Group Blog
 
All blogs
 

: กิจ(จะ)วัตร






หลังจากที่สังเกตตัวเองมาพักนึง
รู้สึกว่าได้ว่า...สิ่งที่ทำอยู่ทุกวันมันเปลี่ยนไป



จากที่เคยอยู่หน้าคอมแทบจะตลอดเวลา กลายเป็นแค่ช่วงเวลาทำงาน
หลังจากนั้นก็อ่านหนังสืออ่านนิยายไปตามเรื่อง เม้าท์กับเพื่อนเรื่องที่สนใจ
ไม่ว่าจะไปไหน สิ่งที่อยู่ในกรอบสายตาเสมอคือหน้าจอโทรศัพท์


ตอนนี้ก็ยังเม้าท์กะเพื่อนอยู่ ออกไปเจอเพื่อนอยู่
หน้าจอโทรศัพท์ก็ยังสำคัญอยู่




แต่นิยายที่อ่านทุกคืนไปไหน?
อาจเพราะส่วนหนึ่งมันยังไม่มีเรื่องที่น่าสนใจ
และส่วนหนึ่งคือเรื่องที่ตามอ่านยังไม่มาต่อ

กลายเป็นว่าตอนนี้ติดเกมส์ ใช้เล่นฆ่าเวลาซะแล้ว




จากที่นอนดึก ตื่นสายทุกวัน
กลายเป็นคนนอนเร็ว ตื่นเร็วแทบทุกวัน
สงสารชีวิตตัวเองจัง มันดูโตขึ้น รับผิดชอบมากขึ้น


มันเลยเหมือนจะเหงามากขึ้น
เหงาที่สิ่งที่ทำอยู่ทุกวันมาเกือบ 3ปี มันค่อยๆ เปลี่ยนไป
มันเหมือนเพื่อนสนิท ที่จะไปเรียนต่อเมืองนอก

เดี๋ยว...มันก็คงกลับมา เมื่อมีเรื่องที่น่าสนใจ
แต่การนอนตื่นเช้า คงเลิกยาก ทั้งที่ไม่ชอบเลย แบร่!



ณ ตอนนี้ก็ยังง่วงอยู่ นอนเท่าไหร่ถึงจะพอ?
ฮืออออ คิดถึงช่วงชีวิตหนึ่งที่นอนตอนเช้า ตื่นตอนบ่าย
ชอบแบบนั้น มันไม่วุ่นวายดี ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย
...







 

Create Date : 06 มีนาคม 2556    
Last Update : 6 มีนาคม 2556 8:05:06 น.
Counter : 557 Pageviews.  

: ความรู้สึกของคนนอก





คนเราจะต้องพลาดซ้ำๆ กี่ครั้ง ถึงจะรู้ว่าสิ่งที่ทำมันไม่มีทางออก?




บางคนพลาดครั้งเดียว เจ็บครั้งเดียว ก็เก็บเป็นประสบการณ์ไปทั้งชีวิต
พยายามแล้วพยายามเล่า เพื่อที่จะไม่ให้ชีวิตวนลูปเหมือนเดิม

บางคนต้องวนซ้ำๆ แล้วก็ต้องเจ็บซ้ำๆ พลาดซ้ำๆ
ทุกครั้งที่พลาด ก็ภาวนาให้ครั้งใหม่ดีขึ้น
แต่สุดท้าย ก็เดินกลับไปที่วังวนเดิมๆ



"ทำไม่ได้ ทำใจไม่ได้ ขออยู่แบบนี้ แค่แบบนี้เหมือนเดิม จะไม่เรียกร้องอะไร"
มันเป็นคำพูดของคนจนตรอกคนหนึ่ง ที่พูดออกไปเพื่อรั้งเอาไว้
ทั้งที่ความจริงในใจ มันทำไม่ได้หรอก


อย่างที่เคยบอกไว้ ความรักเป็นเรื่องของคนสองคนที่จะต้องเข้าใจกัน
หากแตกเป็นสาม ก็ไม่เคยเห็นว่าใครจะอยู่รอด
ที่ว่าไม่เรียกร้อง ถึงเวลาก็ทนไม่ได้ ทำใจไม่ได้อยู่ดี


