Group Blog
 
All Blogs
 

10 วิธีสวยใน 1 นาทีที่คุณควรลอง

ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงทุกคนอยากที่จะรู้สึกสวยอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ผู้หญิงส่วนใหญ่กลับไม่ค่อยมีเวลาให้กับความสวยของตัวเองมากพอนักในแต่ละวัน จนสุดท้ายก็ละเลยการปรนนิบัติผิวและเรือนร่างบางอย่างไปอย่างน่าเสียดาย

วันนี้กระปุกดอทคอมก็เลยสรรหาวิธีสวยง่าย ๆ ภายใน 1 นาที มาฝากกัน เพื่อให้สาว ๆ ที่มีเวลาบำรุงและดูแลตัวเองในแต่ละวันไม่มากนัก จะได้สามารถดูแลตัวเองได้ง่าย ๆ ด้วยเวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้นค่ะ แต่จะทำได้อย่างไรบ้างนั้น ไปดูกันเลย

1. ล้างหน้าให้สะอาดหมดจด การล้างหน้าแม้ว่าจะใช้เวลาเพียงน้อยนิด แต่สาว ๆ คงรู้ดีว่ามันสำคัญกับผิวหน้าคุณมากมายแค่ไหน ดังนั้น เราจึงไม่ควรละเลยการล้างหน้าให้สะอาดหมดจดภายในเวลา 1 นาที ด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่เหมาะสมกับผิวแต่ละประเภท

2. ขัดผิวง่าย ๆ แต่เผยผิวใสไปตลอดวัน ด้วยการขัดหน้าเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยใช้สครับนวดเบา ๆ ในตอนเช้า แต่การขัดผิวแบบนี้ แม้จะเป็นการขัดผิวแบบเบา ๆ ก็ไม่ควรทำทุกวันนะคะ วันเว้นวันก็มากพอแล้วค่ะ

3. ผมเงางามภายใน 1 นาที ด้วยการหมักผมด้วยคอนดิชันเนอร์สูตรบำรุงล้ำลึกหลังสระผม จากนั้นล้างออกให้สะอาด ทำแบบนี้บ่อย ๆ ผมคุณก็จะมีประกายเงางามได้อย่างไม่น่าเชื่อ

4. ทามอยซ์เจอไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เพียงวันละ 1 นาทีเท่านั้น คุณสามารถทามอยซ์เจอไรเซอร์ให้ทั่วใบหน้าได้ ก่อนที่จะแต่งหน้าทุกครั้ง ขั้นตอนนี้ไม่ควรลืมเลยล่ะค่ะ โดยเฉพาะสาว ๆ ที่ไม่ค่อยมีเวลามาส์กหน้าเท่าไรนัก

5. รองพื้นสำหรับผิวกาย ช่วยสนับสนุนความกระจ่างใสของผิวหน้าที่คุณแต่งแต้มเสร็จแล้ว โดยมันจะทำให้ผิวของคุณดูสว่างใสไปทั่วเรือนร่าง ไม่ใช่แค่เพียงบริเวณใบหน้าเท่านั้น ที่สำคัญมันเป็นสิ่งที่ปฎิบัติได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ลูบไล้รองพื้นไปตามเรือนร่างนอกร่มผ้า รับรองใช้เวลาไม่เกิน 1 นาทีค่ะ

6. ทำเล็บเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ต้องเข้าร้านทำเล็บให้เสียเวลามาก แต่คุณสามารถทำความสะอาดและตัดเล็มเล็บให้ดูเรียบร้อยได้ ไม่ว่าจะหลังทานข้าวหรือนั่งรออะไรเพลิน ๆ ก็ตาม เป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่แสดงออกถึงการดูแลตัวเองได้ไม่น้อยเลยล่ะ

7. บอกลาตาแพนด้า ด้วยช้อนแช่น้ำเย็น สำหรับสาว ๆ ที่ประสบปัญหาขอบตาคล้ำ เพียงแค่ใช้ช้อนแช่น้ำเย็นมาแปะบริเวณใต้ตาวันละ 1 นาที ทุก ๆ วัน ก็จะช่วยแก้ปัญหาตาแพนด้าได้ หากทำอย่างต่อเนื่องค่ะ

8. แต้มน้ำหอมเล็ก ๆ บริเวณหู หรือชีพจรที่ข้อมือ เพื่อความมั่นใจเวลาที่ย่างกรายไปที่ไหน ๆ คุณก็จะฝากกลิ่นหอมอ่อน ๆ ไว้ทุกครั้ง

