Kampfer เล่ม 1 บท 1 ครึ่งหลัง


「อะ !」
ผมลืมตาตื่นขึ้นมา หรือจะพูดให้ถูกก็คือตกใจตื่นขึ้นมา และพบตัวเองอยู่บนเตียง เตียง ? ลองมองไปรอบๆก็พบว่านี้คือห้องของผมเอง ผมรีบลุกออกจากเตียง ในห้องของผมไม่มีกระจกเพราะฉะนั้นจึงรีบตรงไปยังทีวีที่ไม่ได้เสียบปลั๊กเอาไว้ แล้วก็จ้องไปทีจอทีวี ภาพที่สะท้อนอยู่ในนั้น คือตัวผมที่เป็นผุ้ชาย

「สะ.. สำเร็จ !」
ชูกำปั้นขึ้นแล้วตะโกนดีใจสุดเสียง ไม่ใช่ผุ้หญิงแล้ว กลับมาเป็นผู้ชายเหมือนเดิม ไม่ได้เป็นแคมเฟอร์อะไรนั่นแล้ว
ผมกระโดดดีใจพร้อมกับตรงไปยังโต๊ะวางของ
「เธอไม่ได้โกหกสินะ กลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้วล่ะ」
ผมพูดกับเจ้าเสือฮาราคีรี แต่ว่า ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับใดๆกลับมา
「เฮ้.. ?」
ลองเอาหน้าเข้าไปจ้องใกล้ๆ ก็ไม่มีท่าทีจะขยับตัวเลยแม้แต่น้อย ลองหยิบมาเช็คดู หมุนไปหมุนมาก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งสิ้น ปากที่พูดจาฟังแล้วน่าหงุดหงิดไม่หยุดนั่น ก็ไม่มีวี่แววว่าจะขยับเลยสักนิดเดียว ไม่ว่าจะมองยังไงก็เป็นแค่ตุ๊กตาธรรมดาๆเท่านั้น

ลองคิดๆดูให้ดี เจ้าเสือฮาราคีรีมันก็เป็นตุ๊กตาอยู่แล้ว ส่วนผมก็แค่หลับมาตลอดจนถึงเมื่อกี้ ที่ผ่านมาทั้งหมด ผมก็แค่ฝันไปเองเท่านั้น
「อย่างนี้นี่เอง.. ความฝันนี่เอง」
รู้สึกถึงความสงบสุขที่กลับคืนมา
「สำเร็จ นั่นมันความฝันนี่น่า ความฝันทั้งนั้น !」
ถึงจะร้องตะโกนเสียงดังเป็นเด็กๆก็ไม่สนใจแล้วจังหวะนี้ อยู่ๆกลายเป็นเด็กผู้หญิง เป็นแคมเฟอร์ ต้องต่อสู้โดยไม่รู้สาเหตุอะไรแม้แต่น้อย เรื่องบ้าๆบอๆหาเหตุผลไม่ได้พวกนั้นหายไปทั้งหมด
「สำเร็จ สำเร็จ ที่นี่ก็ไม่ต้องไปต่อสู้อะไรอีกแล้ว」

ผมชูมือดีใจพร้อมวิ่งไปรอบๆห้อง ครึ่งปีที่ผ่านมาไม่ว่าเวลาไหน ก็ไม่เคยรู้สึกดีใจขนาดนี้มาก่อน พอเริ่มหายตื่นเต้นลงมาหน่อย ก็หันไปมองนาฬิกา ไปโรงเรียนดีกว่า
แล้วพอรู้สึกตัวว่ามีอะไรผ่านตาไป ก็หันมามองที่ข้อมือ แล้วก็พบว่ามีกำไลสีน้ำเงินคาดอยู่ตรงนั้น หรือว่านี่มันคือ..
「ไม่ใช่ความฝันสินะคะ」
เสือฮาราคีรี พูดเสร็จก็ทำท่าถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายเหมือนเคย

ใกล้จะถึงเวลาโรงเรียนเริ่มขึ้นทุกที ผมจึงพยายามทำใจเดินออกจากบ้าน เมื่อมองขึ้นไปบนฟ้า อากาศในวันนี้นั้นสดใส ให้ทั้งความรู้สึกดีและแย่สุดๆในเวลาเดียวกัน
เจ้าเสือฮาราคีรีพูดมาว่า 「ทั้งหมดไม่ใช่ความฝันค่ะ เป็นความจริงทุกอย่าง」 ซึ่งเป็นประโยคที่ไม่อยากได้ยินที่สุด แต่ตอนนี้แล้วถ้าไม่ยอมรับมันก็คงไม่ได้ 「ทำไมถึงทำเงียบไม่พูดอะไรออกมา」 ผมถามกลับไป 「เห็นท่าทางดีใจสุดๆน่ะค่ะ」 เป็นคำตอบที่เหมือนจะเห็นใจแต่คนฟังรู้สึกแย่สุดๆ
「แต่ว่าก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอค่ะ ยังไงก็กลับมาเป็นร่างผู้ชายได้แล้ว」
เจ้าเสือฮาราคีรีพูดเหมือนเป็นเรื่องทั่วไปไม่เกี่ยวกับตัวเอง ทำเอาผมเลือดขึ้นหน้าหน่อยๆ