ไม่ว่าจะมาที่หนึ่ง หรือมาที่หลัง ก็เจ็บซ้ำๆ เท่ากันกับความมักง่ายของใครคนหนึ่ง





"คบเพราะเงิน กับคบเพราะรัก ควรจะเลือกอะไร"
ถามทำไม? ในเมื่อใจตัวเองก็มีคำตอบ ในเมื่อคนที่เลือกคือตัวเอง



"ขอแค่มันไม่ไปไหน ไม่มีใครเพิ่ม ไม่ต้องเลิกกับแฟน แต่ขอให้เหมือนเดิม"
ทนได้ แต่ขอแค่เหมือนเดิม พอเห็นเขาไปกับแฟน ก็กลับเป็นคนที่ทุรนทุราย

อยากถามว่ามีสิทธิ์อะไร ในเมื่อตัวเองเป็นคนที่เลือกจะไม่มีตัวตน
เข้าใจความรู้สึกนะ แต่อยากให้เข้าใจโลกมากกว่านี้




จริงหรอที่ทนได้ ถ้าทนได้ทำไมต้องเจ็บ ทำไมต้องไม่พอใจ
ในเมื่อเราไม่มีสิทธิ์อะไรเลยตั้งแต่แรก


อยากพูดแรงๆ ให้เขาเข้าใจ แต่เข้าใจว่า ณ วินาทีนี้คนที่เผชิญเรื่องใหญ่ๆ แบบนั้น
ก็แค่ต้องการใครซักคน ที่นั่งอยู่ข้างๆ และรับฟัง
แม้ว่าอยากจะพูดให้เขาเห็นทางออกจากมุมมองคนนอก
แต่ทำได้แค่รับฟัง แล้วอยู่ข้างๆ ในเมื่อเราเลือกที่จะอยู่เป็นเพื่อน
เราก็ต้องอดทน และรอให้เขาตัดสินใจเลือกในมุมของเขาเอง

ใครจะตัดสินชีวิตใครได้ นอกจากตัวเขาเอง
สุดท้าย ไม่ว่าเขาจะเลือกอะไร ผิดหรือถูก เราก็พร้อมจะเป็นเพื่อนเหมือนเดิม
แม้ว่าเลือกครั้งใหม่ จะเศร้าเหมือนเดิม เราก็จะอยู่ที่เดิมจริงๆ






:::::::::


เมื่อวานคิดเรื่องนี้แทบจะทั้งวัน ทั้งๆ ที่มันไม่ใช่เรื่องตัวเอง
มันคงจะไม่เศร้าเท่านี้ ถ้าหากเรื่องมันไม่ใหญ่เกินไปจนพูดไม่ได้
กี่ครั้งที่เห็นและรับรู้เรื่องราวแบบนี้ ไม่มีครั้งไหนที่พูดไม่ออกเท่าครั้งนี้เลย


กลับมาคิดว่า อ้อออ นี่ตัวเราเองโชคดีขนาดไหน ที่ไม่เคยมีอะไรแบบนี้
กับคำพูดบางคำที่เพื่อนพูดมา มันเหมือนกับว่า 'แกไม่เข้าใจหรอก แกไม่ใช่ฉัน'
โอเค ไม่เข้าใจ เพราะไม่เคยมีประสบการณ์แบบนั้น ไม่รู้ และไม่คิดจะทำ



เพราะสุดท้ายถึงจะเป็นคนดีแค่ไหน ก็รักตัวเองมากพอ ที่จะไม่ทำร้ายตัวเอง
รักตัวเองมากพอ ที่จะไม่ดึงตัวเองให้ตกต่ำและไร้ค่า
ถึงเป็นคนไม่สูงค่า แต่ก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองต้อยต่ำ ไร้ค่าให้คนดูหมิ่น

