บทส่งท้าย "ชีวิตคือกระจก ส่อง สะท้อนจิตใจ"
บทส่งท้าย นำพาความสุขสู่ชีวิตของคุณ ชีวิต คือ กระจกส่องสะท้อนจิตใจ ขอขอบคุณทุกท่านที่กรุณาอ่านมาถึงตรงนี้
เรื่องที่เล่ามาเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง แต่ได้เปลี่ยนชื่อและอาชีพของตัวละครเพื่อความเหมาะสม ก่อนหน้านี้ผมได้เผยแพร่บทความ EQ coaching เพิ่มพลังสู้ความสุข ผ่านทางเว็บไซต์และได้รับกระแสตอบรับอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ผมได้รับเมลจำนวนมหาศาลจากท่านผู้อ่าน ไม่ได้ร้องไห้อย่างนี้มานานแล้ว รู้สึกกล้าที่จะให้อภัยคนที่คิดแค้นมานาน รู้สึกขอบคุณจากส่วนลึกของจิตใจ และอื่นๆ อีกมากมาย ข้อความที่บอกความประทับใจ พร้อมทั้งคำขอบคุณทำให้ผมรู้สึกอบอุ่นและดีใจ ผมยังได้แจกบทความนี้ให้แก่ผู้เข้ารับการอบรมของบริษัทแห่งหนึ่ง (หลักสูตรการพัฒนา EQ) ผมให้ทุกคนอ่านบทความนี้ เป็นการบ้านสำหรับการอบรมในวันแรก เพื่อให้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในวันต่อมา
ผลปรากฎว่า ร้อยละ 90 ของผู้เข้ารับการอบรมกล่าวว่า พวกเขาร้องไห้หรือไม่ก็น้ำตาคลอ เมื่ออ่านจบ ผมจึงมั่นใจว่า เรื่องนี้มีบางสิ่งที่สะกิดใจพวกเราทุกคน แม้แต่ตัวผมเองก็ยังกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ทุกครั้งที่ได้อ่านเรื่องนี้ เมื่อใดที่เราตัดสินคนอื่นด้วยความรู้สึกส่วนตัว เรื่องราวนี้ก็จะทำให้เราหยุดคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง
ผมรู้สึกปลื้มปีติที่เรื่องนี้ได้รับการตีพิมพ์ และหวังว่าจะได้รับการเผยแพร่สู่คนหมู่มากต่อไป
ว่าแต่คุณอ่านเรื่องนี้แล้วรู้สึกอย่างไรบ้างครับ คุณยางุจิแนะนำกฎง่ายๆ ที่จะช่วยแก้ปัญหาของคุณเอโกะที่เป็นทุกข์เพราะไม่รู้จะช่วยลูกอย่างไร กฎข้อนั้นคือ เหตุการณที่เกิดขึ้นในชีวิต คือ กระจกส่องสะท้อนจิตใจของเราเอง และนี่ก็คือ กฎแห่งกระจก ถ้าจิตใจของเรามีแต่ความทุกข์ เงาในกระจกที่สะท้อนออกมา ก็คือเหตุการณ์ไม่ดีต่างๆนานาที่ทำให้เราเป็นทุกข์ ในทางกลับกัน ถ้าจิตใจของเราเปี่ยมไปด้วยความสำนึกรู้คุณ เหตุการณ์ดีๆ ที่จะทำให้เรารู้สึกสำนึกรู้คุณก็จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ชีวิตคือกระจกสะท้อนจิตใจของเราเอง หมายความว่า เหตุการณ์ในปัจจุบัน จะเกิดขึ้นตามคลื่นความถี่ของหัวใจ พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ สาเหตุที่เกิดขึ้นในจิตใจ จะกลายเป็นผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริง กฎนี้สอดคล้องกับความรู้ที่สืบทอดกันมาทางศาสนาวัฒนธรรม และปรัชญาตะวันออก เป็นกฎง่ายๆ ที่เมื่อเข้าใจแล้ว เราก็จะรู้วิธีควบคุมชีวิตของตัวเอง ผมมีโอกาสได้ช่วยเหลือผู้คนมากมายให้บรรลุเป้าหมายของตนและเข้าใจในความเป็นตัวของตัวเอง
