช้เทคนิคต่างๆ บนเนื้อผ้าโดยตรง อยากพัฒนาจากคอลเลกชั่นเล็กเมื่อปลายปีที่แล้ว ความรู้เกี่ยวกับเท็กซ์ไทล์ที่เรียนมานำมาใช้ให้มากขึ้น ก่อนหน้านี้เราเอาผ้าพิมพ์สำเร็จจากญี่ปุ่นมาใช้ ครั้งนี้พิเศษตรงที่เราสร้างลายพิมพ์เอง ด้วยการนำเอาเทคนิคการแต่งผ้ามาใช้เป็นลายพิมพ์ เรียกง่ายๆ ก็คือนำเอา 3 มิติมาทำให้เป็น 2 มิตินั่นเอง

ห้ามพลาด : อยากให้เห็นความสดใหม่ของ Kem Issara นอกจากนี้ยังอยากให้เห็นถึงความเปรี้ยวแบบที่ไม่ต้องโป๊ อาศัยการทำสไตลิ่งและการนำเสนอแอตติจูดใหม่ๆ แทน เดิมทีเราอาจจะติดกลิ่นอายของความเป็นธรรมชาติ แต่สำหรับคอลเลกชั่นใหม่ที่เป็นคอลเลกชั่นใหญ่ครั้งแรกนี้เราอยากให้ผู้หญิงมีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิม ผ่านซิลูเอตใหม่ๆ ด้วยเทคนิคที่มากขึ้น โทนสีมากขึ้น และชนิดผ้าที่หลากหลายมากขึ้น ทั้งนี้ด้วยความที่ Kem Issara ยังเป็นแบรนด์น้องใหม่เลยอยากทำชิ้นงานที่คนสามารถรู้ถึงต้นตอของเราได้อยู่เช่นกัน ไม่ได้เปลี่ยนทุกอย่างไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือ


5. Milin มิลิน ยุวจรัสกุล, ภุชงค์ นิลรัตนะ และเกื้อบุญ ชวนบุญ

จุดเด่น : ครั้งนี้เป็นคอลเลกชั่นที่ 10 แล้วของ Milin เราจึงอยากให้สาว Milin ค่อนข้างโมเดิร์น พร้อมกับทุกสถานการณ์ เราจึงอยากสร้างความแตกต่างโดยคิดขึ้นว่าหากสาว Milin ไป auction house แล้วจะแต่งตัวอย่างไร จึงออกมาเป็นเสื้อผ้าแต่ละชุดด้วยเทคนิค ด้วยสี ด้วยชนิดของผ้าที่แสดงออกถึงความท้าทาย ฉีกรูปแบบไปจากที่ผ่านๆ มา มีการจับเอากลิ่นอายของยุคเรเนซองซ์และศิลปะแบบคอนเทมโพรารีที่เน้นความเป็นแอ็บสแทร็กต์มาผสมผสานกัน มาทวิสต์ให้สนุกมากขึ้นด้วยสีสันและรายละเอียดของลายพิมพ์ นอกจากนี้เรายังใช้วิธีขึ้นหุ่นหรือมูราจทุกชุด ด้วยน้ำหนักผ้า แพตเทิร์นของผ้า ทำอย่างไรให้เวลาที่สวมใส่แล้วเดินแล้วเสื้อผ้าพลิ้วไหวสวยงามรับกับเรือนร่างพอดี

ห้ามพลาด : เมื่อต้องทำโชว์ในงานแอลแฟชั่นวีก เราได้ออกแบบชุดใหม่สำหรับโชว์โดยเฉพาะเพิ่มขึ้นมาด้วย แต่สิ่งที่ยากอยู่คือจะทำอย่างไรให้ชุดที่คนเคยเห็นแล้ว วางจำหน่ายไปแล้วมีความน่าสนใจมากขึ้น ผ่านแสง สี และเสียงแบบ 360 องศา และแม้ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 4 แล้วกับงานแอลแฟชั่นวีก เราก็ยังอยากให้มีเซอร์ไพรส์ แต่ครั้งนี้จะแตกต่างออกไปในรูปแบบใดต้องติดตามดู


