|
Leave Melbourne
"เที่ยวบิน Jetstar JQ29 ออกจาก Melbourne เวลา 13.10 วันที่ 7 ตุลาคม 2550 คราวนี้ไม่มีอลุ่มอล่วยน้ำหนัก"
ด้วยความตั้งใจที่ว่า ของทุกชิ้นที่มาจากไทยต้องได้กลับบ้าน ในเมื่อฉันเองยังอยากกลับบ้านเลย มันก็คงอยากกลับบ้านเหมือนกัน ดังนั้นขนของกลับเท่าตอนมา แถมด้วยของฝากอีกเพียบ เคยได้ยินกิติศัพท์มาแล้วว่า Jetstar ของ Melbourne น้ำหนักได้ 20 โลแป๊ะ แถมกระเป๋าที่จะขึ้นเครื่องก็มีชั่งน้ำหนักด้วย เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว ก็จัดแจงใส่เสื้อ 10 ชั้น กางเกง 5 ชั้น แล้วยัดทุกอย่างลงกระเป๋า โดยมีพี่อีฟมารับที่บ้าน
ไปถึงสนามบินตอน 10.00 นั่งรอ counter เปิดก็เจอเพื่อนคนไทย ก็เลยตกลงกันว่าจะไปด้วยกัน พอตอนชั่งน้ำหนักปรากฎว่าได้ 25 โล เค้าไม่ให้ ยังไงก็ไม่ยอม สุดท้ายก็ต้องไปเอาออก จัดไปจัดมาได้ 21 โล เค้าเลยยอม แถมบอกให้เอาของที่จะถือขึ้นเครื่องมาชั่ง เราก็เอากระเป๋า Notebook มาชั่งใบเดียว ชั่งรวมได้ 29 โล เค้าก็โอเคให้ผ่าน
ตอนแรกว่าจะไม่เอาอันอื่นกลับ แต่ด้วยความรู้สึกว่าต้องพามันกลับบ้านให้ได้ ก็เลยช่วยกันกับเพื่อนถือเข้ามา ผ่านฉลุย โชคดีจัง
ขึ้นมาบนเครื่องรีบถอดเสื้อออกเพราะอึดอัดมาก โชคดีที่ที่นั่งข้างๆ ฉันไม่มีคนนั่ง เลยกระจายของได้เต็มที่ เพราะตอนจองเราก็เลือกไอ้ที่ว่างๆ นี่แหละ แล้วก็สั่งอาหารมากิน Full Meal ไก่ 15 เหรียญ ให้น้อยจังหรือฉันหิวไม่รู้ นั่งไปได้อีกสักพักก็เริ่มหิวเพราะข้าวให้น้อยจัง เลยสั่งมาม่ามากินอีกถ้วยนึง 4 เหรียญ คราวนี้อยู่ท้องเลย รู้งี้สั่งมาตั้งแต่แรกแล้ว ถูกกว่าตั้งเยอะด้วย
พอแอร์เริ่มเสริฟมื้ออาหารก็เลยสั่งน้ำมะนาวมากินอีก 1 กระป๋อง 2 เหรียญเป็นยี่ห้อชะเว้บ กินแล้วชื่นใจดี พอกัปตันประกาศว่าถึงเมืองไทยแล้ว มองลงไปข้างล่าง สมกับชื่อสุวรรณภูมิจริงๆ เพราะเป็นดินแดนสีทองด้วยแสงไฟ สวยมากๆ สนามบินก็ดูหรูหรากว่าเมลเบรินตั้งเยอะ
ที่บ้านมารับที่สนามบินด้วย ในที่สุดก็ถึงบ้านสักที ดีใจที่สุดเลย กลับมาถึงบ้านแม่เตรียมของชอบไว้ให้ทั้งนั้นเลย รู้สึกอบอุ่นที่สุด
Create Date : 18 ตุลาคม 2550 | | |
Last Update : 18 ตุลาคม 2550 11:44:45 น. |
