รีวิวโรงแรมในฝรั่งเศส

หลังไปเที่ยวฝรั่งเศสมาครึ่งเดือน 4-18 มิ.ย.2013 ตระเวนไปเที่ยวเมืองต่างๆที่ละวันสองวัน เลยมารีวิวที่พัก เผื่อว่าจะเป็นข้อมูลประกอบให้เพื่อนๆที่จะไปขับรถเที่ยวเอง

มาที่แรกกันเลย

Hotel l'Elysee Val d'Europe
ห้องนอน  รูปโรงแรมจากฝั่งห้าง

เป็นโรงแรมใกล้ดิสนีย์แลนด์ ราคาจัดว่าค่อนข้างถูกเมื่อเทียบกับโรงแรมย่านนี้ คิดเป็นเงินไทยคืนละประมาณ 80 ยูโรต่อห้อง (นอนได้สามคน แต่จริงๆนอนสองคน) แต่ต้องมาเสีย City Tax ที่โรงแรมอีกคนละ 2 ยูโรด้วยนะคะ ไม่มีอาหารเช้าให้ แต่ห้องค่อนข้างกว้างนอนได้ 3 คน วิธีการมาจากสนามบินค่อนข้างง่าย คือจองรถ Vea Shuttle Bus มาจาก CDG เป็นเงิน 20 ยูโร จากนั้น มาลงที่ดิสนีย์แลนด์ แล้วต่อรถเมล์สาย 50 ฟรี มาลงหน้าโรงแรมเลย (ถ้านอนโรงแรมของดิสนีย์ รถ Vea จะจอดส่งหน้าโรงแรมเลย เดินหรูๆเข้าพัก ไม่ต้องเหงื่อแตกต่อรถ)

ที่สำคัญ โรงแรมอยู่ข้างห้างสรรพสินค้า Val d'Europe มีซุปเปอร์มาร์เก็ต ร้านขายซิมมือถือ ร้านเสื้อผ้า และเครื่องสำอางค์พร้อมสรรพ สะดวกในการเดินช้อปปิ้งยามเย็น แต่ห้างปิดสามทุ่มนะคะ ฝั่งตรงข้ามอีกทางเป็นรถไฟฟ้าเข้าปารีส ง่ายและสะดวกจริงๆ

A room in Paris

ห้องทานข้าว

ห้องพักน่ารักๆ ราคา 150 ยูโรต่อห้อง (นอนได้ 4 คน) เดินทางสะดวก เดินเพียง 5 นาทีจากสถานีรถไฟใหญ่ของปารีส Gare Du Nord เดินตรงออกจากประตูในรูป ข้ามถนนมา 1 แยก จะเจอ Leader Price ข้ามไปฝั่ง Leader Price แล้วเลี้ยวขวาไปสองสามห้องเท่านั้น

ทางขึ้นไปชั้นสอง ลิฟท์เล็กมากขึ้นได้แค่สองคน

สถานี Gare Du Nord

อาหารฝีมือพีท

พีท เจ้าของบ้านไนซ์มากๆ ทำครัวซองค์อร่อยแซ่บกว่าร้านค้าต่างๆอีก อาหารเช้าจะพร้อมเวลา 8.30 น. ถ้าจะออกเช้ากว่านั้น พีทจะซื้อขนมปังมาให้คนละสองสามชิ้นเพื่อเอาใส่กระเป๋าไป แต่รสชาติไม่ได้ครึ่งของครัวซองค์พีทเลย ห้องพักมีอุปกรณ์ต่างๆให้พร้อมสรรพ เสียอย่างเดียว wifi ไม่ค่อยมีสัญญาณ ที่สำคัญที่สุด วันที่ไปซื้อ Louis Vuitton กลับมาบ้านพัก เจอนิโกรจี้ โชคยังดียื้อยุดกันอยู่นาน ยามจึงมาช่วยทัน พีทบอกว่าไม่เคยมีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นมาก่อน เพราะไม่เคยมีใครซื้อ LV ถ้าจะพักที่นี่ แนะนำว่าอย่าซื้อของแบรนด์เนมค่ะ

ไม่ควรมาถึงดึกนะ เพราะแถวนั้นต้องเดินผ่านผับบาร์ แถมพีทจะบ่น เพราะต้องรอบอกรหัสเปิดประตูบ้าน

