So many projects, so little time.
Group Blog
 
All blogs
 

5. แพทย์ทางเลือก

ระหว่างที่ต้องรอ หาต้นตอว่าเกิดมะเร็งที่ไหน

เพื่อนน้องชาย ก็แนะนำพร้อมทั้งพากันไปซื้อยาจีน ที่มีซินแสแนะนำพ่อของเขาเองทาน ตัวท่านและน้องสาว เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย ชนิดที่หมอไม่รับรักษา แม้แต่หมอที่อเมริกา ยังบอกว่าไม่รับรองผล

สุดท้ายเลยกลับมาเมืองไทย หาหมอจีน ซินแสจึงสั่งให้กินยาจีนชนิดหนึ่ง เมื่อกินแล้ว ท่านดีขึ้น และอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้ เกือบ 10 ปี แถมยังแข็งแรงซะด้วย

หลานของเพื่อนสนิทอีกคน นั่นก็เป็นมะเร็ง ตั้งแต่อายุ 6 ขวบ ก็กินยานี้ แต่ก็รักษาควบคู่ไปกับหมอปัจจุบันด้วย ยานี้ก็ช่วยให้การทำคีโม ไม่ทรมานจนเกินไป ผลข้างเคียงจากคีโมก็มีน้อยมากเลย

เมื่อเพื่อนสนิทการันตีถึงสองคนอย่างนี้ น้องชายก็เลยลอง..

ยามาในรูปก้อนเหลี่ยมๆ เหมือนผลึก รูปทรงแบบปิรามิดฐานสามเหลี่ยม สีเหลืองอมเขียว ชั่งขายเป็นตำลึง ที่ร้านเอามาบดเป็นผงๆใส่กระปุกให้...ราคาแพงมาก..ประหนึ่งทองคำ..

ใจฉันยังไม่เชื่อถือหรอก..แต่ ในเวลาที่ยังไม่รู้อะไร ต้องไหลไปตามน้ำเชี่ยว ที่รู้รางๆว่าข้างหน้า ถ้าไม่ใช่แก่งน้ำวน ก็อาจเป็นหน้าผาสูงชัน ที่น่ากลัวกว่านั้น..การได้เกาะกิ่งไม้ แม้เพียงเล็กๆ ก็อุ่นใจกว่า

เมื่อกินยาตอนแรก เอามาชงกับน้ำผึ้งตามสูตรซินแส แต่หลังๆแม่ทนรสชาติออกคาวๆนั่นไม่ไหว เลยไปซื้อแคปซูลเปล่ามาบรรจุยา ฉันก็เพิ่งรู้ว่า แคปซูลเปล่าๆนั้น หาซื้อได้ไม่ยากในตลาดสระบุรี..
เป็นอานิสงฆ์จากกิจกรรมโอทอป ที่ทำสมุนไพรสกัดทั้งหลายแหล่ นั่นเอง

พอแม่กินยาจีนเข้าไป อาการคลื่นไส้จากการกินยาฝรั่ง (ยาแก้อักเสบ ยาฆ่าเชื้อ และยาแก้ปวด สำหรับเรื่องหัวโน กับการอักเสบหลังจาก FNA ที่หัว ) ก็หายไป แถมกินข้าวปลาอาหารได้มากขึ้นด้วย อย่างน้อยๆ ยานี้ก็ช่วยให้แม่จิตใจดีขึ้นมากโขเลยล่ะ

และไม่รู้ว่าจะใช่ตัวเดียวกันหรือเปล่านะ แต่พ่อเล่าว่าเคยดูทีวี มียาตัวนึงได้จากการตกผลึกของไขมันในวัว ที่ป่วยเป็นโรคอะไรซักอย่าง เอามาทำเป็นยารักษามะเร็งได้ ซึ่งก็พ้องกับความทรงจำของเพื่อนน้องชายที่เล่าว่า ยานี้ต้องเอามาจากวัวแถวธิเบต ที่ป่วยเท่านั้น

มันก็เข้าทำนอง เอาพิษมาถอนพิษ เคยมีหมออเมริกันที่ตัวเองป่วยเป็นมะเร็งนี่แหละ แล้วหายด้วยยานี้ ก็นำเอาเชื้อไปเพาะในวัวที่บ้านเกิด ได้ยาสัญชาติอเมริกันออกมาขาย แต่ถึงยังไงสรรพคุณก็ไม่เท่า ยาจากวัวป่วยสัญชาติธิเบตอยู่ดี

เรื่องนี้ เป็นความเชื่อเฉพาะบุคคล โปรดใช้วิจารณาในการอ่าน และศีกษาข้อมูลก่อนการลงทุน ...ของบางอย่าง ถ้าเชื่อก็เป็นผล ไม่เชื่อก็เสียตังเปล่าค่ะ...

