ฝังหัวใจข้าไว้ที่เสม็ด.... ตอน9 อ่าวที่มีอดีต
.....ในใจหวลรำลึกไปถึง วันเวลาในอดีต ภาพแห่งความทรงจำยังเด่นชัด เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน......
' "............เรากางเต๊นท์กันตรงนี้ละนะ ร่มดี แล้วก็อยู่สูงหน่อย " ผมเสนอความคิด บริเวณนี้อยู่ติดกับเขาสูง ไกลจากบ้านพักที่คนอยู่กัน จึงดูเงียบสงบเป็นส่วนตัว ผมกับนราไปหาเศษไม้มาเป็นฟืนและช่วยกันกางเต๊นท์ ผู้หญิงไปเตรียมหุงข้าวและทำกับข้าว พอกางเต๊นท์เสร็จ ก็กางผ้าทำเป็นหลังคาชั่วคราว ทำความสะอาดรอบๆเต๊นท์ หลังจากนั้นก็มานั่งหยอกล้อพวกผู้หญิงที่ทำกับข้าวกัน มื้อนี้เป็นหอยเชลผัดใส่พริก หอยแมลงภู่ต้มสุก มีน้ำจิ้มรสแซบที่เตรียมกันมาก่อนแล้ว ส่วนพวกหอยและของทะเลต่างๆ เราซื้อกันมาจากบนฝั่ง เอามาทำกินกันเอง หลังอาหารมื้อเช้า เรานั่งคุยกันอย่างออกรสสนุกสนาน คุยกันถึงค่ำเมื่อวานที่ผ่านมาที่พวกเรามากันอย่างทุลักทุเลแค่ไหน แล้วก็หัวเราะกับความเฉิ่มๆเชยๆของพวกเรา ที่กางเต๊นท์เอาตอนพระอาทิตย์ตกดินไปแล้วจนมองไม่เห็นว่า เราได้มากางเต๊นท์อยู่กลางชุมชน จนเช้ามา ผู้คนแถวนั้นก็มองเราอย่างประหลาดใจว่าเราโผล่กันมาจากไหน จนเราต้องรีบเก็บข้าวของแล้วออกเดินกันมาจนถึงหาดลุงดำ
..........พอเราล้างถ้วยชามเสร็จเรียบร้อย ก็พร้อมใจกันลงเล่นน้ำทะเล นี่ถือเป็นการอาบน้ำครั้งแรกของการเดินทางมาที่เกาะนี้ ถึงแม้จะเป็นน้ำทะเล แต่ก็ยังดีกว่าปล่อยให้เนื้อตัวเหนียวหนึบด้วยเหงื่อไคล เราเล่นสาดน้ำใส่กันไปมา วิ่งไล่กันในน้ำ ว่ายน้ำแข่งกันจนหนำใจแล้ว ก็ขึ้นมานั่งเล่นกันต่อบนหาด หยกกำทรายไว้เต็มกำมือ ย่องมาข้างหลังผมตอนผมเผลอ แล้วปล่อยทรายลงในคอเสื้อผม หยก เป็นเพื่อนรุ่นน้อง ตาโต จมูกโด่งเป็นสัน ปากชมพูเป็นรูปกระจับ ใบหน้ารูปไข่ ซอยผมสั้น ผิวสองสีเนียนเกลี้ยงเกลา รูปร่างเล็กค่อนไปทางผอม เวลาผมมองเธอ เธอจะหลบหน้าต่ำ แล้วช้อนสายตาขึ้นมามองตอบ เธอจะพูดด้วยน้ำเสียงเนิบๆ แบบคนใจเย็น ยิ้มง่าย ท่าทางขี้เล่น เห็นอะไรเป็นเรื่องเล่นสนุกไปหมด เธอหัวเราะที่แกล้งผมได้ พอผมรู้ตัว และหันไปคว้าแขนเธอได้ ผมหยิบทรายใส่เธอบ้าง เธอทำท่ากระฟัดกระเฟียด ไม่ยอมแพ้ จะเอาทรายใส่ผมอีก ผมจับแขนเธอทั้งสองข้างขืนไว้ไม่ให้เธอทำอะไรได้สะดวก "พี่ดีม! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ" "ม่ายปล่อย ถ้าปล่อย หยกก็หยิบทรายมาใส่อีก" "ไม่หยิบแล้ว เลิกแล้ว" "เลิกแล้วแน่นะ หายกันแล้วนะ" "เอ๊ะ พี่ดีม จะปล่อยไม่ปล่อย!" ครั้งนี้เธอเสียงแข็งใส่ จนผมต้องยอมปล่อยมือ คราวนี้เธอกำทรายได้ทั้ง2มือ ขว้างใส่ผมอุตลุด ผมไม่ทันระวังตัว ทรายที่เธอขว้างใส่ กระเด็นเข้าตา จนต้องขยี้ตา หยกสังเกตุเห็นความผิดปรกติของผม จึงหยุดขว้าง แล้วเดินเข้ามาดูใกล้ๆ เธอให้ผมหยุดขยี้ตาแล้วก้มลงดูจนหน้าเราเกือบแนบติดกัน ผมได้กลิ่นจางๆบางอย่างจากตัวเธอ หอมและรัญจวน ลืมอาการเคืองตาเสียสิ้น ......'
........"อาหารมาแล้วววววววววววววว...." เสียงนายวิท ทำลายความเงียบขึ้น ข้าวผัดปูมาวางอยู่ตรงหน้า แทบมองไม่เห็นเนื้อปูเลย แต่อาหารมื้อนี้ ก็อร่อยเพราะการหิวโซของพวกเรา เพียงไม่นาน เราก็จัดการอาหารตรงหน้าจนเกลี้ยงจาน นั่งเอ้อระเหยกันอยู่พักใหญ่ จนแมนหลับไปตั้งแต่เมื่อไรไม่ทราบ วิทเรียกคนขายมาเก็บเงิน ค่าอาหารมื้อธรรมดามื้อนี้ แพงอย่างไม่น่าเชื่อ รวมแล้ว200บาทถ้วน เช็คบิลเรียบร้อย ได้เวลาที่เราจะออกเดินกันต่อแล้ว แมนเริ่มแสดงอาการงอแงให้เห็น โดยขอตัวกลับไปนอนที่ห้องพัก อาการงอแงนี้เป็นครั้งแรก แต่ไม่ใช่ครั้งสุดท้าย เป็นสิ่งที่พวกเราไม่คาดคิดว่าจะทำให้เกิดอุปสรรคในการเดินทางวันต่อมา ผมกับวิทยอมให้กุญแจห้องให้แมนกลับไปนอน ผมคล้องกระเป๋าใบเก่งสะพายไหล่ วิทกระชับเจ้าใบเล็กเข้ากับซอกแขน ออกเดินลงไปสู่หาดกว้างที่ทอดตัวสู่เนินเขาข้างหน้า มุ่งสู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ที่เห็นอยู่ลิบๆ พอให้คาดเดาได้ว่าจะเป็นช่องทางเดินตัดเนิน .....ข้ามไปยังอ่าวแสงเทียน.....
--------------- โปรดติดตามตอนต่อไป -------------
ฝังหัวใจข้าไว้ที่เสม็ด.... ตอน10 สำรวจหาด
Create Date : 17 มกราคม 2551 |
|
3 comments |
Last Update : 26 มิถุนายน 2553 23:06:23 น. |
Counter : 338 Pageviews. |
|
|
|
ตราบใดเรี่ยวแรงยังมี ขายังพร้อมก้าวเดิน
ตราบใดใจยังแข็งแกร่ง ยังมีหนทางข้างหน้าให้เราเดินไปเสมอ