One Fine Day :)
Group Blog
 
All blogs
 

เรื่องจริงยิ่งกว่านิยาย เมื่อเรา(เกือบ)เข้าห้องผิด!!

อ๊า

หายหน้าไปหลายวัน พออยากกลับมาเขียน ก็มีเรื่องให้เขียนพอดีเลย

เกริ่นก่อนว่า จริงๆแล้วเราเป็นคนกรุงแต่กำเนิดนะ บ้านช่องก็ไม่ได้ไกลชานเมืองนักหนา แต่ว่าตั้งแต่เข้าปีหนึ่งคณะนี้ได้ ด้วยความที่มันเรียนหนัก กิจกรรมเยอะ เราก็เลยขอพ่อกะแม่มาอยู่หอที่ไม่ไกลจากคณะมากนัก


วันนี้เรากลับมานอนที่หอ เพราะว่าตอนเช้า จะมีกิจกรรมของน้องปีหนึ่งที่เรารับผิดชอบ เลยต้องไปแต่เช้า ขี้เกียจผจญรถติดมากในวันเปิดเทอมวันแรกของหลายๆโรงเรียน สักสองทุ่มกว่าๆวันนี้ เราก็เลยตัดสินใจให้พ่อมาส่งที่หอ

ทีนี้ พอถึงหอ เราก็ก้มหน้าก้มตารูดบัตรเปิดประตู เดินไปกดลิฟท์
อ่านประกาศที่บอร์ดเพลินๆ พอลิฟท์มาก็รีบก้าวเข้าไป แล้วก็ไปยืนอ่านประกาศอันเดิมที่แปะในลิฟท์ต่อ

กิ๊ง! ลิฟท์เปิด
เราก็ก้าวออกไป เกือบชนกับน้องผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่เคยเห็นหน้า ทำหน้าไม่ถูกอยู่แวบหนึ่ง แต่ด้วยความที่ฟอร์มจัด เราเคยบอกหรือเปล่าว่าเราฟอร์มเยอะมาก ก็เลยแอบเบี่ยงตัวออกหลบนิดหนึ่ง แล้วก็เดินเชิดอย่างมั่นใจไปยังทิศทางของห้องตัวเอง ก้มหน้าก้มตาหยิบกุญแจ

แล้วก็ไขกุญแจ
ตอนนั้นลืมเรื่องน้องคนหน้าลิฟท์ไปแล้วนะ ในใจคิดแค่ว่า เออ รูมเมทเพื่อนเรามันจะอยู่ไหมวะ

กึก! ไขไม่ออก
งั้นแสดงว่ารูมเมทอยู่อ่ะดิ

กำลังจะอ้าปากร้องเรียก ก็พลันนึกได้ว่า
ถึงจะมีคนอยู่ข้างใน ล็อกกลอนไว้ แต่ถ้าไขกุญแจมันต้องออกย่ะ
บิดลูกบิดได้ แต่ติดกลอน

แต่อีนี่มันไขไม่ออก
และมันแปลได้อย่างเดียวก็คือ
ห้องนี้ไม่ใช่ห้องเรา


เงยหน้าดูป้ายอัตโนมัติ เห็นเลขห้องแล้วยิ่งตกใจ
เฮ้ย นี่มันไม่ใช่ชั้นของเรานี่หว่า


ไปไขประตูห้องใครก็ไม่รู้ตอนสามทุ่ม
แค่คิดก็ไม่น่าจะจินตนาการต่อแล้วอ่ะ


ตอนนั้นแบบ ขาสั่นมาก ขำก็ขำนะ แต่กลัวคนในห้องมากกว่า จะเป็นใครก็ไม่รู้ แล้วแทนที่เราจะหันหลังกลับไปที่ลิฟท์ หรือขึ้นบันไดข้างลิฟท์
อยู่ดีๆ เราก็วิ่งไปหลบที่บันไดหนีไฟ หลบได้สักพัก กลัวเจ้าของห้องจะเปิดประตูชะโงกหน้ามาดูแล้วเห็น โวยวาย เราก็ใส่ตีนผีวิ่งขึ้นบันไดไปสองชั้นชนิดไม่หายใจหายคอเลย