ของแม่ฉัน กินต่อมาอีกซัก 5 เดือน หลังจากเจอต้นตอ และผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งส่วนใหญ่ออกแล้ว พักฟื้นจนดีขึ้น กลับมาเจริญอาหารเหมือนเดิม แม่จึงขอลองหยุดยาจีนนี้ดูค่ะ..




 

Create Date : 20 เมษายน 2552    
Last Update : 20 เมษายน 2552 9:44:19 น.
Counter : 403 Pageviews.  

4. สับสน..

จากวันนั้น นับเป็นช่วงเวลาที่โกลาหล..ญาติพี่น้องถามไถ่มาจนสายโทรศัพท์แทบไหม้..เข้าใจล่ะว่าทุกคนเป็นห่วง แต่การต้องคอยตอบคำถาม มันชักนำให้ใจเราเผลอคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ ฉันได้ แต่ตอบคำถามซ้ำๆไปว่า
" หมอบอกแม่เป็นมะเร็ง แต่ไม่รู้เป็นทีไหน"

นั่นสิ มะเร็ง เป็นที่ไหนล่ะ ทำไมไม่รู้
...
ไม่มีวิธีตรวจหาแบบเป๊ะๆ เลยหรือ
...
รอได้เหรอ...ไม่สายไปนะ
...
หมอสระบุรี..จะเก่งรื้อ...
...
ทำไมไม่พาแม่มาหาหมอกรุงเทพล่ะ...
...
เสียใจด้วยนะ...เฮ้ย..อันนี้ยังไม่รับได้มั้ยคะ แม่ยังไม่เป็นอะไรจริงๆค่า

ค่ะ ถึงแม่จะหัวเราะได้วันนั้น แต่เอาเข้าจริง ถึงจะปฏิบัติธรรม มานานแค่ไหน ก็อดไม่ได้ที่จะจิตตก พี่สะใภ้คอยโทรรายงานว่าแม่จิตใจไม่ค่อยดี กินข้าวไม่ค่อยลง

เฮ้อ..ขนาดฉันเอง อ่านหนังสือมาก็เยอะ เห็นแล้วนะว่าน่าจะเป็นมะเร็งไทรอยด์ ซึ่งเป็นมะเร็งที่ได้ผลการรักษาที่ดีมาก แปลว่ารักษาแล้วหายชัวร์..ก็อดจะวิตกกังวลไม่ได้ซักที มันคอยแต่จะคิดว่า แล้วถ้าไม่ใช่มะเร็งไทรอยด์ จะเป็นอะไรได้อีก...แล้วก็เสิร์ช ๆ ๆ หา นั่งอ่าน ๆ ๆ ๆ เพื่อจะได้ความรู้ที่รู้เรื่องมั่ง ไม่รู้เรื่องมั่ง มารกหัวเล่น

จริงๆนะ เมื่อเวลาผ่านไป ก็รู้สึกว่าที่ทำๆไป ได้แต่เรื่องรกหัว ไม่ได้ทำให้ใจสบายขึ้น...สมมุตินะ ถ้าฉันเป็นคนที่มีเจ้ามะเร็งอยู่ในตัวเองแล้วล่ะก็ ช่วงสัปดาห์นั้น คงเป็นสัปดาห์เผด็จศึก เพราะความเครียด คงทำให้เจ้ามะเร็งนั้นแข็งแกร่งขึ้นจม!