6. Painkiller สิริอร เฑียรฆประสิทธิ์

จุดเด่น : ปกติ Painkiller จะแยกเป็น 2 ไลน์ ครั้งนี้ในส่วนของเรดี้ทูแวร์จะได้แรงบันดาลใจมาจากนกเพนกวิน ส่วนไลน์ที่เป็น archetype จะเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวกับจักรพรรดินโปเลียน ทั้ง 2 ไอเดียนั้นลิงก์กันตรงที่เราอยากแสดงให้เห็นถึงความรัก 2 แบบ เพนกวินเป็นสัตว์ที่รักเดียวใจเดียว ทำทุกอย่างเพื่อความรัก ในขณะที่จักรพรรดินโปเลียนมีชีวิตรักหลากหลายแง่มุมทั้งด้านบวกและด้านลบ แต่ทั้งนี้จะเห็นว่าคอสตูมของนกเพนกวินและจักรพรรดินโปเลียนจะมีความคล้ายคลึงกัน

ห้ามพลาด : ในโชว์ครั้งนี้เราเลือกหยิบเอา archetype มาทำ เป็นการเล่าเรื่องความรักของจักรพรรดินโปเลียนผ่านลุคทั้ง 15 ลุค แต่ละลุคจะแสดงช่วงเวลาในชีวิตจริงๆ ผ่านเรื่องราวที่จะพิมพ์อยู่บนตัวเสื้อ แม้โชว์จะมีขนาดสั้นแต่เวลาทำโชว์เราทำเต็มที่ ต้องมีเซอร์ไพรส์แน่นอน ครั้งนี้จะเน้นไปที่การทำเสื้อเชิ้ตกับกางเกงมากกว่าจะเป็น outerwear เพราะคิดว่าเวลาจักรพรรดินโปเลียนอยู่กับตัวเองเขาคงไม่ได้ใส่อะไรที่เป็นเลเยอร์มากนัก เน้นใส่ความเป็นแม็กซิมัลลงไปในโครงเสื้อแบบมินิมัลแทนดีกว่า


7.Patinya ปฏิญญา เกี่ยวข้อง

จุดเด่น : คอลเลกชั่น ‘Stronger Inner Me’ ในคราวนี้ตีแผ่ความเป็นผู้หญิงที่ประกอบขึ้นจาก 2 ส่วนด้วยกัน อันดับแรกเรามองว่าผู้หญิงมีความเข้มแข็งอยู่ภายใน ไม่ว่าจะผิดหวังจากความรัก การงาน หรืออะไรก็ตาม แต่ก็ยังสามารถดึงตัวเองกลับมาได้ ต่อมาก็คือผู้หญิงทุกคนมีความเซ็กซี่อยู่ในตัว ดังนั้นจึงเกิดเป็นคอลเลกชั่นที่มีความเป็นมาสคิวลินจากสูท เบลเซอร์ หรือกางเกง แต่ซ่อนดีเทลเซ็กซี่อยู่ในเนื้องาน ไม่ว่าจะเป็นผ้าซีทรูด้านข้างกางเกง สายเอี๊ยมผ้าเนื้อแข็งที่ทำเป็นแบบคล้องคอ ทั้งหมดคือความเรียบโก้ผ่านการตัดเย็บที่ประณีต ด้วยแพตเทิร์นที่มีความซับซ้อนเล็กๆ น้อยๆ ซ่อนอยู่ กิมมิกอีกอย่างหนึ่งของคอลเลกชั่นนี้ก็คือเสื้อผ้าทุกชิ้นถูกตั้งชื่อเป็นชื่อของผู้ชาย ซึ่งน่าจะสร้างความน่าสนใจได้ไม่น้อย

ห้ามพลาด : ตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ Patinya มาได้ 3 ปี การได้ทำโชว์กับแอลถือเป็นหนึ่งในเป้าหมายสำคัญที่สุด ดังนั้นเราจึงตั้งใจเต็มที่ ไม่อยากให้โชว์ของ Patinya ดูน่าเบื่อ แม้ว่าตัวโชว์จะดูเรียบนิ่งแต่ด้วยดีเทลของเสื้อผ้าจะสามารถดึงดูดสายตา ให้คนร้องว้าวขึ้นมาได้ อยากให้ทุกคนได้มาดูจะเห็นถึงพัฒนาการที่แตกต่างของเราจริงๆ


8. Playhound บัณฑิต รัศมีโรจน์, วราภรณ์ เหมรัตน, อรวิมล เสนีวงศ์ ณ อยุธยา, จิตต์สิงห์ สมบุญ (Head of Designers) และสขิลา วัฒนศรี

