|
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
ไปชมซากุระเมืองไทยบานบนดอยขุนแม่ยะกันเถอะ
สักอาทิตย์กว่าๆ ที่ผ่านมา น้องๆ ที่ทำงานเริ่มเกริ่นๆ ว่าดอกนางพญาเสือโคร่งที่ขุนแม่ยะมันเริ่มบานแล้วนะพี่ เราก็อือๆ ออๆ ไป ไม่ได้ใส่ใจมากสักเท่าไรเพราะงานกำลังยุ่งมาก เนื่องจากเป็นปลายปีและเริ่มเป็นช่วงสอบกลางภาคของเด็กๆ วันๆ ยุ่งถึงยุ่งที่สุด แล้ววันเลือกตั้งล่วงหน้าก็มาถึง น้องๆ บอกว่าจะไปเลือกตั้งกันก่อน พี่ก็เลยอาสาพาไปส่งแล้วก็เลือกตั้งเสียเลย (ยังไม่เอะใจอีก)
แล้วอาทิตย์ถัดมา น้องตัวน้อยก็บอกว่า พี่ หนูโทรไปที่หน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะแล้วนะ เขาบอกว่าตอนนี้ดอกมันบานกว่า 80% แล้ว สงสัยคงต้องไปกันอาทิตย์นี้แหละ เราก็อือๆๆ ไปก็ไป แล้วไปยังไงล่ะ มันอยู่ที่ไหนเหรอ คือว่า ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย แต่ก็อยากไปด้วยอ่ะ แล้วในที่สุด ตารางการเดินทางก็ออก เราจะไปดูซากุระเมืองไทยบานกัน วันที่ 23 ธันวาคม กางเต้นท์ค้างคืนนึงแล้วค่อยกลับวันรุ่งขึ้น
เมื่อตัดสินใจจะไปแล้ว ก็ได้รับฟังข้อมูลจากน้องตัวน้อย หัวหน้าทริปครั้งนี้ เล่าถึงการเดินทาง ถนนหนทาง ลักษณะของดอยที่จะไป การพักแรม ข้อควรระวัง แล้วก็รายละเอียดอื่นๆ เนื่องจากหน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ ไม่ใช่อุทยานแห่งชาติ จึงไม่ต้องเสียค่าเข้าชม และค่ากางเต้นท์ แต่ทางหน่วยได้จัดสถานที่ไว้ให้กางเต้นท์ได้ มีก๊อกน้ำ ห้องน้ำและห้องอาบน้ำพร้อมอำนวยความสะดวก และที่สำคัญ ที่นี่ห้ามจุดกองไฟ แต่สามารถนำเอาเตาถ่านหรือเตาแก๊สมาใช้หุงหาอาหารได้
หน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ อยู่ในเขตอำเภอแม่แตง จากแยกแม่มาลัยไปตามถนนสายเชียงใหม่-ปาย ประมาณ 70 กว่ากิโลเมตร เลยจากอุทยานแห่งชาติยอดฮิต ห้วยน้ำดังไปสัก 2-3 กิโล จะถึงจุดตรวจด่านตรวจสัตว์และป้อมยามขุนแม่ยะ จากปากทางจะเป็นทางขื้นเขา ที่ไม่ได้ลาดยางยาวประมาณ 8 กิโลเมตร ตอนขับรถผ่านทางเข้าห้วยน้ำดัง จะมองเห็นบริเวณหนึ่งบนดอยที่เป็นแถบสีชมพู สมาชิกตื่นเต้นกันใหญ่ แม้กระทั่งพี่ที่ขับรถให้ยังหันไปมองเลย อ้ากกก..ข้างหน้าอีกโค้งเพ่
ที่หน่วยฯ มีเนื้อที่ทั้งหมด แปดหมื่นไร่ และเริ่มนำต้นนางพญาเสือโคร่งมาปลูกที่นี่ตั้งแต่ปี 2523 นั้นก็ผ่านมาแล้ว 27ปี บริเวณบ้านพักด้านบนมีต้นนางพญาเสือโคร่งที่สมเด็จพระพี่นางทรงปลูกไว้ด้วยนะ ตั้งแต่ปี 2523 นอกจากต้นนางพญาเสือโคร่งแล้ว ยังมีต้นกำลังเสือโคร่ง ต้นเมเปิล และต้นสนสามใบปลูกสลับกับไม้ท้องถิ่น เป็นแนวเขาสวยงามมาก
