W H I T E A M U L E T
Group Blog
 
All blogs
 

My boots (ชักเยอะซะแล้ว)

ตอนนี้กำลังเมียงๆมองๆคอยดูพวกเสื้อโค้ตกับรองเท้าบู๊ตตามเว็บขายของอยู่ตลอดเลยค่ะ เพราะถึงแม้จะผ่านปีใหม่มาแล้ว แต่ที่ญี่ปุ่นก็จะยังคงเซลล์ของหน้าหนาวไปเรื่อยๆถึงกุมภาเลย

เสื้อโค้ตกับบู๊ตเนี่ย เอากลับไปใช้ไทยก็ไม่ได้อยู่แล้ว ไอ้แบบดีๆแพงๆเนี่ยก็ทำใจซื้อราคาเต็มไม่ไหวก็เลยมาเล็งๆกันตอนลดราคานี่ล่ะ ถึงเวลาถ้าต้องทิ้งจริงๆตอนจะกลับไทยจะได้ไม่เสียดายมาก

บู๊ตคู่ที่กำลังเล็งอยู่เนี่ย ไม่ค่อยต้องรีบร้อนซื้อสักเท่าไหร่ เพราะลองมันเหลือรอดมาได้ป่านนี้นี่แสดงว่ามันเหลือจริงๆ ไม่หมดง่ายๆ มีเวลาให้เราคิดไปเรื่อยๆอีกหน่อย เล็งมาเืกือบอาทิตย์แล้วตั้งแต่ยังลดแค่ 30% จนเปลี่ยนมาลด 48% ก็ยังไม่ได้ซื้อ (แอบโล่งด้วย ที่ไม่ได้ซื้อไปตั้งแต่ตอนลดแค่ 30%) เห็นลดกันแบบนี้่นี่เลยขอสังเกตการณ์ต่ออีกหน่อยดีกว่า เผื่ออาทิตย์หน้าจะลดราคาอีก

คู่ที่เล็งอยู่นี้อาทิตย์ก่อนมีให้คุณแฟนช่วยดูว่าสวยมั๊ย ซื้อดีเปล่า ลดราคาด้วยนะ เค้าก็ดูๆแล้วว่าก็โอเค
แต่เค้าดันฉุกคิดได้ก่อนจะเชียร์ให้เราซื้อ(ซื้อเองนะคะ) เลยถามขึ้นมาก่อนว่า "เอ๊ะ ตอนนี้มีบู๊ตอยู่กี่คู่เนี่ย(เอาเฉพาะบู๊ตอย่างเดียว)"
ก็ตอบไปเสียงอ่อยๆว่า "มีหกคู่"(จริงๆมี 7 ด้วยค่ะตอนนั้นลืมนับไปคู่นึง) แค่นั้นล่ะค่ะ คุณแฟนตอบทันทีว่างั้นก็อย่าซื้อเพิ่มเลย รกห้องเปล่าๆ แป่ว
(แต่ถ้าลดจนถูกมากๆ แล้วชอบก็คงมีซื้ออีก แหงๆเลย ชอบรองเท้าบู๊ตอ่ะค่ะ)


ห้องเราก็รกจริงๆนั่นล่ะค่ะ ห้องญี่ปุ่นใจกลางเมือง ขนาดจิ๋วเดียวบู๊ตวางเต็มทางเดินห้องครัวแล้วเนี่ย
ยิ่งพวกบู๊ตหนังยาวนี่กินที่วาง กินที่เก็บของในตู้มากๆ จะพับก็ไม่ได้อีกต้องวางไว้แล้วเดินหลบๆเอา

แต่กระนั้นก็ยังชอบอยู่ดี บู๊ตเนี่ยใส่แล้วช่วยพรางรูปร่างขาทำให้ดูขายาวเพรียวได้แบบไม่น่าเชื่อเลยค่ะ
อันนี้นี่จริงๆนะคะ เราขาสั้นๆปกติ ใส่พวกส้นสูงธรรมดาก็ช่วยให้ดูสูงขึ้นได้บ้าง
แต่ด้วยลักษณะทางกายภาพของขาและน่องเรา ทำให้มันดูไม่เพรียวสมจริงเท่าไหร่
แต่ถ้าใส่บู๊ตนี่ รองเท้ามันปิดบังภาพที่แท้จริงของขาเราไว้ พรางตาให้ดูเหมือนว่าขาเรายาวเรียวเหมือนทรงของรองเท้าบู๊ตจริงๆ

