|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
บทที่ 10 การบริหารความขัดแย้ง
การบริหารความขัดแย้ง Conflict Management
ความหมายของความขัดแย้ง
ความ ขัดแย้ง หมายถึง ความรู้สึกของบุคคลหรือกลุ่มบุคคลตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป ที่มีความคิดเห็นหรือความเข้าใจว่าเป้าหมายหรือผลประโยชน์ของตนเองนั้นถูก ขัดขวาง, สกัดกั้น หรือไม่ลงรอย (Incompatible Goal) กับบุคคลหรือกลุ่มบุคคลอื่น
ลักษณะของความขัดแย้ง 1. มีสองฝ่ายขึ้นไป 2. เป้าหมาย หรือผลประโยชน์ไม่ตรงกัน 3. คู่กรณี มีความเกี่ยวข้องกัน
ประโยชน์ของความขัดแย้ง • กระตุ้นให้เกิดการแข่งขัน • ช่วยให้สมาชิกรวมกลุ่มกันทำงานมากขึ้น • ช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ • กลุ่มใดที่ขัดแย้งกัน สมาชิกแต่ละกลุ่มจะเกาะกลุ่มกันเหนียวแน่นขึ้น ประเภทของความขัดแย้ง • ความขัดแย้งของบุคคล : ต้องการหลายๆอย่าง ในเวลาเดียวกัน ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะเลือกอะไร • ความขัดแย้งในองค์การ : หน่วยงานและองค์การต่างๆ มีบุคลากรมากมาย เป็นกลุ่มเป็นทีม มีผู้นำและผู้ตาม การทำงานในองค์การย่อมมีความขัดแย้งไม่มากก็น้อย
ประเภทของความขัดแย้ง 1. ความขัดแย้งต่อตนเอง: • รักพี่เสียดายน้อง • หนีเสือปะจรเข้ • เกลียดตัวกินไข่ 2. ความขัดแย้งในองค์การ : • ความคิดเห็นแตกต่างกัน • วิธีคิดไม่เหมือนกัน • ค่านิยม การรับรู้ และผลประโยชน์ • เกิดการเปลี่ยนแปลงในการทำงาน • ความแตกต่างของหน้าที่ 3. ความขัดแย้งระหว่างองค์การ เช่น ผลประโยชน์ขัดกัน
สาเหตุของความขัดแย้ง • ลักษณะงานที่ต้องพึ่งพาซึ่งกันและกัน • การแบ่งงานตามความชำนาญเฉพาะด้านมีมากขึ้น • การกำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบงานไม่ชัดเจน • อุปสรรคของการติดต่อสื่อสาร หรือการสื่อข้อความ • การแข่งขันเพื่อแย่งชิงทรัพยากรที่มีจำกัด
การบริหารความขัดแย้ง • Conflict Management คือ ความสามารถที่จะหาวิธีการที่จะเปลี่ยนจากการทำลายที่เกิดจากความขัดแย้ง (Destructive Conflict) ให้กลายมาเป็นการสร้างสรรค์ (Constructive Conflict) ในที่สุดความขัดแย้งจึงไม่จำเป็นที่จะต้องส่งผลในทางลบเสมอไป ในณะเดียวกันเราสามารถเรียนรู้วิธีการบริหารความขัดแย้งที่เกิดขึ้นให้เกิด ผลในทางบวกเป็นไปในด้านการสร้างสรรค์
ความจำเป็นในการบริหารความขัดแย้ง การแก้ปัญหาความขัดแย้ง • วิธีชนะ-แพ้ (Win-Lose Method) • วิธีแพ้ทั้งคู่ (Lose-Lose Method) • วิธีชนะทั้งคู่ (Win-Win Method)
ชนะ-แพ้ (Win-Lose Method) หมายถึง ต้องมีฝ่ายที่ชนะ และฝ่ายที่แพ้ โดยฝ่ายที่ชนะอาจใช้วิธี • ใช้กำลังหรือบีบบังคับ (Forcing) โดยฝ่ายชนะมีอำนาจเหนือกว่า การใช้ข้อได้เปรียบทางฐานะของการมีอำนาจบังคับบัญชา ด้วยการสั่งให้ทำ ออกกฎระเบียบมาบังคับ วิธีนี้อาจนำไปสู่การคิดแก้แค้น • ทำให้สถานการณ์สงบลง (Smoothing) เป็นวิธีที่ทำให้ความขัดแย้งสงบลงชั่วคราวโดยการขอร้อง วิธีนี้เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ • ลดข้อขัดแย้งด้วยการหลีกเลี่ยง (Avoidance) คือถอยหนี เฉยเมย หรือไม่รับรู้ (ทั้งที่รู้) ไม่ยอมเข้าไปแก้ไขปัญหา ยืดเวลาไม่ยอมตัดสินใจ วิธีนี้ไม่ก่อให้เกิดแก้ไขปัญหา
