|
10. ผ่า..ตัด..ปะ
การรักษา มีการผ่า..ตัด..และปะด้วยค่ะ เป็นยังไง มาดูกัน
หลังจากพักฟื้นได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ แม่ก็เข้ารับการผ่าตัดอีกรอบ
คราวนี้เพื่อจัดการก้อนมะเร็งที่ไปกินกะโหลก..จริงๆมันกินหลายจุด แต่ขอเริ่มจัดการจุดใหญ่ก่อน..หมออยากผ่าอีกจุดพร้อมกัน แต่เรากลัวร่างกายแม่ทนไม่ไหว ก็แม่จะเจ็ดสิบอยู่แล้วนี่..
บริเวณที่เป็น คือกะโหลกด้านหลัง ที่หัวด้านนอก ปูดออกมาเต็มอุ้งมือ ขนาดเท่าผลส้มเขียวหวานลูกโตๆ ครึ่งนึง อยู่ข้างนอก อีกครึ่งฝังอยู่ข้างใน
ก่อนผ่า หมอต้องมาวางแผนกันบนหัวแม่ หมอศัลยกรรม ผู้ไม่เห็นด้วยกับการผ่า..เลยออกอาการเหวี่ยงๆใส่เรา และพูดไม่ดีกับแม่ ฉันกับพ่อก็พยายามเข้าใจ แล้วคอยปลอบพี่-น้อง ร้วมทั้งสองสะใภ้ ให้ใจเย็นๆ อย่าเอาเรื่องหมอ..(แต่ไม่เป็นไร เพราะพี่พยาบาลทนไม่ได้ ไปฟ้องแทนแล้ว)
วันก่อนผ่า พยาบาลมาโกนผมแม่..เห็นลูกส้มที่หัวชัดๆ มันดูเหมือนลูกเทนนิสมากกว่า ใครเคยตีเทนนิสแล้วตีแรงจนอัดเข้าไปในกรงตาข่ายสนามเทนนิสมั้ยคะ..อารมณ์นั้นเลย เหมือนแม่มีลูกเทนนิสฝังหัวอยู่ ยังไงยังงั้น..
หมอวางแผนการผ่า โดยใช้ปากกาเคมีเขียนไปบนหนังหัว เหมือนแผนที่ลายแทงโจรสลัด หลานชายย่ามาเยี่ยม อึ้งไปเลย ไปจ้องๆหัวย่าตลอด ไม่รู้งงที่ย่าไม่มีผม หรืองง ที่ย่ามีลายที่หัวกันแน่
เมื่อผ่าเอามะเร็งออก หมอต้องตัดเอากะโหลกออกไปด้วย และต้องตัดเผื่อไปอีกหน่อย เพื่อให้ถอนรากถอนโคนเจ้าเชื้อมะเร็ง แล้วเอากะโหลกเทียม ปะเข้าไปแทนที่กะโหลกจริง
จากผล MRI ระบุไว้ว่า ก้อนมะเร็งน่าจะไม่เข้าไปถึงสมอง เพราะมีเยื่อหุ้มสมองกั้นอยู่..แต่ว่าเจ้าก้อนนั้น อยู่ห่างจากเส้นเลือดเส้นหลักกลางสมอง แค่ 3 mm. เท่านั้น!!!
เป็นไปได้มากเลยที่การผ่าตัดจะผิดพลาด..และแม่อาจตายคามือหมอ..นี่หมอพูดเองเลยนะ แต่หมอก็สัญญาว่าจะทำให้ดีที่สุด..หมอสัญญาอย่างลูกผู้ชาย เราก็พร้อมวางมือวางใจ และวางชีวิตไว้ในมือหมอ..
การผ่าครั้งนี้ กินเวลากว่า 8 ชั่วโมง !!