ฟังดูดีจริงๆ แต่เกือบลึมไปว่าทางไปปายน่ะ ถนนมันโค้งสุดยอด ใครว่ามีโค้งทุกร้อยเมตร เราว่าโค้งมันทุก 20 เมตรมากกว่า แล้วเราเป็นคนที่เมารถสุดๆ ระหว่างทางเลยต้องขอให้พี่เขารถจอดชมวิวสวยๆ ข้างทางตั้งสองรอบแน่ะ แต่ที่สุดๆ ก็คือทางขึ้นดอยขุนแม่ยะล่ะ เรียกว่านั่งลุ้นทางจนลืมเมารถเลย นี่ขนาดก่อนเดินทาง น้องตัวน้อยบอกว่า หนูโทรมาคุยกับเจ้าหน้าที่แล้ว เขาบอกว่าทางช่วง 5 กิโลแรกดี ขับได้ไม่ยาก แต่ 3 กิโลหลังอาจลำบากสักหน่อย รถกระบะธรรมดาขึ้นไปได้ มันก็ไปได้อยู่หรอกนะ แต่ค่อยๆ คลานไปน่ะ แล้วถนนก็แคบมาก ต้องบีบแตรไปตลอดทาง เพื่อรถที่สวนลงมาจะได้หาทางเบี่ยงหลบได้ทัน
แต่เมื่อขึ้นมาถึงหน่วยจัดการต้นน้ำ อาการเมารถ เวียนหัว ความเหน็ดเหนื่อยและอาการเกร็งจากการนั่งลุ้นมาตลอดทางก็หายเป็นปลิดทิ้ง เพราะข้างหน้าคือดงซากุระที่กำลังบานสะพรั่งอย่างสวยงาม และอลังการ โอ้ว สีชมพูเต็มดอยไปหมดเลย
หลังจากลงชื่อแวะเยี่ยมและได้รับคำบอกเล่าว่าให้หาทีจอดรถและกางเต้นท์ตามอัธยาศัย เราก็เอารถไปจอดข้างทางที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ แล้วเดินหาทำเลสำหรับกางเต้นท์ ที่สะดวกๆ มีก๊อกน้ำและใกล้กับห้องน้ำ ขนข้าวของมาแล้วก็กางเต้นท์สำหรับพักหนึ่งคืน ได้กางเต้นท์ใต้ต้นนางพญาเสือโคร่งด้วยล่ะ สนามหญ้าตรงจุดกางเต้นท์ก็เขียวสวยจริงๆ
กางเต้นท์เสร็จ จัดข้าวจัดของให้เข้าที่เข้าทาง เอาอาหารแขวนไว้บนต้นไม้ให้พ้นจากเจ้าถิ่นสองสามตัวที่แวะเข้ามาดูแขก ก็คว้ากล้องและตัวใครตัวมัน ถ่ายรูปตามอัธยาศัยก่อนแสงจะหมด สักหกโมงเย็นค่อยเริ่มทำอาหารแล้วกัน
มาดูดอกนางพญาเสือโคร่งสวยๆ กันดีกว่า
จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่ว่าดอกบานกว่า 80% แล้ว เราว่ามันน่าจะเป็นกว่า 99% เพราะเท่าที่เดินดู มีแค่ไม่กี่ต้นเท่านั้นที่ยังตูมอยู่ นอกนั้นบานหมดแล้ว ดอกนางพญาเสือโคร่งสีชมพูสด แต่ละต้นเฉดสีแตกต่างกันไป ตัดกับท้องฟ้าสีฟ้าสดใส ปราศจากเมฆให้ดูรกหูรกตา
ดอกที่บานแล้วแต่ละต้นแตกต่างกันไป บางต้นดูจากดอกก็รู้ว่าเพิ่งจะบาน จากการงัดความรู้ทางพฤกษศาสตร์ออกมาใช้ ถ้าอับละอองเกสรตัวผู้ยังไม่แตก ดอกยังจะอยู่ได้อีกระยะ แต่หากอับละอองเรณูแตกเสียแล้ว ดอกก็จะเริ่มโรยรา
ปีนี้อากาศค่อนข้างแปรปรวน กลายเป็นว่า ดอกนางพญาเสือโคร่งบานถึงสองครั้งในรอบปี ก็เราไปเช็คดูแล้ว ดอกนางพญาฯบานเมื่อตอนกลางเดือนมกราคม ต้นปีที่ผ่านมา ปลายปีกลางเดือนธันวาก็บานอีกแล้ว แหมไม่ให้บอกว่า ดอกบานปีละสองครั้งได้ยังไง ใช่มั้ย..
อากาศแปรปรวนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน แทนที่จะแตกออกมาแต่ตาดอก แล้วตาใบค่อยแตกมาทีหลัง นางพญาท่านคงสับสนมาก เลยแตกมันออกมาพร้อมกันเลย ดีนะที่เราไปกันเร็ว ใบที่แตกออกมายังไม่พัฒนาเต็มที่ สีเลยยังออกแดงๆ อยู่ แต่ถ้าผ่านไปอีกสักอาทิตย์และอากาศยังอุ่นแบบนี้ ใบเขียวเต็มที่แน่นอน
ถ่ายรูปกันอย่างเพลิดเพลินจนแสงหมด ได้เวลาจัดการกับมื้อค่ำแสนอร่อย และพักผ่อนสบายๆ กับอากาศหนาวๆ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้าย คืนนั้นอากาศหนาวลงจนอุณหภูมิยอดหญ้าเหลือ 4 องศา และอุณหภูมิอากาศตอนเช้าอยู่ที่ 7 องศา จะว่าไปก็ดีแฮะ ได้สัมผัสกับอากาศหนาวๆ พระจันทร์สว่างสดใสเพราะเป็นคืนเดือนหงาย
แล้วยามเช้าก็มาถึง ตื่นนอนขึ้นมาดูแสงสีทองอาบไล้หุบเขา สวยงามจริงๆ แสงสีทองอ่อนๆ ยามเช้าเปลี่ยนสีของดอกนางพญาเสือโคร่งให้เป็นสีชมพูอมส้ม สวยจังเลย
ยิ่งดูใกล้ๆ ยิ่งสวยขึ้น วันนี้เป็นวันที่อากาศดีอีกวัน พระอาทิตย์ค่อยๆ สาดแสง หุบเขาด้านล่างสว่างขึ้น ได้เวลาตื่นนอน ทำกิจกรรมส่วนตัว ประทับใจห้องน้ำที่เจ้าหน้าที่สร้างไว้สุดๆ นั่งไปชมดอกไม้ไป ร้องเพลงไปพลางๆ เพราะว่ามันเป็นห้องน้ำแบบ open-air และไม่มีกลอนอ่ะ เวลาไปใช้บริการ ก็ต้องส่งเสียงถามก่อนจะเดินเข้าไป ส่วนห้องอาบน้ำอันเก๋ไก๋ไม่แน่ใจว่าจะมีใครใช้ไหม เพราะอากาศเย็นเหลือเกิน
เสร็จกิจธุระ ก็เริ่มติดเตา ต้มน้ำชงกาแฟ เก็บข้าวเก็บของ แล้วก็คว้ากล้องไปถ่ายรูปดอกไม้กับแสงเช้าอันสวยงาม ถ่ายภาพไปได้สักหน่อยก็พบว่า...แบตเตอรี่กล้องหมด...เลยไม่ได้รูปสวยๆ แล้ว อาศัยวิ่งเข้ากล้องคนอื่นอย่างเดียวเลย
ปิดท้ายด้วยเกร็ดความรู้นิดหน่อยแล้วกัน บนดอยขุนแม่ยะมีทั้งต้นนางพญาเสือโคร่ง ดอกสีชมพูและต้นกำลังเสือโคร่ง ซึ่งมีแต่ใบเขียว ช่วงนี้แยกออกจากกันได้ไม่ยาก แต่ถ้าเหลือแต่ใบ ทั้งสองต้นจะเหมือนกันมากเลย วิธีที่จะแยกสองต้นนี้ออกจากกันได้ให้ดูที่รอยแตกตามต้น หรือที่เรียกว่า lenticel
ถ้าเป็นต้นนางพญาเสือโคร่ง จะมีรอยเป็นสีน้ำตาลที่เปลือกต้น ส่วนต้นกำลังเสือโคร่งรอยจะเป็นสีขาว แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทำไมต้องแยกออกจากกันเหรือ ชื่อกำลังเสือโคร่งเองก็บอกเป็นนัยๆ แล้วว่าเป็นสมุนไพรชูกำลัง เวลาเดินป่านะ ถากเปลือกมาต้มน้ำร้อนกินแก้ปวดเมื่อย หรือเอาไปดองเหล้าเป็นยาชูกำลังได้ล่ะ
ปิดท้ายด้วยคำขอบคุณแล้วกัน เรารู้สึกขอบคุณเจ้าหน้าที่ของหน่วยจัดการต้นน้ำขุนแม่ยะ ที่พยายามจัดตกแต่งสถานที่ และสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไว้ให้กับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาดูดอกซากุระเมืองไทยบาน เพื่อเป็นการขอบคุณ พวกเราเลยขนขยะทุกชิ้นที่เราก่อขึ้นกลับลงมาด้วย เราไม่ได้ทิ้งอะไรไว้เลย และเก็บมาแต่ความทรงจำที่ดีๆ ปีหน้าถ้ามีโอกาส จะแวะขึ้นไปเยี่ยมใหม่นะ
