หลังคาเมทัลชิท มีข้อดี ข้อเสียอย่างไร

หลังคาเมทัลชิท (Metal Sheet Roof) เป็นวัสดุหลังคาที่นิยมใช้ในการก่อสร้างหลังคาในหลายสถาปัตยกรรม ข้อดีและข้อเสียของหลังคาเมทัลชิทมีดังนี้:

ข้อดีของหลังคาเมทัลชิท:

  1. ความคงทนและความทนทาน: เมทัลชิทมีความคงทนต่อสภาวะอากาศที่แปรปรวน เช่น ฝน น้ำตก ลมแรง แสงแดด และความร้อน เป็นพิเศษในการกันการกัดกร่อน และสภาวะสึกหรอ
  2. อายุการใช้งานยาวนาน: หลังคาเมทัลชิทสามารถให้บริการเป็นเวลาหลายสิบปี โดยไม่ต้องรับการบำรุงรักษามากมาย ลดค่าใช้จ่ายในระยะยาว
  3. การติดตั้งง่าย: เมทัลชิทมีน้ำหนักเบาและสามารถติดตั้งได้ง่ายและรวดเร็ว เป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับโครงการก่อสร้างที่ต้องการเสร็จสิ้นในเวลาที่รวดเร็ว
  4. การระบายความร้อน: หลังคาเมทัลชิทมีความสามารถในการระบายความร้อนได้ดี ช่วยลดการพบปัญหาที่เกี่ยวกับความร้อนในอาคารในฤดูร้อน
  5. การป้องกันการรั่วซึม: เมทัลชิทมีความป้องกันการรั่วซึมที่ดี เมื่อติดตั้งอย่างถูกต้องและบำรุงรักษาอย่างเหมาะสม
  6. การบำรุงรักษาง่าย: การดูแลรักษาหลังคาเมทัลชิทไม่ต้องใช้เวลาและงบประมาณมาก

ข้อเสียของหลังคาเมทัลชิท:

  1. ราคาที่สูง: เมทัลชิทมีราคาที่สูงกว่าวัสดุหลังคาบางประเภท เช่น หลังคาแฟร์โรชิท
  2. เสียงรบกวน: หลังคาเมทัลชิทอาจส่งเสียงดังเมื่อมีฝนตกหรือลมพัด ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความสงบสุขภายในอาคาร
  3. การสะสมความร้อน: ในบางกรณี หลังคาเมทัลชิทอาจสะสมความร้อนในฤดูร้อน จึงต้องมีการติดตั้งระบบระบายความร้อนเพิ่มเติม
  4. สีเรียบ: หลังคาเมทัลชิทมักมีสีเรียบ และไม่มีลวดลายหรือลวดลายทางสถาปัตยกรรม ซึ่งอาจทำให้บางคนไม่ชื่นชอบมาก
  5. การติดตั้งผิดพลาด: หากไม่มีการติดตั้งอย่างถูกต้อง หลังคาเมทัลชิทอาจรั่วซึม ซึ่งอาจเสียหายและเป็นอันตรายต่ออาคาร

การเลือกใช้หลังคาเมทัลชิทหรือวัสดุหลังคาอื่น ๆ ควรพิจารณาความเหมาะสมกับความต้องการของโครงการและสภาพแวดล้อม รวมถึงงบประมาณที่มีให้ใช้งานด้วยดี




 

Create Date : 04 กันยายน 2566    
Last Update : 4 กันยายน 2566 9:37:40 น.
Counter : 357 Pageviews.  

ประโยชน์ของการรางน้ำฝน

การติดตั้งระบบรางน้ำฝนหรือระบบการนำน้ำฝนไปใช้ในการเก็บน้ำหรือใช้ในการใช้งานอื่นๆ จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พื้นที่ที่คุณอาศัย วัตถุประสงค์ในการใช้น้ำฝน และข้อกำหนดหรือกฎระเบียบท้องถิ่น ดังนั้น คำตอบอาจจะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ของคุณ ดูดีที่ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในงานนี้เพื่อให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับสถานการณ์ของคุณ นี่คือบางปัจจัยที่ควรพิจารณา:

  1. วัตถุประสงค์ในการใช้น้ำฝน: คุณต้องการใช้น้ำฝนเพื่อใครและทำอะไรกับน้ำนั้น ยกตัวอย่างเช่น การใช้น้ำฝนในการรดต้นไม้ในสวน การบำบัดน้ำเสีย หรือการใช้น้ำฝนเป็นน้ำดื่ม วัตถุประสงค์จะมีผลต่อระบบรางน้ำฝนที่คุณต้องการติดตั้ง

  2. ข้อกำหนดท้องถิ่น: สำหรับบางพื้นที่หรือชุมชน อาจมีกฎระเบียบหรือข้อกำหนดท้องถิ่นที่กำหนดวิธีการใช้น้ำฝนหรือการติดตั้งระบบรางน้ำฝน ควรตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นหรือเจ้าหน้าที่รัฐบาลท้องถิ่นเพื่อทราบข้อมูลเพิ่มเติม

  3. การตรวจสอบการเป็นไปได้ทางเทคนิค: ควรให้วิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านระบบน้ำพื้นบ้านตรวจสอบว่าระบบรางน้ำฝนเป็นไปได้ทางเทคนิคในพื้นที่ของคุณ โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น การควบคุมน้ำฝน การเก็บน้ำ และการใช้งาน

สรุปคือ การติดตั้งระบบรางน้ำฝนจำเป็นหรือไม่ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์และสถานการณ์ของคุณ ควรพิจารณาปัจจัยที่มีผลต่อการติดตั้งและปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณและรับรองว่าระบบรางน้ำฝนที่คุณติดตั้งเป็นไปตามข้อกำหนดและกฎระเบียบท้องถิ่นที่เป็นที่ยอมรับได้

การใช้ระบบรางน้ำฝนมีหลายประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมและการออกแบบพื้นที่ที่มีประสิทธิภาพมากมาย นี่คือบางประโยชน์สำคัญของการใช้ระบบรางน้ำฝน:

  1. ประหยัดน้ำ: การใช้น้ำฝนเป็นแหล่งน้ำสามารถช่วยประหยัดน้ำจากแหล่งอื่น ๆ เช่น การประหยัดน้ำประปาและน้ำบาดาล ซึ่งสามารถลดค่าใช้จ่ายในการใช้น้ำในบ้านได้

  2. ป้องกันน้ำท่วม: การรางน้ำฝนช่วยลดการท่วมน้ำในพื้นที่ที่มีการกระทำการก่อสร้างโดยลดปริมาณน้ำที่ไหลลงสู่ระบบน้ำ

  3. ลดค่าใช้จ่ายในการบำบัดน้ำเสีย: การนำน้ำฝนมาใช้ในการบำบัดน้ำเสียหรือใช้ในการรดต้นไม้และพืชช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาระบบบำบัดน้ำเสียและการรดน้ำสำหรับพืช.

  4. การลดการใช้พลังงาน: การนำน้ำฝนมาใช้ในการรดต้นไม้และพืชช่วยลดค่าใช้พลังงานที่จะใช้ในการปรับปรุงระบบรดน้ำแบบมีพลังงาน

  5. ช่วยในการเพิ่มความเขียวในพื้นที่: การใช้น้ำฝนในการรดต้นไม้และพืชช่วยสร้างพื้นที่เขียวในการเมืองและประชาคม

  6. ลดการต่อสู้กับขาดแคลนน้ำ: การเก็บน้ำฝนช่วยลดความขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งหรือในพื้นที่ที่น้ำสามารถหมดไปได้

  7. ส่งเสริมการอยู่อย่างยั่งยืน: การใช้ระบบรางน้ำฝนช่วยส่งเสริมการอยู่อย่างยั่งยืนและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในชุมชน

การใช้ระบบรางน้ำฝนมีประโยชน์หลายอย่างไม่เพียงแค่การประหยัดน้ำแต่ยังช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างระบบการใช้น้ำที่ยั่งยืนขึ้นในสังคมและพื้นที่ที่ใช้งาน




 

Create Date : 02 กันยายน 2566    
Last Update : 2 กันยายน 2566 8:24:30 น.
Counter : 407 Pageviews.  