คอลเลกชั่นนี้เราได้ไอเดียมาจากยุคเฟื่องฟูของวงการโทรทัศน์ ซึ่งนั่นก็คือยุค 90's เราได้หยิบเอากราฟิกลูกเล่นอย่างลายการ์ตูน Dogma ที่วาดล้อตัวการ์ตูนจากรายการ MTV ลาย Bad Signal หรือเทคนิค Lenticular ที่อยู่บนไม้บรรทัดที่เราใช้ตอนเด็กมาใช้เป็นการจับพลีตหรือเป็นลายพิมพ์ของคอลเลกชั่น

ห้ามพลาด : ในส่วนของโชว์นั้นเราไม่ได้อยากทำเอง แต่เราอาศัยมุมมองของคนอื่น ให้คนอื่นมาตีความคอลเลกชั่นและทำโชว์ให้เรา ด้วยคอนเซปต์ ‘Playhound TV’ นี้คนที่มาดูโชว์จะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศของการชมโทรทัศน์ในยุคก่อน ต่างจากปัจจุบันที่คนเราชอบดูผ่านมือถือ ผ่านแท็บเล็ต จนทำให้บรรยากาศการใช้เวลาของครอบครัวแบบพ่อ แม่ ลูกขาดหายไป หลังจากที่ Playhound อายุครบ 10 ปี มันจึงเหมือนก้าวเข้าสู่ศักราชใหม่ที่เราดูโตขึ้น มีความสุขุมมากขึ้น เมื่อก่อนเราอาจจะชอบอะไรที่ดูดิบๆ มันๆ สนุกๆ แต่คราวนี้อยากให้คนรู้สึกว่าเรามีพัฒนาการของตัวเองโดยที่ยังไม่ละทิ้งความเป็นตัวของตัวเอง เราได้ยกระดับตัวเองขึ้นมาอีกสเต็ปหนึ่ง มีความกลมกล่อมในตัวเองมากยิ่งขึ้น


9. Something Boudoir รมย์รุจี ช่วยประสิทธิ์

จุดเด่น : คอลเลกชั่น ‘The Wildlife Club’ เสมือนเป็นการพาสาวๆ Something Boudoir ไปตั้งแคมป์ รายละเอียดที่ปรากฏในคอลเลกชั่นจึงมาจากสิ่งต่างๆ รอบตัวตอนที่ไปตั้งแคมป์ รวมไปถึงดีเทลต่างๆอย่างยูนิฟอร์ม เอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแบรนด์อย่างลายพิมพ์จะมีความหลากหลายยิ่งขึ้น และแต่ละลวดลายก็มีเรื่องราวที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น Camporee ลายภาพแคมป์สไตล์วาดมือ, Hide & Seek ลายพรางสีสดใสที่มีตัวสัตว์ต่างๆ ซ่อนอยู่, Binocular Kingdom ลายพิมพ์ล้อเลียนการส่องสัตว์โดยทวิสต์ไอเดียเป็นเหมือนว่าเราโดนสัตว์ส่องแทน และ Raccoon in the Wood ลายพิมพ์ไม้ที่หยอดตัวแรกคูนลงไปพร้อมกับลายแกะสลักหัวใจโดยฝีมือเด็กๆ

ห้ามพลาด : แม้จะเป็นการโชว์เสื้อที่เราจำหน่ายอยู่แล้ว แต่เราจะพยายามสร้างเซอร์ไพรส์อย่างที่เราทำมาทุกครั้ง ด้วยตัวคอนเซปต์หลักที่ชัดเจนครั้งนี้เราเลยอยากให้คอยดูว่าจะนำเสนอออกมาในรูปแบบใด พร้อมกับให้เห็นว่าโครงเสื้อมีการพัฒนาไปในทิศทางใด เช่น การเน้นส่วนเว้าส่วนโค้ง การสร้างความเป็นมาสคิวลิน หรือการทวิสต์ด้วยการใช้ผ้าลายดอก เป็นต้น


