One Fine Day :)
Group Blog
 
All blogs
 
ฉันว่าคณะนี้ทำลายชีวิตวัยรุ่นของฉันไป

"ยินดีด้วยครับ"
"คะ" ฉันเงยหน้ามองพี่ที่บู๊ทหนังสืออย่างงงๆ
"พี่เห็นเราตั้งแต่อยู่ไกลๆนู่นแล้ว กว่าจะฝ่าฟันเข้ามาตรงนี้ได้ ยินดีด้วยครับ"
"ขอบคุณค่ะ"
"อยู่จุฬา ขึ้นปีสองเหรอ"
"เปล่าค่ะ ปีสาม ทำไม หน้าเด็กเหรอคะ"
"เปล่า เห็นใส่พลีทไง พี่เพิ่งจบมาจุฬาเหมือนกัน น้องอยู่คณะอะไรเหรอ"
ฉันมองหน้าพี่อีกครั้ง และอีกครั้งที่หวนนึกถึงบทสนทนาหลายๆครั้งที่พบเจอ ทั้งในห้องเรียนรวม และที่อื่นเยอะแยะ ในวันที่ฉันต้องแนะนำตัว สังหรณ์ใจลึกๆ

"แพทย์ค่ะ"
"อ่า..."
และบทสนทนาก็หยุดไว้เพียงแค่นั้น
---------------
ไม่แปลกที่คนรู้จักฉันผิวเผินทั่วไปจะรู้สึกไม่อยากยุ่งด้วย
ภาพพจน์คนเรียนคณะนี้ มันดูเก่งเกินคน มันไม่ใช่คนแน่ๆ ไม่ได้กินอาหารธรรมดา แต่น่าจะเป็นน้ำมันเครื่องมากกว่า
หัวโต น่าเบื่อ คุยกันแต่เรื่องวิชาการน่าปวดหัว และดูเหมือนจะคุยเรื่องอื่นกันไม่ได้เลย เพราะไม่รู้เรื่อง
อย่าคุยกับเขาเลยดีกว่า ไม่รู้จะคุยอะไรดี เราปล่อยคนเก่งๆเขาไปเหอะ


จะให้อธิบายกี่พันครั้งก็คงไม่มีใครเข้าใจ
อย่างที่พวกเรากันเองเข้าใจ
นี่ยิ่งอาจเป็นเหตุผลที่เราต่างเก็บตัว รู้จักกันเอง คบกันเอง
แต่ไม่รู้จักใครคณะไหนอื่นเลยในมหาวิทยาลัย
---------------
ฉันมองประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์ที่ประกาศไปเมื่อเย็นวานแล้วรู้สึกใจหายลึกๆ
มีเด็กอีกกว่าพันคน ก้าวเข้ามาในเส้นทางสายเดียวกับฉัน แม้จะด้วยความเต็มใจ ไม่เต็มใจ ไม่รู้ ยังไม่รู้ ยังหาตัวเองไม่เจอ อีกร้อยเหตุผล หมื่นคำอธิบาย
ต่างคนต่างมา คนละเหตุผล คนละครอบครัว
แต่กำลังมุ่งสู่จุดหมายเดียวกัน

ฉันตอบไม่ได้ว่าจุดหมายที่เขาวาดหวังไว้ว่าจะเจอเป็นเช่นไร
สวยหรู?
คุ้มค่า?
สบาย? มีหน้ามีตา?
รวย?

ฉันเชื่อว่า ณ วินาทีนี้ พวกเขาเหล่านั้นทุกคน กำลังมีความสุขกับฟองสบู่สีรุ้งรอบกาย ท่ามกลางบรรยากาศแห่งชัยชนะที่คว้ามาได้คุ้มกับที่รอและทุ่มทุน

ไปกว่าปีเต็ม แม้จะเพิ่งก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัย และถนนสายชีวิตยังทอดยาวอีกไกลโพ้น แต่พวกเขาคงรู้สึกว่าหนทางเบื้องหน้ากลับเสมือนปูด้วยพรมแดงชั้นหนึ่ง โรยกลีบกุหลาบอีกที

เหมือนที่ฉันเคยรู้สึกมาก่อน

สำหรับคนที่ก้าวเข้ามาในเส้นทางนี้ ด้วยความเต็มใจ ด้วยความรัก ด้วยการตัดสินใจของตนเองคงไม่มีอะไรเปลี่ยนความรู้สึกนี้ไปได้มากนัก ด้วยความ