「ไม่เห็นจะดีตรงไหน กลับมาแบบครึ่งๆกลางๆแบบนี้แย่สุดๆ ไม่มีวิธีอื่นแล้วงั้นเรอะ」
「จริงๆแล้วกลับร่างเดิมโดยอัตโนมัติน่ะค่ะ ที่ทำไปแค่ลองแกล้งดูเฉยๆเท่านั้นเองค่ะ」
「ทำได้ไม่เลวเลยนะ」
ใกล้จะหมดความอดทนล่ะ
「จริงสิ ซื้อชุดเตรียมไว้ดีกว่านะคะ」
「ผมไม่สนใจพวกแฟชั่นหรอกนะ」
นอกจากการอยู่คนเดียว ทำให้ไม่สามารถใช้เงินได้อย่างไม่คิดแล้ว เวลาดูภาพในนิตยสารแฟชั่นทั้งหลายทีไร ก็แยกความต่างของแต่ละชุดไม่ออกทุกที ดูไปดูมาจะรู้สึกว่ามันแปลกด้วยซ้ำ
「ไม่ใช่ของผู้ชายค่ะ ของผู้หญิงต่างหาก จำเป็นในเวลาที่แปลงร่างแล้วไม่ใช่เหรอคะ」
หา ? บอกให้ไปซื้อเสื้อผ้าของผู้หญิงเนี่ยนะ
「ถ้าหากแปลงร่างในเวลาที่อยู่ในชุดนักเรียนชาย ก็จะกลายเป็นอยู่ในชุดนักเรียนหญิงค่ะ แต่ว่าก็เพียงเท่านั้น ชุดนอกเหนือไปจากนั้นจะไม่เปลี่ยนตามนะคะ」
「ก็ใส่ไปทั้งอย่างนั้นก็ได้ไม่ใช่เรอะ」
「รับรองว่าต้องไม่พอดีอย่างแน่นอนค่ะ」
นั่นมันก็ใช่ อย่างน้อยหน้าอกก็ใหญ่ขึ้นล่ะนะ แต่ว่าเสื้อผ้าของผู้หญิงเหรอ เอาไงดีล่ะ ผู้ชายคนเดียวแบบผมถ้าเข้าไปร้านขายเสื้อผ้าของผู้หญิงแล้ว ต้องโดนมองว่าโรคจิตอย่างแน่นอน ยิ่งถ้าเป็นพวกชุดชั้นในอีก... ไม่อยากนึก

「แล้ว จะแปลงร่างเป็นผู้หญิงยังไงล่ะ」
「จริงๆก็อยากเป็นสินะคะ」
「อย่ามาทำเป็นดีใจ แค่ถามไว้เฉยๆแค่นั้น」
「ก่อนหน้านี้ฉันเป็นคนทำให้แปลงร่าง แต่ปกติแล้วจะแปลงโดยอัตโนมัติ เดี๋ยวก็รู้เองค่ะ」
「เงื่อนไขล่ะ」
「เรื่องนั้นเดี๋ยวก็รู้เองเช่นกันค่ะ」
แล้วเจ้าตุ๊กตาก็ยิ้มแบบสะใจในใจ เหอะ จำเอาไว้ให้ดี

เวลานี้หมดเวลากินข้าวล่ะ ผมต้องตัดใจจากข้าวเช้าแล้วตรงไปยังโรงเรียนเลย เจ้าเสือฮาราคีรีพูดมาว่า 「ซื้ออะไรระหว่างทาง แล้วเดินไปกินไปเถอะค่ะ ส่วนเรื่องของฉันไม่ต้องเป็นห่วงก็ได้ค่ะ」 แหงล่ะ ใครจะไปห่วงกัน
วางแผนไว้ว่าจะกินไปเดินไปเหมือนกัน แต่ดูไม่ดียังไม่ไม่รู้เลยเลิกดีกว่า ทนไปถึงช่วงคาบพักแรกแล้วค่อยไปหาอะไรกินเอาก็ได้

ใกล้จะไปสายเข้าทุกที ผมจึงรีบก้าวให้เร็วขึ้น
「หว๋า !」
「ว้าย !」
อยู่ๆก็ชนกับใครเข้า ผมแค่เซไปเฉยๆแต่คนที่ชนลงไปนั่งกองกับพื้น
「ขะ ขอโทษครับ.. เอ๋ ?」
พูดขอโทษไปโดยอัตโนมัติ แต่พอมองดูให้ดีแล้ว อะไรกัน คนรู้จักนี่น่า
「ฉันต่างหากที่ต้องขอโทษค่ะ ไม่ทันมองทางให้ดี..อุ้ย นัตซึรุซัง ?」
คนที่ชนกับผมนั้นคือเด็กสาวที่รู้จัก
「ค่อยยังชั่ว.. ว่าไปนั่น ไม่ควรพูดแบบนี้สิเนอะ แต่ว่าพอเป็นคนที่รู้จักแล้วก็ค่อยเบาใจขึ้นมาน่ะค่ะ」
ซากุระ คาเอเดะยิ้มให้ด้วยใบหน้าอันสดใส
ผมของเธอยาวเป็นประกายงดงาม ผิวขายใสรูปร่างได้สัดส่วนเป้นอย่างดี ซากุระซังเป็นไอดอลประจำโรงเรียนของผม หรือจะพูดให้ชัดขึ้น เธอติดอยู่ใน Top 5 ของนักเรียนสาวที่สวยที่สุดในโรงเรียน และถ้ารวมนิสัยด้วยแล้วต้องเป็นอันดับ 1 อย่างแน่นอน สำหรับผมแล้ว เธอนี่แหละที่เป็นต้นแบบของ 「เจ้าสาวที่ดี」