เกิดมาเป็นคน เรียนมาขนาดนี้ กว่าจะผ่านแต่ละวันมาได้ มันก็ไม่ง่าย
สัญญากับตัวเองว่า จะเก็บเรื่องนี้ไว้สอนตัวเอง 
และหวังว่า เพื่อนคนนั้นจะผ่านเรื่องนี้ไปได้อย่างสวยงาม
พร้อมทั้งฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า ควรจะเดินในทางไหนที่ถูกต้องและเหมาะสม




คนเราอายุเท่ากัน ไม่ได้หมายความว่าจะคิดได้เท่ากัน
มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์และมุมมอง
ดังนั้น เราเข้าใจ แต่ยังภาวนาให้เขาคิดได้
ขอพระเจ้าคุ้มครอง










 

Create Date : 04 มีนาคม 2556    
Last Update : 4 มีนาคม 2556 9:39:45 น.
Counter : 523 Pageviews.  

: เพียงนึกถึง






วันนี้วันเกิดเพื่อน พออวยพรไปเสร็จ เพื่อนตอบกลับมาว่า
"ขอบใจมากจ้าแวว นึกถึงตอนนั่งข้างๆ กัน"




มันทำให้นึงย้อนกลับไปว่า
อ้อออ ใช่นะ เราเคยนั่งข้างกัน



ถึงจะไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้เลือกที่จะนั่งข้างกัน แต่เขาเรียกว่าอะไร
พรหมลิขิต โชคชะตา หรืออะไรน๊า ที่เราจับฉลากได้นั่งข้างกันพอดี
ยังจำได้ที่วันแรกๆ ไม่เคยคุยกันเลย เพราะอยู่คนละกลุ่มกัน



แต่วันนึงพอรู้ว่า อ้ออ นี่เราชอบหนังเรื่องเดียวกันนะ ชอบนักแสดงคนเดียวกัน
มันก็ผันให้เราหันหน้ามาคุยกันอย่างออกรส เขาเรียกว่าจูนกันติดหรือเปล่า?



ตอบข้อความเพื่อนกลับไปว่า
"ยังจำกระดาษที่พู่เขียนให้วันเกิด ที่ปริ้นท์เป็นรูปแดเนียลได้อยู่เลย"




เออเนอะ แค่คำว่านึกถึงตอนที่นั่งข้างๆ กัน ก็ทำให้ได้รื้อความทรงจำบางส่วนออกมา
นึกไปถึงว่า หลังจากนั้น นอกจากคุยกันเรื่องนักแสดงที่ชอบแล้ว
ยังพาลไปถึงเพลงที่ชอบ หนังสือที่อ่าน
สุดท้าย จากที่ไม่ค่อยมีเพื่อน ก็มีเพื่อนกลุ่มใหญ่มากขึ้น

อยู่ข้างกัน ก็เขียนกระดาษโน๊ตหากัน
ดีใจจัง ที่เกิดทันยุคที่โซเชียลเน็ตเวิร์คยังไม่เจริญ



กระดาษ msn แห้งๆ ก็ทำให้ชีวิตวัยเรียนสมัยนั้น ดูน่าเรียนมากขึ้น
โลกของเด็กนักเรียนที่นั่งหน้าตรง ทำตาปริบๆ กับอาจารย์ดูมีสีสันขึ้นจริงๆ





ขอแสดงความเสียใจกับเด็กรุ่นใหม่สมัยนี้ด้วยนะ
ที่ไม่ได้รู้จัก อะไร แบบนี้
ความจริงใจที่มาจากความพยายาม...







 

Create Date : 01 มีนาคม 2556    
Last Update : 1 มีนาคม 2556 8:22:49 น.
Counter : 561 Pageviews.  

: แลกรัก






...แลกรัก...




