One Fine Day :)
Group Blog
 
All blogs
 

ใครว่าเรียนหมอไม่หนัก คนนั้นมันโกหก

ช่วงนี้สอบค่ะ
อาทิตย์นี้ทั้งอาทิตย์เลย สอบไล่ตั้งแต่วันจันทร์ อังคาร วันพุธ(วันนี้) เช้าและบ่าย บวกวันศุกร์ครึ่งวันเช้าไปอีกหน่อย ก็จะจบมิดเทอม
มาราธอนจริงๆ ไม่มีใครสอบอย่างโหดร้ายแบบนี้แล้วล่ะ


ตอนนี้สอบยังไม่เสร็จแต่ตอนนี้ทำตัวประหนึ่งสอบเสร็จแล้ว


เหนื่อยโคตร
แต่ แต่ ! สอบครั้งนี้ถึงจะเหนื่อนก็จริง ในความเหนื่อยนั้น มันมีความรู้สึกแตกต่างออกไป อาจจะเป็นเพราะว่า ปรับตัวมานานแล้ว (ก็ปีสามแล้ว)คนอื่นเค้าปรับมาได้นานแล้วล่ะ แต่ของเรามันเพิ่งเข้าที่เข้าทาง จากตอนปีสอง เรียนเหมือนสักแต่ว่าเรียนมันก็เลยแย่ๆ


ทีนี้ปีสาม มีพัฒนาการค่ะ เริ่มรู้สึกขวนขวายหาเองบ้าง
อ่านตำราที่ซื้อมาเอง (วู้ ว้าว - จริงๆ เหตุผลหลักคือเสียดายตัง ^^)
มีการวางแผน อ่านหนังสืออย่างเป็นระบบมากขึ้น (เลียนแบบรูมเมทเอช้วนของตัวเอง)
ทวนทุกวันตั้งแต่เปิดเทอม (ทำได้ไงเหรอ? เพราะว่าไม่ได้เข้าเรียนไง ก็เลยต้องอ่านว่าเรียนอะไรไปแล้วบ้าง ไม่งั้นตามไม่ทัน)
อีกอย่างเพราะว่าปีนี้ อยู่ในสพจ.ด้วย ทำงานเยอะ ก็เลยเหมือนมีความรับผิดชอบมากขึ้น (ต้องทำตัวและทำเกรดให้น่าเคารพนิดนิงน่ะ)



สอบคราวนี้ ก็เลยสบายๆ ทั้งๆที่ทุกคนบอกว่ามันแย่ ซึ่งมันก็แย่จริง(เอ๊ะสรุปมันยังไงกันวะ?) แต่ทว่าไม่ severe ขนาดปีสอง ซึ่งเรียนไปทิ้งไป ร้องไห้ไป

พ่อยังบอกเลยว่า สอบครั้งนี้ ลูกดูไม่ค่อยโวยวายนะ
ก็ในเมื่อทำอย่างเต็มที่ไปแล้ว มันก็เลยไม่มีอะไรต้องเสียใจอีกภายหลังอีกนี่นา


เอาเข้าจริงๆ เทอมนี้ออกจะมีความสุขนะ แม้เนื้อหามันจะหนักมากกกกก เพราะเราไม่ได้เนิร์ดอย่างเดียว กิจกรรมก็ทำเยอะมาก คนรู้จักเยอะมากกก (ดีใจๆ น้องๆน่ารักเยอะแยะ) อาจารย์ก็พอเห็นหน้าค่าตา แถมได้ปรับปรุงบุคลิกตัวเอง เราปกติเป็นคนไม่ค่อยกล้า ไม่ค่อยสู้หน้าผู้ใหญ่ พอต้องมารับผิดชอบอะไรมากมาย ก็เลยกล้ามานิดหนึ่งแล้ว โดนฝึกหัดกินหัว เป็นการเตรียมความพร้อม ทำให้ชีวิตมัน tough ขึ้นมาหน่อยๆ


ส่วนบันเทิงเริงใจนั้นก็ยังมีอยู่ครบ ได้อ่านนิยายเยอะเหมือนเดิม ชอปปิ้งก็บ่อย เจอเพื่อนเก่ามานั่งคุยกัน ดูละครมากมาย หัดแต่งหน้า ซื้ออายไลน์เนอร์มาไว้เยอะแยะ (กรีดมั่งไม่กรีดมั่ง เพราะตื่นไม่ทัน 55)


