makeup artist diary : งานที่ผมรัก

ในขณะที่เพื่อนผมหลายคนมีการมีงานทำดิบดี แต่ไม่รุ้เหมือนกันว่าตัวเองรักงานที่ตัวเองทำหรือเปล่า เพราะก็ทำงานที่ตัวเองเรียนมา ทำทุกอย่างตามแบบแผนที่มันควรจะเป็น

และบ่อยครั้งที่ลูกค้าบอกกับผมว่าดีจังที่ได้ทำงานเป็นช่างแต่งหน้าที่ตัวเองรัก

ผมก็ย้อนคิดทุกครั้งนะครับว่าเออ... ผมรักงานนี้หรือเปล่า

อืม... ผมก็รักงานอีกหลายงานเหมือนกันนะ

เพราะว่ากฎหมายที่ผมเรียนมา ผมก็ตั้งใจเรียนมานะครับ ไม่ใช่ว่าเรียนๆ ไปแบบให้มันจบๆ มันไม่ง่ายนะคร้าบคุณ ต้องทำความเข้าใจกับตำราเป็นตั้งๆ จบแล้วก็ใฝ่ฝันอยากทำงานกฎหมายกับเขาบ้าง แต่พอไปเจอคนที่เขาทำงานกฎหมายก็เออ รู้สึกตัวว่าไม่ใช่ที่ของเราแหะ เหตุผลขอไม่พูดนะครับมันอาจกระทบกับอะไรหลายๆ อย่างมากเกินไป พาลผมจะเดือดร้อนเอา

หลังจากจบป.ตรีก็ลองเบนเข็มมาเรียนด้านบริการโครงการดู เพราะเป็นเจ้าพอโปรเจ็คชอบคิดนั้นนี่นู้น เรียนได้โอเคเลยครับ เรียนๆ เล่นๆ ก็จบแบบสบายๆ ถึงเกรดจะได้แบบพอตัวไม่ได้ดิบดีอะไร

หลังจบโทก็ตั้งใจเลยว่าไม่อยากทำงานนั่งโต๊ะ ชอบเจอคนเยอะๆ อืม... เห็นประกาศรับสมัครอาจารย์ สอนระดับปริญญาตรี นั่งนึกๆ ใช่เลยงานในฝัน สอนประมาณเกือบ 6 ปีได้ครับ แหมใจจริงก็ว่าจะต่อปริญญาเอกแล้วครับ แต่ปรากฎเท่ห์เกินเหตุ ล้ำเกิน แถมไม่เสิรฟกาแฟให้อาจารย์ผุ้ใหญ่ ( อันนี้มีคนบอกว่าอาจารย์ผู้ใหญ่ติผมมา ) แถมวิชาสอนมากมายจนมึน เหตุผลมากมายถอนตัวดีกว่า

หลังจากนั้นก็เริ่มมาทำงานบริษัทเอกชนอีก 2 แห่ง เป็น copy writer และเป็น interactive media planner ได้รู้จักประชาสัมพันธ์ของเครื่องสำอางดังยี่ห้อหนึ่งเขาเห็นผลงานผมบอกว่านี่ไปอยู่ไหนมาคะ ( ในฐานะช่างแต่งหน้า ) คนอื่นเขาดังไปถึงไหนแล้ว ( ผมก็อยู่แถวๆ นี้แหละครับ แถมไม่ได้เก่งอะไรซะด้วย ) ผนวกกับความเห็นจากคนทำงานนิตยสารบอกว่าออกมาทำงานเป็นช่างแต่งหน้าเหอะพี่ หลังจากนั้นก็มีเหตุให้ตัดสินใจถอนตัว ( อีกแล้ว )

สรุปสุดท้ายก็ได้มาทำงานเกี่ยวกับแต่งหน้าจริงๆ ไม่น่าเชื่อเหมือนกันครับกับปริญญาที่ไม่เกี่ยวข้องเลย ได้โอกาสทำงานที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย

ด้วยการเรียนที่หลากหลายทำให้ผมมีโอกาสได้ทำงานที่หลากหลาย และจากประสบการณ์ทำงานตลอดเกือบสิบปีสอนให้ผมรู้ว่าไม่มีงานไหนที่ไม่มีอุปสรรค รวมถึงการเป็นช่างแต่งหน้าเช่นกัน

กลับมาถามตัวเองว่ารักไหมกับการเป็นช่างแต่งหน้า ก็รักครับเป็นหนึ่งในงานที่ผมรัก

งานช่างแต่งหน้าเป็นงานที่ทำกับคนที่มีความสุขครับ คนกำลังจะแต่งงาน ต้องไปงาน รับปริญญา เขาต้องสวย ต้องหล่อ เขากำลังมีความสุข ตื่นเต้นกับงานสำคัญ และเขาก็เกียรติเราเข้าไปมีส่วนร่วมกับความสุขนั้น แต่งหน้าเสร็จเราจะพบกับรอยยิ้มที่มีความสุขของเขาที่ได้เห็นตัวเองสวย หล่อดูดีขึ้น

ถึงแม้งานช่างแต่งหน้าจะแบกรับความกดดันที่ลูกค้าฝากความหวังให้เราทำให้เขาดูดีที่สุด ย้ำเลยครับว่าดีที่สุด ไม่มีคำว่าใช้ได้ ดี แต่ต้องดีที่สุดเท่านั้นและคุณต้องทำให้ได้ดีที่สุดทุกครั้ง เพราะครั้งใดที่คุณพลาดเพียง 1 ครั้งนั้นคือความรู้สึกผิดที่คุณจะติดตัวไปตลอดกาล ตลอดชีวิตการทำงาน โดยไม่มีโอกาสแก้ตัว

ถึงอย่างไรก็ตามคุณก็จะได้รอยยิ้ม คำชม เสียงกรี๊ด หรือแม้แต่น้ำตาที่ซึมมาจากความปลื้มที่คุณได้ทำดีที่สุด

ช่างแต่งหน้าถึงแม้เป็นหนึ่งในงานที่ผมรัก แต่ตอนนี้ผมก็เลือกแล้ว ให้เป็นงานที่ผมรักที่สุดครับ

Create Date : 09 ธันวาคม 2551 Last Update : 16 ธันวาคม 2551 7:26:31 น. Counter : 1035 Pageviews.		10 comments
Share Tweet