ที่สำคัญอีกอย่างคือ รองเท้าบู๊ตนี่ใส่แล้วไม่กัด แล้วก็ไม่เมื่อยด้วยอ่ะค่ะ
พวกรองเท้าส้นสูงหรือคัตชู เปิดๆเปลือยๆเท้าทั้งหลาย กัดระเบิดระเบ้อมากๆประมาณว่าซื้อมาสี่คู่ กัดไปซะสามคู่
แถมพอสูงสักหน่อย (ยังไม่ถึงขั้น 4นิ้วนะคะ) เดินได้แป๊บเดียว แทบจะถอดรองเท้าขว้างทิ้งเลย ไม่ไหวจริงๆค่ะ ปวดเท้ามากๆ

แต่บู๊ตนี่ใส่มากี่คู่ๆ ก็ไม่เคยกัดเท้า (ใส่ที่ญี่ปุ่นนะคะ)
แล้วต่อให้ส้นสูงยังไง(ถ้าไม่ใช่ส้นเข็ม) แต่ก็ยังเดินได้ถนัดค่ะ เดาว่าคงเพราะบู๊ตมันล็อคขาเอาไว้ แล้วก็ไม่มีส่วนสันหรือขอบอะไรมากดมาบาดเท้า ตอนเดินด้วยน่ะค่ะ


อยู่โตเกียวมาได้ 3 ฤดูหนาวแล้ว จากไม่มีบู๊ตเลย บัดนี้มันงอกออกได้ตั้ง 8 คู่ (แถมยังมีเล็งๆไว้อีกคู่ในเน็ต)
มีตั้งแต่บู๊ตสั้นยันบู๊ตยาว เวลาเลือกใส่บู๊ตนี่เราว่าความสมดุลระหว่างความยาวบู๊ตกับกางเกงหรือกระโปรง(และต้องดูถุงเท้่าที่ใส่ด้วย)มีส่วนมากเลยนะคะ
เลือกความยาวบู๊ตไ่ม่สมดุลกับเครื่องแต่งกายส่วนอื่นแล้ว มันดูสวยไม่เสร็จยังไงก็ไม่รู้ค่ะสำหรับเรา

วันนี้นึกครึ้ม เลยรวบรวมรูปถ่ายเก็บไว้สักหน่อย(เรียงเบอร์ตามลำดับที่ซื้อเลยค่ะ) อีกหน่อยกลับไทยแล้วคงใส่ไม่ได้บ่อยๆอย่างนี้




สามคู่แรกนี้ ซื้อใน(ฤดูใบไม้่ร่วงและ)ฤดูหนาวแรกของเราในญี่ปุ่นค่ะ เพิ่งมาใหม่ๆตื่นเต้นอยากใส่บู๊ตมากๆ

1. คู่นี้นี่คู่แรกเลยค่ะ มาใหม่ๆตอนตุลา อยู่ในฤดูที่คนญี่ปุ่นใส่บู๊ตกันพอดี วี๊ดว๊ายมาก ไปลองเจอปุ๊บซื้อเลยค่ะ(คู่นี้ไม่ค่อยแพงค่ะ ราคาปกติทั่วไป) ก็เรียบๆดีค่ะ ส้นไม่สูงเท่าไหร่น่าจะสัก 2 นิ้วนิดๆ (ชอบบู๊ตย่นๆเป็นการส่วนตัว) แต่พอใส่ไปๆมีปัญหาว่า คู่นี้ผ้ามันนิ่มไปหน่อยค่ะ เลยไม่อยู่ทรง เดินๆไปนี่มันจะย่นๆลงมากองๆนิดนึง บางทีก็ต้องคอยดึงๆขึ้นกันบ้างค่ะ (ก็นะ คู่แรกค่ะ ยังด้อยประสบการณ์)

