รวมมิตรเรื่องท่องเที่ยว และ สายการบิน
Group Blog
 
All Blogs
 
ครั้งหนึ่งที่รักษาสัตว์แล้วได้ลงหนังสือพิมพ์ -->> โผมไม่ได้อยากให้เป็นข่าวเล้ย พับผ่าซิ...

โอ๊ะ โอ๋ .... กระทู้นี้ว่าด้วยเรื่อง ข่าวที่ผมไม่อยากให้เป็นข่าวเล้ย ....

ผมเองก็ไม่คิดหรอกครับว่า ทำงานเป็นสัตวแพทย์รักษาสัตว์แล้ว
จะต้องมาเป็นข่าว ก็แค่เราทำงานตามหน้าที่ของเราเท่านั้นเองหน่ะครับ ...
ไม่ค่อยชอบให้ใครมาอะไรกับเราตอนทำงานด้วยซ้ำไป เหอๆๆ

อนาถเด็กดอยไล่ทุบสุนัขทำอาหารกิน


ข่าวจาก หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น เชียงใหม่นิวส์ ฉบับวันที่ 23 มีนาคม 2552
คลิ๊กไปอ่าน ....

คือเอ่อ .... ผมก็อึ้งครับ ...
เย็นวันเสาร์ที่ 21 มีนาคม วันนั้นเป็นวันที่จะว่าวุ่นก็วุ่นมาก
เพราะว่า ช่วงเย็นเหลือคุณหมอรักษากันอยู่ 2 คน เป็นคุณหมอใหญ่เจ้านายผม กับหมอน้อย (ตอนนี้มีน้องหมอใหม่มาช่วยแล้ว) ก็คือผมเอง
เราก็รีบๆ เร่งๆ รักษากันไป เพราะลูกค้าก็มากันไม่ขาดสายหน่ะครับ (เหนื่อย )
แล้วก็มีเคสนี้หล่ะครับ มาเป็นเคสแบบฉุกละหุก (ฉุกเฉิน) ....

พอดีผมรักษาอยู่ห้องข้างๆ กัน (ดูจากภาพประกอบจะเห็นชายเสื้อเขียวอยู่อีกห้องหนึ่ง พาน้องโกลเด้นท์ ผิวหนังอักเสบมารักษา ให้ผู้ช่วยฯ โกนขนอยู่) ผมก็ได้ยินเสียงเหมือนผู้คนมากมาย กำลังรีบๆ อยู่ ... แล้วเข้าห้องตรวจข้างๆ
ผมก็รู้ตัวดีครับว่า ....
ถ้าเราไม่รักษาแล้วใครจะรักษา เพราะเหลือหมอกันอยู่แค่นี้ พี่เค้าก็ดูวุ่นๆ กับเคสอีกบ้านหนึ่งอยู่ ก็เลยชะแว๊บเข้าไป

เอ่อ ผง่ะครับ ... เจอกล้องถ่ายภาพ ผู้คนรายล้อม อะไรกันนี่ ...
ผมไม่ค่อยชอบมุขนี้จริงๆ เลย (อันนี้เลยต้องยึ้มแบบเจื๋อนๆ แล้วเล็ดลอดเข้าไปรักษา ) ส่วนผู้ช่วยฯ ก็วิ่งตามมาช่วยกัน ... จริงๆ หลายปีก่อนก็เคยมีเหตุการณ์แบบนี้หล่ะครับ ครั้งนั้นออกรายการเรื่องเล่าเช้านี้ด้วย แต่เป็นรุ่นพี่ผมเจอ ...