รักยังคงนำทางให้พวกเขาก้าวผ่านคืนวันอันยากลำบากไปได้ในที่สุด


ทว่า คนที่ไม่มีเหตุผลเหล่านี้ในหัวใจล่ะ


ฉันเชื่อว่า อีกไม่นาน เมื่อชัยชนะกลายเป็นชาชิน และฟองสบู่แตกวับหายไป ความยากลำบากยิ่งกว่าใดๆ เข้ามาแทนที่สีรุ้งงดงาม เมื่อนั้น แม้พรมที่ปูไว้ ก็กลับกลายเป็นคอนกรีตร้อนระอุ และกลีบกุหลาบพันธุ์งามที่โรยอยู่ได้มอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน


เขาจะทนได้หรือไม่
ฉันมองประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์ที่ประกาศไปเมื่อเย็นวานแล้วรู้สึกใจหายลึกๆ

ฉันหันกลับมามองตัวเอง
-------------
ใครสักคนเคยว่าไว้ว่า
จงใช้ชีวิตหนุ่มสาวให้ผิดพลาด
เพราะเมื่อแก่ชราลงแล้ว อาจจะไม่มีสิทธิ์มาเริ่มต้นใหม่
ช่วงหนุ่มสาวคือไพรม์ไทม์ คือ ช่วงเวลาที่ดีที่สุด ที่จะลองผิดถูกเรื่อยไป
ถ้าผิดก็แค่เริ่มใหม่
ตราบใดที่เรายังมีแรง มีไฟ มีอายุอีกนานพอที่จะเห็นความเปลี่ยนแปลง
พลังคนหนุ่มสาวช่างยิ่งใหญ่


ฉันยังไม่ค่อยเชื่อหรอกนะ
ถึงจะมีแรง มีไฟ
แต่ถ้าไม่มีใจ มันก็ไร้ค่า
และเมื่อ "ฉันว่าคณะนี้ทำลายชีวิตวัยรุ่นของฉันไป" เป็นประโยคที่ฉันพูดอยู่บ่อยๆเวลาเรียน
ฉันว่า อีกนาน กว่า"ใจ"ของฉัน จะมา
-------------
เมื่อกี้ฉันนั่งคิดหาหนทางจบบทความนี้
คิดยากมาก
จะจบได้ยังไงดีล่ะ

ว่าฉันไม่มีไฟกับที่นี่แล้ว ไม่ควรมีใครหลงผิดมาเรียนสายนี้อีกต่อไป หนักก็หนัก กิจกรรมก็เยอะเกินไป
หรือว่า ฉันควรอยู่ เพราะไม่มีที่ไป ไม่มีที่ไหนท้าทายความสามารถได้เท่าที่นี่อีกแล้วนะ
หรือว่า ฉันต้องอยู่ เพราะไม่มีเงินจ่ายสี่แสนบาท
หรือว่า ฉันอยากอยู่ เพราะอันที่จริง มันก็แค่เป็นคืนวันยากลำบาก ที่ฉันน่าจะหาความรักมองแง่มุมดีๆในตัวของมัน แล้วฝ่าฟันไปให้ได้


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น
"ฮัลโหล" ฉันกรอกเสียงลงไป แปลกใจว่าเพื่อนมีธุระอะไรหรือเปล่าตอนเกือบๆห้าทุ่มอย่างนี้
"เออ พรุ่งนี้ น้องใหม่เข้ามารายงานตัวใช่ป่ะ ต้องทำอะไรหรือเปล่า"
"อ๋อ ทำสิ"
"มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า เราไปช่วยได้นะ"
"..."
"ต้องทำอะไรบ้างล่ะ"
"เอ่อ ก็ ไลน์น้องเข้าไปห้องรวม แจกเอกสารลงทะเบียนเรียนน่ะ แล้วก็มีไลน์ไปตรวจร่างกายในโรงพยาบาล"
"แล้วให้เราช่วยอะไรไหม"
"ถ้างั้นช่วยกันเด็กๆหน่อยแล้วกัน ตอนเช้าคงวุ่นวายอ่ะ น้องปีหนึ่งเขาคงมาเช้ามากแน่ ตื่นเต้น"
"อ๋อได้สิได้"
"ว่าแต่...แกไม่ได้มีประชุมเฮดอินเดียนพรุ่งนี้เหรอ"
"มีๆ แต่ว่าก็ว่างนิดหน่อยตอนเช้าถึงเก้าโมงน่ะ เดี๋ยวแวบไป มีอะไรให้ช่วยก็บอกนะ เพื่อนกัน"


เพื่อนวางโทรศัพท์ไปแล้ว
ฉันกดเปิดอินเตอร์เน็ต

ฉันมองตัวแสดงที่หน้าเว็บ ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์อีกครั้ง
ยังคงใจหายอยู่


