ประสบการณ์ขอวีซ่าอเมริกาครั้งแรก
ทีแรกตั้งใจว่าจะบินไปอเมริกาพร้อมกับครอบครัวช่วงสงกรานต์ ปลายเดือนม.ค.ก็เริ่มกระตือรือร้นขอเอกสารต่างๆจากบริษัท ได้เอกสารมากกลางเดือนก.พ. จึงไปซื้อ PIN มาจากไปรษณีย์ 384 บาท เพื่อจองเวลานัดสัมภาษณ์

โอ้วมายก๊อด นี่มันอะไรกัน ก่อนจองต้องใส่ DS160 ที่ต้องกรอกออนไลน์ด้วย เดี๋ยวนี้มันไฮเทคจริง ปีที่แล้วทำให้ป๊ะป๋า ยังกรอกมืออยู่เลย

ว่าแล้วก็เข้าไปกรอกที่ //travel.state.gov/visa/forms/forms_4230.html แต่ทว่าเรื่องไม่ง่ายเช่นนั้นสินะ ต้องมีรูปถ่ายใส่เข้าไปก่อนด้วย จึงจะกรอกได้ โอ้วแม่เจ้า ดิฉันต้องรีบถ่อออกไปถ่ายรูปทำวีซ่า 

ผ่านไปอีก 1 วัน เอาล่ะ สแกนแล้วเริ่มกรอกได้แล้วล่ะนะ พบว่ากว่าจะกรอกเสร็จ เล่นเอาวิ่งไปรวบรวมข้อมูลทั้งบ้าน  ถึงเวลาเข้าไปจองวันที่นัดสัมภาษณ์เสียที "ฮ้าาาาาา นี่มันกลางกุมภานะ เต็มไปจนถึง 11 เม.ย. เลยหรอเนี่ย ความฝันที่จะได้ไปช่วงสงกรานต์ของชั้นล่ะ"

จากนั้นผ่านไป 1 เดือนไวเหมือนโกหก ดิฉันชิลมาก ไม่ได้เตรียมเอกสารอะไรเลย จนกระทั่งคืนวันที่ 10 เม.ย. เตรียมเอกสารดีกว่า เอ๊ะๆ เตรียมอะไรบ้างเหรอ เข้าเนทดูดีกว่า "กรี๊ดดดดดดดดดดดด ขอยากขนาดนี้เลยหรอ ทำไมคนไม่ผ่านเยอะจังเลยอ่ะ ไม่ได้แล้วๆ ต้องเตรียมข้อมูลไปเต็มที่ ตามทุกกระทู้ที่แนะนำมา ว่าแต่ทำไมมันมีอะไรประหลาดๆหลายอันจัง ทั้ง นามบัตร รูปถ่ายครอบครัว การ์ดแต่งงาน กรมธรรม์ประกันชีวิต ใบผ่อนรถผ่อนบ้าน Transcript ที่จบมาหลายปีแล้ว ใบจ่ายค่าบัตรเครดิตเดือนล่าสุด ใบหุ้น ใบสลากออมสิน ฯลฯ"

เตรียมเอกสารมากมายอยู่ ป๊าถามว่าไปจ่ายตังค์มากยัง "หือ จ่ายตังค์ ยังเลยป๊า ไปจ่ายที่สถานทูตได้ป่าว ฮ้า ไม่ได้หรอ ไปรษณีย์จะปิดแล้ว บึ่งไปจ่ายเงินที่ไปรษณีย์" เอาตังค์ไปสามพันห้าคิดว่าจะพอ ไม่ได้ศึกษาอะไรเล้ย เค้าบอกว่า สี่พันสามร้อยแปดสิบบาทนะคะ เอ่อ ขออนุญาตไปกดตังค์แป๊บเดียวนะคะ เดินออกมาสองช่วงตึก เจอธนาคารกสิกรไทย ยามบอกว่า ขอโทษครับ ระบบธนาคารเสีย ไม่สามารถทำอะไรได้เลย โอ้วแม่เจ้า นี่มันวันอะไรของชั้น เดินไปอีกหนึ่งช่วงตึกไปกดตังค์ที่ SCB แล้วก็วิ่งกลับมาสามช่วงตึกจ่ายตังค์เรียบร้อยสบายใจ รีบกลับบ้านไปจัดเอกสารต่อดีกว่า