Counter : 450 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
Bond
"อุตส่าห์จะกลับบ้านอย่างสบายใจแท้ๆ มาเจอแจ็คพ็อตตอนสุดท้ายจนได้"
วันเสาร์ตอนกลางคืนหลังจากกลับจาก GOR ก็เคลียร์เงินกับเจ้าของบ้าน เริ่มจากค่าโทรศัพท์ที่เค้าให้ฉันจดทุกครั้งที่โทร แต่พอเอามาให้เค้าดูเค้ากลับบอกว่า "เธอโทรเท่านี้จริงๆ เหรอ ฉันว่าเธอโทรมากกว่านี้นะ แล้วก็เริ่มซักรายละเอียดยิบ" พร้อมกับทำสีหน้าไม่พอใจ อ้าว! ฉันก็งงเลย เพราะก็โทรเท่านี้จริงๆ แล้วเค้าก็บอกว่าจะคืนค่าประกันให้ 1 week คราวนี้ฉันคิดว่าเค้าจำผิดเพราะฉันจ่ายไป 2 week แล้วเค้าก็ให้ฉันเอาใบรับเงินมาให้ดู พอเอามาให้เค้า เค้าก็บอกว่า จะคืนให้แค่ 1 week เพราะฉันบอกเค้าช้าเกินไป บอกเค้าล่วงหน้าแค่ week เดียว ฉันก็เริ่มโวยวายบ้างว่า อ้าว ทำไมคุณไม่บอกฉันก่อนว่าจะหักเงิน ตอนนั้นที่บอกคุณ คุณก็บอกว่า ไม่เป็นไรๆ เค้าก็บอกว่า ที่เค้าบอกว่าไม่เป็นไรจริงๆ แล้วมันเป็น แล้วเค้าก็บอกว่ามันเป็นธรรมเนียมของออสซี่ว่าต้องหัก ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นคนที่เพื่อนแนะนำมาก็ตาม ฉันก็เลยบอกเค้าว่า ฉันเข้าใจที่คุณหัก แต่ทำไมไม่บอกกันก่อน มันเหมือนโดนมัดมือชก อยู่ๆ ก็เก็บเงินไปเลยไม่บอกล่วงหน้า แต่ก็คิดซะว่าได้คืน week เดียวดีกว่าไม่ได้คืนเลย ก็เลยยอมๆ ไป พร้อมกับคิดว่า นี่ก็เป็นอีกประสบการณ์นึงที่ใครๆ เค้าก็โดนกัน หลังจากอ่านเรื่องของคนอื่นมาเยอะ ได้เจอกับตัวเองก็ตอนนี้แหละ
Create Date : 18 ตุลาคม 2550 | | |
Last Update : 18 ตุลาคม 2550 11:29:53 น. |
Counter : 219 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
One Day Tour: GOR
"หลังจากเลือกทัวร์อยู่นาน สุดท้ายก็มาลงเอยที่ทัวร์จีนไป GOR ราคา 45 เหรียญ ได้ราคานี้เพราะมันเป็นราคาโปรโมชั่นพอดี"
Great Ocean Road เป็นถนนสายเรียบทะเลที่สวยงามแห่งหนึ่งของออสเตรเลีย
วันที่ 6 ตุลาคม 2550 ตื่นตั้งแต่ตี 5ครึ่งเพราะต้องนั่งรถเข้าเมืองเพื่อจะไปขึ้นรถทัวร์ไปเที่ยว Great Ocean Road เค้านัด 7.45 ฉันไปถึงตั้งแต่ 7 โมงเลย คนมารออยู่แล้วก็เยอะ ส่วนใหญ่เป็นคนจีนทั้งนั้น รถมี 2 คัน ฉันได้นั่งคัน B ทั้งคันรถน่าจะซัก 45 คนได้ เจอคนไทยด้วยมากันเป็นกลุ่มประมาณ 6 คนได้ ไกด์เป็นผู้หญิงพูดภาษาจีนตลอดการเดินทาง มีจะพูดภาษาอังกฤษบ้างก็ตอนบอกว่าจะให้มาขึ้นรถกี่โมงเท่านั้น ฉันเองก็ไม่ซีเรียสเพราะจะภาษาจีนหรืออังกฤษก็ฟังไม่ออกทั้งนั้นแหละ