แต่มันน้อยลง


แม้คืนวันอันยากลำบากมันจะยังคงอยู่และฉันก็ยังฝ่ามันออกมาไม่ได้
แต่เริ่มเชื่อแล้ววันหนึ่งจะฝ่ามาได้


วันนี้ฉันแค่เหนื่อยล้า
ในวันโหดๆซึมๆยังงี้
การได้รู้ว่ามีเพื่อนข้างๆ
และเรายังมีเพื่อนคอยช่วยเหลืออีกมาก
มันรู้สึกดีจังเลย


พลังคนหนุ่มสาวช่างยิ่งใหญ่
พลังคนหนุ่มสาวที่มีเพื่อนยิ่งใหญ่กว่า
----------------
ฉันมองประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าสอบสัมภาษณ์อีกครั้ง
ฉันหันกลับมามองตัวเอง และถามเหตุผลที่เรายังคงยืนอยู่ในทางสายนี้

โดยไม่เข้าข้างใคร ฉันก็อยากจะตอบว่ามันเป็นความรักได้เช่นกัน
----------------
ขอบคุณโทรศัพท์สายนั้นนะ
ขอบคุณเพื่อนที่โทรมาหาตั้งหลายคนในวันนี้
ขอบคุณ
และขอบคุณ

วันนี้เราเหนื่อยแกช่วยพยุง
พรุ่งนี้เมื่อแกเหนื่อย เราจะพยุงให้เอง


Create Date : 08 เมษายน 2551
Last Update : 31 สิงหาคม 2551 15:03:25 น. 8 comments
Counter : 223 Pageviews.

 
มันแล้วแต่ว่าเรามาเข้าคณะนี้เพื่ออะไรมากกว่านะคะ ตอนสมัยที่จบใหม่ๆ ก็คิดอย่างนี้เหมือนกัน คือ ตอนที่เข้ามาก็ยังจำได้อยู่ว่าอายุเท่าไหร่ แล้วเวลาหกปีนั้นก็หายไปเลย รู้สึกตัวอีกทีก็จบไปแล้ว

หลังจากจบเริ่มทำงาน ก็มีวันที่สวดมนต์ไหว้พระ ขอไม่ให้ได้เป็นหมออีก ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติไหน จนวันนึงก็ไม่ได้เป็นหมอจริงๆ

แต่..กลับคิดถึง ไม่ได้คิดถึงความรวย ความเท่ หรือความหรูหรา แต่คิดถึง ความสามารถที่จะเปลี่ยนชิวิตคนได้ 'คิดถึงสิ่งดีๆที่เกิดขึ้นได้จากน้ำพักน้ำแรงของเรา

สิ่งสำคํญคือทำอย่างไรให้สมดุล ระหว่างวิถีของอาชีพ กับความสุขส่วนตัว วันนี้เวลานี้พี่กลับมาเป็นหมออีกครั้ง และครั้งนี้ไม่มีวันไหนที่ขอ "ไม่ให้กลับไปเป็นหมอีก"


โดย: ลูกแม่ดอกบัว วันที่: 9 เมษายน 2551 เวลา:0:09:51 น.  

 
อืมม์..

ปกติก็รู้สึกว่าเด็กแพทย์เก่งค่ะ แต่ไม่ได้รู้สึกถึงขนาดว่า แยกเค้าออกไปจากเพื่อนๆ คนอื่นที่เรียนคณะอื่นนะคะ

อ่านแล้วก็อืมม์...


อ่านเล่มไหนที่ซื้อมาจบแล้ว รีวิวหน่อยนะคะ อยากอ่านค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 9 เมษายน 2551 เวลา:8:34:40 น.  

 
ขออนุญาตอ่านบล๊อกนะครับ..น่าสนใจดี...


โดย: manoogalum IP: 202.91.18.194 วันที่: 9 เมษายน 2551 เวลา:16:54:14 น.  

 