ระหว่างที่รอ ไม่มีอะไรดีไปกว่าปลีกเวลาไปหาแม่..อย่างน้อย เวลาที่ไปคุยกัน ชวนกันไปดายหญ้า ปลูกต้นไม้ ที่บ้านสวนริมน้ำของแม่ ก็เป็นเวลาที่เราแม่ลูก ไม่ต้องนึกถึงมะเร็ง

ฉันเลยได้ไปจับจอบจับเสียมพรวนดิน ดายหญ้า ได้ผลออกมา เป็นมือแตกยับเจ้าค่ะ...เพราะดันลืมเอาถุงมือไป




 

Create Date : 19 เมษายน 2552    
Last Update : 20 เมษายน 2552 9:43:43 น.
Counter : 368 Pageviews.  

3. เริ่มต้น ค้นหา

ในเวลาที่เราอยู่ในภาวะที่ไม่รู้อะไรนั้น เข้าใจเลยว่ามืดแปดด้านเป็นยังไง โจทย์ที่ฉันได้รับคือ แม่มีอาการที่บ่งบอกว่าเป็นเกิดการลุกลามของมะเร็ง มาจากที่ใดที่หนึ่ง แต่ยังไม่รู้ที่ไหน หมอได้ทำการดูดเอาชิ้นเนื้อจากบริเวณที่หัวโนเพื่อไปตรวจดู (FNA- Fine Needle Aspiration) ระหว่างนี้ก็รอผลไปก่อน...

เมื่อคิดว่าจะต้องรอ รอได้จริงๆหรือ พี่หมอก็ใจเย็น บอกไม่มีอะไรรีบด่วน ค่อยๆหาไปก็ได้ แบบเนี้ย เป็นมะเร็งแบบโตช้า

แต่ใจฉันตอนนั้นมันคิดว่าคงรอต่อไปไม่ได้แล้วล่ะ ก็ได้ยินมานี่นา ว่าเป็นมะเร็งมันต้องรีบ ไม่งั้นมันยิ่งลาม..เกิดรักษาไม่ทัน ทำไงล่ะ โอย..มะเร็ง มะเร็ง มะเร็ง คำนี้น่ากลัวจัง

วันรุ่งขึ้น หลังจากโทรหาคนนู้นคนนี้ หาข้อมูล ไม่มีใครเชื่อหมอซักคน ว่าให้ใจเย็น..จนได้รับคำแนะนำให้ไป รพ.เอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ต้นถนนสุขุมวิท เพราะคิดว่า ด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย จึงน่าจะตรวจได้เร็วและรู้ได้ว่าแม่เป็นมะเร็งที่ไหน เลยขอยืมตัวคนรถของสามี บึ่งไปรับแม่จากสระบุรีมาตรวจบ่ายวันนั้นเลย

พอไปถึง ก็ไปพบหมอแผนกศัลยกรรมสมอง ซึ่งเชี่ยวชาญเรื่องของ" หัว " เป็นอย่างดี ก็เล่าให้ฟังว่าแม่มีอาการกระโหลกกร่อน คุณหมอท่านก็อึ้งๆไป ได้แนะนำให้ตรวจเลือด แล้วกลับมาทำ CT Scan(เพราะต้องอดอาหาร-น้ำ เพื่อฉีดสี เลยยังทำวันนี้ไม่ได้) และทำ Ultra Sound แล้วค่อยไปพบหมออีกท่านเพื่อเจาะดูดชิ้นเนื้อที่ไทรอยด์ไปตรวจหาเซลผิดปกติอีกที

ฉันได้คุยกับคุณหมอ (ลับหลังแม่) ว่าสงสัยแม่จะเป็นมะเร็งแน่แล้ว เพราะการที่กะโหลกจะกร่อนได้เนี่ย มันมีสาเหตุเดียว คือมะเร็งนั่นแล...แล้วหมอก็ส่งไปอีกแผนก ที่เป็นคุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านต่อมไทรอยด์โดยตรง

คุณหมอท่านนี้ คงเป็นอาจารย์ด้วยมั้ง บรรยายซะละเอียดเลยเชียว ว่าที่มีก้อนในคอเนี่ย อาจเป็นคอพอก เนื้องอก หรือมะเร็งก็ได้ แต่อาการของแม่ที่มีกะโหลกกร่อนเนี่ย คงจะเป็นมะเร็ง