La Villa Champagne Ployez-Jacquermart

La villa Champagne Ployez-Jacquermart

ที่พักที่ Reims ดินแดนแชมเปญ ห้องพักที่นี่ค่อนข้างแพง คืนละ 120 ยูโร นอนได้สองคน แต่ห้องพักและห้องนั่งเล่นค่อนข้างสวย มีมุมชากาแฟให้ดื่มในช่วงบ่ายและเย็น อาหารเช้ามีให้เลือกหลายอย่าง และเวลา 10.00 น. สามารถให้ทางโรงแรมพาทัวร์ดูวิธีการผลิตไวน์ฟรี พร้อมให้ชิมไวน์ฟรี ซึ่งถ้าไปซื้อทัวร์อื่น ก็ประมาณ 30 ยูโร ที่นี่ดีทุกอย่างเสียอย่างเดียว เตียงมันแข็งไปหน่อย ไม่ค่อยนุ่มสบาย

เจ้าของบ้านย้ำแล้วย้ำอีกว่าห้ามมาสายกว่าหนึ่งทุ่ม เราจึงไปถึงหกโมงสี่สิบ ปรากฎว่าพบป้ายติดไว้หน้าบ้านว่ากรุณาโทรไปที่เบอร์ XXX ซึ่งกะเหรี่ยงบ้านเราไม่มีมือถืออยู่แล้ว ทำอย่างไร ก็ต้องเดินเคาะตามบ้านขอยืมโทรศัพท์เค้ามาโทรน่ะสิ เฮ้อ

Maison d'hotes "Au Fil du Temps"

Au fil du Temps

ที่พักที่ Starbourg แนวคันทรี่ ทำด้วยไม้ นอนห้องใต้หลังคา ราคาคืนละ 125 ยูโรเท่านั้นใหญ่มากมีเตียง 4 หลัง พร้อมอาหารเช้า แต่ติดตรงที่เจ้าของบ้านไม่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เลย คุยกันทีเมื่อยมือกันเลย wifi ที่นี่ จริงๆฟรี แต่เสียพอดีในวันที่เข้าพัก เปนลม

รูปห้องพัก

Hotel Le Faucigny

Hotel le faucigny

ที่พักที่ Chamonix-Mont Blanc ห้องสำหรับ 4 คน ราคา 120 ยูโร แต่ไม่มีอาหารเช้า ถ้าต้องการอาหารเช้า ต้องเพิ่มอีกคนละ 12 ยูโร ซึ่งคณะเราไม่ได้ทาน ออกไปทานข้างนอก ปรากฎว่าเก้าโมงยังไม่มีร้านเปิดเลย มีร้านเดียว เสียไป 12 ยูโร ได้กินแค่ขนมปังทาแยม สู้ทานที่โรงแรมไม่ได้มีทั้งแฮม ขนมปัง ชอคโกแลตร้อน

Villa de Rose

Villa de Rose

ที่พักใกล้เมือง Avignon ชื่อเมืองลูซิยง (Roussillon) ที่พักน่ารักได้โล่ เจ้าของบ้านน่าจะมีความรู้ด้านสถาปนิก มีการจัดแสงสวยงามมาก คืนละ 90 ยูโร นอนได้สองคน ป้าเจ้าของบ้านก็นอนอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน แต่พูดภาษาอังกฤษได้เท่ากับศูนย์ เมื่อยมือกันอีกตามเคย

แต่อาหารเช้าป้าแอบหรูหรา เยอะแยะ หลายสิ่ง ครัวซองค์อร่อยกว่าพีทอีก นับเป็นครัวซองค์ที่อร่อยที่สุดในทริป หลังบ้านมีทั้งสระว่ายน้ำและกุหลาบดอกโตหลายกอ  สมแล้วที่ชื่อ villa de rose

อาหารที่ villa de rose

ทางเข้าโรงแรมค่อนข้างจะชัน และเป็นถนนหินเลนเดียว สวนไม่ได้ ค่อนข้างชันด้วย ขนาดตาม GPS ไปยังหาไม่เจอเลย อยู่นอกถนนเลย

Ecuries Sainte Croix

Ecuries Sainte Croix

ที่พักที่ Carcassonne ราคา 140 ยูโร ได้ทั้งหลัง นอนได้สี่คน เห็นในรีวิวว่า very rural รู้สึกเข็ด เพราะว่าเจอที่พักอันที่แล้วเดินทางยากมากไปแล้ว ปรากฎว่า โอ้ว ที่นี่มายากมากกกก สองกิโลจากถนน แต่เป็นถนนเลนเดียวข้างๆ เป็นท้องร่อง แถมยังมีโค้งหักศอก 270 องศา ขับไม่แข็ง ไม่แนะนำ ที่เหลือ โอเคหมด อาหารเช้าโอเคเลย