อีกหนึ่งกรณีศึกษา










ชอบประโยคหนึ่งที่พี่โก้บอกว่า
"คนที่รักมากกว่าจะเป็นฝ่ายแพ้"












แต่เหนือสิ่งอื่นใด พี่เอ็กซ์มักเป็นซุปเปอร์ฮีโร่เสมอ!
โหยย คุณพี่ท่านกลับมาถึงปุ๊บ ก็จัดหนักปั๊บ
หวานกะน้องเจไม่พอ ยังปราบน้องเนมอีก

คนนี้พระเอกในดวงใจจริงๆ ถ้าหากพี่เอ็กซ์มีตัวตนบนโลกใบนี้
....คงจะเป็นผู้ชายที่(เกือบ)ดีที่สุดในโลกแล้ว







"ทำได้แค่รักมากขึ้น...ดูแลให้มากขึ้น..."
จะหลุดดราม่ามั้ย ไม่ได้อยู่ที่พี่เอ็กซ์ แต่อยู่ที่น้องเนมนะ
:)








 

Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2556    
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2556 11:54:48 น.
Counter : 665 Pageviews.  

: ตื่นเช้า






"แวว...แวว"
"อือ"
"ถึงคิวแล้ว ห้องที่มีผ้าเช็ดตัวชื่อเรานะ"
"อือ ขอบใจมาก ใครต่ออ่ะ"
"ไม่มีละ วันนี้ได้หลายห้อง"
"อือ นั่งอ่านอยู่ไหน"
"ตรงบันได"
"อือๆ เดวตามไป"



"แกๆ เค้าต่อใครอ่ะ"
"ห้อง 3 ก็ได้ ไมวันนี้ลุกเร็วอ่ะ"
"อือ เสียงคนหยิบของดังมาก วันนี้คนตื่นเยอะหว่ะ"
"อือดิ่ แล้วนี่เมื่อคืนนอนกี่โมง"
"เที่ยงคืน ว่าจะตื่นตี 4 แต่พลาดละ"
"เสร็จละเจอกันที่บันไดเหมือนเดิม"
"โอเค"






พักนี้ตื่นเช้าแบบแปลกๆ จะตื่นมากลางดึก ตี4-ตี5
แล้วก็ไม่กล้านอนต่อ กลัวจะยาวตื่นมาไม่ทันเข้่างานอีก


ทำให้นึกถึง เรื่องเมื่อก่อน

...ช่วงชีวิตหนึ่งเคยตื่นเช้าแบบนี้โดยมีสาเหตุ
เวลาผ่านมานานมากกับชีวิตแบบนั้น และไม่คิดว่าจะทำได้อีก




ตอนเด็กๆ ตื่นสายมาก ดื้อมาก 
สุดท้ายพอสอบเข้าที่ไหนไม่ได้เลย ก็ถูกจับยัดไปโรงเรียนประจำ!
ป๊าว่าโรงเรียนประจำสร้างระเบียบให้ลูกคนนี้ได้
จนวันนี้ก็เชื่อนะ ว่าได้จริงๆ (ได้แค่ช่วงนั้นแหละ 5 5 55 )


การตื่นตี5 ลุกขึ้นมาวิ่งออกกำลังกาย อาบน้ำ ไปเรียนถือเป็นเรื่องปกติ
แต่บางครั้งในช่วงสอบ การตื่นตี5 ดูจะโปรเกินไป ไม่มีใครทำหรอกจริงๆ

ส่วนใหญ่แล้ว จะเข้านอนเที่ยงคืน-ตี1 แล้วลุกขึ้นมาอาบน้ำตอนตี3-ตี4
เพื่อที่จะไปเตรียมอ่านหนังสือต่อจนถึงเวลาเข้าห้องสอบ
เรื่องปกติ...ในสมัยนั้น




และจะมีกรณีพิเศษที่ต้องตื่นเช้าอีกคือ ช่วงที่น้ำไม่ค่อยไหล
จองห้องน้ำตั้งแต่ 4ทุ่ม แล้วอาศัยจังหวะ ตี4 ก่อนคนตื่น
ลุกขึ้นมาอาบน้ำก่อน!





จังหวะชีวิตขำๆ ที่ตอนนั้นไม่ขำ แต่มานั่งนึกย้อนกลับไปแล้ว
...ตอนนั้นทำไปได้ยังไง?








 

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2556    
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2556 13:11:04 น.
Counter : 716 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

น้ำชา สีเบจ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




언제나 더 많은 걸 해주고 싶은 내 맘
Friends' blogs
[Add น้ำชา สีเบจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.