ทุกอย่างต้องซีร็อกไปให้พร้อม แล้วเอาตัวจริงไปด้วย ด้วยความที่ชอบกดตังค์ทีละสี่ร้อยบาท เอกสารเยอะและหนามาก หนักด้วย แต่ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันใส่ทุกอย่างลงกระเป๋าใบใหญ่พร้อมเดินทางไกลไปสถานทูตแล้ว ฮ้าาาา นี่ตีหนึ่งแล้วหรอเนี่ย พรุ่งนี้ต้องตื่นตีสี่ไปเข้าแถว รีบนอนๆ

ณ สถานทูต เวลา 5.30 น. มีผู้หญิง 1 นาง ยืนตบยุงพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ใส่เอกสารมากมายแถมด้วยข้าวเหนียวหมูปิ้ง ยืนกินไปด้วย เพราะข่าวลือว่านาน และหิว 

7.00 น. สาวเสื้อ Body Glove สีชมพู ก็เดินมาเรียกคนที่จองคิว 7.00 น.ให้ย้ายแถว โดยเรียกหาใบ confirmation page (ซึ่งทีแรกไม่ได้คิดว่าต้องปรินท์ใบนี้มาด้วย แต่ทำมาเผื่อๆ นึกว่าปรินท์ DS160 อย่างเดียวพอ)
7.15 น. เข้าไปฝากโทรศัพท์ กุญแจรถรีโมท เครื่องคิดเลข Thumbdrive ซึ่งไม่รู้จะเอาทำไม
7.20 น. เข้าไปให้ผู้หญิงเสื้อชมพูอีกคนเรียงเอกสารให้ โดยหล่อนใช้เพียงแค่ใบ confirmation ที่ดิฉันไม่เคยคิดว่าจะปรินท์มา ใบจ่ายตังค์กับ พาสปอร์ต และหนังสือรับรองจากบริษัทเท่านั้น ที่เหลือชีบอกว่า "เก็บลงไปในถุงเลยค่ะ" เอิ่ม มันหนักนะ เอามาเพื่อ....
7.25 น. ผู้หญิงเสื้อชมพูให้เขียนที่อยู่ในการจัดส่งไปรษณีย์ใบสีฟ้า แล้วเดินกลับมาให้ชีตรวจ จากนั้นก็ผ่านด่านนี้แล้ว
7.30 น. ไปอีกด่าน เป็นช่องสามช่อง ที่ให้สแกนลายนิ้วมือ กับถามว่า เคยเปลี่ยนชื่อนามสกุลไหม แล้วผ่านด่าน
7.40 น. เข้าไปนั่งรอสัมภาษณ์ ได้คิว 003
8.10 น. เริมสัมภาษณ์คิวที่ 001 สัมภาษณ์แอบนาน นึกว่าเค้าจะไม่ได้ซะแล้ว แต่แล้วก็ผ่าน คนที่สองก็ผ่าน มาถึงเราปุ๊บ ถามแค่สองคำถาม ไปทำอะไร (เที่ยวค่า) กับ อยู่เมืองไทยทำงานอะไร (การตลาดค่า) โอเคครับ คุณเอาใบสีฟ้าไปที่ไปรษณีย์ได้เลย
8.15 น. มาจ่าหน้าซองถึงตัวเอง เอากุญแจรถ โทรศัพท์มือถือ เครื่องคิดเลขและ Thumb Drive คืน แล้วกลับบ้าน

ใช้เวลาในสถานทูตแป๊บเดียว แอบนานตรงหลงทาง หาทางออกไม่ถูก เปิดประตูไรมั่วซั่วมันก็จะร้องหวอๆ ตลอดเวลา จนยามต้องมาช่วย -*-

เจอกันนะจ๊ะ อเมริกา ^ ^)//



Create Date : 11 เมษายน 2555
Last Update : 11 เมษายน 2555 22:07:44 น.
Counter : 2573 Pageviews.

1 comments
  

มาเยี่ยมชม มาทักทาย

ผมก็เคยพาคุณพ่อไปทำวีซ่าที่สถานทูตอเมริกามาเหมือนกันครับ เลยขอเอาลิงค์บล็อกของผมมาแชร์ด้วยนะครับ

พาคุณพ่อไปสัมภาษณ์เพื่อขอวีซ่าที่สถานทูตสหรัฐอเมริกา

อิอิ
โดย: อาคุงกล่อง วันที่: 11 เมษายน 2555 เวลา:22:56:57 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

marukoman
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



All Blog