อิฐมอญ กับ อิญมวลเบา ต่างกันอย่างไร

อิฐมอญ (Brick) เป็นวัสดุก่อสร้างที่ทำจากดินเผาหรือดินปูนที่ผสมน้ำและอบในอุณหภูมิสูง โดยการอบทำให้ดินมีการเชื่อมต่อกันและกลายเป็นวัสดุที่แข็งแรงและทนทาน อิฐมอญมักถูกนำมาใช้สร้างโครงสร้างต่าง ๆ เช่น ผนังของอาคาร กำแพง คาน และโครงสร้างอื่น ๆ อิฐมอญมีความหลากหลายในขนาดและรูปทรง เช่น อิฐมอญแบบพิมพ์ และอิฐมอญแบบพิมพ์สีที่สามารถนำมาสร้างผนังหรือผลงานศิลปะได้ด้วย การใช้งานอิฐมอญมักเน้นความแข็งแรงและความทนทาน เป็นวัสดุก่อสร้างที่ได้รับการนำมาใช้มาตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน

อิญมวลเบา (Lightweight Concrete) เป็นวัสดุก่อสร้างที่มีน้ำหนักเบากว่าวัสดุก่อสร้างทั่วไปอย่างมาก วัสดุนี้ถูกสร้างขึ้นโดยผสมวัสดุต่าง ๆ เข้าด้วยกันในสูตรที่ช่วยลดน้ำหนักของวัสดุ โดยที่ไม่สูญเสียความแข็งแรงที่จำเป็น ส่วนผสมที่ใช้สร้างอิญมวลเบาอาจประกอบด้วยดินโคลนผสมกับวัสดุร่วมกับสารเสริมที่ทำให้น้ำหนักลดลงได้ หรืออาจใช้สำหรับการผสมคอนกรีตและวัสดุเสริมเพื่อลดน้ำหนักของผลิตภัณฑ์

อิญมวลเบามักถูกนำมาใช้ในงานก่อสร้างเพื่อลดน้ำหนักของโครงสร้าง นั่นทำให้มันเหมาะสำหรับโครงการที่ต้องการลดน้ำหนักบรรหารและลดความดันที่มีต่อพื้นและฐานราก แต่ในบางกรณี อิญมวลเบาอาจจะมีความแข็งแรงน้อยกว่าวัสดุก่อสร้างปกติ ดังนั้นควรพิจารณาคุณสมบัติและความเหมาะสมของวัสดุก่อสร้างกับโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่

อิฐมอญและอิญมวลเบาเป็นวัสดุก่อสร้างที่มีความแตกต่างกันในด้านส่วนประกอบและคุณสมบัติหลัก นี่คือความแตกต่างระหว่างอิฐมอญและอิญมวลเบา:

  1. วัสดุประกอบ:

    • อิฐมอญ: อิฐมอญทำจากดินเผาหรือดินปูนที่ผสมน้ำและอบในเตาอบที่สูงอุณหภูมิ เมื่ออิฐมอญถูกอบเสร็จแล้ว มันจะมีโครงสร้างที่แข็งแรงและทนทาน โดยไม่เหนี่ยวนำโดยรวยเหมือนอิญมวลเบา

    • อิญมวลเบา: อิญมวลเบาทำจากวัสดุที่มีความเบาเช่นเชื้อเพลิง แน่นอนแล้วอิญมวลเบามีโครงสร้างว่างเปล่าภายใน ซึ่งทำให้มันมีน้ำหนักเบามากเมื่อเปรียบเทียบกับอิฐมอญ

  2. ความแข็งแรง:

    • อิฐมอญ: มีความแข็งแรงและทนทาน มักใช้สำหรับการสร้างผนัง โครงสร้าง หรือการสร้างอาคารทั่วไป

    • อิญมวลเบา: มีความแข็งแรงน้อยกว่าอิฐมอญและไม่เหมาะสำหรับการรับน้ำหนักหนักหรือการใช้งานที่ต้องการความแข็งแรง

  3. น้ำหนัก:

    • อิฐมอญ: มีน้ำหนักสูงกว่าอิญมวลเบา ซึ่งทำให้มันเหมาะสำหรับโครงสร้างที่ต้องมีความเครื่องหมายในการรับน้ำหนัก

    • อิญมวลเบา: มีน้ำหนักเบามาก ทำให้มันเหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการลดน้ำหนักหรือโครงสร้างที่ไม่จำเป็นต้องรับน้ำหนักมาก

  4. การใช้งาน:

    • อิฐมอญ: มักใช้สำหรับการสร้างก่อสร้างหรือโครงสร้างที่ต้องการความแข็งแรงและทนทาน

    • อิญมวลเบา: มักใช้ในการสร้างผนังที่ไม่ต้องการความแข็งแรงมากหรือในการลดน้ำหนักของโครงสร้าง

ดังนั้นการเลือกใช้อิฐมอญหรืออิญมวลเบาขึ้นอยู่กับการใช้งานและความต้องการของโครงการก่อสร้างแต่ละอย่าง

ที่มา : konrukbaan.com




 

Create Date : 01 กันยายน 2566    
Last Update : 1 กันยายน 2566 11:46:29 น.
Counter : 281 Pageviews.  

7 วิธีทำความสะอาดพื้นผิวภายนอกบ้าน

การทำความสะอาดพื้นบ้านภายนอก เป็นงานที่สำคัญเพื่อรักษาความสะอาดและความปลอดภัยของบ้านของคุณ นี่คือขั้นตอนที่คุณสามารถทำความสะอาดพื้นบ้านได้ดี:

  1. เตรียมอุปกรณ์และวัสดุที่จำเป็น:

    • ไมโครไฟเบอร์หรือผ้าไมโครไฟเบอร์
    • ถังน้ำ
    • ผงซักฟอกหรือผงซักฟอกพิเศษสำหรับพื้น
    • ผงซักฟอกหรือน้ำยาทำความสะอาดพื้นที่เหมาะสำหรับประเภทพื้นของคุณ (ไม่ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีความกระทบต่อพื้น)
  2. ล้างฝุ่นและสกปรก:

    • ใช้ไมโครไฟเบอร์หรือผ้าเพื่อล้างฝุ่นและสกปรกออกจากพื้น
    • ในกรณีที่ รอยย่นบนพื้น ใช้แปรงทำความสะอาดพื้น
  3. ใช้น้ำยาทำความสะอาดพื้น:

    • หลังจากล้างฝุ่นและสกปรกแล้ว ใช้น้ำยาทำความสะอาดพื้นที่เหมาะสำหรับประเภทพื้นของคุณ
    • ทำตามคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์และหลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีความกระทบต่อพื้น
  4. ล้างด้วยน้ำ:

    • ใช้ถังใส่น้ำสะอาด หรือใช้น้ำฉีด เพื่อล้างน้ำยาทำความสะอาดพื้นออก
  5. ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ใหม่เช็ด:

    • ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ใหม่เพื่อเช็ดพื้นให้แห้ง
  6. ป้องกันความลื่น:

    • หากพื้นของคุณเป็นพื้นที่แห้งง่าย ควรมีผ้าเช็ดเท้า หรือ แผ่นกันลื่นไว้ใช้งาน
  7. ดูแลรักษาเป็นประจำ:

    • เพื่อรักษาความสะอาดและสวยงามของพื้นบ้าน ควรทำความสะอาดพื้นเป็นประจำ โดยไม่รอให้สกปรกและคราบเกิดขึ้นมากเกินไป.ช

อย่าลืมเช็คคำแนะนำการดูแลและทำความสะอาดพื้นที่เฉพาะ เช่น ไม่ควรใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีความกระทบต่อพื้นผิว เพราะอาจจะทำให้พื้นผิวบ้านด่าง หรือ พื้นผิวเสียหายได้

ที่มาบทความ : https://yarkmebaan.com




 

Create Date : 26 สิงหาคม 2566    
Last Update : 26 สิงหาคม 2566 10:40:13 น.
Counter : 313 Pageviews.  