10.Theatre ศิริชัย ทหรานนท์

จุดเด่น : อยากทำอะไรที่เราไม่เคยทำมาก่อน และอยากทำอะไรที่ใกล้กับตัวเองเลยมาลงตัวที่ความเป็นสตรีตแวร์ เราจับเอาลวดลายซึ่งเป็นที่นิยมต่างๆ มาผสมกัน ไม่ว่าจะเป็นลายพราง ลายเสือ ลายในแบบ ethnic รวมไปถึงลายที่สื่อถึงความเป็นโมเดิร์นอย่างลายกราฟฟิตี้มาผสมไว้ด้วยกัน พอดีอาร์ต-อารยา อินทราที่มาร่วมเป็นดีไซเนอร์ของ Theatre เคยร่วมงานกับ P7 ศิลปินกราฟฟิตี้ซึ่งเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ จึงชักชวนให้นำคำอย่าง ‘Bourgeois Bohème’ หรือ ‘Bon Chic Bon Genre’ ที่สะท้อนถึงกลุ่มคนต่างๆ ไปออกแบบเป็นลวดลายกราฟฟิตี้เพื่อนำมาแต่งไว้บนเสื้อผ้าประจำคอลเลกชั่นนี้ด้วย

ห้ามพลาด : เราไม่เคยนำเสนอ Men’s Collection อย่างจริงจังให้กับแอล คราวนี้จึงเป็นโอกาสดี แต่จะเอาชุดของผู้หญิงเข้ามาร่วมด้วยประมาณ 5-8 ชุด โดยเราใช้ผู้เดินแบบสมัครเล่นแทนที่จะเป็นมืออาชีพเพื่อสะท้อนคาแรกเตอร์ที่แท้จริงของแต่ละคน คราวนี้จะเป็นสูท แจ็กเก็ต รวมไปถึงชิ้นสำคัญต่างๆ ที่ใช้เนื้อผ้าหรูหราและมีดีเทลซ่อนอยู่มากมาย เรายังอยากให้มอง Theatre ในแบบที่ดูเยาว์วัย สดใส กระฉับกระเฉงด้วยสไตล์สปอร์ตมากขึ้น ไม่ว่าวัยไหนที่ได้สวมใส่ก็จะรู้สึกเหมือนอ่อนเยาว์ยิ่งขึ้น


11.Thea by Thara Shiqi Yao, ตะวันนา ธารา และกรุณา วัจนพุกกะ

จุดเด่น : แบรนด์ Thea by Thara โฟกัสไปที่เรื่องราวภัยพิบัติของธรรมชาติ เช่น สึนามิ น้ำท่วม ฯลฯ ในขณะเดียวกันเรากลับเห็นความสวยงามอยู่ในนั้น ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่เกิดฟ้าผ่า หรือตอนที่ภูเขาน้ำแข็งกำลังจะแตก เราเห็นความสวยงามจากสิ่งเหล่านั้นจึงเกิดเป็นเสื้อผ้าที่ใช้ลายพิมพ์ในแบบแอ็บสแทร็กต์ มีการผสมผสานเทคนิคหลายอย่างเข้าไป เช่น การพิมพ์ทอง การทำดิ้นเงิน หรือการผสมแมตทีเรียลอันหลากหลายลงไปบนโครงเสื้อ มีส่วนผสมของความเป็นอเมริกันกับความเป็นเอเชีย มันมีความเป็นมินิมัล มีความชิก ในขณะเดียวกันก็สอดแทรกกลิ่นอายตะวันออกลงไปด้วย งาน embroidery ทำให้ชุดแต่ละชุดมีความเรียบเท่ แต่แฝงไว้ด้วยความเป็นเฟมินิน

ห้ามพลาด : คราวนี้ถือเป็นโชว์ใหญ่ของเราครั้งแรก เราจึงอยากเพิ่มคอสตูมแอคเซสเซอรี่ลงไปด้วย รวมถึงรายละเอียดที่จำเป็นของการโชว์ต่างๆ โดยเน้นให้มีบรรยากาศที่แสดงถึงอารมณ์ความรู้สึก เป็นเหมือนละครเวทีเรื่องหนึ่งให้คนเข้าใจถึงความเป็น Thea by Thara มากยิ่งขึ้น


12. The Oddyssee ปริญญ์ สัจจกุล

จุดเด่น : ปีนี้ The Oddyssee ครบรอบ 10 ปี เราจึงสำรวจว่ามีรายละเอียดอะไรบ้างที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะประจำแบรนด์ จึงได้นำเอาสิ่งต่างๆ เหล่านั้นมาสร้างเป็นหลักการ เกิดเป็นยูนิฟอร์ม เกิดเป็นคอลเลจ The Oddyssee College หรือเรียกย่อว่า O.D.C. ขึ้นมา ซึ่งอักษรย่อดังกล่าวนั้นยังหมายถึง The Original Dandy Cadets หรือความเป็นยูนิฟอร์มที่ติดความหรูหราฟู่ฟ่าหน่อยๆ และมีความเป็นยูนีกอยู่ในตัวสูง ในคอลเลกชั่นล่าสุดนี้เรายังคงความเป็นสตรีตวินเทจเอาไว้ ลายสกอตที่เราใช้ตั้งแต่คอลเลกชั่นแรกเริ่มกลับมามีความชัดเจนยิ่งขึ้นและมีหลากหลายแบบผสมกัน