ผมก็ตรงเข้าไปตรวจน้องหมา นอนตะแคง ตัวเปียกโชกมา
ผมก็ไม่ทันได้ซักประวัติอะไรเท่าไหร่ห่รอกครับ
เห็นเค้าคุยๆ กัน ผมก็ไม่ค่อยได้สนใจฟัง
ดูน้องหมา เห็นแล้วสงสาร ตรงตาขวาลักษณะเหมือนโดนตี หรือโดนอุบัติเหตุมา (เราไม่เห็นเหตุการณ์ เราฟันธงไม่ได้ครับ) ตรงเยื่อบุรอบๆ ตาแดงก่ำ เลือดออกในลูกตา มีเลือดออกจากปากและจมูก เปิดเหงือกดูซีดๆ ฟังปอดยังดูโอเคอยู่ ... ก็ขออนุญาตเติมน้ำเกลือ ให้ยากันช๊อค ยาลดบวมลดอักเสบ ยาห้ามเลือดเข้าเส้น และ ยาคุมการติดเชื้อไปก่อนละกัน ...

เหตุผลที่ผมรีบขนาดนี้ ก็เพราะว่า ... ผมไม่ค่อยชอบถูกถ่ายภาพครับ
ขี้เกียจให้สัมภาษณ์อะไรด้วย
(คุณนักข่าวเองก็พูดค่อนข้างแข็งหน่ะครับ เราไม่รู้จักเขา เขาไม่รู้จักเรา ค่อยๆ พูดค่อยๆ จากันก็ได้นะครับ)

พอเติมน้ำเกลือได้ปุ๊บ ผมรีบเผ่นหนีไปเตรียมยาครับ
พอดีคุณสัญญาที่พามาเขาก็เป็นลูกค้าประจำ พาสัตว์มารักษาบ่อยๆ อยู่แล้ว
ไม่มีปัญหา ผมก็แจ้งว่าฝากไว้ได้เลยครับ แวะติดต่อข้างหน้าก่อนนะครับ ...

ช่วงระหว่างที่ผมไปเตรียมยา ...
เอ่อ คุณนักข่าวก็ซักถามคำถามกับน้องผู้ช่วยฯ น้องผู้ช่วยฯ ก็ช่วยๆ ตอบเท่าที่ตอบได้ไปก่อน .... ตอบตามอาการ ก็ต้องค่อยๆ ดูอาการกันไปหน่ะครับ แล้วที่เด็ดมาก คือตอนที่ถามชื่อหมอที่รักษา ....

น้องผู้ช่วยฯ ก็บอกชื่อจริงของผมไป ชื่อผมก็พยางค์เดียว แถมดูเหมือนไม่ใช่ชื่อจริง ตานักข่าวก็เหมือนจะหงุดหงิด เร่งถามว่าเอาชื่อจริง น้องก็ตอบเหมือนเดิม ... แล้วเจ้านักข่าวก็ถามอีก น้องชี้ให้ไปดูป้ายชื่อตัวบักเอ้กหน้าร้านเลย
จดเอาเองได้ตามอัธยาศัย ฮร่วย .... (ถ้าเขากล้าถามผมแบบนี้ ... ผมก็คงจะชี้ป้ายชื่อ แล้วบอก คุณพี่ครับ เบิ่งครับ เบิ่ง ไม่เชื่อใช่มะว่าชื่อแบบนี้ก็เป็นชื่อจริงได้ ฮร่วย!! )

ซักพักหนึ่ง ก็มีคุณผู้หญิงที่อ้างว่าเห็นสุนัขถูกทำร้าย
เข้ามาเยี่ยม เข้ามาดูอาการน้องหมา
เห็นแกบอกว่า เด็กๆ กลุ่มนั้นขู่ว่าจะทำลายทรัพย์สินบ้านแกด้วย ...
(อันนี้ ส่วนตัวผมก็ฟังหูไว้หูหน่ะครับ เพราะฟังๆ ดูแล้วปวดหัว ไม่รู้จะเชื่อใครดี เชื่อสภาพน้องหมาเป็นหลักดีกว่า)

ซักพักเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะสงบ น้องหมาก็สงบดี ให้ยาไปแล้วเลือดเริ่มหยุดไหล ให้น้องๆ ผู้ช่วยฯ มาจับกลุ่มเล่าเหตุการณ์เมื่อตะกี้กัน... เอ้ยไม่ใช่ ให้มาช่วยกันเช็ดเนื้อเช็ดตัว เฝ้าติดตามอุณหภูมิร่างกาย ซึ่งตอนแรกก็เย็นกว่าปกติเล็กน้อย แต่ก็กลับมาเป็นปกติ พอกลับตัวอีกด้านก็ลุกเดินได้เฉยเลย .... พอปรับสภาพร่างกายได้ ก็ส่งขึ้นไปเอ๊กซ์เรย์ พบว่ากะโหลกตรงช่วงหน้าผากแตก แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสเท่าไหร่ครับ

วันรุ่งขึ้น ยาลดบวมที่ให้ไปก็เห็นผลครับ ... หน้าและตาเริ่มยุบ ดูสดใสขึ้น
แต่ก็ยังดูเจ็บๆ ตัวอยู่ มีหลายๆ คนที่ได้ทราบข่าวเข้ามาเยี่ยมครับ ...
จนกระทั่งมีผู้มาขอรับอุปการะ รับกลับบ้านไป ....

ส่วนเรื่องค่ารักษา ผู้อุปการะมาช่วยรับผิดชอบให้ครับ ....เพราะปกติ ที่ทำงานผม ไม่ได้มีกองทุนสำหรับช่วยเหลือสุนัขกลุ่มนี้ครับ
ส่วนมากก็จะเป็นการติดต่อจากหน่วยงานอื่น เข้ามาขอให้ช่วยเหลือซึ่งเราก็ทำหน้าที่รักษาตามปกติ แล้วก็มีการคิดค่าใช้จ่ายกับหน่วยงานนั้นๆ เป็นเคสๆ ไปครับ .... (ส่วนใหญ่หน่วยงานนั้นๆ ก็จะมีการรับบริจาคเงินสนับสนุนกันอยู่แล้วด้วยครับ)

แต่ถ้ามีใครมาบอกว่าเก็บน้องหมามา ขอให้ช่วยรักษาฟรีให้หน่อย อันนี้คงจะทำไม่ได้จริงๆ นอกจากจะช่วยเหลือตามอาการในเบื้องต้นเท่าทีควรจะต้องทำไปก่อน ... แล้วอาจจะต้องส่งต่อไปรักษาที่อื่นหน่ะครับ ....


บางทีผมก็หนักใจ กับบางเคสเหมือนกัน
ที่อารมณ์ "อยากช่วย แต่ช่วยไม่สุด"เหมือนกับว่า ถ้าผลักภาระให้เราได้ ก็จะผลัก
โดยเฉพาะพวกกลุ่มน้องหมาน้องแมวที่เป็นอุบัติเหตุมา แล้วคนที่ไม่ใช่เจ้าของ นำมารักษา บางคนจะรีบบอกเลยว่า "นี่ไม่ใช่น้องหมาน้องแมวของฉันนะ" (นัยหนึ่งก็คือจะบอกว่า ทางโรงพยาบาลจะช่วยเหลือบ้างได้ไหมหล่ะ??)
คือ ผมเองต้องย้ำก่อนการรักษาเลยว่า ปกติโรงพยาบาลไม่ได้มีกองทุนอะไรนะครับ ... ต้องขอรบกวนผู้ที่มาสัตว์มารักษารับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นด้วย (แต่ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธการรักษา รักษาให้ตามปกติที่ควรจะทำ)

ที่เสียวที่สุดก็คือ กลุ่มลูกค้าใหม่ที่เพิ่งมาเป็นครั้งแรก
แล้วมาแบบ "ฉันไม่ใช่เจ้าของ ไม่ใช่น้องหมาน้องแมวของตัวเอง"
เสี่ยงต่อการถูกทิ้งไว้พอสมควรครับ หลังๆ มาถ้าเป็นไปได้
อาการน้องหมาน้องแมวไม่หนักจนเกินไป ก็อาจจะส่งกลับบ้านเลย ไม่ค่อยอยากรับฝากไว้ ... แล้วให้ทางเลือกกับผู้ที่พามาว่าจะพามารักษาต่อเนื่องวันพรุ่งนี้ก็ได้ (หรือว่าจะไปรักษาต่อที่อื่นก็ได้ครับ)