คือเข้าใจแล้วค่ะ เข้าใจอารมณ์เลย
ว่าในนิยาย พระเอก นางเอก เข้าห้องผิดน่ะมันเป็นยังไง
มันเป็นไปได้
และมันเกิดขึ้นจริงได้


ก่อนจะไขกุญแจครั้งต่อไป เราจะจำไว้ว่าต้อง "มองเลขห้อง" ก่อน!!
คราวหน้าคราวหลัง ถ้าไม่ได้อยู่หอหญิง แล้วไปไขประตูที่อื่น มันไม่แน่ว่าจะโชคดีหลบทันแบบนี้อีก

คนในห้องคงไม่ได้ทำอะไรหรอก แต่เราแหละจะโดนหาว่าจะเข้าไปทำอะไรในห้องคนอื่นแทน


เฮ้อ จะมีใครเฟอะฟะแบบเราอีกไหมเนี่ย




 

Create Date : 12 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 12 พฤษภาคม 2551 1:54:23 น.
Counter : 320 Pageviews.  

ว่าด้วยเรื่องของพระเอก "สวรรค์เบี่ยง"

สวรรค์เบี่ยงเหลืออีกแค่ตอนเดียวเท่านั้นก็จะโบกมือบ๊ายบายแฟนานุแฟนทั้งหลาย อวสานลาจอด้วยเรตติ้งท่วมท้นประสบความสำเร็จมหาศาล

วันนี้ก็เลยอยากพูดถึงซะหน่อย

ออกตัวก่อนนะ ว่าเราเป็นคนหนึ่งที่ถึงวันพุธ พฤหัสปุ๊บ ต้องรีบกลับบ้าน งานการเคลียร์จบไม่จบไม่รู้ รู้แต่ว่า วันนี้ฉันจะกลับไปหาเคน สำคัญที่สุดแล้วเนี่ย

ประเด็นในวันนี้ที่อยากพูดคือ จริงหรือที่คนอย่างคาวีจะกลายเป็นสเปคของสาวๆไปซะแล้ว ถ้าอยากเป็นพระเอกต้องรุนแรงอย่างละครหรือเปล่า?

เคยอ่านงานของคุณกฤษณา อโศกสินเรื่องเดียวเองแถมนานแล้วค่ะ คือ ปูนปิดทอง พระนางก็มีปมปัญหาชีวิตเหมือนกัน ซึ่งตอนนั้นอ่านแล้วมันดูเข้าใจมากกว่านี้ เออ เขาเคยโดนแบบนี้นะ เลยเป็นอย่างนี้ เมคเซ้นส์ๆ

แต่ไม่เคยอ่านสวรรค์เบี่ยงฉบับดั้งเดิมเลย ที่ได้อ่านก็คือฉบับที่เป็นบทละครโทรทัศน์เวอร์ชั่นล่าสุดแอนเคนนี่แหละค่ะ ตอนแรกรู้สึกเลยว่า โห พระเอกทำไมมันร้ายจัง เปิดเรื่องมางงๆ เลยไม่เข้าใจว่าต้องร้ายกับคนที่เค้ามาแอบชอบขนาดนั้นด้วยเหรอ มันผิดเหรอที่เราจะชอบนายน่ะ

หากพอเห็นว่าพี่สาวนางเอกเค้าก็ร้ายเหมือนกันเลยพอเข้าใจมาติ๊สนึง แค่แอบเคลือบแคลงอยู่นิดๆ ที่พระเอกมันรู้ได้ไงวะว่าลีลาเค้าไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้น ก็ตอนแรกจริงๆยังไม่รู้จักอะไรเลยนี่หว่า

อีกอย่างพอเป็นละครไทย ให้ทำร้ายๆ ก็ชอบนักอ่ะให้โอเวอร์แอ๊ค เคนเลยดูร้ายได้อย่างไม่มีเหตุผลยังไงไม่รู้ ตรงนี้ก็แอบห่วงเด็กๆเหมือนกัน เสพภาพตบกัน ตีกัน กรี๊ดกร๊าดวี๊ดว้ายใส่หัวไปไม่รู้กี่เรื่องต่อกี่เรื่อง ก็ได้แต่หวังว่าสภาพตอนจบของบรรดาตัวร้าย และตัวร้ายกลับใจทั้งหลายคงจะตามเข้าหัวน้องๆไปด้วยอ่ะนะ