ห้ามพลาด : นอกจากแปลนที่จะมีการฉลองครบรอบ 10 ปีแล้ว ในโชว์ของเราจะมีงานอาร์ตแทรกอยู่ในนั้นด้วย และนอกเหนือจากที่มีศิลปินไทยที่เคยร่วมงานกับเรามานานแล้วก็ยังมีศิลปินชาวต่างชาติที่อาจจะมาทำโปรเจกต์อะไรร่วมกันสักอย่างเพื่อให้เกิดมู้ดโทนที่แปลกใหม่ เหนือสิ่งอื่นใดในการโชว์กับแอลครั้งนี้เราอยากให้คนได้เห็นภาพความเป็น The Oddyssee ที่ชัดเจนขึ้น เป็นเรดี้ทูแวร์แนวสตรีตวินเทจที่ไม่มีแบรนด์ใดเหมือน มีความยูนีกอยู่ตลอดเวลา”


13. TipayaphongPoosanaphong ทิพยพงษ์ ภูษณะพงษ์

จุดเด่น : ลวดลายบิดโค้งและรูปทรงเรขาคณิตที่ปรากฏอยู่บนเครื่องปั้นดินเผาบ้านเชียงทางตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ซึ่งย้อนรอยไปไกลถึงหลังยุคหินหรือราวๆ 3,500-1,000 ปีก่อนคริสตกาล ถือเป็นแรงบันดาลใจตั้งต้นในคอลเลกชั่นล่าสุดนี้ ฟอร์มของตัวเครื่องปั้นดินเผายังเชื่อมโยงกับซิลูเอตประจำคอลเลกชั่น ส่วนโทนสีนั้นก็มิได้จำกัดอยู่แค่สีที่ใช้ในยุคเก่าก่อน หากแต่ใช้โทนสีหลักอย่างดำ ทอง มารูน และครีม นอกจากนี้ดีเทลงานปักสุดประณีตด้วยมือและลวดลายดอกไม้ที่เป็นซิกเนเจอร์หลักยังได้รับการตีความใหม่และสอดแทรกลงไปได้อย่างลงตัวในคอลเลกชั่นนี้ด้วยเช่นกัน”

14. Tutti นัทธนุช วงศ์พัวพันธ์

จุดเด่น : คอลเลกชั่นฟอล/วินเทอร์ของปีที่แล้ว Tutti ได้แรงบันดาลใจมาจากตุ๊กตาแอนทีก และสำหรับครั้งนี้เราก็เลือกใช้ตุ๊กตาด้วยเช่นเดียวกันแต่เป็นตุ๊กตาบาร์บี้ตัวแทนความสมบูรณ์แบบของหญิงสาวที่ทรวดทรวงดี มีความสามารถ ไม่ว่าจะในสาขาอาชีพอะไร จนเกิดเป็นคอลเลกชั่น ‘Plastic Elastic Fantastic’ ความงามที่สะท้อนถึงการทำศัลยกรรมพลาสติกจะถูกถ่ายทอดผ่านรูปร่างของผู้หญิง ไม่ว่าจะทรงตรง ทรงแอปเปิ้ล ทรงลูกแพร์ และทรงนาฬิกาทราย มีการนำผ้ารูปทรงต่างๆ อาทิ ทรงกลมมาสร้างเอฟเฟกต์บนชุดเพื่อให้ได้สัดส่วน เสริมด้วยรายละเอียดอย่างผ้าออร์แกนดี้ ผ้าลูกไม้บนโทนสีครีม ขาว ดำ แซมด้วยสีเนื้อ แดง ชมพู น้ำเงิน และเทา รวมไปถึงรายละเอียดเลเซอร์คัตบนผืนพลาสติก