เธอเป็นที่หมายปองของบรรดานักเรียนชายทั้งหลาย แน่นอนว่าต้องรวมผมด้วยคนนึง ยิ่งไปกว่านั้นในสมัยม.ต้นผมก็อยู่ห้องเดียวกับเธอมาตลอด ตัวเองพูดเองมันก็ยังไงอยู่ แต่ผมเองก็ถือเป็นคนสนิทของเธอคนหนึ่งเหมือนกัน

ผมทำมือบอกซากุระว่า 「ไม่เป็นไร」
「ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ไม่ได้ล้มลงจนเจ็บอะไรสักหน่อย」
「งั้นเหรอคะ นัตซึรุซังเป็นคนอ่อนโยนจริงๆนะคะ」
เกือบจะทนไม่ไหวแล้ว เป็นเพราะสมัยม.ต้นอยู่ห้องเดียวกันมาตลอด เธอถึงได้เรียกผมด้วยชื่อ ผมพยายามข่มใจที่เตลิดไปไกลแล้วให้กลับมาอยู่กับที่ แล้วพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุด
「ไม่เป็นไรหรอก เพราะใกล้จะไปสายกันแล้วด้วย」
ซากุระซังก้มหัวลงเพื่อขอบคุณพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า

ผมลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนเช้าไปจนหมดสิ้น ในหัวตอนนี้กลายเป็นสีชมพูไปหมด ได้เดินไปโรงเรียนกับซากุระซังสองต่อสองแบบนี้ นี่มันโชคดีสุดๆไปเลยไม่ใช่เหรอ ได้เดินคู่กันไปโรงเรียนแบบนี้ นี่มันอย่างกับเดทชัดๆเลย
「นัตซึรุซัง ท่าทางมีความสุขจังนะคะ เจอเรื่องอะไรดีๆมาหรือเปล่าเอ่ย ?」
「เจอสิ ได้เจอกับซากุระซังยังไงล่ะ」
อยู่ๆก็หลุดปากพูดอะไรเชยๆออกไป แต่ซากุระซังก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหัวเราะเยาะเลยสักนิด
「อะฮะ ฉันเองก็ดีใจที่ได้พบนัตซึรุซังค่ะ นานๆทีนอนตื่นสายแบบนี้ก็ได้เจอเรื่องดีๆเหมือนกันนะคะ」
ถึงจะตอบกลับมาแบบนั้นด้วยรอยยิ้ม แต่จริงๆแล้วตัวเธอนั้นไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งหรอก แต่รู้มั้ยซากุระซัง พูดมาแบบนี้มันทำให้เด็กผู้ชายเข้าใจผิดเอาง่ายๆนะ

ยังไงก็ตาม ผมไม่ได้เข้าใจผิดอะไร เธอคนนี้ยังไม่เคยคิดเรื่องคบกับใครเอาไว้เลย ถึงแม้จะเป็นไอดอลของโรงเรียน แต่ไม่เคยมีข่าวลือแม้แต่ข่าวเดียวว่าเธอกำลังคบกับผู้ชายคนไหนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายที่ดีขนาดไหนเข้าไปรุกตัวเธอ เธอก็ไม่เคยแสดงท่าทีว่าสนใจ ผมเองจริงๆก็อยากทำเรื่องนั้นเรื่องนี้กับซากุระซังเหมือนกัน แต่ตั้งใจไว้ว่าให้ตายก็จะไม่พูดออกไป ยังไงทุกวันนี้ก็มีความสุขพออยู่แล้ว

「มีเรื่องแย่ๆเกิดตั้งแต่เช้าเลยวันนี้ พอได้มาเจอซากุระซังถึงค่อยมีความสุขขึ้นหน่อย」
「อย่างนั้นเองเหรอคะ ?」
เธอถามกลับมาด้วยท่าทางเป็นห่วง
「ก็นิดหน่อยน่ะ จะบอกว่าช่างมันเถอะหรือไงดี เอาเป็นว่ายอมแพ้ไปแล้วล่ะ」
แค่คิดขึ้นมาหัวก็หนักไปหมด ถึงอยากจะลืมแค่ไหนยังไงก็ลืมไม่ได้ เพราะฉะนั้นก็ทำใจช่างๆมันไปแล้วกัน
「จริงสิ ตุ๊กตาที่ฉันเคยให้ไป เป็นยังไงบ้างคะ ?」
「อา.. อันนั้นน่ะ วางเอาไว้บนโต๊ะวางของน่ะ」
「ดีจังเลย ฉันชอบตุ๊กตาในซีรีย์นั้นที่สุดเลยล่ะค่ะ แต่มีเยอะจนไม่มีที่วางแล้ว จะทิ้งก็ทำใจไม่ลง เพราะฉะนั้นก็เหมือนให้ไปดูแลเป็นลูกบุญธรรมนะค่ะ」
ซากุระซังทำท่าดีใจอย่างไร้เดียงสา
ใช่แล้ว เจ้าตุ๊กตาซีรีย์สัตว์น้อยเครื่องในนั่น เป็นของที่ได้รับมาจากซากุระซัง ซึ่งนั่นก็หมายความว่าถึงอยากทิ้งแค่ไหน ยังไงก็ทิ้งไม่ได้เด็ดขาด