ในเมื่อทำทุกอย่างไปครบแล้ว เทอมนี้ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ
หากเกรดมันจะออกมาห่วยเหมือนเดิม ก็ไม่มีอะไรจะเสียใจ

...แค่ไม่ลดลงก็พอแล้ว
++++++++++++++++++++++++++++++
เล่าวันนี้ดีกว่า

สอบเลคเชอร์ principle of pathology 50 ข้อ ให้เวลาชั่วโมงนึงกับสิบห้านาที


ตอนอ่านแรกๆ ก็วู้ ทำได้ๆๆๆ ดีใจจัง ดีใจที่เมื่อเช้าฝันว่าตื่นมาอ่านหนังสือ(อ่านไม่ผิดหรอก ฝันว่าตื่นมาอ่านหนังสือจริงๆ)
ทำได้ ง่ายมากสบายใจที่สุด

สักพัก เหงื่อเริ่มซึม เอ่อ เว้นมาหลายข้อแล้วนะ ทำไมข้อนี้ก็ยังเว้นอีกวะ

ชักนั่งไม่ติดที่ละคราวนี้
ขยับตัวเปลี่ยนท่า มัดผมเก็บรวบหมด (เป็นท่าเตรียมสู้ตายของเราอ่ะ ถ้านั่งๆอยู่ เริ่มมัดผมเมื่อไร ขอให้ทุกคนระวังตัว อาจมีอุบัติเหตุเกิดได้ทุกวินาที)


สักพักมันก็เริ่มปลงอ่า แง๊ แง๊ อ่านมานะ อ่านมาเมื่อเช้าเลย แต่ว่าไม่เห็นออกตรงที่อ่านเลย แถมยังมีออกตรงที่เปิดอ่านแล้วบอกกับตัวเองว่า มันลึกไป เขาไม่ออกหรอก!!


แค้นโว้ย


เดินสะโหลสะเหลออกมา พบว่าทุกคนมีท่าทางคล้ายกัน คือ ตีอกชกหัวมึนซึม แม้กระทั่งเทพยังออกมาบ่นกัน
(แต่การบ่นของเทพนั้นอาจจะต้องหารด้วยสิบก่อนแปลผล เพราะว่าจริงๆแล้ว ค่าทำไม่ได้ของเทพ มันจะตกอยู่ในส่วนreject Ho แปลว่า ค่าทำไม่ได้ของเทพกับคนธรรมดาทั่วไป มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ)



ช่วงบ่ายสอบแล็บ
แล็บเนี่ย ก็ปลงมาตั้งแต่เริ่มเรียนแล้ว เพราะเรียนไม่ค่อยเข้าใจมากนัก อาจารย์อยากจะทำอะไรกับหนูก็เชิญค่ะ หนูไม่กลัว!!


ช่วงเช้าหลังออกมามึนซึมพักหนึ่ง ก็หยิบหนังสือมานั่งอ่านแล็บ ตอนแรกก็ว่าจะไม่ทำอะไรแล้ว อ่านไปก็ทำไม่ได้เท่ากัน เก็บแรงไว้ก่อนดีกว่า เดี๋ยวจะล้าซะเปล่าๆ พอดีมีเพื่อนมานั่งอ่านด้วย ก็เลยต้องทำฟอร์มอ่านหนังสือไป


อะฮ้า มันออกตรงที่เพื่อนพูดด้วย!!!
ดีใจประหนึ่งได้แก้ว นับว่ายังมีบุญอยู่บ้างนะเรา 555+


แล็บก็สอบประมาณว่า ให้เราเอากล้องจุลทรรศน์ของตัวเองมาตั้งไว้ (รู้สึกประหลาดนิดนึง เพราะปกติ อาจารย์จะไม่ให้เข้าห้องสอบก่อนสอบ แต่อันนี้ถ้านิสิตไม่เข้าห้องสอบ อาจารย์จะโวย) แล้วก็จะมีแฟ้มคำถาม มีสไลด์เสียบอยู่ไว้ให้