นั่งรถข้ามสะพานที่มองเห็นอ่าววิคตอเรียด้วย เป็นแม่น้ำไหลลงอ่าว จากนั้นอีกประมาณชั่วโมงนึงก็ถึง Geelong เป็นแหล่ง Surf แต่ไม่ได้แวะนะ เห็นร้านขายของเพียบเลย แล้วสักพักก็ถึงที่แรกคือ Bell Beach เป็นทะเลที่คนมา Surf กัน ลมแรงมากๆ หนาวมากๆ ด้วย ไม่รู้เค้าเล่น Surf กันได้ยังไง แต่ดูคลื่นก็ยังไม่แรงพอที่จะเล่นได้นะ ฉันประกาศตัวว่าเป็นคนไทยก็ตอนขอให้คนไทยช่วยถ่ายรูปให้นั่นเอง
จากนั้นก็ออกเดินทางต่อไป Apollo Bay เพื่อแวะกินข้าว ส่วนใหญ่เค้าจะเข้าไปกินร้าน Fish and Chip กัน ก็เป็นปลาทอดกับมันฝรั่งทอดจานใหญ่ๆ ราคา 7-8 เหรียญนะ แต่ฉันไม่กินหรอกเพราะซื้อเสบียงตุนไว้ตั้งแต่เมื่อวาน เอาเวลาไปเดินเล่นดีกว่า ที่นี่เป็นอ่าวแล้วก็มีร้านขายของเยอะมากๆ ที่นี่ฉันชอบมากๆ เพราะบรรยากาศดี รู้สึกว่าดีใจที่ได้มา หาดทรายสวย ทะเลสวย รอบรอบด้วยเนินหญ้า ร้านขายของก็จัดดูสวย เข้ากับบรรยากาศทะเล ฉันแวะเข้าไปดูหลายร้าน
ออกจาก Apollo bay ก็วิ่งตาม GOR เจอคนจอดรถอยู่ข้างทาง รถฉันก็เลยจอดบ้าง ฉันก็ฟังภาษาจีนไม่ออก เห็นชี้มือชี้ไม้กัน ฉันเลยลงไปดูปรากฎว่าเป็นหมีโคอาร่าอยู่บนต้นไม้ มีสัก 6 ตัวได้มั้ง น่ารักมากๆ ฉันเริ่มชอบมันมากขึ้นเรื่อยๆ มีอยู่ตัวนึงหันมามองด้วย มันคงรำคาญเสียงดัง มันคงอยากหลับ ไกด์บอกว่า ต้นไม้ที่โคอาร่าเกาะอยู่ชื่อ เมสเมท
พอดูหมีเสร็จที่หมายต่อไปก็คือ 12 Apostels เป็นแท่งหินหลายๆ แท่งกลางทะเล แล้วใกล้ๆ กันก็มี Lord Arc Gorge เป็นแท่งหินมีรู กับ London Bridge อ่านคร่าวๆ เค้าบอกว่ามันเคยต่อกัน แล้วสะพานมันพังลงมันก็เลยค่อยๆ ห่างจากกัน ใครจะขึ้นเฮลิคอร์ปเตอร์ดูก็ได้นะ ราคาแพงมาก 90++ จากนั้นก็ตีรถกลับ ระหว่างทางผ่านเนินหญ้าอีกแล้ว สวยจังเหมือนในรูปเลย กลับถึง City ประมาณ 2 ทุ่ม
Create Date : 16 ตุลาคม 2550 | | |
Last Update : 18 ตุลาคม 2550 11:28:58 น. |
Counter : 266 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|