แต่..! เอาเข้าจริงๆ สำหรับเรานะ ไม่รู้คนอื่นเป็นหรือเปล่า ภาพเคนมันเป็นผู้ชายสุภาพ ดูเจนเทิลแมนสุดๆ จนติดตาน่ะ จะให้ร้ายแค่ไหน ก็รู้สึกว่า มันไม่ใช่อยู่ดี ไม่ใช่เค้าแสดงไม่ดีนะ แต่เพราะเราจำเคนได้จากบทอื่นมากเกินไป แล้วก็จากสื่อที่เห็นเขากับคุณหน่อยน่ารักกันน้ำตาลท่วมมากไป

จากเหตุผลนี้เลยขอตีความไปเอาเองโดยพลการว่า ที่สาวๆกรี๊ดกร๊าดคาวี ออกโรงปกป้องทุกวิถีทางน่ะ เอาจริงๆ ไม่ได้กรี๊ดคาวีหรอกนะ แต่เป็นเคนตะหาก

เพราะมีคนถามเหมือนกันว่า ชีวิตจริงๆเจอคนอย่างคาวีจะรักลงไหม?
อืมม ถ้ารู้จักเขาไปเบื้องหลังจริงๆ อาจจะรักได้นะ (แต่ในบทนาริน ไม่ยักกะรู้จัก) ทุกคนมันก็คงมีคนรักแหละ แต่แหม เค้าทำร้ายจิตใจและร่างกายสารพัด ถ้าหน้าตาไม่หล่อแบบเคนแล้วล่ะก็มันคงไม่ออกมารับแทนกันยังงี้ร้อก

ถ้าไม่เชื่อ ลองนึกว่าคาวีสวมบทโดย ...(ใครดีวะ เอาเป็นว่าไม่พาดพิงดีกว่า แต่ขอให้นึกถึงหน้าคนที่คิดว่าน่าเกลียดน่ากลัวที่สุด ทำผมเป็นมันเรียบแปล้ ใส่เสื้อมันวับ มีหนวดแหลมๆนิดนึง เตะนู่น เขวี้ยงนี่นึกว่าเท่ ทำหน้ากรุ้มกริ่มเจ้าชู้ไปด้วย หยา แค่นึกก็ขนลุกได้ฉับพลัน) จะปกป้องแบบที่เป็นเคนหรือเปล่าคะ


ขอฝากละกันค่ะ
ผู้ใหญ่ในบ้านเมืองเราก็อย่าเพิ่งเป็นห่วงเป็นใยเกินเหตุแล้วกัน สาวๆสมัยนี้ เขาก็รู้แหละค่ะว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเขา เชื่อว่าหลายคนก็กรี๊ดกร๊าดเรื่องนี้มากเหมือนกัน แต่ก็รู้อยู่ดีว่ามันเป็นละคร

เจอคนแบบคาวีในชีวิตจริงๆ คงไม่ยอมให้แกล้งแบบนารินหรอกค่ะ
ผู้หญิงเดี๋ยวนี้ สวยด้วยร้ายกาจด้วยนะจะบอกให้




 

Create Date : 02 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 2 พฤษภาคม 2551 0:25:02 น.
Counter : 1197 Pageviews.  

กำลังแกะท่าเต้น tell me

freshy camp กำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

ขณะนี้ รุ่นพี่ปีสองทั้งหลายกว่าสามร้อยชีวิต ก็กำลังเตรียมตัวกันอย่างเอาเป็นเอาตาย คนดนตรีก็ซ้อมดนตรี คนแสดงก็ซ้อมแสดง คนปาหี่ก็ซุ่มฝึกมุกกันใหญ่เชียว

เพื่อความประทับใจครั้งยิ่งใหญ่อลังการอภิมหาทุ่มทุนสร้างหลายร้อนล้าน(เวอร์ไปละ)
โดยทีมผู้สร้าง ค่ายอยากเป็นหมอปีล่าสุด
"MD ที่นี่มีแต่ความอร่อย"
ชมก่อนอเมริกา 15 พค.นี้ (ทุกโรงภาพยนตร์)

อิอิ เหมือนโฆษณาหนังไหมคะ


ไอ้เราก็แก่แล้ว ที่จริงไม่ได้ทำอะไรกะเค้าหรอก แต่ว่าก็ยังขอเจ๋อๆไปให้เห็นหน้าค่าตามั่งหน่อย 55+