ห้ามพลาด : จากภาพที่คนมองว่าการใช้ลูกไม้แล้วจะทำให้ดูหวาน คราวนี้เราเลยอยากทำโชว์ให้ดูโรแมนติกแต่ต้องมีความเป็นโมเดิร์น อยากให้เข้าใจว่าลูกไม้ที่เป็นซิกเนเจอร์ของ Tutti สามารถสวมใส่ได้ในชีวิตประจำวัน และสามารถผสมเข้ากับการแต่งตัวแต่ละสไตล์ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก”

15. Vatanika วทานิกา ปัทมสิงห์ ณ อยุธยา

จุดเด่น : จากหนังสือ Drawn from Paradise ซึ่งรวมภาพสเกตช์ของ Bird of Paradise ต่อด้วยการติดตามผลงานของช่างภาพนามว่าทิม ลาแมนที่เคยทำโปรเจกต์ถ่ายภาพเกี่ยวกับนกชนิดนี้ จึงเกิดเป็นความสนใจเริ่มรีเสิร์ชเพิ่มแล้วคิดว่ามันน่าจะต่อยอดจนเป็นคอลเลกชั่นได้ นกชนิดนี้บางสายพันธุ์สามารถเต้นระบำเพื่อดึงดูดเพศตรงข้าม มีการนำขนนกชนิดนี้มาใช้ตกแต่งในบางชนเผ่า รวมไปถึงถ้าสืบค้นให้ลึกไปถึงในช่วงศตวรรษที่ 18 เหล่าสตรีในสังคมชั้นสูงยังนำขนนกชนิดนี้มาใช้ตกแต่งเป็นเฮดพีซ เราจึงได้พยายามพัฒนาเป็นลายพิมพ์และเท็กซ์เจอร์ที่น่าสนใจประจำคอลเลกชั่น

สำหรับโชว์ครั้งนี้เราอยากให้ Vatanika มีความเป็นเรดี้ทูแวร์ที่ชัดเจนขึ้นเพื่อให้แตกต่างจาก Vatanika Atelier ไลน์เสื้อผ้าซึ่งเน้นไปที่งานฝีมือสุดประณีตล้วนๆ ไม่ว่าจะเป็นชุดกระโปรงยาวหรือชุดแต่งงาน คนที่มาดูโชว์จะได้เห็นถึงความเป็นแบรนด์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ยังอยากให้ผู้หญิงรู้สึกว่ามีเชปเหมือนเดิม ชอบให้ดูมีทรวดทรง เอวคอด มีสะโพก มีหน้าอก และจะเห็นได้ว่ามีเสื้อตัวหลวม ชุดตัวหลวมที่เมื่อใส่แล้วยังดูมีซิลูเอตให้เลือกใช้เช่นกัน”

16.Vatit Itthi วทิต วิรัชพันธุ์ และอิทธิ เมทะนี

จุดเด่น : ปกติโชว์ปีละครั้งของเราจะทำชุดแต่งงานและชุดกลางคืนที่มาจากแรงบันดาลใจต่างกันควบคู่กันไป แต่คราวนี้เราเน้นไปที่ชุดกลางคืนในสเกลที่จริงจัง โดยรายละเอียดการสร้างงานจะอยู่ในระดับเดียวกับการทำชุดแต่งงาน ทั้งนี้เพื่อให้เห็นว่าเป็นการสร้างงานที่เราถนัดอย่างแท้จริง

เวลาที่แต่ละคอลเลกชั่นออกมา คอนเซปต์ของโชว์จะตามมาเอง ที่ผ่านมาเรานำดนตรีบรรเลงแนวคลาสสิกมาใช้บ้าง ใช้เพลงที่มีเสียงร้องบ้าง คราวนี้ต้องคอยดูกันว่าจะออกมาเป็นรูปแบบไหน เราต้องการนำเสนอคอลเลกชั่นที่อัดแน่นและนำเสนอไอเดียหลักได้อย่างชัดเจน แต่ละลุคที่ถูกใช้จะบอกเล่าเรื่องราวของตัวมันเอง อยากให้เข้าใจว่าเราไม่ได้ต้องการขยายจนเป็นคอลเลกชั่นใหญ่ที่ใช้วิธีเพิ่มลุคใหม่จากลุคที่ใกล้เคียงกัน

แล้วพบกันที่เซ็นทรัลเวิลด์ สแควร์ ตั้งแต่วันที่ 10– 13 ตุลาคม 2556 ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง.




Create Date : 12 ตุลาคม 2556
Last Update : 12 ตุลาคม 2556 11:00:12 น. 0 comments
Counter : 2181 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.