จากประสบการณ์เหล่านั้น ผมยืนยันได้ว่ากฎนี้ใช้ได้กับทุกคนโดยไม่มีข้อยกเว้น หลายคนฟันฝ่าอุปสรรค ความยากลำบาก และทำสิ่งที่ตัวเองต้องการให้เป็นจริงได้ด้วยกฎที่ว่านี้ เราเห็นจิตใจของตนเองได้ด้วยการมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เช่นเดียวกับการมองกระจกนั่นเอง คุณยางุจิเข้าใจดี เขาจึงรู้ว่าการที่ ลูกชายคนสำคัญของคุณเอโกะถูกเพื่อนรังแก มีสาเหตุมาจากการที่ คุณเอโกะกำลังเกลียดคนใกล้ตัว
สมมติว่าคุณไม่ชอบสภาพของตัวเองในกระจก คุณจะทำอย่างไรครับ ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณมองตัวเองในกระจกแล้วเห็นว่าผมยุ่ง คุณจะทำอย่างไรครับ คงไม่เอื้อมมือไปจัดทรงผมที่เห็นอยู่ในกระจกจริงไหมครับ คุณต้องจัดทรงผมบนศีรษะตัวเองอย่างแน่นอน ผลที่เกิดขึ้นคือ ตัวคุณในกระจกก็จะมีผมที่เป็นทรงเหมือนกัน เช่นเดียวกัน การแก้ปัญหาชีวิตตั้งแต่รากฐานนั้นจำเป็นต้องแก้ที่ต้นเหตุในจิตใจตัวเอง จะหวังพึ่งคนอื่นหรือรอให้สถานการณ์เปลี่ยนไปโดยที่ไม่เปลี่ยนแปลงจิตใจตัวเองเลยนั้น อะไรๆ ก็คงไม่เป็นไปอย่างที่คิด กรณีของคุณเอโกะ เธอได้เปลี่ยนจิตใจของตัวเองโดยการปรับความเข้าใจและนึกขอบคุณพ่อและสามี เธอจึงกำจัดปัญหา (ความกังวลเกี่ยวกับลูกชาย) ให้หมดไปได้
แต่ว่าการ เปลี่ยนแปลงจิตใจ ไม่ได้หมายความว่า ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงการกระทำ ตัวอย่างเช่น ในความเป็นจริง ถ้าเราถูกแกล้ง เราก็จำเป็นต้องป้องกันตัวเองก่อน
ขอให้ตระหนักให้ดีว่า ต้องทำปัจจุบันให้ดีที่สุด แล้วค่อยๆ เปลี่ยนแปลงจิตใจไปพร้อมๆ กัน ความสบายใจจากการให้อภัย
ลองมาดูเรื่องของการให้อภัย กันบ้าง ให้อภัยไม่ได้
คือสภาพจิตใจที่ยึดติดกับอดีต และนึกเกลียดใครบางคนอยู่ตลอดเวลา คุณเอโกะยึดติดอยู่กับคำพูดและการกระทำในอดีตของพ่อ ด้วยเหตุนี้เธอจึงเกลียดพ่อมาตลอด และโยนความผิดให้พ่อโดยไม่รู้ตัว เมื่อใดที่เราเกลียดคนอื่น
ไม่ให้อภัย เราจะรู้สึกไม่สบายใจ ร่างกายจะทำงานไม่ได้ดั่งใจคิด ทั้งยังกระวนกระวาย ถ้ามีอาการเช่นนี้อย่างต่อเนื่องเราก็จะเป็นทุกข์ อาการนี้ทรมานมาก ผมเองก็เคยประสบมาแล้วหลายครั้ง
ทุกคนมีสิทธิ์เลือกที่จะ "ให้อภัย หรือ ไม่ให้อภัย