9. กระชับใบหน้าง่าย ๆ ใน 1 นาที ด้วยการนวดเบา ๆ บริเวณโหนกแก้ม และใต้ตาอย่างต่อเนื่อง เพียงวันละ 1 นาที จะช่วยให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น และกระชับใบหน้าได้ด้วย

10. เปิดดวงตากลมสวยด้วยมาสคารา ไม่ต้องละเมียดละไมสำหรับขั้นตอนนี้มากมาย คุณก็สามารถสวยอย่างเป็นธรรมชาติได้ เพราะการปัดมาสคาราอย่างรวดเร็ว เพียงข้างละ 5-6 ครั้ง จะทำให้มาสคาราที่ปัดออกมานั้นมีเส้นเล็ก และเป็นธรรมชาติ ไม่ติดกันเป็นขาแมลงวันอย่างที่สาว ๆ หลาย ๆ คนมักจะทำกัน

เพียงเท่านี้ สาว ๆ ก็สามารถดูแลตัวเองง่าย ๆ ภายใน 1 นาทีในแต่ละวันแล้วล่ะค่ะ เอ้า คราวนี้ก็ลองเลือกดูกันว่า คุณยังขาดการปรนนิบัติและดูแลตัวเองในเรื่องใดบ้าง

ที่มา kapook.com




 

Create Date : 31 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 31 พฤษภาคม 2554 14:01:19 น.
Counter : 378 Pageviews.  

บริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในโลก

จากการสำรวจ 100 บริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในโลก ของนิตยสารฟอร์จูน ซึ่งร่วมมือกับสถาบันจัดอันดับสถานที่ทำงาน (Great Place to Work Institute) แห่งสหรัฐอเมริกา ด้วยการส่งแบบสอบถามไปยังกลุ่มตัวอย่างของพนักงานในแต่ละบริษัท

ที่จะสอบถามเรื่องทัศนคติต่อความน่าเชื่อถือของการบริหารจัดการ ความพึงพอใจในงาน และความสัมพันธ์อันดี ที่มีต่อบริษัท ในแบบสอบถามเหล่านั้นยังมีคำถามเกี่ยวกับโครงสร้างการให้ค่าตอบแทน สิทธิประโยชน์ รวมถึงคำถามเกี่ยวกับการว่าจ้าง การสื่อสารภายในองค์กร การฝึกอบรมในโครงการให้การยกย่องพนักงาน

ปรากฏว่าจำนวนแบบสอบถามที่ส่งกลับมากว่า 311 แห่ง และ 2 ใน 3 ของคะแนนที่ได้มาจากผลการสำรวจดัชนีความน่าเชื่อถือของสถาบันจัดอันดับสถานที่ทำงานระบุว่า บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ จำกัด ของสหรัฐอเมริกาที่มีสาขาอยู่ในประเทศไทยคือบริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กลับถูกจัดอันดับให้เป็นที่ 1 จาก 100 บริษัทที่น่าทำงานที่สุดในโลก ประจำปี 2554

โดยปี 2553 บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ จำกัด เคยถูกจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในโลกมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งทั้ง 2 ปีต่างถูกจัดอันดับให้อยู่ 1 ใน 10 จาก 100 บริษัท ส่วนการจัดอันดับ 10 บริษัทแรกที่น่าทำงานมากที่สุดในโลกปีนี้ คือ SAS, Boston Consulting Group, Wegmans Food Markets, Google, NetApp, Zappos.com, Camden Property Trust, Nugget Market, REI และ Dreamworks

นิตยสารฟอร์จูนระบุว่า เหตุที่บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ จำกัด ถูกจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในโลกเพราะบริษัทให้ความสนใจเรื่องการ ให้บริการสุขภาพ, การดูแลบุตรของ พนักงาน และการสร้างความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน

ผลเช่นนี้ จึงทำให้ "ดร.จิม กูดไนท์" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ จำกัด ออกมากล่าวว่า วัฒนธรรมของแซสแสดงให้เห็นถึงสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีชีวิตชีวา โดย ทุกคนจะรู้สึกท้าทาย และสามารถก้าวหน้าได้ในสายวิชาชีพ ทั้งยังสามารถรักษาสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน

นอกจากนั้น "เจนน์ แมนน์" รองประธานฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ จำกัด ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า เราได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้งแล้วว่า การสร้างวัฒนธรรมของพนักงานที่มีความสุข และมีสุขภาพแข็งแรง จะผลักดันให้เกิดความสามารถในการผลิต ทำให้บริษัทสามารถสรรค์สร้างนวัตกรรม และให้บริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