เธอคนนี้มีความชื่นชอบบางอย่างที่แปลกกว่าคนอื่นอยู่หน่อยนั่นก็คือ สิ่งที่เธอคิดว่า 「น่ารัก」 นั้นไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านสักเท่าไหร่ นั่นไม่ใช่ความรู้สึกที่ว่า 「น่ารักแบบแปลกๆ」 แต่เป็นน่ารักจากใจจริงของตัวเธอเองเลย ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไม ผมถึงได้รับเจ้าตุ๊กตามืดดำนั่นมา แน่นอนว่าผมไม่ได้มีความชื่นชอบในของพวกนี้เลยแม้แต่น้อย ก็นั่นแหละ คนที่ผมใฝ่ฝันถึงมีความชื่นชอบไม่เหมือนใครแบบนี้นี่เอง
และยังมีข่าวลืออีกว่าห้องของเธอนั้น มีตุ๊กตาในซีรีย์สัตว์น้อยเครื่องในเต็มไปหมด จนถึงขนาดแทบไม่มีที่จะเดินกันเลยทีเดียว ที่บริษัทนั้นยังคงอยู่ได้ ต้องเป็นเพราะเธออย่างแน่นอน

「เสือฮาราคีรีเอง น่ารักมากๆเลยนะคะ」
เป็นคำถามที่ตอบยากจริงๆ
「นะ... นั่นสินะ เป็นตัวของตัวเองดี」
「ถ้าหากพูดคุยด้วยได้ล่ะก็ คงจะดีใจมากกว่านี้เยอะเลยละคะ」
「ถ้าไม่ได้มีเสียงเหมือนชิสุกะจังล่ะก็นะ」
ซากุระซังมองมาทางผมที่กำลังทำหน้าเซ็งๆด้วยท่าทางสงสัย
ทางเดินไปโรงเรียนในเวลานี้ ไม่มีคนอื่นอีกนอกจากพวกผม 2 คน คนที่จะมาเดินในทางนี้ในเวลานี้นั้น ก็มีแต่พวกเด็กเกหรือนอนตื่นสายจนมาโรงเรียนสายเท่านั้น แน่นอนว่าผมกับซากุระซังเป็นอย่างหลัง

พวกผมเดินไปคุยเรื่องไร้สาระกันไปเรื่อยๆ ซากุระซังพอเริ่มคุยเรื่องซีรีย์สัตว์น้อยเครื่องในเมื่อไหร่ก็จะสนุกจนลืมตัวคุยไม่หยุด ส่วนผมก็พยายามสุดชีวิตที่จะคอยตามน้ำต่อบทสนทนากับเธอให้ได้ เพื่อที่จะทำให้เธอไม่รู้สึกเบื่อไปซะก่อน การตามน้ำในเรื่องที่ตัวเองไม่ได้สนใจเลยสักนิดแบบนี้ ยากกว่าที่คิดเยอะ ถ้าหากทุกๆเช้าเป็นแบบนี้ทุกวันล่ะก็ รับรองว่าสคิลบทสนทนาของผมจะต้องเลเวลอัพกระจายอย่างแน่นอน

ระหว่างที่ซากุระซังกับลังคุยเรื่องสัตว์น้อยเครื่องในอย่างสนุกสนานนั้น ก็มองมายังข้อมือของผม
「..นั่นคือ เบลสเล็ทเหรอคะ 」
เธอถามขึ้นมาแล้วก็มองมายังกำไลที่ข้อมือของผม
「เปล่า.. คือว่าจริงๆก็ไม่ค่อยจะรู้หรอก แต่ว่ามันคือกำไลน่ะ」
「ยี่ห้ออะไรเหรอคะ ?」
「เออ.. ยี่ห้ออะไรนะ.. แคมเฟอร์ ?」
「...ยี่ห้อของเยอรมันเหรอคะ ?」
ยังไงก็ตาม คิดว่าคงไม่ใช่ เพราะยังไงก็ไม่ใช่เครื่องประดับตามแฟชั่นสักหน่อย
「อุ้ย เปล่งแสงได้ด้วย」