ข้อหนึ่ง 10 นาที มีทั้งหมด 6 ข้อ



เปิดมาก็เขียนๆไปอ่ะ ว่า organ อะไร ผิดปกติยังไง หน้าตาเป็นยังไง สรุปว่ามันเป็นอะไรกันแน่ เสร็จสิบนาที ก็ส่งกระดาษคำตอบทีหนึ่ง แล้วก็ทำต่อไป
ตื่นเต้นดี


แล็บแบบนี้ มักมีเรื่องตลกเกิดขึ้นมาก เพราะว่าเวลาน้อย บางทีก็นึกไม่ออกจริงๆว่ามันเป็นโรคอะไร นิสิตบางคนก็เลยตั้งชื่อโรคใหม่ขึ้นมาเอง หรือเค้าถามว่า organ อะไร นิสิตก็มั่วไปอย่างฮา


สุดยอดแห่งความฮา คัดมาแล้วก็คือ...

มีข้อหนึ่ง เป็นฝีที่ผิวหนัง สิวน่ะ ก็มีเพื่อนตอบไปว่า
ฝี(nevus) อืม ได้ข่าวว่า nevus แปลว่าไฝ


อีกข้อ เป็นม้าม ก็บางคนดูม้ามในระดับmicro ไม่ออก ก็ตอบไปเป็นตับ ก็ยังพอเข้าใจได้ มีเพื่อนตอบเป็น testis ค่ะ !! (แถมวินิจฉัยว่าเป็น วัณโรคลงอัณฑะอีก ไปกันใหญ่เลย)


ที่สุดยอดแห่งความฮา เอารางวัลไปเลยก็คือ
ในข้อเค้าบอกมาว่า ผู้ป่วยชายอายุ 50 ปี ตัดก้อนมาให้ดู ถามว่าก้อนนี้คืออะไร

มันตอบว่า ... ก้อนเนื้องอกของรังไข่!!!!!!!!!!!!!!


ก็ไม่อยากจะซ้ำเติม แต่มันฮาจริงๆว่ะ
++++++++++++++++++++++++

ตัวอย่างหนึ่งวันหฤโหดของนสพ.แกะน้อยตัวหนึ่ง ซึ่งอยากจะอัพเกรดตัวเองเป็นมนุษย์โลกทั่วไป




 

Create Date : 23 กรกฎาคม 2551    
Last Update : 23 กรกฎาคม 2551 19:40:04 น.
Counter : 212 Pageviews.  

สดจากห้องเรียน

กำลังเรียนอยู่ค่ะ อ.กำลังเฉลยแล็บเลข

ป่าวไม่ตั้งใจน้า เค้าทำเสร็จแย้วตะหาก

ไปเรียนต่อละ




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 29 พฤษภาคม 2551 15:35:45 น.
Counter : 219 Pageviews.  

เปิดเทอมปีสาม เมื่อคุณหมอเรียนเลข

วันเวลาช่างผ่านไปเร็วเสียจริง
เผลอแป๊บเดียว ก็ต้องกลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกแล้ว

ป่วยหนักอ่ะตอนนี้
เป็นหวัด หายใจไม่ออกเลย
เรียนอย่างไม่รู้เรื่องตั้งแต่วันแรก เพราะว่าได้โดดตั้งแต่วันแรก 55+


ช่วงนี้มีแต่เล็คเชอร์ค่ะ
เข้าห้องกลุ่มย่อยนิดหน่อย คล้ายปีสองไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก
คือเรียนตั้งแต่แปดโมงยันสี่โมงเย็น มีแล็บคั่นบางวัน
แต่ที่แปลกคือ บล็อกแรกที่เรียนนี้ มีการบ้านด้วย!!


โอว ว้าว ไม่ได้พบเจอการบ้านมาหลายปีแว้ว
เหมือนกลับไปอยู่มัธยมอีกครั้งหนึ่งเลยอ่ะ


การบ้านวันศุกร์ ต้องส่งวันจันทร์ก่อนเที่ยง
ไม่ใช่รายงานนะ เป็นแบบฝึกหัด
ที่น่าตกใจไปกว่านั้น มันเป็นการบ้านเลข!!!