เนื่องจากกิจกรรมทั้งหลายยังต้องปิดเป็นความลับเพื่อให้น้องๆเซอร์ไพรซ์กันเลยมาแย้มๆแค่ว่าการแสดงปีสอง มันมี Sexy dance มาทุกปีละ
ปีที่แล้ว ข้าพเจ้าเก๊าะเป็นหนึ่งในห้าของเหล่าสาวสวย(??) โชว์ให้นุ้งๆชมกันอย่างล้นหลาม (แน่ละซี มันอยู่ในค่ายนิ มันจะหนีไปไหนได้ มันก็ต้องมาดูเต้นอยู่แร้นน)


และปีนี้ นุ้งๆปีสองทั้งหลาย ก็เริ่มฟอร์มตัวสาวสวยแล้วเช่นเคย
เต้นสิบนาที และเพลงสุดท้ายเก๊าะเป็นเพลงโปรดเรา Tell me น่ะเอง


ไปแย้มๆบอกน้องว่าชอบเพลงนี้ปุ๊บ นุ้งๆสาวสวยที่รักเลยจะให้แกะท่าให้
เย่ๆ ด้วยความเต็มใจอย่างยิ่งเลยจ้า ชอบเพลงอยู่แล้ว แต่ยังไม่เคยเต้นสักครั้ง
ได้ดูเอ็มวี ชอบอ่ะ มันดูลงทุนน้อย แต่น่ารักโคตร เป็นเอ็มวีประสบความสำเร็จสุดๆนะเราว่า


ช่วงนี้เลยนั่งดูแต่ wonder girls มันเต้นนี่ละ วันๆจะไม่ทำอะไรและ งานเงอนเสร็จหมดแล้วนี่ ขอพักผ่อนหย่อนใจหน่อย

เอ้า
tell me tell me ตั๊ด ตะ ดั๊ด ตา ดั๊ด tell me (ฮ่าฮ่า)




 

Create Date : 01 พฤษภาคม 2551    
Last Update : 1 พฤษภาคม 2551 0:47:47 น.
Counter : 438 Pageviews.  

เมื่ออิจฉามากกว่าปรารถนาดี

ชีวิตเราหนึ่งชีวิตมีเรื่องราวร้อยแปดพันประการ
แต่ละช่วงแต่ละตอนของคน ก็เหมือนหนึ่งบทละคร ที่มีเราเล่นเป็นตัวเอก
ไม่ใช่ทุกคนจะได้เป็นนางเอกซะหมด แต่ที่แน่นอนที่สุดคือ ทุกคนได้เป็นตัวเอกในเรื่องของตัวเอง


ทุกคนอยากเป็นคนดี
แต่บางขณะ ทุกคนก็ไม่ได้เป็นคนดี
...แม้จะอยากแค่ไหนก็ตาม
--------------------------
นางสาวเอและบีเป็นเพื่อนรักกันมานาน ทั้งคู่มีความใฝ่ฝันที่อยากจะก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงเหมือนกัน ทั้งสองคนใช้เวลาทุกเย็นในการฝึกซ้อมร้องเพลง ซ้อมเต้นประกอบเพลงต่างๆ เพื่อพัฒนาฝีไม้ลายมือ หวังว่าสักวันจะเข้าตากรรมการและสวรรค์จะเป็นใจให้เธอทั้งคู่บ้างไม่มากก็น้อย


และพวกเธอก็วาดฝันคิดโครงการจะออกอัลบั้มคู่กัน ถึงจะโด่งดังแค่ไหน ไม่มีวันที่เธอจะทอดทิ้งกันและกัน


แรกมันสนุก ในการวิ่งวนไล่คว้าสิ่งที่เหมือนสุดเอื้อม หากทั้งเอและบี ต่างก็ไม่เคยคิดว่ามันเป็นความทุกข์ทรมานแต่อย่างใด การใช้ชีวิตตามความฝันนั่นคือสุขที่สูงที่สุดแล้ว จะมีใครมีความสุขได้เท่าเธอทั้งสองบ้าง เมื่อเธอได้ทำในสิ่งที่ไม่ต้องฝืนใจทำ แม้ต่างคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจดีว่ามันก็มีโอกาสที่ฝันจะไม่เป็นจริง แต่เอและบีก็ไม่สนใจ