อยู่ๆซากุระซังก็พูดขึ้นมา พอมองไปที่ข้อมือก็เป็นดั่งที่ซากุระซังพูด กำไลกำลังเปล่งแสงอยู่ อาการแบบนี้เพิ่งเคยเกิดขึ้นครั้งแรก หรือว่านี่คือสัญญาณที่บอกว่ากำลังจะแปลงร่าง ?
「แย่.. แย่แล้ว」
การมาแปลงร่างเป็นผุ้หญิงตรงนี้ สถานการณ์มันแย่สุดๆ นอกจากจะเป็นนอกบ้านแล้ว ยังมีซากุระซังอยู่ด้วย ถ้าถูกเห็นล่ะก็จะต้องโดนนึกว่าเป็นพวกโรคจิตอย่างแน่นอน ถ้าแค่นั้นก็ยังดี ถ้าโชคร้ายอาจจะโดนจับไปทดลองที่ไหนสักแห่งก็ได้ ในหัวนึกได้แต่เรื่องแย่ๆทั้งนั้น ทำไมต้องมาเป็นเอาในเวลานี้ด้วย
「คือว่า..นะ ซากุระซัง ขอโทษทีแต่ผมต้องขอตัวก่อน」
「อะ นัตซึรุซังใจร้าย ไหนบอกว่าจะไปโดรงเรียนด้วยกันไม่ใช่เหรอคะ」
ซากุระซังทำหน้างอแบบน่ารักสุดๆ ยังไงก็ตามเวลานี้ผมต้องข่มใจให้ได้
「นึกได้ว่ามีธุระด่วนนะ ไม่สิ ต้องบอกว่าเกิดธุระขึ้นด่วนเลยต่างหาก ยังไงก็ตามถ้าไม่รีบแยกไปล่ะก็」
「ถ้าจะวิ่งไปล่ะก็ ฉันก็จะวิ่งด้วยเหมือนกันค่ะ」

ขอโทษด้วยจริงๆครับ ขอร้องล่ะปล่อยผมให้ไปคนเดียวเถอะ ถึงจะอยากหนีแค่ไหนก็หนีไม่ออก เมื่อเห็นซากุระที่พยายามวิ่งตามมาอย่างสุดกำลังอยู่ไกลๆ ในขนาดที่ผมกำลังจะตัดสินใจว่าจะทำไงดีนั้น อยู่ๆก็สังเกตุเห็นว่ามีกระบอกปืนกำลังเล็งมาทางผม
「...ปืน ?」
ผมหลุดปากออกไปอย่างไม่ตั้งใจ ชีวิตมนุษย์มันก็น่าตื่นเต้นตรงนี้ ตรงที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะเกิดเรื่องที่ไม่น่าเชื่อขึ้นตรงหน้า ยังไงก็ตามผมกลับยังสามารถทำใจเย็นอย่างที่ตัวเองยังไม่อยากจะเชื่อ แล้วมองไปยังกระบอกปืนนั้น
「อะไรกัน เจ้าขี้ก้างที่ป้อสาวแต่เช้าอย่างแกคือศัตรูของชั้นเหรอยะ」
คนที่ถือปืนอยู่ในมือนั้น ถึงจะเป็นเด็กผู้หญิงแต่เสียงพูดฟังแล้วกลับไม่รื่นหูอย่างแรง

ดูๆแล้วตัวเล็กกว่าผมหน่อย ท่าทางเป็นเด็กสาวปากเสีย ผิวขาวรูปร่างดี ไม่ว่าจะคิดยังไง ก็คงจะบอกได้ว่าเป็นเด็กสาวที่ 「สวย」 คนหนึ่งเหมือนกัน อย่างไรก็ตามตาคู่นั้นดูไม่เป็นมิตรเอาเสียเลย 「หมาบ้า」 น่าจะอธิบายถึงลักษณะท่าทางของเธอได้ดีที่สุด
「น่าเบื่อจริงที่เจอคู่ต่อสู้ท่าทางปวกเปียกแบบนี้ แถมยังไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีผู้ชายด้วย ช่างเถอะ ไงๆวาระสุดท้ายของแกก็มาถึงแล้ว」
เด็กสาวคนนั้นทำท่าถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย แล้วก็กำลังที่จะเหนี่ยวไก
「ดะ เดี๋ยวก่อนสิ !」
ยังไงก็ยังไม่อยากถูกฆ่าตาย ผมจึงยกมือขึ้นทั้ง 2 ข้าง
「นี่มันเรื่องอะไรกัน ฆาตกรต่อเนื่องงั้นเรอะ !?」
「จะบ้าเหรอยะ จะไปมีฆาตกรต่อเนื่องหน้าตาดีแบบนี้ได้ยังไง」
คนที่จะพูดชมตัวเองว่าหน้าตาดีกันหน้าตาเฉยแบบนี้ก็หาเจอยากไม่น้อยนะ
「ไม่เคยรู้จักกันไม่ใช่เรอะ !」
「ถ้างั้นไงดี ชื่อเรอะ มิชิม่า อาคาเนะ」
「ผมชื่อเซโนะ นัตซึรุ.. ไม่ใช่ ! แล้วปืนนั่นล่ะ !」
「นี่น่ะเหรอ ?」
「นี่คืออาวุธของชั้น พอเหนี่ยวไกออกไปสมองของแกก็จะเป็นรู 1 ซองบรรจุกระสุน 6 นัด ก็เป็นแบบสไตล์ในนิยายทั่วไปไงล่ะ 」
ในสไตล์นิยายที่ไหนกันล่ะนั่น ?
「แล้วทำไมถึงปลดเซพในที่แบบนี้กันล่ะ !」
「เป็นผู้ชายที่น่าคำคาญซะจริงนะยะ อย่าพูดไรจุกจิกเลยน่า」
「อยู่ๆจะมาถูกฆ่าแบบนี้ จะเป็นใครก็เถอะ !」