2. คู่สองนี่ตามคู่แรกมาติดๆเลยค่ะ อารมณ์คนไม่เคยได้ใส่บู๊ต ลองใส่ทีไรดันออกมาถูกใจทุกที ก็เลยเสียเงินมาด้วยประการนี้ค่ะ ราคายังอยู่ในเกณฑ์ปกติสำหรับบู๊ตที่ไม่ได้มียี่ห้อเป็นพิเศษ ด้านในบุคล้ายๆหนังนิ่มๆนุ่มดีค่ะ ส้นสูงประมาณๆคู่แรกเลยใส่สบาย อันนี้นี่อยู่ทรงได้ด้วยตัวมันเองค่ะ ไม่มีร่นลงมา

คู่นี้เป็นคู่นึงที่เราใส่บ่อยมาก ถ้าจำไม่ผิดส้นสึกต้องไปเปลี่ยนมาสามรอบแล้วค่ะ (อยู่ญี่ปุ่นส้นรองเท้าพังทุกฤดูเลยค่ะ)
สีมันออกคล้ายๆสีผิวดี แม็ตใส่กับขาสั้นหรือกระโปรงสั้น แล้วด้านในใส่ถุงเท้าไม่ให้ขอบถงุเท้าโผล่มาให้เห็น
ได้อารมณ์ช่วงอากาศเย็นๆสบายๆ (ยังไม่หนาวจนต้องใส่ถุงเท้ายาวมิดๆ)ดีค่ะ
แล้วขอบที่หยักเป็นสามเหลี่ยมกลับหัว ก็ทำให้ทรงดูไม่ตัดๆตันๆดีด้วยนะคะ เพิ่มความเพรียวให้ขาได้อีกค่ะ

3. คู่นี้แพงขึ้นมานิดหนึ่งค่ะ สูงขึ้นมาอีกหน่อยด้วย แต่ขอบอกว่าใช้คุ้มสุดๆเลยค่ะ หลังจากสองคู่แรกแล้วก็ยังมองๆหาบู๊ตอยู่เพราะอยากได้แบบที่ดูหรูๆนิดๆไว้ใส่กับชุดสวยๆบ้าง ก็มาปิ๊งคู่นี้ล่ะค่ะ (ย่นๆอีกแล้ว) เป็นบู๊ตผ้ากำมะหยี่สีดำ ยาวถึงใต้เข่า มีคล้องเป็นเข็มขัดหัวทองสองเส้น(ต่อหนึ่งข้าง) เส้นรอบวงของปากบู๊ตก็พอดีๆกับขาเรา ไม่ฟิตไปยังพอใส่ถุงเท้าหนาๆเพิ่มได้ (ถ้าปากบู๊ตกว้างเกินไป ใส่กับกางเกงหรือกระโปรงบานๆ มันจะดูไม่สมดุลแปลกๆน่ะค่ะ)

คู่นี้นี่งานไหนงานนั้นไม่เคยพลาดค่ะ เข้าได้กับทุกชุด ดูหรูดีสมราคา(บางทีก็ดูดีเกินราคา) สุดโปรดมากๆ
แบบย่นๆก็จริงแต่ไม่มีเดินแล้วร่นค่ะอันนี้ (แต่ถ้าวางไว้เฉยๆก็พับไปมาได้ค่ะ ต้องใส่พวกที่ตั้งทรงบู๊ตไว้ด้านในเวลาเก็บ)
ถึงตอนนี้ใช้จนสภาพนี่ แบบว่า น่าจะทิ้งได้แล้ว หัวทะลุนิดๆ รอยถลอกเต็มไปหมด แต่ยังหาตัวตายตัวแทนไม่ได้ก็เลยยังเก็บไว้ค่ะ
แต่ถึงจะทิ้งตอนนี้ก็ไม่เสียดายเลยค่ะ สำหรับคู่นี้เพราะใช้ได้คุ้มค่ามากๆ




4. คู่นี้นี่ งอกมาโดยมิได้ตั้งใจค่ะ(สีจริงๆออกน้ำตาลอมแดงค่ะ) หลังจากสอยไปสามคู่ในหน้าหนาวเดียวก็อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะไม่ซื้อเพิ่มแล้วเีชียว มาเจอลดราคาปีใหม่เข้าถู๊กถูก แล้วยังไม่มีบู๊ตหนังแบบนี้เลยได้มาแบบไม่ทันรู้ตัว