อีกอย่างเราเชื่อว่าพนักงานที่มี ความสุข และสุขภาพดี จะเป็นกุญแจสำคัญในการผลักดันนวัตกรรมที่จะทำให้บริษัทเป็นผู้นำในกลุ่มผู้ค้าของตลาดการวิเคราะห์เชิงธุรกิจได้ ด้วยการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ภายในสถานที่ทำงาน เช่น การสร้างศูนย์ออกกำลังกายขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว่า 66,000 ตารางฟุต และอื่น ๆ

จึงทำให้บริษัทมีอัตราการลาออกของพนักงานอยู่ในระดับต่ำสุดในแวดวงอุตสาหกรรม โดยคิดเป็น 2.6% ขณะที่บริษัทอื่นจะอยู่ที่ 22% จนทำให้บริษัทเราไม่ค่อยเปิดรับพนักงานเพิ่ม ขณะเดียวกันยังทำให้บริษัทเกิดการขยายตัว ทั้งในด้านรายได้และผลกำไรอย่างเห็นได้ชัด นอกจากมุมมองของผู้บริหารต่างประเทศแล้ว "ทวีศักด์ แสงทอง" กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของประเทศไทย เรามุ่งเน้นด้านความสุขในการทำงานของพนักงานเช่นเดียวกัน

เพราะว่าเป็นนโยบายของแซสทั่วโลกว่า ถ้าพนักงานมีความสุขในการทำงาน และมีสวัสดิการที่ดีแล้ว คุณภาพและความใส่ใจต่อการบริการลูกค้าจะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ โดยหนึ่งในสวัสดิการของพนักงานที่ผ่านมา เราได้ให้พนักงานใช้บริการสถานที่ออกกำลังกาย และสปาฟรีตามความต้องการ

ทั้งยังมีแผนพัฒนารายบุคคลให้แก่พนักงานตามความสนใจของแต่ละบุคคล และหมั่นสอบถามความต้องการของพนักงานแต่ละคนว่าต้องการสวัสดิการอะไรเพิ่มเติม เพื่อให้ตรงกับความต้องการของพนักงาน และเราเองก็มีความมุ่งมั่นที่อยากจะติดอันดับบริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในประเทศไทย เช่นกัน

ที่มา teenee.com




 

Create Date : 19 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 19 พฤษภาคม 2554 10:09:36 น.
Counter : 181 Pageviews.  

ภัยแอนดรอยด์พุ่งกระฉูด400%

ผู้บริหารกูเกิลยอมรับ ปริมาณมัลแวร์หรือซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายที่ออกแบบมาเพื่อทำงานบนอุปกรณ์พกพาระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์นั้นมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นมากกว่า 400% ตั้งแต่ช่วงกลางปี 2010 ที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้มีซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสสำหรับแอนดรอยด์แจ้งเกิดสู่ตลาดมากขึ้นต่อเนื่องในขณะนี้

Vic Gundotra รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวกรรมของกูเกิลกล่าวในงาน Google I/O งานประชุมนักพัฒนาประจำปีที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา ว่าในบรรดาแอปพลิเคชัน 200,000 แอปฯที่เปิดให้ดาวน์โหลดในร้านออนไลน์ Android Market นั้นมีแอปฯประสงค์ร้ายแฝงอยู่จำนวนมากโดยทิศทางการเพิ่มขึ้นนี้ส่อแววขยายตัวต่อเนื่องโดยเฉพาะแอปฯที่ออกแบบมาเพื่อการขโมยข้อมูลผู้ใช้

แม้ผู้บริหารกูเกิลจะไม่ระบุว่าสาเหตุของการขยายตัวของโปรแกรมประสงค์ร้ายบนแอนดรอยด์เพิ่มขึ้นเพราะอะไร แต่เรื่องนี้ก็ถูกทุกฝ่ายตัดสินว่าเป็นความผิดของกูเกิลที่เปิดเสรีเรื่องการอนุมัติแอปฯในร้าน Android Market มากเกินไป ผิดกับร้าน iTunes App Store ที่แอปเปิลคุมเข้มจนทำให้อัตราซอฟต์แวร์ประสงค์ร้ายบนอุปกรณ์ระบบปฏิบัติการไอโอเอส (iOS) เกิดขึ้นน้อยมาก