รู้สึกได้ลดอายุ 555+


สมองฝืดเคืองไปหลายอยู่ ก็ไม่ได้คิดเลขเองจริงๆมาก็สองปีเต็มๆแล้ว
เรียน stat เพื่อวิจัยอ่ะค่ะ ถึงจะใช้เครื่องคิดเลขได้ มันก็ต้องเข้าใจ ก็ต้องคิดอีกอยู่ดี


การบ้านเลขที่รัก กลับมาอีกครั้ง


ตอนบ่ายวันศุกร์ เรียนเรื่อง การเฝ้าระวังโรคค่ะ
อาจารย์ฮามากเลย มีประโยคเด็ดผ่อนคลายความเครียดของนิสิตว่า
"เรียนเรื่อยๆ เหนื่อยก็พัก อาจารย์ไม่ทัก ก็พักได้นานๆ"


อาจารย์สอนดีค่ะ พูดได้ดีมากด้วย เปรียบเทียบความสำคัญของการเฝ้าระวังโรคได้เหมือนนิยาย เหมือนหนังนักสืบน่าติดตาม ไม่มีใครเครียด และไม่มีใครหลับด้วย 55+


อาจารย์ได้ยกตัวอย่างตอนไข้หวัดนกระบาด
แล้วสาธารณสุขเก็บข้อมูล พบผู้หญิงคนหนึ่งเสียชีวิตด้วยอาการคล้ายไข้เลือดออก แต่อาการแปลกๆ ฟิล์มเอกซเรย์ปอดเปรอะไปหมด


โห สอบสวนกันถี่ยิบ จนได้ความว่าผู้หญิงคนนี้เพิ่งกลับมาจากกำแพงเพชร
ฟังดูไม่มีความสำคัญเท่าไรเนอะ แต่เขา(หน่วยเฝ้าระวังไม่ยอมหยุดไปด้วย)ถามกันต่อมาว่า


แล้วคุณผู้หญิงคนนี้ไปกำแพงเพชรทำไม?


สืบกันต่อไป (อาจารย์เล่าได้ตื่นเต้นมากๆเลย)
พบว่าคุณเขาได้ขึ้นไปพยาบาลลูกสาวที่ป่วยเป็นไข้หวัดนก


โอ้โห เป็นเรื่องระดับชาติทีเดียว เพราะว่าถ้าเราสามารถระบุได้ว่ามีการระบาดคนสู่คนได้จริงๆ แปลว่าเชื้อมันกลายพันธุ์แล้ว เสี่ยงมากถึงมากที่สุด มีผลต่อความมั่นคงระดับประเทศโน่น


ทีมสอบสวนโรคต้องหาทางไปยับยั้งงานศพ เพื่อขออนุญาตผ่าพิสูจน์
ว่าคุณผู้หญิงคนนี้มีเชื้อในร่างกายจริงๆ


และในที่สุดผลก็เป็นตามนั้น
เลยสามารถแจ้งไปยังนายกฯขณะนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาโดยเร็ว
ทำให้สามารถ"คุม"โรคได้อยู่ เป็นที่ชื่นชมของต่างประเทศมาก


ชื่นชมนักสาธาฯคนนั้นมากที่ทำงานไม่เพียงแต่ไปวันๆ
ไม่ยอมปล่อยข้อสงสัยให้ผ่านไป
คิดดูนะว่า ถ้าเขาทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม
ไม่สนใจว่าคนตายก็แค่ตายคนเดียว
ป่านนี้ คนในจังหวัดกำแพงเพชรและข้างเคียง คงตายไปอีกเป็นพันๆคนแน่


เป็นการทำงานที่น่ายกย่อง เอาเป็นตัวอย่างที่สุด
ปรบมือให้ดังๆค่ะ




 

Create Date : 24 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 24 พฤษภาคม 2551 12:32:14 น.
Counter : 240 Pageviews.  