Create Date : 27 ธันวาคม 2550 |
Last Update : 28 ธันวาคม 2550 18:44:57 น. |
|
23 comments
|
Counter : 3841 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: เซกิ วันที่: 28 ธันวาคม 2550 เวลา:22:17:11 น. |
|
โดย: tony IP: 61.90.136.94 วันที่: 7 มกราคม 2551 เวลา:10:29:33 น. |
|
โดย: lucky (lucky_jerry ) วันที่: 7 มกราคม 2551 เวลา:15:34:53 น. |
|
โดย: nam IP: 124.157.169.177 วันที่: 29 มกราคม 2551 เวลา:17:51:02 น. |
|
โดย: au IP: 202.69.140.130 วันที่: 30 มกราคม 2551 เวลา:14:48:15 น. |
|
โดย: AjN_O วันที่: 31 มกราคม 2551 เวลา:16:41:38 น. |
|
โดย: ส้มโอ IP: 58.8.157.151 วันที่: 31 มกราคม 2551 เวลา:22:12:00 น. |
|
โดย: junezheez IP: 117.47.135.142 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2551 เวลา:21:46:15 น. |
|
โดย: นันท์นภัส IP: 116.68.144.97 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:17:37:47 น. |
|
โดย: น้ำหวาน IP: 125.24.72.231 วันที่: 4 ธันวาคม 2551 เวลา:20:49:28 น. |
|
โดย: ussa IP: 117.47.37.140 วันที่: 26 ธันวาคม 2551 เวลา:23:22:04 น. |
|
โดย: อยากไปมากมาย IP: 58.8.93.229 วันที่: 29 ธันวาคม 2551 เวลา:22:50:49 น. |
|
โดย: บังนัน IP: 58.10.155.94 วันที่: 1 มกราคม 2552 เวลา:11:36:13 น. |
|
โดย: ออมสิน IP: 125.26.66.52 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:12:27:46 น. |
|
โดย: AJ Shine IP: 117.47.84.113 วันที่: 6 พฤษภาคม 2552 เวลา:12:34:58 น. |
|
โดย: คนชอบเที่ยวเหมือนกัน IP: 125.24.175.139 วันที่: 31 พฤษภาคม 2552 เวลา:23:27:40 น. |
|
โดย: หน่อย IP: 124.121.179.116 วันที่: 23 กันยายน 2552 เวลา:16:43:58 น. |
|
โดย: จุ๊บแจง IP: 61.7.170.52 วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:10:53:36 น. |
|
โดย: nuni IP: 10.104.29.43, 202.149.29.83 วันที่: 16 ตุลาคม 2552 เวลา:16:18:12 น. |
|
โดย: pim_ka IP: 110.164.82.108 วันที่: 27 ตุลาคม 2552 เวลา:23:23:02 น. |
|
โดย: Qa วันที่: 20 กันยายน 2554 เวลา:13:40:20 น. |
|
โดย: โลมาชมพู IP: 49.48.241.160 วันที่: 25 ธันวาคม 2554 เวลา:17:11:36 น. |
|
| |
|
AjN_O |
|
|
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ยินดีต้อนรับผู้ที่เข้ามาเยี่ยมค่ะ ถ้าคุณเข้ามาที่นี้ แปลว่าคุณชอบกินและเที่ยวเหมือนกับเรา ข้อความต่างๆ ที่อยู่บน blog เป็นความเห็นส่วนตัวนะคะ ไม่ได้ทำเพื่อโปรโมทในเชิงการค้า ส่วนภาพถ่ายก็มาจากฝีมือของเราเอง สวยมั่งไม่สวยมั่ง ชื่นชมกันได้ตามสะดวกนะคะ
|
|
|
|