ถ้ามีคนทำเราเสียใจ เราเลือกที่จะ ไม่ให้อภัย เขาได้ แต่นั่นหมายความว่าเราเลือกที่จะจมปลักอยู่กับอดีต การอยู่กับอดีตทำให้เราละทิ้งอนาคตที่อาจเปี่ยมความสุขไป ในทางตรงกันข้าม ถ้าเราเลือกที่จะ ให้อภัย เราจะรู้สึกผ่อนคลาย เบาสบายทั้งร่างกายและจิตใจ ได้รับการปลดปล่อยจากความแค้นในอดีต สบายอกสบายใจและรู้สึกเป็นอิสระ การให้อภัยนั้น.. ไม่ได้หมายถึง การยอมรับการกระทำของคนอื่น ไม่ได้หมายถึง การมองข้ามความผิดของเขา และไม่ได้หมายความว่าเราต้องอดทนทั้งๆ ที่คิดว่าเขาผิด การให้อภัย หมายถึง การปล่อยวางจากการยึดติดอยู่กับอดีต เลิกโทษว่าเป็นความผิดของใคร และเลือกที่จะมีแต่ความสบายใจ ตอนนี้คุณเกลียดใครอยู่หรือเปล่าครับ
แล้วคิดอยากให้อภัยเขา เพื่อความสุขในชีวิตของคุณเองบ้างไหม การให้อภัยไม่ได้เป็นการทำเพื่อคนอื่น แต่เพื่อตัวคุณเองต่างหาก มาให้อภัยตัวเองกันเถอะ
หลายคนอาจรู้สึกว่า ถึงอย่างไรก็ให้อภัยไม่ได้
ถ้าคุณคิดอย่างนั้น ขออย่าได้โทษตัวเองว่า ฉันนี่แย่มาก แค่ยกโทษให้คนอื่นยังทำไม่ได้เลย หรือ ฉันคงไม่มีความสุขเหมือนคนอื่นเขาหรอก ขอให้เข้าใจว่าจิตใจของคุณบอบช้ำมาก
ขอให้มองตนเองตามความเป็นจริง ตอนนี้คุณอาจจะยังไม่พร้อม แต่ขอให้เริ่มฝึกยอมรับตัวเองให้ได้ก่อน ก่อนอื่นคุณต้องให้อภัยตัวเอง
ในสาขาจิตวิทยา เราเรียกสิ่งนี้ว่า การยอมรับตัวเอง ยอมรับว่า คุณกำลังเจ็บช้ำ แล้วให้อภัยตัวเองที่ให้อภัยคนอื่นไม่ได้ ถ้าคุณยอมรับตัวเองได้ จิตใจก็จะมีที่ว่างพอสำหรับการให้อภัยคนอื่น เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว ขอให้คุณมองหาสิ่งที่เรียกว่า Belief ของตัวเอง Belief คือสิ่งที่คุณเชื่อมั่นโดยไม่มีข้อสงสัย ซึ่งก็หมายถึง ความเชื่อ นั่นเอง ตัวอย่างของ Belief ที่ทำให้เราอภัยให้ผู้อื่นได้ยาก ได้แก่ - การให้อภัยทำให้เราเสียผลประโยชน์ - การที่เราต้องรู้สึกแย่ก็เพราะเขาแท้ๆ เราไม่ผิดร้อยเปอร์เซ็นต์
- การเป็นผู้เสียหายย่อมสบายกว่าการยอมรับว่าเป็นคนผิด
- เขาต้องได้รับโทษอย่างสาสม
- แค้นนี้ต้องชำระ
- เราให้อภัยไม่ได้ เราต้องปกป้องตัวเอง
- และอื่นๆอีกมากมาย
แต่ขอให้ลองคิดดูให้ดีว่า Belief เหล่านี้ทำให้คุณมีความสุขหรือไม่
8 ขั้นตอน สู่.. การให้อภัย ต่อจากนี้ไปผมจะบอก 8 ขั้นตอนสู่การให้อภัย ให้ท่านผู้อ่านได้เห็นภาพชัดเจน
สำหรับท่านที่เลือกการไม่ให้อภัย ขั้นตอนที่ผมกำลังจะพูดถึงนี้ อาจทำให้ชีวิตของคุณเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยทีเดียว [ขั้นตอนที่ 1]