ฉันว่าคณะนี้ทำลายชีวิตวัยรุ่นของฉันไป

"ยินดีด้วยครับ"
"คะ" ฉันเงยหน้ามองพี่ที่บู๊ทหนังสืออย่างงงๆ
"พี่เห็นเราตั้งแต่อยู่ไกลๆนู่นแล้ว กว่าจะฝ่าฟันเข้ามาตรงนี้ได้ ยินดีด้วยครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
"อยู่จุฬา ขึ้นปีสองเหรอ"
"เปล่าค่ะ ปีสาม ทำไม หน้าเด็กเหรอคะ"
"เปล่า เห็นใส่พลีทไง พี่เพิ่งจบมาจุฬาเหมือนกัน น้องอยู่คณะอะไรเหรอ"
ฉันมองหน้าพี่อีกครั้ง และอีกครั้งที่หวนนึกถึงบทสนทนาหลายๆครั้งที่พบเจอ ทั้งในห้องเรียนรวม และที่อื่นเยอะแยะ ในวันที่ฉันต้องแนะนำตัว สังหรณ์ใจลึกๆ

"แพทย์ค่ะ"
"อ่า..."
และบทสนทนาก็หยุดไว้เพียงแค่นั้น
---------------
ไม่แปลกที่คนรู้จักฉันผิวเผินทั่วไปจะรู้สึกไม่อยากยุ่งด้วย
ภาพพจน์คนเรียนคณะนี้ มันดูเก่งเกินคน มันไม่ใช่คนแน่ๆ ไม่ได้กินอาหารธรรมดา แต่น่าจะเป็นน้ำมันเครื่องมากกว่า
หัวโต น่าเบื่อ คุยกันแต่เรื่องวิชาการน่าปวดหัว และดูเหมือนจะคุยเรื่องอื่นกันไม่ได้เลย เพราะไม่รู้เรื่อง
อย่าคุยกับเขาเลยดีกว่า ไม่รู้จะคุยอะไรดี เราปล่อยคนเก่งๆเขาไปเหอะ


จะให้อธิบายกี่พันครั้งก็คงไม่มีใครเข้าใจ
อย่างที่พวกเรากันเองเข้าใจ
นี่ยิ่งอาจเป็นเหตุผลที่เราต่างเก็บตัว รู้จักกันเอง คบกันเอง
แต่ไม่รู้จักใครคณะไหนอื่นเลยในมหาวิทยาลัย
---------------
ฉันมองประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์ที่ประกาศไปเมื่อเย็นวานแล้วรู้สึกใจหายลึกๆ
มีเด็กอีกกว่าพันคน ก้าวเข้ามาในเส้นทางสายเดียวกับฉัน แม้จะด้วยความเต็มใจ ไม่เต็มใจ ไม่รู้ ยังไม่รู้ ยังหาตัวเองไม่เจอ อีกร้อยเหตุผล หมื่นคำอธิบาย
ต่างคนต่างมา คนละเหตุผล คนละครอบครัว
แต่กำลังมุ่งสู่จุดหมายเดียวกัน

ฉันตอบไม่ได้ว่าจุดหมายที่เขาวาดหวังไว้ว่าจะเจอเป็นเช่นไร
สวยหรู?
คุ้มค่า?
สบาย? มีหน้ามีตา?
รวย?

ฉันเชื่อว่า ณ วินาทีนี้ พวกเขาเหล่านั้นทุกคน กำลังมีความสุขกับฟองสบู่สีรุ้งรอบกาย ท่ามกลางบรรยากาศแห่งชัยชนะที่คว้ามาได้คุ้มกับที่รอและทุ่มทุน

ไปกว่าปีเต็ม แม้จะเพิ่งก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัย และถนนสายชีวิตยังทอดยาวอีกไกลโพ้น แต่พวกเขาคงรู้สึกว่าหนทางเบื้องหน้ากลับเสมือนปูด้วยพรมแดงชั้นหนึ่ง โรยกลีบกุหลาบอีกที

เหมือนที่ฉันเคยรู้สึกมาก่อน

สำหรับคนที่ก้าวเข้ามาในเส้นทางนี้ ด้วยความเต็มใจ ด้วยความรัก ด้วยการตัดสินใจของตนเองคงไม่มีอะไรเปลี่ยนความรู้สึกนี้ไปได้มากนัก ด้วยความ

รักยังคงนำทางให้พวกเขาก้าวผ่านคืนวันอันยากลำบากไปได้ในที่สุด


ทว่า คนที่ไม่มีเหตุผลเหล่านี้ในหัวใจล่ะ


ฉันเชื่อว่า อีกไม่นาน เมื่อชัยชนะกลายเป็นชาชิน และฟองสบู่แตกวับหายไป ความยากลำบากยิ่งกว่าใดๆ เข้ามาแทนที่สีรุ้งงดงาม เมื่อนั้น แม้พรมที่ปูไว้ ก็กลับกลายเป็นคอนกรีตร้อนระอุ และกลีบกุหลาบพันธุ์งามที่โรยอยู่ได้มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน


เขาจะทนได้หรือไม่
ฉันมองประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์ที่ประกาศไปเมื่อเย็นวานแล้วรู้สึกใจหายลึกๆ

ฉันหันกลับมามองตัวเอง
-------------
ใครสักคนเคยว่าไว้ว่า
จงใช้ชีวิตหนุ่มสาวให้ผิดพลาด
เพราะเมื่อแก่ชราลงแล้ว อาจจะไม่มีสิทธิ์มาเริ่มต้นใหม่
ช่วงหนุ่มสาวคือไพรม์ไทม์ คือ ช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่จะลองผิดถูกเรื่อยไป
ถ้าผิดก็แค่เริ่มใหม่
ตราบใดที่เรายังมีแรง มีไฟ มีอายุอีกนานพอที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลง
พลังคนหนุ่มสาวช่างยิ่งใหญ่


ฉันยังไม่ค่อยเชื่อหรอกนะ
ถึงจะมีแรง มีไฟ
แต่ถ้าไม่มีใจ มันก็ไร้ค่า
และเมื่อ "ฉันว่าคณะนี้ทำลายชีวิตวัยรุ่นของฉันไป" เป็นประโยคที่ฉันพูดอยู่บ่อยๆเวลาเรียน
ฉันว่า อีกนาน กว่า"ใจ"ของฉัน จะมา
-------------
เมื่อกี้ฉันนั่งคิดหาหนทางจบบทความนี้
คิดยากมาก
จะจบได้ยังไงดีล่ะ

ว่าฉันไม่มีไฟกับที่นี่แล้ว ไม่ควรมีใครหลงผิดมาเรียนสายนี้อีกต่อไป หนักก็หนัก กิจกรรมก็เยอะเกินไป
หรือว่า ฉันควรอยู่ เพราะไม่มีที่ไป ไม่มีที่ไหนท้าทายความสามารถได้เท่าที่นี่อีกแล้วนะ
หรือว่า ฉันต้องอยู่ เพราะไม่มีเงินจ่ายสี่แสนบาท
หรือว่า ฉันอยากอยู่ เพราะอันที่จริง มันก็แค่เป็นคืนวันยากลำบาก ที่ฉันน่าจะหาความรักมองแง่มุมดีๆในตัวของมัน แล้วฝ่าฟันไปให้ได้


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
"ฮัลโหล" ฉันกรอกเสียงลงไป แปลกใจว่าเพื่อนมีธุระอะไรหรือเปล่าตอนเกือบๆห้าทุ่มอย่างนี้
"เออ พรุ่งนี้ น้องใหม่เข้ามารายงานตัวใช่ป่ะ ต้องทำอะไรหรือเปล่า"
"อ๋อ ทำสิ"
"มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า เราไปช่วยได้นะ"
"..."
"ต้องทำอะไรบ้างล่ะ"
"เอ่อ ก็ ไลน์น้องเข้าไปห้องรวม แจกเอกสารลงทะเบียนเรียนน่ะ แล้วก็มีไลน์ไปตรวจร่างกายในโรงพยาบาล"
"แล้วให้เราช่วยอะไรไหม"
"ถ้างั้นช่วยกันเด็กๆหน่อยแล้วกัน ตอนเช้าคงวุ่นวายอ่ะ น้องปีหนึ่งเขาคงมาเช้ามากแน่ ตื่นเต้น"
"อ๋อได้สิได้"
"ว่าแต่...แกไม่ได้มีประชุมเฮดอินเดียนพรุ่งนี้เหรอ"
"มีๆ แต่ว่าก็ว่างนิดหน่อยตอนเช้าถึงเก้าโมงน่ะ เดี๋ยวแวบไป มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ เพื่อนกัน"


เพื่อนวางโทรศัพท์ไปแล้ว
ฉันกดเปิดอินเตอร์เน็ต

ฉันมองตัวแสดงที่หน้าเว็บ ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์อีกครั้ง
ยังคงใจหายอยู่