และแล้วผู้ชายคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามา


ซีเป็นโปรดิวเซอร์ เป็นคนทำงานเพลง เขาดี เขาเก่ง เขาอ่อนโยน เขาเข้มแข็ง เขาให้คำแนะนำ เขาเป็นที่ปรึกษาที่เข้าอกเข้าใจ เขาดึงพรสวรรค์และแสวงที่มีอยู่ในตัวเอและบีออกมาได้โดดเด่น


เขาเป็นใครเป็นอะไรมาจากไหนก็ไม่รู้ สองสาวรู้เพียงว่าอยู่ดีๆ เขาก็กลายเป็นหลักประกันความมั่นคงทางจิตใจของพวกเธอไปเสียแล้ว


เอตกหลุมรักเขาอย่างถอนตัวไม่ขึ้น
หากดอกไม้กลับบานในหัวใจของบีและซีเพียงสองคน


บีสวยขึ้น หวานขึ้น ร้องเพลงได้เพราะขึ้น โลกเมื่อมองผ่านเลนส์สีกุหลาบ ทำให้มันดูน่าเสน่หาขึ้นอีกเยอะ ตรงข้ามกับเพื่อนซี้ ที่นับวัน ไอร้อนก็แผ่กระจายดังไฟรุมสุมอก ไม่มีเลนส์สีกุหลาบอะไรทั้งนั้น เพราะกุหลาบในใจทุกช่อทุกกลีบของเอ มอดไหม้เป็นเถ้าถ่านไปนานแล้ว


เอข่มจิตข่มใจลง ฝืนยิ้มยินดีกับเพื่อนทั้งที่หัวใจแหลกสลาย
และเมื่อหัวใจสลาย เธอก็ไม่รู้ว่าจะร้องเพลงให้ใครฟังไปทำไม


ยิ่งนับวัน ความแตกต่างก็เห็นชัด ไม่ใช่แค่ซี ทุกคนแม้ไม่ใช่คนทำงานเพลงก็ฟังออกว่าเพลงของใครเพราะกว่าของใคร และของใครน่าฟังกว่าของใคร ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เอหมดสิทธิ์แจ้งเกิดไม่ว่าที่ไหนๆแน่ๆ ตรงข้ามกันกับบี


เอก็รู้ดีแก่ใจ หากในที่สุดเธอก็ไม่ยอมแก้ไขที่ตัวเธอเอง แม้อยากทำ แต่ก็ทำไม่ได้ ความอิจฉามันร้อนรุมสุมทรวงเกินกว่าที่จะวางใจเฉย สุดท้าย สิ่งที่เอทำก็คือการขัดขา เป่าหูเพื่อนรัก ให้มีปัญหากับคนรัก และให้ดับฝันลงซะ จะได้ไม่มีใครได้เป็นอะไรทั้งนั้น แล้วทั้งเอและบีจะได้กลับไปมีชีวิตแบบเดิม เป็นเพื่อนรักกันก่อนหน้าที่จะมีใครบางคนเข้ามา


แม้ว่าลึกๆลงไปเธอก็รู้ ว่ามันไม่มีวันที่จะเป็นเหมือนเดิม


เอก็ไม่อยากจะทำ หรือแม้แต่จะคิดเรื่องร้ายๆยังงี้เลย
หากเธอก็ยินดีร้าย ยอมที่มันจะเป็นอย่างนี้ ให้ตัวเธอร้ายเสียยังดีกว่าจะต้องมองเพื่อนรักที่โตมาด้วยกัน ความสามารถเหมือนกันมาตลอด จะชิงโดดเด่นไปเพียงลำพัง


ทั้งหมดนี้ก็เพราะความอิจฉาริษยาที่มากกว่าความปรารถนาดี
---------------------------------------------
ตอนจบเป็นอย่างไรไม่มีใครรู้
เอ บี และซี ก็เป็นเพียงบุคคลที่สมมติขึ้น เหตุการณ์ที่เล่าไป ก็แค่เรื่องจากจินตนาการของเราเอง