เขียนรายชื่อ คนที่ให้อภัยไม่ได้ ลงในกระดาษ เขียนรายชื่อคนที่คุณคิดว่า ถ้าให้อภัยได้คงสบายขึ้น และคนที่ อยากปรับความเข้าใจด้วย ลงไป โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับพ่อแม่ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก ลองถามตัวเองดูว่า เกลียดพ่อแม่หรือไม่ สำนึกในบุญคุณพ่อแม่หรือเปล่า ถ้าไม่แน่ใจก็ขอให้เขียนชื่อพ่อแม่ของคุณลงไปก่อน สำหรับท่านที่แต่งงานแล้ว ขอให้ทบทวนความสัมพันธ์กับสามีหรือภรรยาด้วยเช่นกัน ส่วนท่านที่หย่าร้างก็ขอให้นึกดูว่าจะปรับความเข้าใจกับอดีตสามีหรือภรรยาได้หรือไม่ วิธีการนี้ยังใช้ได้กับผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว แม้คนที่ให้อภัยไม่ได้ จะจากไปแล้ว ก็ขอให้เขียนชื่อของเขาลงไปด้วย เมื่อได้รายชื่อแล้ว เลือกคนคนหนึ่งที่คุณคิดว่าเหมาะจะลองใช้ 8 ขั้นตอนสู่การให้อภัย ดู
[ขั้นตอนที่ 2]
ระบายความรู้สึกของตัวเอง เตรียมกระดาษไว้หลายๆ แผ่น แล้วเขียนระบายความรู้สึกที่มีต่อคนคนนั้น ทางที่ดีควรเขียนความรู้สึกในใจแทนที่จะเขีนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้ารู้สึกโกรธจะเขียนคำว่า คนบ้า! ทุเรศ! หรือคำอื่นก็ได้ และถ้ารู้สึกเป็นทุกข์หรือเศร้าเสียใจก็ขอให้เขียนลงไปด้วย เขียนระบายความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา กระดาษเหล่านี้ไม่ได้มีไว้ให้คนคนนั้นดู เพราะฉะนั้นเขียนลงไปให้เต็มที่
ถ้าอยากร้องไห้ก็ร้องออกมา ไม่ต้องกลั้นเอาไว้ การร้องไห้จะทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น เมื่อเขียนอย่างหมดไส้หมดพุงแล้ว ขอให้ฉีกกระดาษเป็นชิ้นๆ แล้วทิ้งลงถังขยะไป
[ขั้นตอนที่ 3] จินตนาการ..สาเหตุของการกระทำ 1. เขียนการกระทำของคนคนนั้น ที่ทำให้คุณ ให้อภัยไม่ได้ ลงบนกระดาษ 2. ลองจินตนาการ สาเหตุที่ทำให้เขาต้องทำเช่นนั้น แรงจูงใจที่ทำให้คนทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โดยจำแนกออกเป็นสองสาเหตุใหญ่ คือ อยากมีความสุข และ อยากเลี่ยงความทุกข์ ลองจินตนาการดูว่า เขาอยากได้รับความสุขแบบใด หรือ อยากเลี่ยงความทุข์แบบไหน ถึงได้ทำเช่นนั้น 3. เมื่อเขียนเสร็จแล้ว อย่าได้ตัดสินการกระทำนั้นว่า ไม่ถูกต้อง แต่ขอให้เข้าใจว่า สิ่งนั้น คือ การกระทำที่เกิดขึ้นจาก ความด้อยประสบการณ์ ความไม่รู้ หรือ ความอ่อนแอ เราทุกคนมักทำผิดพลาดอยู่บ่อย ๆ เช่น ทำบางอย่างเพื่อให้มีความสุข แต่กลับกลายเป็นความทุกข์ การกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงความทุกข์กลับกลายเป็นเพิ่มความทุกข์เข้าไปอีก