สถิติการเพิ่มขึ้นของโปรแกรมมัลแวร์บนแอนดรอยด์ 400% นี้สอดคล้องกับการศึกษาของบริษัท Juniper Networks ที่พบว่าร้านแอปฯออนไลน์นั้นเป็นแหล่งแพร่กระจายมัลแวร์บนโทรศัพท์มือถือที่ใหญ่ที่สุด จุดนี้ Jeff Wilson หัวหน้าทีมวิเคราะห์บริษัท Infonetics Research มองว่าช่วงเวลา 1 ปีครึ่งที่ผ่านมานั้นสะท้อนว่าภัยออนไลน์ได้ขยายออกจากคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะมาสู่อุปกรณ์พกพาอย่างชัดเจน

หนึ่งในตัวอย่างที่ดีที่สุดคือแอปฯนามว่า DroidDream เป็นโปรแกรมประสงค์ร้ายที่เชื่อว่าถูกติดตั้งในอุปกรณ์แอนดรอยด์มากกว่า 50,000 เครื่องก่อนที่กูเกิลจะสามารถแก้ปัญหาได้

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นาทีนี้มีซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสสำหรับอุปกรณ์แอนดรอยด์ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ผู้ร่วมเล่นรายล่าสุดในตลาดคือบริษัท Webroot และผู้ให้บริการซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสอย่าง AVG ซึ่งแจ้งเกิดซอฟต์แวร์ทั้งแบบฟรีและเสียค่าบริการหลักการทำงานของโปรแกรมแอนตี้ไวรัสบนแอนดรอยด์ส่วนใหญ่คือการตรวจสอบแอปฯ ที่ผู้ใช้ต้องการติดตั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าแอปฯนั้นๆมีความปลอดภัยจริง พร้อมกับตรวจสอบลิงก์และที่อยู่เว็บไซต์ (URL) เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ถูกล่อลวงให้หลงเชื่อกรอกข้อมูลส่วนตัวใส่หน้าเว็บไซต์ปลอม (phishing)

อีกเหตุผลที่ทำให้แอนดรอยด์มีปริมาณภัยมัลแวร์เพิ่มขึ้นต่อเนื่องคือความแพร่หลายของอุปกรณ์ ปัจจุบัน อุปกรณ์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์นั้นถูกใช้งานมากกว่า 100 ล้านเครื่องทั่วโลก โดยประเมินว่าอุปกรณ์แอนดรอยด์นั้นถูกเปิดใช้งานใหม่ราว 400,000 เครื่องต่อวัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาของปีที่แล้วซึ่งมีสถิติที่ 100,000 เครื่อง เหล่านี้ทำให้แฮกเกอร์รู้สึกคุ้มค่าในการสร้างโปรแกรมร้ายเพราะสามารถโจมตีได้ในวงกว้าง

อย่างไรก็ตาม สื่อต่างประเทศตั้งคำถามกับประชาสัมพันธ์กูเกิลว่าการเพิ่มขึ้นของมัลแวร์แอนดรอยด์นั้นแปลว่าโปรแกรมแอนตี้ไวรัสบนแอนดรอยด์นั้นเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้ใช้ทุกคนควรมีหรือไม่ คำตอบที่ได้นั้นไม่ตรงตัวว่าใช่หรือไม่ โดยระบุเพียงว่ากูเกิลมุ่งมั่นสร้างประสบการณ์ที่ปลอดภัยบน Android Market แก่ผู้ใช้เสมอ และดำเนินการตรวจสอบโปรแกรมที่ผิดนโยบาย เพื่อลบออกจากร้าน Android Market ตลอดเวลา


ที่มา manager.co.th




 

Create Date : 16 พฤษภาคม 2554    
Last Update : 16 พฤษภาคม 2554 9:28:08 น.
Counter : 167 Pageviews.  