แต่มันน้อยลง


แม้คืนวันอันยากลำบากมันจะยังคงอยู่และฉันก็ยังฝ่ามันออกมาไม่ได้
แต่เริ่มเชื่อแล้ววันหนึ่งจะฝ่ามาได้


วันนี้ฉันแค่เหนื่อยล้า
ในวันโหดๆซึมๆยังงี้
การได้รู้ว่ามีเพื่อนข้างๆ
และเรายังมีเพื่อนคอยช่วยเหลืออีกมาก
มันรู้สึกดีจังเลย


พลังคนหนุ่มสาวช่างยิ่งใหญ่
พลังคนหนุ่มสาวที่มีเพื่อนยิ่งใหญ่กว่า
----------------
ฉันมองประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์อีกครั้ง
ฉันหันกลับมามองตัวเอง และถามเหตุผลที่เรายังคงยืนอยู่ในทางสายนี้

โดยไม่เข้าข้างใคร ฉันก็อยากจะตอบว่ามันเป็นความรักได้เช่นกัน
----------------
ขอบคุณโทรศัพท์สายนั้นนะ
ขอบคุณเพื่อนที่โทรมาหาตั้งหลายคนในวันนี้
ขอบคุณ
และขอบคุณ

วันนี้เราเหนื่อยแกช่วยพยุง
พรุ่งนี้เมื่อแกเหนื่อย เราจะพยุงให้เอง




 

Create Date : 08 เมษายน 2551    
Last Update : 31 สิงหาคม 2551 15:03:25 น.
Counter : 225 Pageviews.  

ก็แค่ จี พี เอ

อยากจะมีบล็อกกะเค้ามาก็นานแล้วนะเนี่ย
พอได้ฤกษ์เปิดซะทีก็ดันเป็นวันไม่ค่อยจะดี...เฮ้อออ

คือ ยามค่ำคืนที่ผ่านมา ขณะกำลังจะเข้านอนสู่นิทราอย่างสงบนั้น ก็มีเสียงโทรศัพท์ของรูมเมทอิฉันเอง ดังขึ้นรบกวนโสตประสาท และเหตุการณ์หลังจากนั้น ก็ผ่านไปอย่างรวดเร็วแทบตั้งรับไม่ทัน

รูมเมทข้าพเจ้า "ฮัลโหล ว่าไง ฮะ?? เกรดออกแล้ว????"

อิฉันหันขวับร้องเสียงหลง "ม่ายยยยยยจริง ก็เพิ่งไปกับอบจ.มาเขาบอกว่าออกวันที่ 19"

"ก็เนี่ย" สาวรูมเมทของเราชี้ไปในโทรสับ "มันกำลังนั่งดูเกรดอยู่"

"ไม่นะ ไม่" (ยังมีหน้าไปเถียงเค้าอ่ะนะ แต่เสียงชักกร่อย) "ก็เค้าบอกว่าออกวันที่สิบเก้า..."

อะฮ้า แต่เพื่อนเราไม่ฟังแล้ว "อะไรนะ แกได้บีบวก cycle of life??? เป็นไปได้ยังไง"

เย้ยย มีการเอ่ยชื่อวิชาอย่างชัดเจน ยังงี้มันออกแล้วแน่ๆ และแล้วหลังจากนั้น เสมือนเมฆหมอกปกคลุมห้องนอนเลยทีเดียว กระไอร้อนรนแผ่รังสีซะจนทนไม่ไหว ต้องวิ่งลงไปซื้อเน็ตของหอ ขึ้นมาเปิดดูเอาตอนเที่ยงคืนกว่า แถมร้อนใจจนลงไปซื้อมันทั้งชุดนอนเลยนั่นแหละ


เรื่องตื่นเต้นยังไม่จบเพียงเท่านี้
พอได้เน็ตเรียบร้อย เข้าเว็บสำนักทะเบียนปุ๊บ ล็อกอินเข้าไป มันก็ขึ้นประมาณว่า
ตรวจสอบพบว่ากำลังอยู่ในระบบอยู่แล้ว เลยเข้าไม่ได้
อ๊ายยย เวรเหอะ ใครมันบังอาจมารู้พาสเวิร์ดกุฟะ
ที่สำคัญ ใครมันจะมาอยากรู้เกรดช้านน ถ้าเป็นรูมเมทเราอดีตเอช้วนคณะก็ว่าไปอย่าง อิฉันมันเป็นคนปลายแถว เกรดผะแผ่ว ร่อแร่ ใคร้ ใคร มันบังอาจ มาแอบดูเกรดเน่าๆ ซีบวกของเรา