เพราะนอกจากจะผ่าเปลี่ยนกะโหลกแล้ว ยังต้องให้หมอศัลยกรรมปิดแผลด้วย หนังศรีษะต้องถูกตัดออก เพราะต้องเอามะเร็งออกให้ไม่เหลือซาก การเย็บปิดแผลผ่าตัด จึงยากกว่าการเปลี่ยนกะโหลกเสียอีก..
ปกติถ้ามีแผลเปิด แล้วต้องการเย็บปิด ก็ดึงหนังมาติดกันแล้วเย็บ ไม่ว่าแผลกว้างแค่ไหนก็เย็บได้ เพราะผิวหนังยืดได้ แต่ไม่ใช่หนังศรีษะ
เมื่อต้องผ่าหนังศรีษะออกไป ก็ต้องหาอะไรมาปิดกะโหลกไว้ บริเวณที่เป็นกะโหลกเทียมไม่มีเส้นเลือดหล่อเลี้ยง จึงต้องย้ายหนังศรีษะส่วนที่มีเส้นเลือด (และเส้นผม) มาปิด โดยยกเป็นแผ่นๆ (Flap) แล้วโยกมาปิดตรงกะโหลกเทียม โดยยังมีส่วนที่ติดกันอยู่เพื่อให้เลือดเดินทางมาหล่อเลี้ยงได้
หมอจึงเลาะหนังศรีษะส่วนหน้า โยกมาแปะส่วนหลัง พอหนังศรีษะส่วนนั้นถูกโยกออกไป ก็ต้องไปลอกหนังบางๆจากผิวส่วนอื่น มาปิดตรงส่วนนั้น หมอลอกหนังจากต้นขาด้านหลัง ตอนลอกออก หนังหายไปเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยม ดูแล้วหายไปเป็นชั้นบางๆเอง บางมากๆเลย ( แต่พอแผลหาย กลายเป็นแผลนูนน่ากลัว แต่เป็นที่ขาเลยไม่มีใครเห็น)
การผ่าตัด มีเรื่องเกินคาดการณ์นิดหน่อย เพราะต้องตัดกะโหลกขนาดใหญ่กว่าที่ประมาณการณ์ไว้ จากที่กะไว้ว่าเส้นผ่าศูนย์กลางกะโหลกที่เจาะ น่าจะประมาณ 10 ซ.ม. กลายเป็น 14 ซ.ม.
การย้ายหนังศรีษะจึงยุ่งยากตาม ถึงได้ใช้เวลาไปมากขนาดนั้นเลย
เมื่อออกจากห้องผ่าตัด หัวแม่มีผ้าพันเหมือนโมโจ โจโจ้ในเรื่อง พาวเวอร์พัฟ เกิร์ล หน้าบวมมากๆ และต้องอยู่ในห้อง ไอซียูต่ออีกอย่างน้อย 1 คืน
ห้องไอซียูตอนนี้ เหมือนในหนังสงครามโลก เพราะตึกเดิมกำลังปรับปรุง จึงต้องย้ายผู้ป่วย ICU มารวมกันในห้องเล็ก ๆที่เตียงแทบจะเกยกัน แต่ละคนที่นอนเรียงราย ต่างอยู่ในสภาพชวนหดหู่..เป็นโอกาสให้ได้ดูใจไปในตัว
แต่แม่คงดูไม่ไหว ทรมาณไม่ได้หลับ เพราะเตียงข้างๆร้องโอดโอยทั้งคืน
นี่ล่ะนะ เราถึงต้องฝึกตัวเองให้เก่งก่อนจะป่วย เพราะพอต้องเจ็บป่วยทรมาณขึ้นมาจริงๆ จิตที่ฝึกไว้ดีแล้วเท่านั้น ที่จะรับมือกับความทุกข์ทางกาย โดยใจไม่ทุกข์ได้..
Create Date : 16 เมษายน 2553 |
Last Update : 16 เมษายน 2553 9:06:55 น. |
|
0 comments
|
Counter : 769 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|