แหม...คุณหมอขา พูดออกมาโต้งๆต่อหน้าแม่เลยนะเนี่ย เหลือบดูแม่ก็เห็นฟังอย่างสงบ..สงบมาก หน้ายังอิ่มเอิบเหมือนเดิมก็ค่อยใจชื้น...แต่ฉันน่ะ มือชื้น ด้วยรู้สึกว่าอุตส่าห์ตั้งใจจะปิดเป็นความลับ หมอเล่นบอกมาโครมเลยแบบนี้ เสียเส้นค่ะ...แล้วหมอก็อธิบายวิธีการรักษาอีกเป็นชุด พร้อมสั่งตรวจนู่นตรวจนี่สารพัด

พอออกจากห้องหมอท่านนี้ก็ต้องกลับไปหมอท่านเดิม ทำใบนัดนู่น นั่น นี่ แม่หิวก็บอกว่าอย่าเพิ่งไปกิน เพราะหมอจะกลับบ้านแล้ว กลัวมาไม่ทัน รอเดี๋ยวนะคะ..เดี๋ยวนึงนั่น ผ่านไปครึ่งชั่วโมง

พยาบาลห้องนี้จะให้ไปเจาะเลือดวันนี้เลย ส่วนพยาบาลห้องนั้น นัดเจาะพรุ่งนี้..ฉันก็โวย ว่าทำไมต้องเจาะกันสองรอบด้วยล่ะ ไหนๆดูดเลือดไปแล้ว หมอคนไหนอยากให้ดูอะไรก็ตรวจไปซะทีเดียวไม่ได้หรือ...อ๋อ..เดี๋ยวขอถามคุณหมอก่อนนะคะ ค่ะ..อีกเดี๋ยว ก็แปลว่าอีกครึ่งชั่วโมง

แล้วระหว่างนั้น ก็ได้ใบนัดทำ CT Scan 8 โมงเช้า อีกแป๊บได้ใบนัดเจาะFNA ตอน 5 โมงเย็น...อ้าว คุณขา ไหงนัดเช้าคน เย็นคน หยั่งเงี้ย ทำที่โรงบาลหระรีก็ได้ค่า ไม่ถ่อมาโรงบาลแพงๆแบบนี้หรอกนะคะ แล้วก็บอกตั้งแต่แรกว่าเรามาจากต่างจังหวัด ระหว่างรอเช้ายันเย็น จะให้เราไปแกร่วที่ไหนล่ะนี่...ถึงนาทีนี้ ไม่ไหวแล้วค่ะ เลยคุยกับแม่ ว่าไหนๆเราก็ได้รู้แล้วว่าเป็นมะเร็ง งั้นไม่ต้องตรวจอะไรอีกดีกว่า กลับไปคอยหมอที่หระรีอย่างเดิมละกันเนอะ..แล้วก็ไปยกเลิกการนัดตรวจทั้งหมดนั่นเลย

กลับมาแวะที่บ้านฉัน เจอพ่อสามี ถามแม่ว่าไปโรงพยาบาลเป็นอะไรหรือ...แม่ฉันก็ยิ้มหวานเพราะตอบปนเสียงหัวเราะว่า "เป็นมะเร็งค่ะ"....




 

Create Date : 19 เมษายน 2552    
Last Update : 20 เมษายน 2552 9:43:07 น.
Counter : 389 Pageviews.  

2. เริ่มรู้..เลือนราง

เมื่อดูผลจากฟิลม์ พี่หมอบอกให้แม่นอนรอตรวจอยู่ห้องข้างๆ แล้วส่งสัญญาณ เรียกฉันมาคุยกันอีกห้อง

พี่หมอว่าอาการที่กะโหลกกร่อนเนี่ย บ่งบอกว่าเกิดการลุกลามของมะเร็งเข้าแล้ว ไอ้เรื่องหัวโนเนี่ย เป็นเรื่องรองแล้วล่ะ เรื่องหลักๆก็คือต้องหาให้เจอว่าเป็นมะเร็งที่ไหน เพื่อจะได้รักษาถูก

ฉันถามว่าพี่หมอแน่ใจได้อย่างไรคะ ว่าคือมะเร็ง..คำตอบที่ได้คือ การที่กะโหลกคนเรา ซึ่งเป็นกระดูกที่แข็งมากๆเนี่ย จะผุกร่อนได้แบบนี้ ไม่เคยพบว่ามาจากสาเหตุอื่น นอกจากมะเร็ง