ตอนไปถึงมืดแล้วด้วย น่ากลัวมาก ไม่แนะนำให้ไปกลางคืน

ถนนทางเข้า

Ally Guest House

Ally Guest House

ที่สุดท้ายเป็นที่พักที่สเปน บาเซโลน่า ราคา 140 ยูโร อยู่ได้สี่คน เป็นเตียงทวิน 4 เตียง หน้าห้องมีคอมให้เล่น ปรินท์เตอร์ให้ปรินท์ เพราะ wifi ที่นี่ไม่ค่อยดี อาหารเช้าที่นี่เป็นขนมปัง แฮม แยมเหมือนเดิม เพิ่มมาจากที่อื่นคือ ขนมปังปิ้ง

ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าเพียง 1 บล็อกเท่านั้น เดินสบายๆ

จบรีวิวสั้นๆ เกี่ยวกับที่พักสำหรับคนขับรถเที่ยวในฝรั่งเศสเพียงเท่านี้ค่ะ




Create Date : 20 มิถุนายน 2556
Last Update : 20 มิถุนายน 2556 21:26:47 น.
Counter : 4975 Pageviews.

0 comment
ประสบการณ์ขอวีซ่าอเมริกาครั้งแรก
ทีแรกตั้งใจว่าจะบินไปอเมริกาพร้อมกับครอบครัวช่วงสงกรานต์ ปลายเดือนม.ค.ก็เริ่มกระตือรือร้นขอเอกสารต่างๆจากบริษัท ได้เอกสารมากกลางเดือนก.พ. จึงไปซื้อ PIN มาจากไปรษณีย์ 384 บาท เพื่อจองเวลานัดสัมภาษณ์

โอ้วมายก๊อด นี่มันอะไรกัน ก่อนจองต้องใส่ DS160 ที่ต้องกรอกออนไลน์ด้วย เดี๋ยวนี้มันไฮเทคจริง ปีที่แล้วทำให้ป๊ะป๋า ยังกรอกมืออยู่เลย

ว่าแล้วก็เข้าไปกรอกที่ //travel.state.gov/visa/forms/forms_4230.html แต่ทว่าเรื่องไม่ง่ายเช่นนั้นสินะ ต้องมีรูปถ่ายใส่เข้าไปก่อนด้วย จึงจะกรอกได้ โอ้วแม่เจ้า ดิฉันต้องรีบถ่อออกไปถ่ายรูปทำวีซ่า 

ผ่านไปอีก 1 วัน เอาล่ะ สแกนแล้วเริ่มกรอกได้แล้วล่ะนะ พบว่ากว่าจะกรอกเสร็จ เล่นเอาวิ่งไปรวบรวมข้อมูลทั้งบ้าน  ถึงเวลาเข้าไปจองวันที่นัดสัมภาษณ์เสียที "ฮ้าาาาาา นี่มันกลางกุมภานะ เต็มไปจนถึง 11 เม.ย. เลยหรอเนี่ย ความฝันที่จะได้ไปช่วงสงกรานต์ของชั้นล่ะ"

จากนั้นผ่านไป 1 เดือนไวเหมือนโกหก ดิฉันชิลมาก ไม่ได้เตรียมเอกสารอะไรเลย จนกระทั่งคืนวันที่ 10 เม.ย. เตรียมเอกสารดีกว่า เอ๊ะๆ เตรียมอะไรบ้างเหรอ เข้าเนทดูดีกว่า "กรี๊ดดดดดดดดดดดด ขอยากขนาดนี้เลยหรอ ทำไมคนไม่ผ่านเยอะจังเลยอ่ะ ไม่ได้แล้วๆ ต้องเตรียมข้อมูลไปเต็มที่ ตามทุกกระทู้ที่แนะนำมา ว่าแต่ทำไมมันมีอะไรประหลาดๆหลายอันจัง ทั้ง นามบัตร รูปถ่ายครอบครัว การ์ดแต่งงาน กรมธรรม์ประกันชีวิต ใบผ่อนรถผ่อนบ้าน Transcript ที่จบมาหลายปีแล้ว ใบจ่ายค่าบัตรเครดิตเดือนล่าสุด ใบหุ้น ใบสลากออมสิน ฯลฯ"