10 ไอเดียแบบบ้านสไตล์มูจิ ที่คุณก็ทำได้

การสร้างบ้านสไตล์มูจิ (Mujian) หรือบ้านแบบไม้ซึ่งมีต้นกำเนิดจากศิลปะและวัฒนธรรมของญี่ปุ่น เป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นธรรมชาติและความเรียบง่ายในการออกแบบ บทความนี้จะมาแนะนำไอเดียสำหรับแบบบ้านสไตล์มูจิที่หลายๆ คนอาจจะชื่นชอบ สนใจติดตามกันได้เลยครับ

แนะนำไอเดียแบบบ้านสไตล์มูจิ (Muji)

  1. Minimalism และ Zen: มูจิเป็นการให้ความสำคัญกับความเรียบง่ายและการลดสิ่งที่ไม่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ในการตกแต่งบ้านสไตล์มูจิ ควรเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีวัสดุไม้ โดยไม่ต้องมีรายละเอียดซับซ้อน และเลือกใช้สีที่เงียบๆ สงบๆ เช่น สีน้ำตาลเข้ม สีน้ำตาลอ่อน สีน้ำตาลสว่าง เพื่อเสริมสร้างบรรยากาศที่เงียบสงบและอ่อนโยน

  2. การจัดเรียงพื้นที่: ควรมีการจัดเรียงพื้นที่ให้เป็นระเบียบและไม่มีสิ่งที่หนาแน่น ควรตั้งใจในการวางเฟอร์นิเจอร์และของใช้ต่างๆ ให้เป็นส่วนเสริมของบ้านเท่านั้น

  3. การใช้วัสดุธรรมชาติ: ในการตกแต่งบ้านสไตล์มูจิ ควรใช้วัสดุธรรมชาติเช่น ไม้ ซึ่งมักให้ความอบอุ่นและความเป็นธรรมชาติให้กับบ้าน นอกจากนี้ ควรใช้ผ้าคลุมโซฟาหรือหมอนที่มีลวดลายหรือสีที่เงียบๆ เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์ให้กับบ้าน

  4. สวน: ออกแบบสวนเสียงในบ้านที่มีน้ำหนักในการสร้างความสงบและเป็นกลางใจ ควรตั้งเสียงจากน้ำพุให้เป็นที่เหมาะสมในบ้านของคุณ

  5. การใช้ไฟสว่าง: ควรเลือกใช้ไฟสว่างที่อ่อนๆ และไม่มีเสียงรบกวน ทำให้เกิดบรรยากาศที่เงียบสงบและผ่อนคลายใจในบ้าน

  6. โซนการพักผ่อน: สร้างโซนการพักผ่อนที่สามารถพักผ่อนและผ่อนคลายใจได้ เช่น โซนอ่านหนังสือ หรือโซนนั่งชมวิว

  7. การจัดวางของใช้: ควรจัดวางของใช้ให้เป็นระเบียบและมีความสวยงาม อย่าให้สิ่งของหนาแน่นและไม่เป็นระเบียบ

  8. ความเป็นส่วนตัว: ควรสร้างพื้นที่ที่เป็นส่วนตัวให้เพียงพอเพื่อให้สามารถรับรู้เวลาส่วนตัวของตัวเอง

  9. การใช้งานธรรมชาติ: ควรนำธรรมชาติเข้ามาในบ้าน เช่น  การเปิดหน้าต่างให้เพิ่มแสงธรรมชาติ ตกแต่งบ้านด้วยการปลูกต้นไม้

  10. การทำความสะอาด: ในบ้านสไตล์มูจิควรมีการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเก็บความเป็นระเบียบและสะอาดสะอ้านเสมอ

บทความข้างต้นเป็นเพียงแนวทางในการตกแต่งบ้านสไตล์มูจิ เพื่อนๆ สามารถปรับแต่งตามความสะดวกและความพอใจได้เลย หวังว่าได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างบ้านสไตล์มูจิของเพื่อนๆ กันนะครับ




 

Create Date : 05 สิงหาคม 2566    
Last Update : 5 สิงหาคม 2566 10:16:34 น.
Counter : 392 Pageviews.  

1  2  

สุดท้ายที่ปลายฟ้า
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add สุดท้ายที่ปลายฟ้า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.