แพ้ทั้งคู่ (Lose-Lose Method) • เป็นวิธีที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ตามที่ต้องการได้ ทั้งหมด แต่อาจได้มาเป็นบางส่วนเท่านั้น ได้แก่ การประนีประนอม หรือการเจรจาต่อรอง (Compromise) วิธีการนี้บางครั้งอาจต้องใช้คนกลางหรือบุคคลที่สามเข้ามาไกล่เกลี่ย หรือแม้กระทั่งให้คู่กรณีส่งตัวแทนมาต่อรองกัน เป็นวิธีที่นิยมมากที่สุด • จุดอ่อน ไม่สามารถนำไปสู่การแก้ไขสาเหตุของความขัดแย้งได้อย่างแท้จริง ความขัดแย้งอาจจะยุติเพียงชั่วคราว
ชนะทั้งคู่ (Win-Win Method) • เป็นวิธีการแก้ปัญหาร่วมกัน สามารถบรรลุวัตถุประสงค์ได้ตามที่ต้องการและเน้นความพอใจทั้งสองฝ่าย ซึ่งกระทำได้ยากและต้องใช้เวลามาก วิธีที่นิยมใช้ คือ • การแก้ไขปัญหาร่วมกัน (Integrative problem solving) ในลักษณะเผชิญหน้าซึ่งกันและกัน ระหว่างกลุ่มที่กำลังมีข้อขัดแย้งเกิดขึ้น • วิธีนี้ใช้เพื่อจุดหมายในการแก้ปัญหาได้ดีที่สุด
การป้องกันความขัดแย้ง 1. กลยุทธ์การมีความเห็นสอดคล้อง • ยอมรับว่าการขัดแย้งเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ • มุ่งมองที่ตัวปัญหามากกว่าตัวบุคคล • หาข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับปัญหา ไม่กล่าวว่าใครผิด-ถูก • จริงใจ เปิดเผย ใจกว้าง ยอมรับฟังความคิดเห็นผู้อื่น • หลีกเลี่ยง หรือขัดขวางความต้องการของผู้อื่น • อาศัยบุคคลที่สาม 2. กลยุทธ์การตัดสินใจแบบผสมผสาน • การทบทวนและปรับตัว เน้นทางด้านความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน • ระบุปัญหาให้ชัดเจน • แสวลหาแนวทางแก้ไข • ตัดสินใจแบบให้มีความเห็นสอดคล้องกัน
วิธีการแก้ไขขจัดความขัดแย้ง การหลีกเลี่ยง (Avoidance) การปรองดอง (Accommodation) การประนีประนอม (Compromise) การแข่งขัน (Competition) การร่วมมือร่วมใจ (Collaboration)
การหลีกเลี่ยง (Avoidance) • “เต่า” ผู้บริหารที่มักหลีกหนีปัญหาความขัดแย้งโดยไม่กล้าเผชิญหน้า เชื่อว่าไม่มีประโยชน์และรู้สึกว่าเป็นเรื่องเล็ก ไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ไขความขัดแย้งที่เกิดขึ้น จึงอยู่เฉยปล่อยให้เรื่องเงียบไปเอง เหมือนเต่าที่หดหัวอยู่ในกระดองเมื่อเผชิญกับภัยอันตราย • ข้อดี:ทำได้ง่าย • ข้อเสีย:ปัญหายังคงมีอยู่ ต้องหวาดผวา
การปรองดอง (Accommodation) • “หมีผู้น่ารัก” เชื่อว่าควรหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง เพราะไม่อยากมีปัญหา การโต้แย้งนำไปสู่การทำลายสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน เป็นวิธีการแก้ปัญหาด้วยการยอมเสียสละ “แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร” • ยอมแพ้ เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่อีกฝ่าย วิธีการนี้จึงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง • ข้อดี: ทำให้บรรเทาความขัดแย้งได้ในเวลาอันรวดเร็วเพราะคู่กรณีได้รับประโยชน์จึงเกิดความพึงพอใจและยุติข้อขัดแย้ง • ข้อเสีย:ผู้ได้ประโยชน์ลำพองใจ ผู้เสียประโยชน์รอวันแก้แค้น
การประนีประนอม (Compromise) • “สุนัขจิ้งจอก” เป็นวิธีการแก้ปัญหาความขัดแย้งด้วยการประนีประนอม หรือ "พบกันครึ่งทาง" เมื่อขู่บังคับแล้วไม่ได้ผล ต่างฝ่ายต่างต้องยอมลดความต้องการของตนบางส่วน เสียสละบางส่วน เพื่อให้ได้ข้อตกลงที่สามารถยุติปัญหาความขัดแย้ง • ผู้บริหารต้องมีเทคนิคในการเจรจาต่อรอง มีไหวพริบ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้พ้นตัว เอาตัวรอด • ข้อดี ต่างฝ่ายต่างได้เท่าที่ตกลงรอมชอมกัน • ข้อเสีย ฝ่ายเสียเปรียบจะยังขุ่นเคืองใจ