คู่นี้นี่เป็นความผิดพลาดที่สุดเลยล่ะค่ะ เคยใส่แต่บู๊ตย่นๆก็จะหลวมๆหน่อย มาเจอคู่นี้นี่ใส่แล้วรู้สึกมันรัดช่วงข้อเท้ามากๆเลย
ตอนลองใส่แป๊บเดียวเลยไม่ทันรู้สึก แต่พอใส่เดินแล้ว แถมบวกใส่ถุงเท้าหนาหรือยีนส์สกินนี่อีก รู้สึกรัดจนเจ็บไปเลยล่ะค่ะ
แล้วก็ด้วยความเป็นของลดราคา หนังก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดูด้านๆเงาๆ(เกินไป)ยังไงบอกไม่ถูก

กะว่าเอามาใส่กับยีนส์สกินนี่สักหน่อย เจอรัดจนเจ็บแบบนี้ก็เลยไม่ค่อยได้ใส่ไปค่ะ ดีว่าซื้อมาถูกนะนี่

5. นี่ก็อีกหนึ่งคู่ที่ซื้อมาตอนลดราคาค่ะ เห็นของถูกแล้วเป็นแบบที่ยังไม่มีด้วย เลยสอยมาซะเลย สรุปช่วงฤดูหนาวแรกของเรานี่สอยบู๊ตมาทั้งหมด 5 คู่แน่ะค่ะ มาดูอีกทีกตกใจตัวเองเหมือนกันนะเนี่ย

คู่นี้ลดราคาก็ประหยัดไปหลายพันเยนเหมือนกัน(แต่ราคาเต็มก็ไม่ได้แพงเท่าไหร่) เป็นบู๊ตคาวบอยสีขาวค่ะ หนัง(ไม่แท้)ลื่นๆแบบนี้เช็ดทำความสะอาดได้ ดังนั้นถึงสีขาวก็ไม่ยั่นค่ะ

อันนี้เราจะใส่ช่วงต้นๆใบไม้ผลิ หรือ ต้นๆใบไม้ร่วงค่ะ (แต่ใส่ตอนใบไม้ผลิมากกว่า เพราะสีขาวๆ สว่างๆเข้ากับฤดูใบไม้ผลิมากกว่า) ใส่กับกระโปรงสั้นหน่อย ถุงเท้่าอย่าให้ยาวจนเห็นเลยบู๊ตออกมา ออกแนวเผยผิวหน่อยได้ลุคน่ารักๆดีค่ะ

ประมาณนี้นี่ เอากลับไปใส่ไทยหน้าหนาวก็น่าจะยังพอไหว เพราะปากกว้างน่าจะระบายอากาศดีกว่าแบบอื่นๆ (มั้ง)

6. หลังจากหมดหน้าหนาวแรกไปแล้วก็พักไปนานเลยค่ะ ช่วงหน้าหนาวหนสองก็ยุ่งๆแล้ว ประกอบกับปีก่อนนั้นสอยบู๊ตมาซะเต็มตู้ เลยมีงอกเพิ่มมาแค่คู่เดียวค่ะ (แต่ก็ยังอุตส่าห์มีเพิ่ม )

ในรูปเราใส่ถุงเท้ายาวสีดำเลยเห็นไม่ชัด(ขี้เกียจไปคุ้ยรูปอื่นในกรุค่ะ) คู่นี้เป็นบู๊ตสั้นสีดำค่ะ ยาวเหนือตาตุ่มขึ้นมานิดเดียว อันนี้ราคาสูงหน่อยค่ะ เพราะเป็นหนังกลับ ส้นสูงอยู่เหมือนกันแต่เป็นส้นตึกเลยเดินได้สบายๆ สีดำสีคลาสสิคค่ะ

คู่นี้ถ้าจำไม่ิผิดบังเอิญเจอที่ Atre สาขา Meguro (ไม่ชัวร์ชื่อสาขานะคะ เผอิญไม่ค่อยได้ไปแถวนั้น)
ลองแล้วใส่สบายมาก หนังก็ดูดีเชียว ติดว่าแพงไปนิด เลยเดินคิดอยู่นานตลอดเวลาที่เดินช้อปปิ้ง
สุดท้่ายยอมนั่งรถไฟกลับจากชิบุยะเพื่อกลับมาซื้อเลยค่ะ แหะๆ