แค่ได้ยินแค่คำว่ามะเร็งลุกลาม...โอย เข่าอ่อนค่ะ แต่แววตาที่เมตตา และแสนจะใจดีของพี่หมอ ส่งกระแสความอบอุ่นมาช่วยให้กำลังใจ ทำให้ยังมีสติมั่นคงอยู่ได้ พร้อมมีแรงซักถามอีกยกใหญ่

ก่อนหน้านี้ แม่เป็นโรคต่อมไทรอยด์โตแต่ไม่เป็นพิษ เป็นตั้งแต่ ปี 48 รักษามา 2 ปีกว่า พอมันไม่โตขึ้น ก็หยุดยา พี่หมอได้ตัดประเด็นมะเร็งไธรอยด์ทิ้งไปก่อน เพราะไม่มีอาการข้างเคียงของมะเร็งไทรอยด์ ซึ่งได้แก่ การที่ต้องมีก้อนที่คอโตมาก และต่อมน้ำเหลืองโต ดังนั้นจากวันนี้ ต้องมาหากันว่าแม่เป็นอะไร..เป็นมะเร็งแน่หรือเปล่า (อันนี้เผื่อไว้แบบให้ยังมีความหวัง) แล้วถ้าเป็น ที่ไหนกันล่ะ

แล้วพี่หมอก็ไปที่ห้องตรวจ ทำการดูดเอาชิ้นเนื้อตรงที่มันโนปูดมาเนี่ย ไปตรวจซะก่อน รอผลอีก 1 สัปดาห์..โรงพยาบาลรัฐ ก็ช้านิดนึง แต่ตอนนั้นไม่รู้ว่าสามารถส่งLab ข้างนอกได้ ซึ่งจะได้ผลเร็วกว่าค่ะ วิธีการนี้ เรียกว่า FNA Fine Needle Aspiration biopsy

ระหว่างหมอทำงาน ฉันก็ทำใจ ตอนนั้นตกใจ ช็อก มึน แค่ไหน ต้องฝืนทน ทำตัวลั้ลลาสุดขีด ก็ไม่อยากให้แม่รู้ ไม่อยากให้แม่ตกใจ อยู่ต่อหน้าแม่เลยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บอกแค่ว่า หมอยังไม่รู่ว่าแม่เป็นอะไร สงสัยเลือดมันออกอยู่ในหัวมั้ง

ฉันยังแซวแม่ว่า กะโหลกบางตายช้า กะโหลกหนาตายก่อนนะแม่..ทำตลกกลบเกลื่อน..ออกแนวลามปามซักนิด แม่จะได้สบายใจ ว่ายัยลูกสาวยังล้อแม่แรงๆได้ แสดงว่าไม่มีอะไรผิดปกติหรอกน่า

ต่อหน้าแม่ ทำเก่งล่ะ..แต่พอขับรถกลับมาบ้าน ระยะทางจากสระบุรีมารังสิต อยู่คนเดียวในรถ ฉันร้องให้ตลอดทาง คิดไม่ออกหรอกว่าร้องทำไม เห็นไฟท้ายรถบรรทุกก็ร้อง เห็นทุ่งนาก็ร้อง นกบินก็ร้อง...แม้กระทั่งดึงใจมาจดจ่ออยู่กับถนนและรถข้างหน้า ก็ยังร้อง เฮ้อ

แต่ก็นับว่าเป็นการขับรถที่มีสติรู้ตัวทั่วพร้อมมากที่สุดในชีวิตเลยนะ เพราะไม่มีอาการใจลอยไปไหนๆเลยค่ะ รู้สึกตัวตลอดว่าจับพวงมาลัย ตามองไปข้างหน้า มองกระจกข้าง กระจกหลัง เห็นอะไรมั่งรู้หมด น้ำตาไหลมาที่แก้ม ย้อยมาคาง ก็รู้ แต่ก็ยังร้องอยู่ดี สะอึกสะอื้นเป็นการใหญ่ ปล่อยโฮเสียงดังได้ ไม่อายใคร ก็อยู่คนเดียวในรถนี่นา

พอตั้งสติได้(หรือน้ำตาหมดสต๊อคกันแน่นะ) ถึงได้โทรบอกพี่ชาย และน้องชาย ส่วนพ่อ ขอกั๊กไว้นิดนึง ยังไม่ได้บอกทันที