เรื่องรักษาสัตว์ เป็นหน้าที่ของสัตวแพทย์ครับ ...
เรียนมาตั้ง 6 ปีเราก็ต้องช่วยเหลือรักษาสัตว์
ให้สมกับที่ผู้คนทั่วไปคาดหวัง อ่ะนะครับ ...
แต่บางที ผมก็เหนื่อยกับลูกค้าบางรายเหมือนกัน
ถ้าอยากจะช่วยน้องหมา ก็อยากให้ช่วยเต็มที่เหมือนกันหน่ะครับ

ครั้งนี้ก็เลยเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่ง
โชคดีครับที่เขาเลือกเอาภาพดีๆ ของผมลงข่าว
ถ้าเอาท่าหัวฟูๆ ยุ่งๆ กำลังตั้งใจแทงเข็มน้ำเกลือ อันนี้คงไม่ไหวนะครับ เหอๆๆ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนจบนะครับ ....


Create Date : 26 มีนาคม 2552
Last Update : 26 มีนาคม 2552 2:40:54 น. 8 comments
Counter : 4320 Pageviews.

 

สวัสดีค่ะ

เอา Hoddeok ขนมเกาหลี มาฝากค่ะ





โดย: praewa cute วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:5:22:20 น.  

 
มาทักทายคุณหมอคะ เกาะติดคนดัง


โดย: sawkitty วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:8:38:50 น.  

 
เกาะติดคนดังอีกคน


โดย: pafun.p วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:11:03:25 น.  

 
อ่านแล้วรู้สึกว่าเป็นหมอจริงๆ เลย ดีกว่าหมอคนบางคนอีกค่ะ

ขอเป็นกำลังใจในการทำงานค่ะ



โดย: Ms.Boonhome วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:11:53:52 น.  

 
อ่านข่าวนี้เหมือนกันค่ะ พวกเด็กนั่นมันก็ชั่วจริงๆเลย การศึกษาไม่ได้ช่วยอะไรเลย


โดย: quilt วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:18:27:04 น.  

 
มาขอลายเซนต์คนดังค่า 5555

คุงหมอสู้ๆ ค่า มีน้องหมาที่ต้องการให้คุงหมอช่วยอีกแยะนะคะ สู้ๆ ค่ะ


โดย: peeshin วันที่: 26 มีนาคม 2552 เวลา:18:39:35 น.  

 
เอาใจช่วยนะคะคุณหมอ..

ไม่ว่าจะเรื่องอะไร ขอให้มีกำลังใจอยู่เสมอนะคะ


โดย: *~GamboWatch~* วันที่: 27 มีนาคม 2552 เวลา:14:28:29 น.  

 
สวัสดีครับ ^ ^ ผมเป็น นศ.สพ. นะครับ

ติดตามบล็อคพี่หมอมานานแล้ว...แต่เพิ่งจะเขียนบล็อคของตัวเอง...เลยได้มาเม้นท์ครั้งแรกนะครับ

น้องหมอใหม่ที่พี่พูดถึง...ก็คงจะเป็นพี่รหัสของอ๊อฟแหละครับ อิอิ

แล้วก็วันนี้มีเพื่อนๆอ๊อฟจะไปฝึกงาน 3 คนนะครับฝากดูพวกมันด้วยนะครับ ^ ^


โดย: Vetkung (Vetkung ) วันที่: 28 มีนาคม 2552 เวลา:9:04:29 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์
Location :
เชียงใหม่ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [?]




Friends' blogs
[Add ยุ่งชะมัด..สัตวแพทย์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.