เตรียมเอกสารมากมายอยู่ ป๊าถามว่าไปจ่ายตังค์มากยัง "หือ จ่ายตังค์ ยังเลยป๊า ไปจ่ายที่สถานทูตได้ป่าว ฮ้า ไม่ได้หรอ ไปรษณีย์จะปิดแล้ว บึ่งไปจ่ายเงินที่ไปรษณีย์" เอาตังค์ไปสามพันห้าคิดว่าจะพอ ไม่ได้ศึกษาอะไรเล้ย เค้าบอกว่า สี่พันสามร้อยแปดสิบบาทนะคะ เอ่อ ขออนุญาตไปกดตังค์แป๊บเดียวนะคะ เดินออกมาสองช่วงตึก เจอธนาคารกสิกรไทย ยามบอกว่า ขอโทษครับ ระบบธนาคารเสีย ไม่สามารถทำอะไรได้เลย โอ้วแม่เจ้า นี่มันวันอะไรของชั้น เดินไปอีกหนึ่งช่วงตึกไปกดตังค์ที่ SCB แล้วก็วิ่งกลับมาสามช่วงตึกจ่ายตังค์เรียบร้อยสบายใจ รีบกลับบ้านไปจัดเอกสารต่อดีกว่า

ทุกอย่างต้องซีร็อกไปให้พร้อม แล้วเอาตัวจริงไปด้วย ด้วยความที่ชอบกดตังค์ทีละสี่ร้อยบาท เอกสารเยอะและหนามาก หนักด้วย แต่ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันใส่ทุกอย่างลงกระเป๋าใบใหญ่พร้อมเดินทางไกลไปสถานทูตแล้ว ฮ้าาาา นี่ตีหนึ่งแล้วหรอเนี่ย พรุ่งนี้ต้องตื่นตีสี่ไปเข้าแถว รีบนอนๆ

ณ สถานทูต เวลา 5.30 น. มีผู้หญิง 1 นาง ยืนตบยุงพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ใส่เอกสารมากมายแถมด้วยข้าวเหนียวหมูปิ้ง ยืนกินไปด้วย เพราะข่าวลือว่านาน และหิว 

7.00 น. สาวเสื้อ Body Glove สีชมพู ก็เดินมาเรียกคนที่จองคิว 7.00 น.ให้ย้ายแถว โดยเรียกหาใบ confirmation page (ซึ่งทีแรกไม่ได้คิดว่าต้องปรินท์ใบนี้มาด้วย แต่ทำมาเผื่อๆ นึกว่าปรินท์ DS160 อย่างเดียวพอ)
7.15 น. เข้าไปฝากโทรศัพท์ กุญแจรถรีโมท เครื่องคิดเลข Thumbdrive ซึ่งไม่รู้จะเอาทำไม
7.20 น. เข้าไปให้ผู้หญิงเสื้อชมพูอีกคนเรียงเอกสารให้ โดยหล่อนใช้เพียงแค่ใบ confirmation ที่ดิฉันไม่เคยคิดว่าจะปรินท์มา ใบจ่ายตังค์กับ พาสปอร์ต และหนังสือรับรองจากบริษัทเท่านั้น ที่เหลือชีบอกว่า "เก็บลงไปในถุงเลยค่ะ" เอิ่ม มันหนักนะ เอามาเพื่อ....
7.25 น. ผู้หญิงเสื้อชมพูให้เขียนที่อยู่ในการจัดส่งไปรษณีย์ใบสีฟ้า แล้วเดินกลับมาให้ชีตรวจ จากนั้นก็ผ่านด่านนี้แล้ว
7.30 น. ไปอีกด่าน เป็นช่องสามช่อง ที่ให้สแกนลายนิ้วมือ กับถามว่า เคยเปลี่ยนชื่อนามสกุลไหม แล้วผ่านด่าน
7.40 น. เข้าไปนั่งรอสัมภาษณ์ ได้คิว 003
8.10 น. เริมสัมภาษณ์คิวที่ 001 สัมภาษณ์แอบนาน นึกว่าเค้าจะไม่ได้ซะแล้ว แต่แล้วก็ผ่าน คนที่สองก็ผ่าน มาถึงเราปุ๊บ ถามแค่สองคำถาม ไปทำอะไร (เที่ยวค่า) กับ อยู่เมืองไทยทำงานอะไร (การตลาดค่า) โอเคครับ คุณเอาใบสีฟ้าไปที่ไปรษณีย์ได้เลย
8.15 น. มาจ่าหน้าซองถึงตัวเอง เอากุญแจรถ โทรศัพท์มือถือ เครื่องคิดเลขและ Thumb Drive คืน แล้วกลับบ้าน

ใช้เวลาในสถานทูตแป๊บเดียว แอบนานตรงหลงทาง หาทางออกไม่ถูก เปิดประตูไรมั่วซั่วมันก็จะร้องหวอๆ ตลอดเวลา จนยามต้องมาช่วย -*-

เจอกันนะจ๊ะ อเมริกา ^ ^)//



Create Date : 11 เมษายน 2555
Last Update : 11 เมษายน 2555 22:07:44 น.
Counter : 2571 Pageviews.