จากนั้นก็เริ่มศึกษาหาความรู้กันยกใหญ่ ขอบคุณอินเตอร์เน็ต ที่มีข้อมูลมากมายให้ศึกษา แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ศัพท์แสงภาษาอังกฤษที่เป็นศัพท์ทางวิชาการ ซึ่งไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ที่เป็นภาษาไทยส่วนใหญ่ก็จะซ้ำๆกัน แต่ที่เจอเยอะหน่อยก็จะเป็นเว็บบล็อกของผู้ที่มีประสพการณ์ของการเป็นมะเร็ง จึงเป็นแรงบันดาลใจว่า น่าจะเขียนบ้างดีกว่า

อย่างน้อยใครที่เคยตกอยู่ในสภาวะเดียวกับเราคงจะได้ประโยชน์บ้างน่า...อย่างน้อยๆ ก็ได้รู้สึกว่ายังมีเพื่อน และจะได้ไม่ต้องกังวลจนเกินเหตุเหมือนที่เคยเกิดกับฉันมาก่อน




 

Create Date : 19 เมษายน 2552    
Last Update : 20 เมษายน 2552 9:42:36 น.
Counter : 497 Pageviews.  

1. มะเร็ง..อะไร..ไม่รู้

เรื่องเริ่มจากวันหนึ่ง แม่คลำหัวเจอว่ามีหัวโน จับก็ไม่เจ็บ และจำไม่ได้ด้วยว่าไปโดนอะไรมา..แม่ก็ไม่ได้สนใจอะไร ผ่านไปหลายวัน หลายสัปดาห์ก็ยังไม่ยุบซักที จึงไปหาหมอ ได้ยามาทาบ้าง ยากินบ้าง ก็ยังไม่ยุบ

แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อเดือนก่อน..ราวๆเดือนกุมภาพันธุ์ 2552 ระหว่างดูต้นไม้ ตัดแต่งกิ่ง..งานอดิเรกสุดโปรด แม่หัวโขกกิ่งไม้ ก็เจ็บๆอยู่แต่แค่นิดหน่อย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนลืมไป

จึงเดาว่า น่าจะเป็นสาเหตุของหัวที่โนขึ้นมา แม่ก็ไปหาหมอโรคทั่วไป เปลี่ยนหมอไปเรื่อยๆ นอกจากยากิน ยาทา หมอบางท่านจะให้ผ่า แต่แม่ไม่อยากผ่า เห็นว่ามันโนได้ เดี๋ยวก็หายไปเอง ก็ใจเย็นต่อไป

จากขนาดประมาณซักเท่าหัวแม่มือ ก็โตมาเรื่อยๆ จนตอนนี้เต็มอุ้งมือแล้ว แม่ชักไม่สบายใจ หมอก็ไปหามาจนทั่วแล้ว จะหาหมอด้านไหนดีล่ะเนี่ย เลยไปหาหมอเพื่อนลูกชายซึ่งจริงๆก็เป็นหมอหู คอจมูก ไม่น่าจะเกี่ยวกับหัวเท่าไหร่ แต่ก็กะว่าจะให้หมอแนะนำว่าควรไปหาหมอด้านไหนดี

พี่หมอเลยดูแลให้เอง เริ่มต้นจึงสั่งให้ไป x-ray ดู ( คุณหมอทุกท่านที่ไปหามา ไม่มีใครให้ไป x-ray เลย!)

จากในฟิลม์ x-ray เห็นเป็นวงค่อนข้างกลมอยู่ 3 จุด มีใหญ่กว่าเหรียญ 10 บาท 2 จุด แล้วอีกที่ ตรงที่หัวโน มองเห็นก้อนอะไรซักอย่างที่ใหญ่มาก ก้อนเป็นวงรี ใหญ่กว่าลูกมะนาวลูกโตๆเสียอีก

จากสิ่งที่พบ คุณหมอบอกว่าเป็นลักษณะของกะโหลกกร่อนบาง เอาล่ะ เจอเรื่องไม่ชอบมาพากลแล้วล่ะค่ะ




 

Create Date : 19 เมษายน 2552    
Last Update : 20 เมษายน 2552 9:41:54 น.
Counter : 2866 Pageviews.  

1  2  

WoodCotton
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add WoodCotton's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.