สิ่งนั้นมีสาเหตุมาจากความด้อยประสบการณ์ ความไม่รู้ และความอ่อนแอนั่นเอง เพราะฉะนั้นขอให้คิดเสียว่า การกระทำของคนที่เราให้อภัยไม่ได้ ก็เกิดจากความด้อยประสบการณ์ ความไม่รู้ และความอ่อนแอเช่นกัน 4. ขอให้พิจารณาการกระทำของคนคนนั้น โดยไม่สนใจว่าถูกหรือผิด แล้วพูดออกมาว่า คุณก็คงอยากมีความสุข คุณก็คงอยากหนีให้พ้นจากความทุกข์เหมือนกันกับฉัน [ขั้นตอนที่ 4]
เขียนสิ่งที่ควรขอบคุณ เขียนสิ่งที่ควรขอบคุณคนคนนั้นออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้จะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็ขอให้เขียนลงไป ลองนึกดูให้ดี แม้อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย เขียนให้มากเข้าไว้ [ขั้นตอนที่ 5]
ขอพลังจากคำพูด 1. ปฏิญญาณว่า
ฉันจะให้อภัยคุณ.. เพื่อความเป็นอิสระ ความสบายใจ และความสุขใจของตัวเอง 2. กล่าวคำขอบคุณซ้ำ ๆ ว่า คุณ (ชื่อ) ขอบคุณนะครับ / ค่ะ ถ้าเป็นไปได้ให้พูดออกเสียง จะพูดเบาๆ แค่ให้ตัวเองได้ยินก็ได้ ในขั้นตอนนี้ไม่จำเป็นต้องรู้สึกขอบคุณจากใจจริง แม้ในจิตใจจะยังรู้สึกไม่ให้อภัย แต่ก็ขอให้เริ่มจากคำพูด (การกระทำภายนอก) ก่อน ใช้เวลาในขั้นตอนนี้ 10 นาทีเป็นอย่างน้อย
ในเวลา 10 นาที เราจะพูดได้ประมาณ 400-500 ครั้ง และหากเป็นไปได้ ขอให้พูดต่อเนื่องนาน 30 นาที เพราะขั้นตอนนี้สำคัญมาก คุณยางุจิแนะนำให้คุณเอโกะโทรศัพท์ไปหาพ่อทันที โดยข้ามขั้นตอนที่ 5 ไป ซึ่งถือเป็นกรณีพิเศษ เพราะคุณยางุจิตัดสินใจโดยดูจากสภาพการณ์ เช่น นิสัยส่วนตัวของคุณเอโกะ แต่โดยทั่วไปแล้ว ผมแนะนำว่าควรทำขั้นตอนที่ 5 ก่อน เพื่อจะได้รู้สึกอยากพูดขอบคุณคนคนนั้นจากความรู้สึกที่แท้จริงแล้วจึงค่อยพูดกับเจ้าตัว
[ขั้นตอนที่ 6] เขียนสิ่งที่อยากขอโทษ เขียนสิ่งที่อยากขอโทษคนคนนั้นให้มากที่สุด
ขั้นตอนที่ 7] เขียนสิ่งที่ได้เรียนรู้ เขียนว่า ได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการรู้จักคนคนนั้น คุณอาจได้เรียนรู้หรือรับรู้สิ่งใหม่ ๆ จากการคิดเรื่องที่ว่า ควรปฏิบัติตัวอย่างไรกับเขา ควรทำตัวอย่างไรจึงจะทำให้ทั้งคุณและเขามีความสุข [ขั้นตอนที่ 8] ประกาศว่า ฉันให้อภัยแล้ว ประกาศว่า ฉันให้อภัยคุณแล้ว และทั้งหมดนี้คือ 8 ขั้นตอนสู่การให้อภัย หากทำครบ 8 ขั้นตอนนี้แล้ว
แต่ยังรู้สึก ให้อภัยไม่ได้ อยู่ก็ไม่เป็นไร สิ่งที่ต้องทำต่อ คือ ปฏิบัตาม ข้อ 2 ในขั้นตอนที่ 5 ให้เป็นกิจวัตร
นึกถึงใบหน้าของคนคนนั้น แล้วพูดซ้ำไปซ้ำมาว่า
คุณ (ชื่อ) ขอบคุณนะครับ / ค่ะ ทำเช่นนี้อย่างน้อยวันละ 5 นาที
แล้ววันหนึ่ง ความเปลี่ยนแปลง จะเกิดขึ้น กับคุณอย่างแน่นอน
Free TextEditor
Create Date : 01 เมษายน 2552 | | |
Last Update : 8 เมษายน 2552 19:47:59 น. |
Counter : 1370 Pageviews. |
| |
|
|
|