1 comment
Sydney Day 4 : วันสุดท้าย กลับบ้านแล้ว
Sydney อากาศดี๊ ดี น่านอน
ตื่นมา 8.30 น. แล้ว อาบน้ำ เสร็จ ก็นอนต่อถึงเก้าโมง

กินมาม่า (อีกแล้ว เฮ้อ) แล้ว check out ออกมาตอนสิบโมงกว่า (เพราะที่นี่บังคับเช็คเอาท์สิบครึ่ง)

เดินออกจากโรงแรมไป Hay Market ซื้อของฝากที่ร้านเชอร์รี่ (พี่เค้าเคลมว่าเป็นร้านคนไทยร้านเดียวในไชน่า ทาวน์ ดีจัง แนะนำสินค้าให้ละเอียดเชียว เลยเหมาครีมรกแกะมา 6 กระปุก กับครีมนกอีมูอีก 6 กระปุก) 60AUD

จากนั้น ไปนั่งเล่นเน็ทฟรีที่ Mcdonald แล้วกลับโรงแรมก็เกือบเที่ยงละ นั่งรอ Airport Connect มารับ (ฝากลอบบี้โทรนัดเมื่อวานนี้)

รถมาตรงเวลาเชียะ คนอื่นนั่งเต็มรถละ เราเป็นคนสุดท้าย นั่งไปสิบนาทีถึงแอร์พอร์ตแระ เร็วมาก

รถเท๊ เท่มีที่ใส่กระเป๋าเป็นรถพ่วงอยู่ด้านหลัง


ถึงสนามบินเที่ยงครึ่ง เค้าให้เช็คอินได้บ่ายยครึ่ง เลยเดินไปกิน คริสปี้ ครีมก่อน เห็นกทม. เค้าฮิตกัน ซึ่งจริงๆ เป็นคนไม่ได้ชอบกิน เพราะกินที่ฮ่องกงบ่อย แถมที่นี่ ราคาชิ้นละ 2.7 AUD แพงมาก อันละร้อยแน่ะ (แล้วกินมะ ก็กิน แถมซื้อฝากป๊ากะแม่อีก กินไป 17.4AUD)

ขึ้นเครื่องกลับละ ลาแล้วซิดนีย์

ค่าใช้จ่ายวันสุดท้าย
ครีมอีมู 60AUD
Krispy Creme 17.4AUD
กินอาหารญี่ปุ่นที่สนามบิน 32AUD
รวมใช้เงิน 49.4AUD (ไม่รวมช้อปปิ้ง)

สรุปค่าใช้จ่ายทริปนี้

ค่าวีซ่า 3800 บาท
ตั๋วเครื่องบิน 9700 บาท
โรงแรม 6000 บาท (จริงๆ 12,000 บาท แต่หารกันสองคน)
ค่ากิน+เดินทาง+ค่าตั๋วเข้าสถานที่ต่างๆ
วันแรก 1680 บาท
วันที่สอง 2500 บาท
วันที่สาม 3000 บาท
วันสุดท้าย 1500 บาท

รวมทั้งทริป 28,180 บาท




Create Date : 04 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 4 พฤศจิกายน 2553 22:01:36 น.
Counter : 847 Pageviews.

8 comment
Sydney Day 3 : Aquarium, WildLife, QVB, Sydney Tower
หลังจากเมื่อคืนหลับง่อกไปตอนสองทุ่ม
แต่ไม่น่าเชื่อ กรี๊ดดดดดดด ตื่นมาอีกที 9.30 น.แล้ว
รีบอาบน้ำ กินมาม่า (อีกแล้ว)
และพุ่งออกจากโรงแรมทันที

เดินไปจะถึง Museum Station ละ "เอ๊ะ หนาววุ้ย ฝนก็ตกปรอยๆ กลับโรงแรมเพิ่มเสื้อหนาวดีกว่า กันเหนียว"

ออกมาอีกที
เดินไป Central Station จะขึ้นรถไฟไปสถานี Townhall (ซึ่งต้องเดินต่อไปอีก 10 นาทีถึงจะถึง Aquarium) ปรากฎว่า หา 4AUD เลยหรอ ไม่เอาดีกว่า แพง เดินไปดีกว่า อากาศก็เย็นๆดี

เดินมาถึง Town Hall ก็ไปกินไอติม 2.9AUD (ทีค่ารถ แกงกนะ ทีกินไอติมล่ะไม่เคยบ่น )

เดินมาถึง QVB ห้างไฮโซวววว เดินเล่นถ่ายรูปเสียหน่อย



เดินไปอีกแป๊บ ก็ไม่ไหวแล้ว ไม่ไหวแล้ว เมื่อยๆๆๆๆๆ ซื้อตั๋ว Monorail DayPass 9.5AUD (คือ ก็งกอีกแหละ เพราะว่า 1 เที่ยวมัน 4.9AUD เข้าไปละ)