แต่ทำไงได้ ก็ต้องนั่งรอให้ครบสิบนาทีแล้วล็อกอินใหม่
ระหว่างนั้นก็ทำทีเป็นเช็คเฟสบุค เช็ดเมล์ เช็คบ้าเช็คบอ ฮัมเพลงไปเรื่อย
กลบเกลื่อนว่าไม่ตื่นเต้น ไม่ตื่นเต้น ซับเหงื่อ ไม่ตื่นเต้น


ครบสิบนาทีปุ๊บล็อกอินใหม่ทันที ด้วยหัวใจเต้นแรง ประสาทตื่นตัวไม่รู้จะตื่นไปไหนแล้ว
คราวนี้ เข้าได้ง่ายดาย รวดเร็ว นิ่มนวล เรียบลื่นยิ่งกว่าชุดเครื่องนอนโตโต้
ค่อยๆ ลากสายตาลงมาด้านล่าง
กวาดสายตาไปด้านขวาช้าๆ

โอ้แม่เจ้า
ฝันร้ายยังคงอยู่ครับ

ณ วินาทีนั้นนะ บอกได้แล้วว่า ช็อค
ไม่เข้าใจจริงๆ อะ ขยันกว่าเดิมไม่รู้กี่ร้อยเท่าแล้ว
เกรดมันก็ยังเท่าเดิ้ม เท่าเดิม ไม่มีเพิ่มขึ้น แต่มีลดลง
แย่ๆๆๆๆ ไม่ได้เศร้า แต่มัน เซ็ง เซ็ง เซ็ง

มันเสียดายอ่ะ เวลาที่ทุ่มลงไปแล้วผลมันไม่ได้ดั่งใจขึ้นมา
เวลาที่ทุ่มสุดตัวแล้วมันไม่ได้อย่างที่ทุ่มไปขนาดนั้น มันไม่คุ้มกันเลย
เหนื่อยเปล่าแท้ๆ

นิ่งไปได้สักพักค่อยพยายามปลอบตัวเอง
ถ้ากุไม่ทุ่มขนาดนั้นนะ เกรดมันอาจจะยิ่งปักหัวดิ่งลงก็ได้
ไม่เอฟก็พอแล้ว

โอ๊ยยย
ผิดหวังตั้งหลายตัว
ทำได้ มั่นใจ ทำได้จริง
แต่ลืมไปว่า ที่เราทำได้ เพื่อนก็ทำได้เหมือนกัน
ข้อสอบเกือบร้อยข้อ ทำได้เก้าสิบกว่าๆ เหลือสามสี่ข้อไว้
อีสามสี่ข้อนั้นก็ตัวตัดสินเกรดละนะ พลาดไปสี่ข้อนี้ มันก็ลงมาซีบวกอย่างง่ายดาย ...

เฮ้อ ทำไมเพื่อนๆถึงได้เก่งขนาดนี้ฟะ
การตัดแบบอิงกลุ่มมันใช้กับหมอไม่ค่อยดีหรอกนะว่ามั้ย

เอาเหอะ เรียนอย่างสนุกดีกว่า เนอะๆๆๆ
มันก็แค่ ตัวหนังสือไม่กี่ตัว
ก็แค่ จี พี เอ




 

Create Date : 16 มีนาคม 2551    
Last Update : 31 สิงหาคม 2551 15:05:22 น.
Counter : 255 Pageviews.  

1  2  

หวานจ๋อยหยอด
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เด็กผู้หญิงหน้ากลมชื่อหวานแต่เปรี้ยว
รักจะมองโลกผ่านเลนส์สีกุหลาบ
รักงานเขียนมากกว่าอะไร
รักคนไข้...หรือเปล่านะ?
รักและแคร์เพื่อนๆรอบตัว
รักครอบครัวที่สุด
Friends' blogs
[Add หวานจ๋อยหยอด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.