คู่นี้ใส่สบายดีค่ะ แต่ปากแคบไปหน่อยใส่กับสกินนี่ยีนส์แล้วออกจะอึดอัดคับไปนิด ยังหาสไตล์การ match งามๆให้คู่นี้ไม่ได้ (ที่ไม่งามนี่เพราะหุ่นเราด้วยน่ะค่ะ ถ้าเพรียวๆเหมือนนางแบบล่ะก็ แบบไหนก็งาม)
เวลาใส่กระโปรงสั้น เราก็ยังชอบใส่บู๊ตยาวกว่านี้มากกว่าบู๊ตสั้นเพราะมันพรางขาได้ดีกว่าน่ะค่ะ บู๊ตสั้นนี่น่าจะหากระโปรงยาวมาใส่ด้วยนะคะเนี่ย(แต่ยังไม่มีกระโปรงยาวแบบของหน้าหนาวเลยสักตัวค่ะ)

แต่ยังไงซะคู่นี้คิดว่าแบกกลับไปใช้ไทยได้แน่ๆล่ะค่ะ เลยไม่ห่วงเท่าไหร่




7. คู่นี้เพิ่งซื้อตอนใบไม้ร่วงของปีที่ผ่านมาเองค่ะ ด้วยประสบการณ์จากคู่เบอร์ 4 มาคราวนี้ก็ลองอย่างดีค่ะว่าไม่รัดเกินไป ใส่แล้วยังเดินได้สบาย คู่นี้แพงอยู่เหมือนกัน (ประมาณหมื่นหกพันกว่าเยน) เพราะเป็นหนังแบบดูดีดูธรรมชาติเลยน่ะค่ะ ไม่ดูเงาๆเว่อร์อย่างคู่ก่อน มีแต่งเป็นคล้ายๆเข็มขัดไขว้กันอยู่ด้านหน้าตรงแถวๆข้อเท้า

เลือกสีำน้ำตาล(อมดำ)เพราะให้ลุคดูซอฟต์กว่าสีดำ เหมาะกับเสื้อผ้าสไตล์หวานๆที่เราชอบค่ะ (อีกอย่างบู๊ตยาวสีดำ มีคู่โปรดอยู่แล้วด้วย) ส้นสูงหน่อยใส่แล้วดูขาเรียวดี ก็ใส่แล้วดูดีอย่างที่อยากได้เลย

เสียนิดนึงก็ตรงว่า อันนี้หนังแท้ดูแลยากนิดนึงค่ะต้องระวังๆกันหน่อย อีกอย่างคือรุ่นนี้จะเป็นรุ่นปากกว้างหน่อย (ออกแบบมาอย่างนี้) ใส่แล้วยังมีช่องเหลือเยอะ บางทีถ้าใส่กับกระโปรงบานๆก็ดูไม่สมดุลอยู่เหมือนกัน ตำแหน่งบู๊ตสุดโปรดใส่ได้ทุกงานเลยยังเป็นของเบอร์ 3 อยู่ค่ะ

8. สุดท้ายแล้วค่ะ คู่นี้ซื้อมาเมื่อวานนี้เอง ผ่านมาสามหน้าหนาวแล้ว เห็นไอ้บู๊ตเท้าช้างนี่ทุกปี (คือใส่แล้วรู้สึกหยั่งกะตัวเองเป็นโรคเท้าช้างน่ะค่ะ บวมมาก) ใส่กันเยอะแยะมากมาย ที่ญี่ปุ่นเรียกว่า ムートン (มู-ต้ง)

แรกๆยังไม่เคยคิดจะซื้อ เพราะอยากเก็บเงินไว้ซื้อแบบใส่แล้วดูเพรียวๆสวยๆแฟชั่นๆมากกว่า แต่อยู่นานเข้าแบบแฟชั่นก็มีแล้ว ก็นึกอยากมีเท้าช้างเป็นของตัวเองบ้างสักคู่เพราะดูก็รู้ว่าใส่แล้วอุ่นแน่ๆค่ะ (เล่นบุผ้าสำลีด้านในซะขนาดนั้น)