แต่เราเชื่อ ว่ามันมีอีกหลายๆเหตุการณ์ ที่มีบางสิ่งบางอย่างคล้ายกัน
เมื่อเราเกิดอิจฉามากกว่าจะพลอยยินดีไปกับความสำเร็จของใครอีกคน
และมักจะเป็นเมื่อเราอยากได้ในสิ่งที่เขาได้
เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างคนอยากได้และคนที่ได้มันลึกซึ้งซับซ้อน
ความปริร้าวถือกำเนิด และมิตรภาพก็ไม่มีวันเป็นเหมือนเดิมได้อีก
================================
================================




เขียนเสียเหมือนนิยายไหมคะ?
วันนี้มาแนวเคร่งเครียดนิดหน่อย ไม่ได้มีอะไรหรอก ว่างจัด เลยเกิดอยากขบคิดปัญหาดีกว่าอยู่เปล่าๆ ก็เลยนึกถึงขึ้นมาว่าถ้าเราเกิดอยากได้อะไร แล้วเพื่อนเรากลับได้ไปแทน เราจะรู้สึกอย่างไรนะ ก็เลยจำลองภาพสมมติดูว่า ถ้าเราใช้ความอิจฉาเป็นที่ตั้ง อะไรมันจะเกิดบ้าง


กลับกัน แล้วถ้าใช้ความปรารถนาดีล่ะ


แล้วถ้า ความปรารถนาดีนี่มันใช้ยากนักล่ะ อยากใช้ แต่ทำไม่ได้ ไม่ได้ทำ อะไรจะเกิดขึ้นอีก


ถ้าเป็นเรา เราคงหนีไปแหละ
ไม่ดูไม่ฟังไม่เห็นอะไรทั้งนั้นคงจะดีกว่ารับรู้ให้มันตอกย้ำเจ็บซ้ำๆลงไป
เราเชื่อว่า ถ้าเราจะไม่ได้อะไร เราก็ไม่ได้ทั้งหมดเลยจะดีกว่า ไม่ต้องแบ่งเศษเสี้ยวมาเผื่อแผ่เราหรอก มันน่าสมเพชตัวเองเกินกว่าจะรับได้


เหมือนกับหนีปัญหานะ บางครั้ง หลบไปพักใจเงียบๆสักที่ อาจจะดีกว่าทนอยู่ก็ได้



ฝากคำถามทิ้งท้ายสำหรับคุณๆที่ได้อ่าน ไม่ต้องตอบก็ได้ค่ะ เราอยากให้กลับไปคิดกันมากกว่า แบบว่าคิดแทนเรา เพราะเราขี้เกียจจะคิดแล้ว เหนื่อย 55+


คำถาม..
ถ้าเป็นเอ จะเลือกทำอย่างไร?
ในเมื่ออิจฉามากกว่าปรารถนาดี




 

Create Date : 28 เมษายน 2551    
Last Update : 28 เมษายน 2551 0:12:32 น.
Counter : 248 Pageviews.  

ตารางงานช่วงนี้

17 - สัมภาษณ์ & ตรวจร่างกายน้องรอบสอง
18 - ยืนยันสิทธิ์
18-20 - สัมมนา สพจ.
21-23 - สัมมนา นิสิตสัมพันธ์ อบจ.
23 - พรีเซนท์งานวิจัย AMSA / จัดร้านขายชุดนิสิต / เอาใบสมัครรับน้องก้าวใหม่จากสหเวช / คุยกับพี่อุป 2 เรื่องงานวันที่ 24 25
24 - ตรวจหลักฐาน
25 - ทำสัญญา
29 - เช็ควงดนตรีเล่นค่ายโครงการ
~ - 6 พค. - เตรียมงานรับน้อง
7 - 21 พค. - รับน้อง
22 พค. - งานบ้านนี้มีสุข / เปิดเทอมปีสาม
----------------------------------

เหนื่อยจนพูดไม่ออก
จบ




 

Create Date : 22 เมษายน 2551    
Last Update : 22 เมษายน 2551 22:15:04 น.
Counter : 272 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

หวานจ๋อยหยอด
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เด็กผู้หญิงหน้ากลมชื่อหวานแต่เปรี้ยว
รักจะมองโลกผ่านเลนส์สีกุหลาบ
รักงานเขียนมากกว่าอะไร
รักคนไข้...หรือเปล่านะ?
รักและแคร์เพื่อนๆรอบตัว
รักครอบครัวที่สุด
Friends' blogs
[Add หวานจ๋อยหยอด's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.