ระหว่างที่ผมพยายามจะทำให้เธอสงบนั้น อยู่ๆก็เห็นซากุระซังที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น กำลังใกล้เข้ามา
「หืม ? นั่นผุ้หญิงของแกเรอะ ?」
ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีสิ แต่ความจริงไม่ใช่อย่างนั้น ก็ไม่ถึงกับเป็นคนแปลกหน้า แต่ยังไงเวลานี้ก็ถือว่าเป็นคนอื่นอยู่ เด็กสาวคนนั้นจ้องไปยังซากุระซัง
「อะไรกัน ซากุระไม่ใช่เหรอนั่น เด็กที่เดียวกันงั้นเรอะ」

พอได้ยินแบบนั้นแล้วมาลองมองให้ดี เด็กสาวคนนี้ก็สวมชุดนักเรียนหญิงของโรงเรียนเดียวกันอยู่นี่น่า แต่ดูเหมือนจะปรับแต่งนิดหน่อยตรงชายเสื้อที่สั้นกว่าชุดนักเรียนหญิงปกติกว่าครึ่ง แล้วจะว่าไปในเมื่อเป็นเด็กโรงเรียนเดียวกับซากุระซัง ก็หมายความว่าโรงเรียนเดียวกับผมด้วยไม่ใช่เรอะ
「นี่ ไหนๆก็เรียนที่เดียวกัน พอเถอะ」
「เกี่ยวกันตรงไหน」
อาคาเนะเล็งปืนกลับมาทางผมอีกครั้ง
「ชั้นไม่สู้ไม่ได้ยะ ถูกพูดมาแบบนี้ จริงๆก็ไม่ได้เคียดแค้นอะไรหรอก ยังไงก็ดีกว่านอนอยู่บ้านกอดหมอนข้างเฉยๆ อย่างน้อยก็พอได้ทำอะไรเป็นรูปเป็นร่างบ้าง」
อะไรกันที่เป็นรูปเป็นร่าง สำหรับผมแล้วจะไร้ร่างเอาด้วย
「จะว่าไงก็ช่าง แกเองดูเหมือนจะเป็นศัตรูของชั้น เพราะงั้นตายๆซะเหอะ」
ศัตรู ? ที่บอกว่าศัตรู.. หรือว่าบางที
อยู่ๆตัวผมร่างกายของผมก็พุ่งไปยังที่ๆสายตาจ้องอยู่อย่างรวดเร็ว ร่างกายขยับไปเองอย่างไม่ตั้งใจ
「หว๋า !?」
「อะ เจ้าบ้านี่」
รู้สึกเหมือนกับกำลังไปด้วยความเร็วเหมือนใช้ยานพาหนะอะไรอยู่สักอย่าง แต่จริงๆแล้วผมกำลังวิ่งด้วยเท้าของตัวเอง ยัยสาวหมาบ้าเองก็กำลังวิ่งไล่กวดพร้อมปืนที่อยู่ในมือมาเต็มที่ แต่ดูเหมือนว่าผมจะเร็วกว่า
แล้วอยู่ๆแสงสว่างสีขาวอมฟ้าก็ปกคลุมไปทั่วร่าง รู้สึกเหมือนร่างกายลอยชึ้นไป แล้วแค่พริบตาเดียวแสงนั้นก็หายไป

「...อะ !」
พอลองมองมาที่ตัวเอง ก็พบตัวเองอยู่ในชุดนักเรียนหญิงพร้อมหน้าอกที่โตขึ้น และกระโปรงสั้นเหนือเข่า ผมกลับเป็นเด็กผู้หญิงเมื่อเช้าอีกครั้งแล้ว
ในเวลาเดียวกันกับที่แสงหายไป ผมก็กลับมายืนอยู่บนพื้นอีกครั้ง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าเป็นความจริงจริงๆด้วย และเพราะด้วยเรื่องนั้นทำให้เช้านี้ได้พบกับซากุระซัง และเด็กสาวปากเสียที่เล็งปืนใส่หน้าชาวบ้าน อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ได้แปลงร่างเป็นผู้หญิงต่อหน้าซากุระซังล่ะนะ
「ฮะ ฮะ ฮะ !」
ได้ยินเสียงหัวเราะเหมือนคนบ้าดังขึ้นมา ในที่สุดเด็กสาวพร้อมปืนในมือคนเมื่อกี้ก็ตามมาทันจนได้
「เจ๋งเป้ง แกเองก็เป็นแคมเฟอร์จริงๆด้วย」
「เธอรู้จักแคมเฟอร์ด้วยเหรอ !?」
「เเหงอยู่แล้ว ถ้าจะถามว่าเพราะอะไร ก็เพราะชั้นก็เป็นแคมเฟอร์เหมือนกันไงล่ะยะ」
เด็กสาวคนนั้นพูดขึ้นมาด้วยท่าทางภูมิใจ พอลองมองดูให้ดี ที่ข้อมือของเธอก็มีกำไลคาดอยู่เช่นกัน
「แล้วในเมื่อเป็นแบบนี้ เรามาสู้กันให้ตายกันไปข้างมา」
แล้วก็ยกปืนขึ้นมาเล็งอีกครั้ง