แน่นอนว่ารองเท้าแบบที่ไม่ได้ตั้งใจอยากได้ขนาดนั้นนี่ รอซื้อช่วงเซลล์เท่านั้นค่ะ หลังปีใหม่มารองเท้านี่ขายดีไม่เบา เห็นลดในเน็ตลงปุ๊บหมดๆเลย (สงสัยเพราะหลังปีใหม่ถึงกุมภา คือ ช่วงหนาวสุดๆด้วยล่ะค่ะ) เมื่อวานเดินๆไปเจอคู่นี้ลดราคาเหลือแค่ 2 พันกว่าเยน(ก็ประมาณข้าว 4-5 จาน) ก็เลยสอยมาเลยค่ะ

จากการถามคนขาย เค้าบอกว่าไอ้ผ้าแบบนี้นี่ทำความสะอาดไม่ได้ด้วยนะ เลอะมาก็ได้แต่เอาแปรงปัดๆออกไป
(ดังนั้นไม่ควรเอาไม่ลุยหิมะ เพราะมันจะเลอะเทอะได้ หลงเข้าใจผิดมาตลอดว่าบู๊ตนี้เอาไว้ใช้ลุยหิมะ)
พอเราถามเค้าว่าถ้ามันเลอะมากๆล่ะทำไง คำตอบคือทำไรไม่ได้ค่ะ ถ้าเลอะมากๆก็คงต้องทิ้งลูกเดียว
แล้วอย่างนี้ใครจะไปซื้อแบบที่มันแพงๆล่ะเนี่ย กะให้ใส่กันแบบคุ้มแล้วทิ้งไปเลยอย่างนี้

ประเดิมใส่วันนี้วันแรก ก็อุ่นจริงๆนั่นล่ะค่ะ จะใส่แบบไม่พับหรือพับลงมาให้เห็นผ้าสำลีด้านในให้เก๋ๆก็ได้ เนื่องจากรองเท้านี้ใหญ่มากใส่กับสกินนี่ยีนส์หรืออะไรก็ไม่หวั่นค่ะ ที่เหลือยัดสบายๆ

แปลกอย่างว่า ทั้งๆที่รองเท้านี้ส้นแบนราบขนานระดับน้ำทะเลขนาดนี้ แต่ไหงเราใส่เดินแล้วรู้สึกมันเมื่อยขายิ่งกว่าใส่ส้นสูงอีกนะ
มันไม่ดีที่รองเท้า หรือ เพราะเราใส่รองเท้ามีส้น(รองเท้าที่ใส่ธรรมดาก็แค่ยกส้นนิดหน่อยเองนะคะ) จนชินแล้วกันแน่เนี่ย เมื่อยๆเกร็งๆแปลกๆพิกล
แถมรองเท้าคู่อวบอ้่วนมาก รู้สึกเวลาเดินต้องยกขาสูงกว่าเดิมเพื่อไม่ให้รองเท้าลากพื้นดัง แครก แครก แครก ด้วย อุปทานหรือเปล่าหนอ

แต่ก็เอาน่ะค่ะ คู่นี้ไม่ได้ซื้อมากะใส่สวย แ่ต่กะใส่มาอุ่นเต็มที่เลยค่ะ


-----------------------------------


แวะมาเพิ่มข้อความค่ะ แปลกใจว่าบล็อคนี้คนมาเจิมเยอะกว่าปกติ
แสดงว่าเรื่องบู๊ตๆนี่กำลังอินกันจริงๆ

เราก็ชอบดูคนมารีวิวใส่บู๊ตในห้องแป้งเหมือนกันค่ะ แอบหวังว่าให้ใส่กันเยอะๆนะ อีกหน่อยเราจะได้หอบกลับไปใส่บ้าง
แต่ก็คงยากอยู่ดีด้วยสภาพอากาศที่กรุงเทพ