Monorail มีสองแบบ
1. Sydney Monorail สายสีแดง ถ้า Day Pass 9.5AUD
2. Metro Light Rail สีน้ำเงิน Day Pass 9.00AUD

ถ้าทั้งสองอัน Day Pass 15.00 แต่ดูสถานีแล้ว เราใช้สายสีแดงเท่านั้น (จริงๆ ซื้อนั่งชมเมืองก็คุ้มแล้วค่ะ)

วิธีการใช้ก็แสนไฮเทค คือ ยกโชว์ Day Pass ให้นายสถานีดู แล้วเดินเข้าไปเลยตรงช่องคนพิการ ไม่มีบัตรแถบแม่เหล็กเหมือนตั๋วปกติ



สายสีแดงที่เราขึ้นมีแค่ 7 สถานี วิ่งวนทั้งวันเหมือนรถเมล์บ้านเรา (Paddy Market -> World Square -> Galeries Victoria -> City Center -> Darling Park -> Convention )

ซื้อรองเท้าแตะด้วย ใ่ส่บูธเดิน แล้วมันเปียก 10AUD

เราขึ้นที่สถานี Galeries Victoria ลงที่ Darling Park เดิน 1 นาทีเท่านั้น (ออกมาต้องเลี้ยวขวานะ ถ้าเลี้ยวซ้ายก็เดินอีก 10 นาที เตือนไว้เพราะโง่เดินมาแล้ว ) มาถึง Wildlife โห แถวยาวมากเลย เดินไปซื้อที่ Aquarium ซิ แถวยาวกว่าเดิม กลับมาต่อแถวที่ Wildlife ก็หาตั๋วที่ในไกด์บุ๊คบอกไว้ว่า มีตั๋วเข้าสองแห่งในราคา 35.8AUD แต่เอ๊ะ ทำไมไม่มี มีแต่ที่ละ 35AUD

เอาวะ งั้นซื้อ Explorer 4 แล้วกัน คุ้มกว่า 49.99AUD (เข้าได้ 4 ที่ Aquarium, Wildlife, Sydney Tower, Ocean world Manly)

เสียดาย ไม่ได้ไป Ocean World Manly เพราะพรุ่งนี้ก็จะต้องกลับแล้ว

ก่อนเข้าก็กินไอติมอีกแท่ง 3.5AUD (ยืนยันความอร่อยชิมิล่ะ )

ออกมาจาก WildLife ก็กินข้าวที่ Lizard Cafe เลย
ค่าเสียหาย 14AUD



แล้วเข้า Sydney Aquarium ต่อกันเลยยยยยยยยยย



ออกมาก็นั่งรถไฟฟ้าไปอีก 1 สถานี ไปช้อปปิ้งที่ Harbourside
ซื้อครีมกันแดด แกลลอนยักษ์ 1ลิตร ราคาเพียง 12.99AUD
ซื้อน้ำมันตับปลา 300 เม็ดเพียง 10AUD
กินน้ำอัดลม Lift อีกแล้ว 3.5AUD ( ชั้นนี่ ชอบทำอะไรซ้ำซากนะ )

นั่งรถไฟฟ้ามาลงที่สถานี City Centre ไปห้าง David Jones (ใช้คุ้มมะ นั่งถี่ซะขนาดนี้)
ซื้อ Bloom ถูกมากๆๆๆๆๆ ซื้อไป 84AUD

จากสถานีนี้ เดินไปถึง Sydney Tower เลย เจอทัวร์จีน คนตรวจตั๋วเค้าใจดีมาก บอกว่า วันนี้คนเยอะ เก็บตั๋วไว้นะ พรุ่งนี้จะได้มาใหม่ แต่หนูอยากบอกป้ามากเลยค่ะว่าปุ้งเน้หนูกลับบ้านแล้ว คงมาไม่ได้

ขึ้นไปบน Sydney Tower ตอนหกโมง ฟ้ายังไม่มืด นั่งรอจนฟ้ามืด จะได้เห็นสองแบบ ออกมาอีกทีสองทุ่มละ นั่งรถไฟฟ้าไปลง Paddy Market หาข้าวกินแถว China Town หนีไม่พ้นอาหารญี่ปุ่นอีกตามเคย
ค่าข้าว 7.3AUD

เดินไปไทยทาวน์ (คิดเอง เพราะมีร้านค้าคนไทยติดกันเปนสิบๆร้าน)
ซื้อมาม่า 2AUD
น้ำ A&W + Lift 3.5AUD ร้านคนไทยขายถู้ก ถูก

ใกล้ถึงโรงแรม กลัวไม่อิ่ม เลยซื้อมาม่าเพิ่มอีก 2
มาม่า 3.9AUD

จากนั้นเดินถึงโรงแรมก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว
แพ็คของ พรุ่งนี้เตรียมกลับบ้านเฮา



Create Date : 01 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2553 22:41:27 น.
Counter : 1067 Pageviews.

