พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
3 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 
วิดีโอเกม ไม่ใช่แค่เรื่องของเด็กๆ อีกต่อไปแล้ว

วิดีโอเกม ไม่ใช่แค่เรื่องของเด็กๆ อีกต่อไปแล้ว

ผมเป็นเด็กที่เติบโตมากับยุคของ “วิดีโอเกม” ในช่วงแรกๆ ในช่วงที่ผมเป็นเด็ก สังคมไทยโดยเฉพาะในสายตาของผู้ใหญ่มองว่าเกมเป็น “ของเล่น” ประเภทหนึ่งของเด็กๆ ที่ไม่ค่อยจะมีสาระสักเท่าไร เรามักได้ยินคำว่า “เอาเวลาเล่นเกมไปอ่านหนังสือจะดีกว่า” ...

วันเวลาผ่านไปนานสองทศวรรษ ผมลองมองดูในข่าวต่างๆ รอบตัว ก็น่าตกใจที่พบว่าสังคมยังมองภาพลักษณ์ของ “เกม” แทบจะเหมือนเดิมทุกประการ (จริงๆ แล้วอาจจะแย่ไปกว่าเก่าด้วยซ้ำ เพราะสังคมเริ่มมองว่าเกมเป็นพิษเป็นภัยถึงขั้นเกิดอาชญากรรมหลายประการ)

ประเด็นว่าการเล่นเกมก่อให้เกิดอาชญากรรม ทำให้เด็กเหลวไหลหรือเปล่า เรื่องนี้คงเถียงกันไม่มีวันจบ

แต่ประเด็นว่าเกมเป็นแค่ “ของเล่น” ของเด็กๆ นี่ผมคงต้องเถียงว่ามันไม่จริงอีกต่อไปแล้วครับ

ในช่วงยี่สิบสามสิบปีที่ผ่านมา เกมพัฒนาตัวเองจากของเล่นไฮเทค กลายเป็นอุตสาหกรรมบันเทิงขนาดยักษ์ใหญ่ที่มีมูลค่าแซงหน้าอุตสาหกรรมภาพยนตร์ฮอลลีวูดไปนานแล้ว

ผมขอยกสถิติที่มีบริษัทฝรั่งประเมินเอาไว้มาอ้างอิงครับ ตัวเลขของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในอังกฤษเมื่อปี 2009 อยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านปอนด์ (รวมหนังโรง+หนังแผ่นแล้ว) ในขณะที่อุตสาหกรรมเกมเฉพาะในอังกฤษช่วงเดียวกัน มีมูลค่าถึง 1.7 พันล้านปอนด์ ตีเป็นเงินไทยก็ราว 86,000 ล้านบาท ส่วนยอดประเมินมูลค่าของอุตสาหกรรมเกมทั่วโลกในปี 2012 อยู่ที่ 65,000 ล้านดอลลาร์ (2 ล้านล้านบาท)

ลองมาเทียบอัตราการทำเงินของเกมยอดฮิตกับหนังยอดฮิตกันบ้าง

ทุกคนคงรู้จักภาพยนตร์ที่ทำรายได้มากที่สุดในโลกอย่าง Avatar กันดี หนังเรื่องนี้ทำรายได้รวมกันทั่วโลกประมาณ 2,800 ล้านดอลลาร์ แต่ถ้าเราวัดกันเฉพาะยอด 1,000 ล้านดอลลาร์แรก Avatar ต้องใช้เวลา 17 วันนับตั้งแต่เข้าฉายถึงทำเงินได้ครบตามที่กำหนด

ฝั่งของวงการเกมเพิ่งมีการทำลายสถิติกันไปเมื่อเดือนที่แล้ว โดยเกมชื่อดัง Grand Theft Auto ภาค 5 ใช้เวลาเพียง 3 วันหลังเริ่มวางขาย ทำรายได้แตะ 1,000 ล้านดอลลาร์ไปเรียบร้อยแล้ว เร็วกว่า Avatar ถึง 14 วัน (วันแรกวันเดียวขายได้ถึง 800 ล้านดอลลาร์)

ช่วงหลังๆ วงการเกมมีเกมชื่อดังที่ทำยอดขายเป็นหลักพันล้านดอลลาร์ได้หลายเกม เกมเหล่านี้มักเป็นเกมแอ็กชั่นแนวต่อสู้หรือสงคราม จับตลาดผู้เล่นชายเป็นหลัก มีฐานแฟนประจำทั่วโลกที่ตามซื้อเกมพวกนี้ทุกภาค ตัวอย่างชื่อเกมเหล่านี้ก็อย่างเช่น Grand Theft Auto, Battlefield, Call of Duty, Assasin's Creed

เกมพวกนี้ขายได้เยอะก็จริง แต่ต้นทุนการพัฒนาเกมก็ไม่ใช่ถูกๆ เลยนะครับ ตัวอย่างเช่นเกม Grand Theft Auto ภาค 5 มีต้นทุนการสร้างถึง 265 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว ลองคิดดูสิครับว่าเกมใหญ่ระดับนี้ต้องใช้ทีมงานพัฒนากี่ร้อยกี่พันคน (แต่แน่นอนว่าผลก็ออกมาคุ้มค่า)

ทั้งหมดนี้ผมต้องการชี้ให้เห็นว่า มุมมองเรื่องว่าเกมเป็นแค่ของเล่นของเด็กๆ นั้นล้าสมัยไปมากแล้ว เกมกลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ไม่แพ้ทีวีหรือภาพยนตร์ บริษัทเกมใหญ่ๆ ของโลกมีรายได้มหาศาลและเป็นบริษัทชื่อดังในตลาดหลักทรัพย์ คนที่ทำงานเกี่ยวกับเกมก็ประสบความสำเร็จกลายเป็นเศรษฐีกันแล้วหลายคน ส่วนในหมู่คนเล่นเกมเองก็พัฒนาไปไกลถึงขั้นเกิดเป็นอาชีพ “นักเล่นเกม” ในลักษณะเดียวกับนักกีฬาอาชีพ (ภาษาอังกฤษยังเรียกอาชีพกลุ่มนี้ว่า cyber-athlete)

ดังนั้น ถ้าพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใดยังมีมุมมองภาพลบๆ เกี่ยวกับเกม หรือกลัวปัญหาลูกติดเกมมากจนเสียอาชีพการงาน ลองปรับวิธีคิดและส่งเสริมให้ลูกหลาน “เอาดีเรื่องเกม” ไปแทนเลย จะดีกว่าไหมครับ?




Create Date : 03 ตุลาคม 2556
Last Update : 3 ตุลาคม 2556 7:18:29 น. 0 comments
Counter : 884 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.