การแข่งขัน (Competition) • “ฉลาม” มักเอาชนะด้วยการใช้วิธีบังคับให้คู่กรณียอมรับวิธีการของตน ไม่สนใจว่าผู้อื่นจะรู้สึกอย่างไร ต้องมีผู้ชนะและผู้แพ้ การได้รับชัยชนะก่อให้เกิดความภาคภูมิใจและความสำเร็จ ส่วนการพ่ายแพ้ทำให้เขารู้สึกอ่อนแอ ด้อยค่าและ ล้มเหลว • ใช้อำนาจหรือการแสดงความก้าวร้าวรุนแรง เพราะมีอำนาจที่เหนือกว่า ไม่คำนึงถึงความรู้สึกคนอื่น • ข้อดี รู้ดีรู้ชั่ว รู้ผลแพ้-ชนะชัดเจน • ข้อเสีย ฝากรอยแค้นและความขมขื่นไว้รอวันชำระหนี้แค้น
การร่วมมือร่วมใจ (Collaboration) • “นกฮูก” มองว่าความขัดแย้งเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข รับฟังด้วยความตั้งใจ วิเคราะห์ความต้องการ ใจเย็นเพื่อหาทางออก แต่จะใช้ระยะเวลามากในการจัดการแก้ไขปัญหา • ข้อดี เป็นการยุติข้อขัดแย้งที่บรรลุข้อตกลงด้วยดีมีผลยาวนาน • ข้อเสีย เป็นการยากที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายมีความพอใจ และพร้อมใจร่วมมือกัน
การนั่งลงเจรจา (Bargain Table) เป็น วิธีหนึ่งในลักษณะของการที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งมีความยินยอม ตกลงที่จะร่วมมือกันแก้ไขปัญหา โดยการที่ทุกฝ่ายต้องมานั่งคุยกัน แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น และหาวิธีการเพื่อให้สามารถส่งเสริมอีกฝ่ายให้บรรลุเป้าประสงค์ในขั้นที่ ทั้งสองฝ่ายได้รับความพึงพอใจ
การใช้บุคคลที่สาม (Third Party) ทำหน้าที่ในการช่วยไกล่เกลี่ยข้อขัดแย้ง ในลักษณะที่คู่กรณีไม่สามารถจัดการแก้ปัญหาหรือหาข้อยุติจากข้อขัดแย้งได้ บุคคลที่สามอาจจะเป็นเพื่อน บุคคลที่คู่กรณีทุกฝ่ายให้ความเคารพ ไว้เนื้อเชื่อใจ, บุคคลที่อยู่ในระดับสูงกว่าในหน่วยงาน, ฝ่ายบุคคล (ที่มีหน้าที่ในการแก้ไขปัญหา และยุติข้อโต้แย้งโดยเฉพาะ)
ทักษะที่จำเป็นในการแก้ไขความขัดแย้ง 1. ความสามารถในการพิจารณาลักษณะของข้อขัดแย้ง 2. ความสามารถในการจำแนกประเด็นของข้อขัดแย้ง 3. ความสามารถในการเริ่มต้นเจรจาแก้ไขข้อขัดแย้ง 4. ความสามารถในการฟัง 5. ความสามารถในการใช้เหตุผลและให้เหตุผล 6. ความสามารถในการรู้จักปฏิกิริยาทางอารมณ์ของผู้อื่น 7 ความสามารถในการควบคุมอารมณ์ของตนเอง 8. ความสามารถในการอ่านปฏิกิริยาที่มีต่อคำพูด 9. ความสามารถในการลดความรุนแรง 10. ความสามารถในการใช้หลัก และกระบวนการแก้ปัญหา
การเจรจาต่อรอง(Negotiation)
เหตุที่ต้องมีการเจรจาต่อรอง • เมื่อต้องการบางอย่าง โดยมีข้อแลกเปลี่ยน ตั้งเงื่อนไข • เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของคู่สัญญา โอกาสที่จะได้รับประโยชน์เพิ่มเติม ขั้นตอนของการเจรจา • ขั้นเตรียมการเจรจา • ขั้นดำเนินการเจรจา • ขั้นบังคับใช้ผลของการเจรจา
กลยุทธ์ในการเจรจาต่อรอง • สร้างความเชื่อถือ/ความไว้วางใจ • หาหลักฐานอ้างอิง • การแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่เหมาะสม • การปรับปรุงเกี่ยวกับสิทธิ/หน้าที่ • การปรับปรุงประเด็นต่างๆ • กลยุทธ์ทางจิตวิทยา
Create Date : 13 สิงหาคม 2553 |
Last Update : 13 สิงหาคม 2553 14:35:28 น. |
|
1 comments
|
Counter : 34998 Pageviews. |
|
|
|
โดย: chumpon_143@live.com IP: 202.29.18.253 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2554 เวลา:10:00:59 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
เชียงใหม่ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 93 คน [?]
|
วิทยากร, ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (HRM & HRD), การบริหารความเสี่ยงองค์กร, การจัดการมาตรฐานแรงงาน, กฎหมายแรงงาน,เขียนหนังสือและบทความ
|
|
|
|
|
|
|
|