[5] สถาปนิกและใบขออนุญาต







ระหว่างที่ผมลองวางแปลนบ้านเอง ก็มองหาสถาปนิกไปด้วย
แต่มันไม่ง่ายขนาดนั้นครับ และไม่ราบรื่นด้วย
ผมต้องเปลี่ยนคนออกแบบหลายครั้งเพื่อให้ได้แบบบ้าน
และใบอนุญาตก่อสร้างที่ต้องการ



"ออกแบบไม่ดีหรอ?"



"อ่อ คนออกแบบไม่อึ๋มอ่ะจ้ะ..."


...





จริงๆ แล้วไม่อึ๋ม.. เอ้ย ไม่ใช่ความผิดของคนออกแบบจ้ะ

แต่เป็นเพราะที่บ้านผมไม่ยอมบอกงบประมาณที่จะสร้างอย่างชัดเจน
และให้บ้านกับธุรกิจรวมกันในแบบเดียว

ทั้งสองข้อนี้ส่งผลให้แบบที่ต้องการไม่สัมพันธ์กับเงินในกระเป๋า
รวมถึงแปลนที่คนออกแบบจัดวางให้ไม่เหมือนกับที่คิดไว้



>> ภาพตัวอย่างระหว่างพัฒนาแบบ


>> พี่ก็ใส่รถมาซะสวยเลย


>> สังเกตที่มุมขวาคือรูปแบบที่อยากได้ คือร้านสามารถมองเห็นรถได้


>> ในส่วนที่พักอาศัยจะคล้ายๆ คอนโด เพราะงบประมาณบีบให้พื้นที่ใช้สอยเล็กลง


ที่ได้เห็นไปทั้งหมดนั้น เหมือนฝันมาก และอยู่ในแค่ในฝันจริงๆ
เพราะมันก็ยังไม่ตรงใจเราเท่าไหร่ รวมถึงราคาด้วย
และเมื่อคุณแม่เข้ามามีส่วนร่วม ออกความคิดเห็นกับผู้ออกแบบ...



"ทำไมห้องถึงเล็กจัง"


"ทำไมไม่มีห้องนอนแขก"


"ทำไมไม่ทำห้องครัวแยก"


"ทำไมไม่เพิ่มห้องเผื่อมีลูก"


ทำให้ต้องมาคุยขอบเขตความต้องการและงบประมาณกันใหม่
สรุปคือ แยกส่วนบ้านและธุรกิจออกจากกัน ทั้งแบบและการก่อสร้าง

ก็จะกลับมาเหมือนแปลนที่ผมเขียนไว้ก่อนหน้านี้ คือยกมาทั้งดุ้นเลย

จึงเริ่มหาคนออกแบบรายที่2 แค่มาเขียนแบบจากแปลนที่ผมวาดไว้
ซึ่งได้วิศวกรเด็กหนุ่มไฟแรงมารับหน้าที่ แต่ปัญหาก็เกิด



"สั่งงานไปทำไมไม่แก้ซักที..."


"นัดแล้วทำไมไม่มา..."


"แบบไม่สมบูรณ์แล้วยื่นขออนุญาติทำไม"

...





>> แบบจากวิศวกรหนุ่มไฟแรง โดนสำนักงานที่ดินตีกลับมาแก้ยับเลย


กลุ้มครับ ระหว่างที่พัฒนาแบบเสียเวลากันไปเกือบปี
ปัญหาอีกอย่างคือวิศวกรไม่เหมือนสถาปนิกแน่ๆ ครับ
ทำให้ไม่สามารถแนะนำการจัดวางห้อง ทิศทางแดด-ลม
รวมถึงความเหมาะสมของขนาดหน้าต่าง-ประตู ตำแหน่งไฟ
ที่สำคัญ



"ไม่อึ๋มด้วย"


...






ในขณะที่ผมเริ่มท้อกับการหาคนออกแบบใหม่ที่ไว้ใจได้
และเป็นสถาปนิกเท่านั้น ส่วนวิศวกรไว้คำนวนโครงสร้างอย่างเดียวพอ
คุณแม่ผมก็เริ่มเห็นใจ ได้แนะนำกับผม



"ลูกน้องที่ทำงานแม่นี่ไง"



"แล้วทำไมไม่บอกแต่แรก..."


โดยการเข้ามาของคนออกแบบใหม่ เป็นการแก้ไขงานจากคนก่อน
เช่น ระยะห่างรั้ว การวางบันได รูปแบบหลังคา และวัสดุต่างๆ
แล้วก็มีการปรับปรุงในจุดต่างๆ เช่น ปรับขนาดห้องให้เหมาะสม

ซึ่งงานทั้งหมดเดินหน้าค่อนข้างเร็วกว่าที่ผมคิด
เพียงแค่ 2 เดือนก็พร้อมยื่นขออนุญาตก่อสร้างได้




>> แบบที่พัฒนา ส่วนใหญ่แทบไม่ต้องปรับอะไรมากจากแปลนที่ผมทำเองก่อนหน้านี้


>> ห้องนอนหลักกับห้องแต่งตัวกว้างขวาง สามารถเลือกกั้นแบ่งห้องได้ภายหลัง

>> ก่อนที่จะยื่นขออนุญาตก่อสร้าง ต้องเอาตัวอย่างมาตรวจทานซะก่อน


สรุปแล้วบ้านของเรา 2 คน + หนูมะลิ (อยากรุู้ว่าคืออะไรติดตามได้ตอนถัดๆ ไป) 
ในงบประมาณที่คนออกแบบประเมินแล้วอยู่ในงบ 2.5 ล้าน จะมี 

- 2 ห้องนอน

- 3 ห้องน้ำ

- 1 ห้องแต่งตัว

- 1 ห้องนั่งเล่น

- 1 ห้องครัว

- 1 ห้องเก็บของ

- 1 ลานอเนกประสงค์

- 2 ช่องจอดรถ

ในส่วนของโรงรถ 6.5 x 8 เมตรนั้น เป็นพื้นแบบ เทบนคานทั้งหมด
จะได้ไม่กังวลเรื่องพื้นส่วนนี้ทรุด และสามารถปรับเป็นห้องได้ในอนาคต

ห้องน้ำใช้วิธีวางในตำแหน่งเดียวกันทั้งชั้นบน-ชั้นล่าง
ทำให้ 2 ห้องนี้ลดค่าใช้จ่ายลงไปพอสมควร เซอร์วิสก็ง่ายด้วย

เดิมทีคนออกแบบคนเก่าใช้โครงบันไดเหล็ก
ก็ได้ปรับมาเป็นโครงปูน และวางขั้นบันไดใหม่

และห้องแต่งตัวที่สามารถวางโซฟาและทีวีได้ ก็แอบมีลูกเล่น
คือมีด้านนึงเป็นหน้าต่างกระจกมองลงไปในที่จอดรถได้

โดยรวมแล้วเป็นบ้านตัว L สองชั้น แบบที่อยากได้
ที่ด้านนึงสามารถมองเห็นรถ และมีมุมสวนหลังบ้านส่วนตัวเล็กๆ
รวมแล้วมีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 220 ตารางเมตร



"โห ทำไมได้ใหญ่ขนาดนี้เลยหรอ"



"แหม ก็ใหญ่ตามตัวแหละจ้ะ"


...









Create Date : 22 พฤษภาคม 2559
Last Update : 14 กันยายน 2559 17:10:47 น.
Counter : 1751 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 3192459
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



Rest Area & Fill Garage