“กาแฟ”ดื่มดีได้...ดื่มร้ายเสียประโยชน์

มีคำถามจากคอกาแฟเข้ามา โดยรู้สึกว่าตัวเองติดกาแฟมาก ช่วงแรกดื่มเพียงวันละ 1 แก้ว เพื่อแก้ง่วงระหว่างทำงาน แต่ระยะหลังมักดื่มมากกว่า 4 แก้วต่อวัน จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพในอนาคตหรือไม่ อย่างไร

สำหรับใครหลาย ๆ คน “กาแฟ” อาจเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ต้องดื่มทุกวัน วันละหลาย ๆ แก้ว ดื่มแล้วหูตาสว่าง สดชื่น ความคิดแจ่มใส แต่ก็มีอีกหลายคนที่รู้สึกกังวลเกี่ยวกับ “คาเฟอีน” ที่เกรงจะก่อให้เกิดโทษต่อร่างกาย

ปัจจุบันมีผลวิจัยด้านการแพทย์ วิทยาศาสตร์ และยา ในต่างประเทศจำนวนมาก พบว่า การดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสมนั้น ปลอดภัย และส่งผลดีต่อสุขภาพได้ หากดื่มอย่างถูกต้อง

โดยผู้ที่ดื่มกาแฟไม่ควรดื่มเกิน 2 แก้วต่อวัน การได้รับปริมาณคาเฟอีนในระดับหนึ่ง จะช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะสมองเสื่อม และโรคอัลไซเมอร์ นอกจากนี้ สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟยังช่วยลดความเสี่ยงของโรคตับแข็ง และมะเร็งในเซลล์ตับ

คาเฟอีนในกาแฟยังสามารถเพิ่มความเร็วในการเผาผลาญไขมัน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคเบาหวานประเภทที่ 2 โรคอ้วน มีส่วนช่วยเพิ่มความจำระยะสั้น และเพิ่มไอคิวด้วย

อย่างไรก็ตาม ไม่ควรรับ “คาเฟอีน” อย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนนอน รวมถึงผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะกาแฟมีผลต่อการเพิ่มความดันโลหิต

แม้ “กาแฟ” จะมี “ข้อดี” ที่เป็นเหตุผลให้คนส่วนใหญ่นิยมดื่ม แต่การบริโภคคาเฟอีนในปริมาณเข้มข้นอย่างยิ่ง และมากเกินไป ก็เปรียบเสมือนยาพิษได้เช่นกัน ดังนั้น จึงควรดื่มให้เป็น.


ที่มา teenee.com




 

Create Date : 27 เมษายน 2554    
Last Update : 27 เมษายน 2554 10:19:54 น.
Counter : 184 Pageviews.  

ทำงานเกินเวลาเพิ่มอัตราเสี่ยงโรคหัวใจ

นักวิจัยอังกฤษ เผยการทำงานเกิน 11 ชั่วโมงเพิ่มอัตราการเกิดโรคหัวใจถึงร้อยละ 6


นักวิจัยของมหาวิทยาลัยยูซีแอล ในอังกฤษ เปิดเผยผลการวิจัยว่า การทำงานเกิน 11 ชั่วโมงต่อวันจะเพิ่มอัตราเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจถึงร้อยละ 67 ทั้งนี้ทีมวิจัยติดตามข้อมูลจากกลุ่มคนทำงาน 7,000 คน มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2528

ผลจากการศึกษา พบว่า เกินกึ่งหนึ่งของคนทำงานเกิน 11 ชั่วโมงต่อวัน มีความเสี่ยงเกิดโรคหัวใจมากกว่าคนที่ทำงานในเวลาน้อยกว่า นอกจากนี้การทำงานล่วงเวลา ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง ซึ่งเป็นสาเหตุการเกิดโรคหัวใจ

นักวิจัยยังแนะนำว่า ถ้าแพทย์นำเวลาทำงานของคนไข้มาเป็นข้อมูลประกอบการรักษา อาจจะพบคนไข้ที่เป็นหัวใจจากเหตุทำงานมากเกินไปถึง 6,000 คน จากจำนวนผู้ป่วยโรคหัวใจทั้งหมดในอังกฤษประมาณ 125,000 คนในแต่ละปี

การ ศึกษาดังกล่าว ยังต้องหาคำตอบต่อไปว่าการลดชั่วโมงทำงาน จะทำให้สุขภาพหัวใจดีขึ้นด้วยหรือไม่ นอกจากนี้นักวิจัย ยังต้องศึกษาต่อไป เพื่อยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างชั่วโมงทำงานและโรคหัวใจ ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญาคาดว่าอาจจะมีปัจจัยเสริมที่ทำให้เกิดโรคเข้ามาเกี่ยว ข้องเช่น ความดันโลหิตสูงที่ตรวจไม่พบ,ความเครียด,อารมณ์ซึมเศร้า หรืออารมณ์โกรธ

ที่มา teenee.com




 

Create Date : 26 เมษายน 2554    
Last Update : 26 เมษายน 2554 9:37:26 น.
Counter : 222 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

prettysummer
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add prettysummer's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.