ชอบจังเลยค่ะ อาชีพหมอ ดูความรับผิดชอบเยอะแยะเลยค่ะ
แต่เพื่อนนิกส์บางคนที่เค้าเรียนหมอชอบว่าคณะนิกส์ค่ะ
บอกว่าเภสัชอ่ะ จิ๊บจ๊อย~พวกไม่ติดหมอก็มาเรียนเภสัช
ฟังแล้วก็ปรี๊ดแตกค่ะ ตอกกลับไปเลยค่ะว่า
"ชั้นอ่ะ ชอบที่จะเรียนเภสัช เลือกเป็นอันดับหนึ่งทั้งๆที่คะแนนอ่ะ เกินแพทย์ด้วยซ้ำ เรียนเภสัชก็ดีแล้ว ไม่ต้องยุ่งเกี่ยวกับคนไข้มาก แล้วชั้นก็ไม่มีความอดทนมากพอด้วย ขนาดเภสัชชั้นยังขี้เกียจ จะไปเรียนหมอได้ไหมเนี่ย แล้วแพทย์ที่ชอบดูถูกคนอื่นอย่างเธออ่ะ จะเป็นแพทย์ที่ดีเหรอ"
นิกส์ด่าไปอย่างนี้เลยค่ะ แหะๆ ของขึ้น
แล้วเค้าก็มาขอโทษนิกส์ค่ะ นิกส์ก็ขอโทษเค้าเหมือนกัน
คือนิกส์คิดว่าคนเราจะเรียนคณะอะไรนั้นก็ไม่เห็นจะต้องมาดูถูกกันเลย


โดย: ไอเนะกิจัง วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:17:30:29 น.  

 
พ่อช้านอยากให้ช้านเรียนหมอใจจะขาด แต่เราเองอยากเรียนการท่องเที่ยว การโรงแรมอะไรแบบนี้ คนละเรื่องเลยชิมะ โดนบังคับให้เรียนคณิด วิดโอ้วว เสียดายเวลา เราน่าจะเลือกเรียนคณิตอักิดไม่ก้อ อังกิดฝรั่งเศษ เพราะเกรดเราฉุดลงเพราะคณิตแระวิดเนี่ยแหละ ทำให้คแนนที่จะยื่นแอดไม่ค่อยดี ตอนนี้มองดูเอชนไว้หลายที่เพราะคิดว่าคงเข้ารัฐที่ไหนไม่ได้ ยังไม่กล้าบอกพ่อ เด๋วจาช้อก เห้อๆๆๆๆ เซงๆๆๆๆ เรียนมาก้อไม่ได้ใช้ เรียนมาทำไม


โดย: Olive (Cynthia_FullMoon ) วันที่: 15 เมษายน 2551 เวลา:17:05:17 น.  

 
เห็นชื่อบล็อกแล้วรู้สึกว่าขนาดนั้นเลยเหรอ พออ่านแล้วก็เป็นกำลังใจให้นะคะ


โดย: BoOKend วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:50:13 น.  

 
สู้ สู้ นะคะเป็นธรรมดาสำหรับการเดินทางที่ระหว่างทางต้องกลับมาทบทวนถึงหนทางที่ตนกำลังก้าวไป ตัวเองต้องพบกับความสับสน กับอุปสรรคที่เราต้องเจออยู่เสมอๆ ให้น้องถือว่าอุปสรรคที่เรากำลังเจออยู่จะสอนให้แกร่ง พร้อมที่จะออกมาเผชิญกับโลกภายนอกที่ซับซ้อนมากขึ้น เป็นกำลังใจให้น้องเข็มแข็งสู้จนถึงทีสุดสังคมกำลังรอน้องอยู่ค่ะ


โดย: พี่เภสัช IP: 124.157.228.57 วันที่: 24 พฤษภาคม 2551 เวลา:23:31:21 น.  

 
มานก้อแล้วแความคิดนะครับ
เพราะสังคมคนที่เรียนแพทย์มันเหมือนจะอยู่กว่าบุคคลธรรมดาทั่วไป ไม่รู้สิดูจากการวางตัวนะครับ(ที่ ม. ผม)
มันก็เป็นธรรมดาที่จะมีน้อยคนที่พูดคุยด้วยนอกเสียจากเรียนแพทย์ด้วยกัน
ไม่รุสิแต่ถ้าเรียนจบมาไม่ว่าด้านไหนมันก็ต้องมีความรับผชอบเหมือนกันหมดครับ แต่ดูเหมือนหมอต้องมีมากกว่าเท่านั้นเอง
อ่านมาน่าสนใจดีครับ
ขอให้สู้ต่อไปนะครับ เพราะไม่แค่เป็นประโยชน์ต่อตัวเราแต่ยังมีประโยชน์ต่อคนอื่นๆด้วยครับ


โดย: วิศวกรน้อย IP: 58.147.29.128 วันที่: 21 สิงหาคม 2551 เวลา:0:09:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หวานจ๋อยหยอด
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เด็กผู้หญิงหน้ากลมชื่อหวานแต่เปรี้ยว
รักจะมองโลกผ่านเลนส์สีกุหลาบ
รักงานเขียนมากกว่าอะไร
รักคนไข้...หรือเปล่านะ?
รักและแคร์เพื่อนๆรอบตัว
รักครอบครัวที่สุด
Friends' blogs
[Add หวานจ๋อยหยอด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.