ตอนไปเวียตนามเมื่อธันวาที่ผ่านมา ที่โน่นหนาวกว่าที่ไทยอีก ไม่ได้หนาวเท่าญี่ปุ่น แต่อย่างน้อยก็เย็นทั้งวัน ไม่เย็นเ้ช้า ร้อนเที่ยงเหมือนกรุงเทพ
แต่ก็แทบไม่เห็นคนใส่บู๊ตกันเท่าไหร่เลย เห็นโผล่ๆมาบ้างก็จะเป็นลักษณะคนที่แต่งแฟชั่นจ๋าจริงๆ ไม่ใช่อะไรที่พบเห็นได้เกลื่อนเลยค่ะ (ขนาดว่าเย็นกว่าไทยนะนี่)

บู๊ตที่สาวๆที่ไทยมารีวิวนี่ เราดูแล้วว่า โห แฟชั่นจ๋ากว่าของเราซะอีก
ของเรานี่ใส่บ่อยๆ เน้นว่าให้เข้ากับชุด(และโทนสีของฤดูนั้นๆ)ได้หลายๆชุด เอาเซฟไว้ก่อน แล้วเล่นสีและลายที่ชุดที่ใส่แทน แหะๆ (คือ ชุดนี่ยังเอากลับใช้ที่ไทยได้ แต่บู๊ตยาวนี่หมดสิทธิ)


มีบู๊ตอยู่สองแบบ ที่เราไม่เคยคิดจะลอง เพราะรู้ว่าไม่เหมาะกับเราคือ

หนึ่ง บู๊ตที่ยาวปิดเข่าหรือยาวเหนือเข่าขึ้นมา
อันนี้นี่ขอละไว้ให้สาวๆที่ขาเล็กๆเรียวๆใส่กันค่ะ รู้ตัวว่าไม่เหมาะ
แถมถ้าจะใส่ยาวขนาดนี้ กางเกงหรือกระโปรงต้องสั้นจุ๊ดเลยทีเดียว
เราไม่ใช่คนต้นขาเรียวเล็ก จนมั่นใจที่จะโชว์ ก็เลยต้องละไว้ล่ะค่ะ ดูสาวๆคนอื่นใส่ก็พอแล้ว (ขาสวยกันจริงจริ๊งงงง)

สอง คือ บู๊ตที่ปากกว้างๆ ยาวอยู่แค่ตรงตาตุ่มน่ะค่ะ (เรียกว่า ankle boots หรือเปล่าเอ่ย)
ความเห็นส่วนตัว แต่เราสังเกตมานานแล้ว ว่าบู๊ตความยาวประมาณนี้นี่ใส่แล้วจะเน้นให้ดูขาสั้นลงยังไงชอบกลค่ะ (ดูทั้งจากนางแบบในเว็บ และดูคนอื่นใส่กันตามท้องถนน)

ปากกว้างๆไปอ้าๆ อยู่ตรงตาตุ่มที่เป็นจุดคอดของขาพอดี มันทำให้เน้นสายตาว่าขา(จริงๆ)เราหมดแค่นั้นน่ะค่ะ เราคนขาสั้นเลยไม่ชอบ ชอบแบบที่พรางตาทำให้ดูขายาวๆๆๆๆ มากกว่า


ขอบคุณทุกความเห็นที่แวะมาเยี่ยมชมด้วยนะคะ




 

Create Date : 16 มกราคม 2552    
Last Update : 17 มกราคม 2552 14:31:13 น.
Counter : 2076 Pageviews.  

1  2  

White Amulet
Location :
Bangkok Thailand / Tokyo Japan

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 35 คน [?]




บล็อคนี้ถึงไม่ค่อยมีอะไรแต่ถ้าจะก๊อปปี้ข้อความหรือรูปอะไรไปโพสที่อื่น ก็รบกวนช่วยใส่เครดิตลิงค์บล็อคนี้ไว้ด้วยนะคะ

เราไม่สงวนลิขสิทธิ์การนำภาพและข้อความในบล็อคไปเผยแพร่(ในแบบที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์)แต่สงวนลิขสิทธิ์ความเป็นเจ้าของภาพถ่ายและเนื้อหาค่ะ

ค้นหาทุกสิ่งอย่างในบล็อคนี้

New Comments
Friends' blogs
[Add White Amulet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.