3 comment
Sydney Day 2 : Blue Mountain
ตื่นมา 6 โมงเช้า (ที่บอกว่าตื่นเนี่ย ก็แค่ลืมตาครั้งแรกนะ ไม่นับโอ้เอ้ กลิ้งไปมา สำออยอีกเล็กน้อย)

อ่านในคู่มือบอกว่า จะมีรถไฟไป Blue Mountain ออกตอน 7.18 นาที แต่ทว่า ชิลๆ อาบน้ำ สระผม กินมาม่าเสร็จ ก็ 7.20 น. เข้าไปแล้ว ในคู่มือบอกว่ารอบต่อไป 8.25 น. ก็ค่อยๆเดินจากโรงแรมไป Central Station ถึงประมาณ 7.40 น.

ไปถึงก็เจอกับป้ายนี้


โอ้ว รถไฟไป Katoomba (ซึ่งเป็นสถานีของ Blue Moutain ) ปิดซ่อมแซม เอาล่ะสิ ร้อยวันพันปี ชั้นจะต้องมาวันที่ปิดเนี่ยนะ หรือว่าเปลี่ยนใจไปวันพรุ่งนี้ดีฟระ อ้าว ซ๋อมสองวัน เสาร์อาทิตย์ ขอบคุณค่ะ

อ่ะ มาถึงนี่แล้วก็ต้องไปละ ซื้อตั๋วไป Katoomba 10 AUD นั่งไปลงที่ Blacktown แล้วต่อด้วยรถบัส โอ๊ะๆ แค่ 15 สถานีเอง ชิลลๆ ปรากฎว่าใช้เวลาประมาณครึ่งชม. มาถึง Blacktown แล้วก็หน้ามึนๆ ถามเค้าว่าต้องนั่งคันไหน เพราะมีหลาย station เหลือเกิน ก็กระโดดขึ้นรถ เบ็ดเสร็จใช้เวลา 2.5 ชม. ไปถึง Katoomba ตอน 10.30 น.

เอาล่ะ เข้าแผนเดิมซะที วิ่งไปซื้อ Trolley Tour ก่อนที่ 20 AUD พร้อมกับแปลกใจว่าทำไมนักท่องเที่ยวถึงเลือกซื้อ Blue Mountain Explorer Bus มากกว่าทั้งๆที่แพงว่าตั้งเยอะ (ประมาณเท่านึง)
Trolley

Explorer Bus


สำหรับ Trolley Tour จะมี 2 สาย
No.1 Discovery Trolley Tour จอดทั้งหมด 29 จุด มาทุกๆ 1 ชม. (เส้นสีฟ้า)
No.2 Express Trolley Shuttle จอดทั้งหมด 7 จุด มาทุกๆ 30 นาที (เส้นสีแดง)


สำหรับคนมีเวลาน้อยอย่างเรา คงได้แค่ Express ลงแค่ 2 จุดไฮไลท์พอ
จุดที่ 19 Echo Point ไปถ่ายรูปกับ Three Sisters
จุดที่ 24 Scenic World มาถึงนี่แล้ว ต้องนั่งรถไฟที่ชันที่สุดในโลกเจะ

กระโดดขึ้นรถตอน 11.15 น. ไป Scenic World ก่อนเลยเพราะเป็นสุดทาง แล้วค่อยย้อนเที่ยวขึ้นมา



ไปถึงก็เวียนหัวมาก หิวมาก กินไอติมก่อนเลย (อีกแระ) 3.5 AUD
แล้วก็กินแซนด์วิช กับน้ำ Lift (เหมือนชเวปบ้านเรา แต่อร่อยกว่า) 10AUD

จากนั้นไปซื้อตั๋วไปชมหุบเขากันดีกว่า การเดินทางมี 3 อย่างให้เลือก
1. Scenic Skyway กระเช้าลอยฟ้าพื้นกระจก
2. Scenic Railway รถไฟนั่งลงหุบเขา ชันที่สุดในโลก 52 องศา (เราก็คิดในใจว่า ดอยสุเทพบ้านเราชันกว่ารึปาวนะ)
3. Scenic Cableway เป็นเคเบิลคาร์ขึ้นได้ทีละหลายสิบคน