「หา !? ทำไมจะต้องสู้กับเธอด้วยล่ะ ?」
「อะไรกันไม่รู้เหรอยะ แคมเฟอร์น่ะมีตัวตนเพื่อที่จะต่อสู้ ชั้นจะไม่หยุดยิงจนกว่าหัวแกจะพรุนเป็นรังผึ้งแน่ยะ」
「เรื่องนั้นได้ยินมาแล้ว แต่ว่าทำไมถึงต้องสู้กับเธอ..」
「ศัตรูของแคมเฟอร์ก็คือแคมเฟอร์ยังไงล่ะยะ」
เรื่องนี้เพิ่งเคยได้ยิน เจ้าเสือฮาราคีรีบอกว่าเป็น 「ความลับ」 หรือว่าความลับที่ว่าก็คือเรื่องนี้เองงั้นเรอะ แต่ว่าที่บอกว่าให้สู้ แล้วจะสู้ยังไงล่ะ เด็กคนนั้นมีปืนอยู่ในมือ แต่ฝั่งนี้มือเปล่าไม่มีอะไรเลย
「รีบๆเข้าสิยะ ไม่รีบหนีเดี๋ยวก็ยิงซะหรอก」
「ถ้าหนีแล้วจะไม่ยิงเหรอ !?」
「เปล่า ยิงเหมือนกัน」
ตกลงเอาไงแน่
แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้น ก่อนที่ลูกปืนจากปากกระบอกปืนของอาคาเนะจะมาถึง ร่างกายของผมก็เคลื่อนไหวไปเองอีกครั้ง อาคาเนะพยายามจะเล็งตาม แต่ว่าไม่ทัน อยู่ๆร่างกายของผมก็กระโดดหนีไปเองโดยอัตโนมัติ คราวนี้รู้ตัวอีกทีก็อยู่บนเสาไฟซะแล้ว
「เจ้าบ้านี่..」
ยัยหมาบ้าพยายามที่จะยิงต่อไป แต่ก็ไม่ทันร่างกายของผมที่ขยับหนีโดยอัตโนมัติถึงแม้จะยังไม่ทันที่จะคิดอะไรเลยสักนัด แล้วผมก็ขยับมาหลบอยู่หลังเสาไฟแล้วมองหาทางที่จะหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้
「ทำได้ไม่เลวเลยไม่ใช่เหรอยะ」
ถึงจะชมมาก็เถอะ แต่ก็ทำได้แค่หนีอย่างเดียวล่ะนะ
「แต่ว่ารู้อะไรหรือเปล่า ปืนของชั้นน่ะ ถ้าหากใส่พลังลงไปแล้ว จะผนังหรือกำแพงอะไรก็ไม่มีความหมายยะ ชั้นถล่มได้หมด เพราะงั้นต่อให้นายหนีไปหลบอยู่หลังอะไรก็ไร้ความหมายยะ」
ล้อเล่นน่า

แล้วในเวลานั้นเอง ซากุระซังก็โผล่เข้ามา
「นัตซึรุ... ซัง ?」
พูดขึ้นมาแบบนั้น แล้วก็ชะงักไป บางทีอาจเป็นเพราะอยู่ๆผมก็วิ่งแยกจากเธอมาเฉยๆ ทำให้เป็นห่วงจนวิ่งตามหาผมก็ได้ ที่ต้องแยกมาน่ะ เป็นเพราะกลายเป้นผู้หญิงยังไงล่ะ
「เอ.. นัตซึรุซัง.. ล่ะ ?」
อยู่ๆยัยหมาบ้าก็หันปืนไปอีกทาง
「ยังจะมาทำอะไรอยู่แถวนี้ยะ เดินตรงไปโรงเรียนเฉยๆก็หมดเรื่องแล้วแท้ๆ นังโง่เอ้ย คิดจะมาเกะกะเหรอยะ !」
ซากุระซังกำลังตกอยู่ในอันตราย
「หยุด !」
ในเวลาเดียวกัน ที่มือของผมก็เกิดร้อนขึ้นมา หลังจากนั้นก็มีลูกไฟออกมาจากมือตรงเข้าไปใส่อาคาเนะ แต่ทว่าลูกไฟกลับเฉียดตัวเธอไปชนกับผนังกำแพงแทน เสียงระเบิดดังสนั่น กำแพงแตกกระจาย
「...!?」
ผมกับซากุระซังได้แต่ยืนตะลึงจนถึงขนาดไม่ได้ส่งเสียงตกใจออกมาสักคำ มีเพียงเด็กสาวที่มีปืนอยู่ในมือคนนั้นคนเดียวเท่านั้น ที่ดูจะไม่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
「แก.. เป็นเซาเบอร์งั้นเรอะ」
「เอ๋.. เซา... ?」
「อย่ามาแกล้งโง่หน่อยเลย ก็คิดอยู่แล้วว่ามือเปล่าแบบนั้นมันแปลกๆ สุดท้ายก็ปล่อยออกมาได้ด้วยมือเปล่าอย่างที่คิด」