ส่วนตั๋วมีให้เลือก 3 ราคา
1. Scenic Pass 28AUD นั่งได้ 3 อย่าง
2. Valley Return 21AUD
3. Skyway Return 16AUD

ระดับคนแบบนั้นต้องนั่งประหยัดอยู่แล้ว 555 เลือกข้อ 2 เป็นคำตอบที่ถูกต้อง คือนั่งรถไฟที่ชันที่สุดลงไป แล้วนั่งเคเบิลคาร์ขึ้นมา (แล้วมาเสียใจว่าทำไมไม่เพิ่มอีก 7AUD ฟระ จะได้นั่งให้มันครบๆ)

แล้วก็กลับมาถ่ายรูปที่ Echo Point



จากนั้นก็กลับละ เวลาน้อยก็เงี้ยะ
กลับมาถึง Central ต่อสี่โมงครึ่ง คิดได้เลยนั่งไป Tourism Information ที่ Circular Quay เลยดีกว่า (แต่ตอนซื้อตั๋วไปกลับ ซื้อกลับมา Central ไว้นี่หน่าแล้วทำไงดีเนี่ย) ไปถึงสถานี ก็ทำหน้ากระเหรี่ยงไปถามนายสถานีว่า จะต้องจ่ายเงินเพิ่มไงคะ นายสถานีทำหน้าหงุดหงิดแล้วเดินเปิดช่องคนท้องให้เดินออกมา (ว้าว กำไร 3 สถานี )

วันนี้เป็นวันเสาร์ก็เดินตลาดนัด The Rock กิน ฟองดู อร่อยมากกกก 1AUD เอง จะไปซื้อ See Sydney ที่ในไกด์บุ๊คแนะนำ แต่ไกด์บุ๊คเก่าแล้ว มันไม่มี one day แล้ว จะมาซื้อ Two Day ตอนนี้ก็ไม่คุ้ม เลยไม่ซื้อ

เดินไปหาหอดูดาว Sydney Observatory หาไม่เจอ เมื่อยมาก หลงไปๆมาๆ ก็เดินมาถึง Chinatown (ซึ่งถ้าดูจากแผนที่ คือ มันไกลจาก Circular Quay มาก ชั้นเดินหลงมาได้ไงขนาดนี้ ) กินข้าวๆ
อาหารญี่ปุ่นอีกแล้ว 9.9AUD
กินไอติมอีกแล้ว + ซื้อมาม่าตุนไว้คืนนี้ 7.2AUD

ผ่าน ChinaTown แวะซื้อของฝากแม่เสียหน่อย เดินเข้าไปบอกเค้าว่าจะซื้อ Lanopearl เห็นพันทิพเค้าว่าดีกัน คนขายบอกว่าไม่มี มีแต่ Lanocreme ชั้นก็คิดว่า อ้าว สงสัยจำผิด ลาโนครีม ก็ ลาโนครีม 100AUD แน่ะค่า (แถมมารู้ทีหลังว่าตัวเองจำลาโนเพิร์ลน่ะ ถูกแล้ว สรุป ตูซื้อผิด ) ซื้อถั่วแมคคาดาเมียมาฝากป๊าอีก 10AUD ได้ข่าวว่าอร่อย (แต่ชิมแล้วก็งั้นๆ)

โอยๆ ขาลากแล้ว กลับห้องตั้งหลักก่อน แช่น้ำร้อนขาเสียหน่อย
.
..
...
....
แว้กกกกกกกกกก ตื่นมาอีกทีสองทุ่มแล้ว
เอาล่ะ งั้นนอนเลยแล้วกัน เจอกันพรุ่งนี้เช้า

ค่าใช้จ่าย
ตั๋วไปคาทูมบา 10AUD
Trolley Tours 20AUD
Valley Return 21AUD
ค่าแซนดิ์วิช ไอติม น้ำ 13.5AUD
ฟองดู 1AUD
อาหารญี่ปุ่น 9.9AUD
ไอติม+มาม่า 7.2AUD
ของฝาก 110AUD
------------------------
รวม 192.6AUD ( ถ้าไม่รวมของฝากก็ 82.6AUD)

วันแรก 56.1AUD (ประมาณ 1700บาท)
วันที่สอง 82.6AUD (ประมาณ 2500บาท)
รวมสองวัน 138.7 AUD (ประมาณ 4200 บาท)



Create Date : 31 ตุลาคม 2553
Last Update : 31 ตุลาคม 2553 22:12:35 น.
Counter : 3866 Pageviews.

1 comment
1  2  3  4  5  

marukoman
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



All Blog