เรื่องนั้นจะเป็นไงก็ช่าง ตอนนี้หัวของผมเหมือนถูกเหล็กแข็งๆตีเข้าจนมึนไปหมดแล้ว เช้าวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นเยอะจนแทบรับไม่ทัน ทั้งกลายเป็นผู้หญิง ทั้งตุ๊กตาพูดได้ แล้วในตอนนี้ยังสามารถปล่อยไฟออกจากมือได้อีก 「หรือว่าบางทีที่เจ้าเสือฮาราคีรีพูดมาทั้งหมดจะเป็นเรื่องโกหก จริงๆแล้วจะวันนี้พรุ่งนี้หรือวันต่อๆไปผมก็ยังเป็นเพียงเด็กนักเรียนม.ปลายธรรมดาๆคนหนึ่ง」 ความหวังที่เคยคาดหวังไว้เล็กๆนั้น บัดนี้ได้พังทลายหายไปจนหมดสิ้น ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยน ผมได้กลายเป็นแคมเฟอร์อะไรนั่นไปแล้วจริงๆ คุณพ่อ คุณแม่ ชีวิตมนุษย์นี่มันต้องเจอความทุกข์มากมายจริงๆนะครับ
「ไหงทำหน้าหมดอาลัยตายอยากอย่างนั้นล่ะยะ」
「...ก็นะ」
「ช่างเหอะ นานๆทีจะได้ยิงต่อเนื่องแบบนี้สักที จะยิงให้พรุนไปเลย !」
「เดี๋ยวก่อน เฉพาะเรื่องนั้นน่ะ..」
「อย่ามัวมาทำไรให้ยืดเยื้อน่ารำคาญสิยะ」
พูดเสร็จยัยหมาบ้าก็ยกปืนเล็งมาพร้อมใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างสะใจ มองยังไงก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลยสักนิด ยัยนี่เอาจริงล่ะ ยัยนี่ต้องการจะเห็นผมเป็นศพจริงๆด้วย ลูกไฟเมื่อกี้ก็ไม่ยอมออกมาอีกแล้ว คราวนี้แหละ ซวยจริงแน่นอน
แล้วอยู่ๆ ยัยหมาบ้าก็หยุดการเคลื่อนไหว

กระบอกปืนยังคงเล็งมาทางผมเหมือนเดิม แต่ดูเหมือนจะรู้สึกตัวถึงอะไรบางอย่าง สายตาของยัยนั่น จ้องมายังกำไลที่คาดอยู่บนข้อมือขวาของผม
「...ชิ」
ยัยหมาบ้าค่อยๆลดปืนลง
「น่าเบื่อ」
อาคาเนะทำหน้าเซ็งพร้อมบ่นงึมงัม ก่อนที่จะหายตัวไปพร้อมกับปืนของเธออย่างรวดเร็ว
ผมซึ่งยังคงอยู่ในร่างผู้หญิง รีบไปประคองซากุระซังขึ้นมา
「...คือว่า...」
ดูเหมือนว่าซากุระซังกำลังจะเปิดฉากสนทนา ทำให้ผมไม่รู้ว่าจะคุยกับเธออย่างไรดี เอาเป็นว่ายิ้มตอบกลับไป ปิดปาก แล้ววิ่งหนีดีกว่า แค่จุดนี้เท่านั้น ที่ขอเลียนแบบยัยหมาบ้านั่น





Create Date : 04 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2552 11:54:04 น. 2 comments
Counter : 355 Pageviews.

 
โอ้ ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการแปลให้ได้อ่านกันนะครับ ในนิยายนี้อาคาเนะ(ร่างหัวแดงช้ำรัก)มุขตลกเยอะดีจังอ่านไปฮาไป

ในอนิเมมีฉากนัตสึรุกระโดดไปบนเสาไฟ แต่ในมังก้าย่อเรื่องจากในนิยายได้ละเอียดดีกว่า(อนิเมนี่ 1 ตอนเท่ากับมังก้า 1 เล่มเลย ดำเนินเรื่องกระโดดสุดๆ)


โดย: wingaura IP: 125.25.86.45 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:16:30 น.  

 
อืม ไม่มีฉากเสาไฟถล่มแฮะ ต่างกับอนิเมะเหมือนกันนะเนี่ย


โดย: Alasthor IP: 58.9.231.227 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:04:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แมวหลับ46
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ย้าย Blog แล้วครับ ไปที่

http://ruicosta.exteen.com/

เหตุผลไม่มีไรมาก ชอบหน้าตาบล็อคที่นั่น + อยากใช้ชื่อประจำคือ ruicosta มากกว่า เหตุผลมีแค่นี้เอง XD
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แมวหลับ46's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.